webnovel

0984 ยุคแห่งความโกลาหลมาถึงแล้ว!

ตอนที่ 984 ยุคแห่งความโกลาหลมาถึงแล้ว!

เมื่อพวกโจรล้อมยานอวกาศราชินีหนามเอาไว้ เหล่าต้านอนอยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วยสภาพหลับตาอยู่

เขาลืมตาขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเรียกด้วยฉายาใหม่

“น่าแปลก มีใครบางคนรู้ชื่อที่ข้าเพิ่งเปลี่ยนอย่างนั้นหรือ”

เหล่าต้าพึมพำ

เขาเพียงยืนขึ้น มองอีกฝ่ายแล้วกล่าวว่า “ข้านี่แหละเหล่าต้า จะให้ข้าทำอะไร”

ผู้นำรอจนเกิดอาการหงุดหงิดเล็กน้อยไปแล้วก่อนโบกมือ “ไอ้ขยะ ออกจากยานลำนี้พร้อมกับคนของเจ้าไปซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะพรากชีวิตของเจ้าทันที!”

เหล่าต้าตกตะลึง

ไอ้ขยะ…

คำนี้มันช่าง…

เหล่าต้าตกอยู่ในอารมณ์ที่แปลกประหลาด

“น่าสนใจ ไม่มีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้มาก่อนเลย แม้กระทั่งผู้สืบทอดความโกลาหลก็แค่กล้าเรียกชื่อ ไม่กล้าด่าทอ” เขาพึมพำ

ผู้นำได้ยินดังนั้นก็เกิดหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้าเดินทางสายนี้มาหลายปี ไม่เคยเจอคนเช่นเจ้าที่ตกตะลึงจนไม่เข้าใจเรื่องราว เจอแต่พวกที่ว่านอนสอนง่าย”

เหล่าต้ายิ้มอย่างเงียบงัน

“เช่นนั้นเจ้าควรได้เห็นสิ่งนี้”

เขายกมือขึ้นก่อนกางห้านิ้วออก

ผู้นำไม่มีเวลาตอบสนอง เขาหายไปจากที่ยืนอยู่ทันที

วินาทีต่อมา เขาปรากฏตัวตรงหน้าเหล่าต้า เหล่าต้าคว้าคอเขาเอาไว้

“อย่าขยับ ถ้าขยับขึ้นมา ข้าจะบีบคอเจ้า”

เหล่าต้ากล่าวอย่างแผ่วเบา

ในที่สุดผู้นำก็รู้ว่าเขาคิดผิดเสียแล้ว

“พี่ชาย วันนี้ข้าผิดไปแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ พวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขากล่าวพลางยิ้มออกมา

“จริงหรือ”

“จริง”

เหล่าต้าครุ่นคิดสักพักก่อนปล่อยไป

ผู้นำเหาะขึ้นสูงด้วยความวิตก เปิดการป้องกันทั้งร่างก่อนซ่อนตัวเองอยู่หลังทุกคน

เมื่อยืนยันได้ว่าปลอดภัยหายห่วงแล้ว เขาคำรามเสียงดัง “พวกเราร่วมแรงกันฆ่าพวกมันซะ!”

ทันทีที่คำว่า “พวกเรา” หลุดออกมา เขาก็หายไปอีกครั้ง

เขาปรากฏตัวขึ้นในมือของเหล่าต้าอีกครั้ง ที่คอโดนแรงบีบรัดแน่น

ไม่มีมาตรการป้องกันใดที่ใช้ได้ผล คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาเมื่อครู่ยังไม่ได้ตอบสนองด้วยซ้ำ

“ความผิดข้าเอง” เหล่าต้ากล่าวอย่างซื่อตรง “ข้าลืมไปว่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่โกหกมากที่สุด”

ทางแยกของพื้นที่จ้าวโลกและพื้นที่เอกฐาน

วิญญาณกรีดร้องเสียพาหนะและกำลังเผชิญกับการโจมตีด้วยวิชาต่างๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด

นี่คือการโจมตีกระหน่ำที่เกินกว่าขอบเขตทั่วไป ไม่มีที่ให้ซ่อน ทำได้เพียงกัดฟันทนรับไว้เท่านั้น

พูดง่ายๆ ก็คือการโจมตีนี้เป็นการดึงพลังทั้งหมดของสมบัติออกมา มันจะปลดปล่อยออกมาเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่สุดเท่านั้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ผู้ครอบครองสมบัติไม่สามารถดูแลสมบัติได้ ทำได้เพียงทำลายสมบัติด้วยความไม่เต็มใจเพื่อเอาชีวิตรอด

เพราะการโจมตีดังกล่าวรุนแรง ไม่ช้าจึงหยุดลง

แต่การโจมตียังไม่หยุด

การโจมตีของสมบัติจำนวนมากไม่เคยหยุดตั้งแต่ต้นจนจบ!

โชคยังดีที่วิญญาณกรีดร้องเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ทำให้สามารถรับมือกับรูปแบบการต่อสู้นี้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกเก้าร้อยล้านชั้นได้…

หลังจากวางแผนมาหนึ่งหมื่นปี มีแผนมากมายไม่มีสิ้นสุด มันสังหารผู้ครอบครองบัญญัติจนเกือบหมดแล้ว

เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น

นี่คือคนสุดท้าย

วิญญาณกรีดร้องเชื่อมั่นเช่นนั้นด้วยความสงบนิ่ง

เพื่อการล่าของตัวเอง มันไม่เคยขาดความอดทน

สำหรับแผนตอนนี้ มีเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น

รอ

หลังจากการกระหน่ำด้วยวิชาจบลง มันก็จะสามารถไล่ตามผู้ครอบครองบัญญัติคนสุดท้ายได้

ส่วนการป้องกันในตอนนี้ ไม่ช้าก็เร็ว มันสามารถหาทางรับมือได้แน่

วิญญาณกรีดร้องรอให้วิชาสิ้นสุดลงอยู่เงียบๆ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป

‘ตูม!’

‘ตูม!’

วิญญาณกรีดร้องเพราะถูกโจมตีกระหน่ำมากมายขณะรอให้ทุกสิ่งสิ้นสุดอยู่เงียบๆ

สองชั่วโมงผ่านไป

‘ตูม!’

‘ตูม!’

‘ตูม!’

วิญญาณกรีดร้องยังคงถูกโจมตีกระหน่ำมากมายขณะรอให้ทุกสิ่งสิ้นสุด

สามชั่วโมงผ่านไป

‘ตูม!’

‘ตูม!’

‘ตูม!’

ผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว ทำไมการโจมตียังดุเดือดอยู่อีกล่ะ

เกิดอะไรขึ้น

วิญญาณกรีดร้องรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นผู้ล่าที่อดทนและสงบอย่างแท้จริง

แต่มันไม่ได้โง่

มันครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงถอยกลับอย่างรวดเร็ว

ด้วยพลังและแรงจากการโจมตีกระหน่ำจำนวนมาก มันถอยออกจากฉากการต่อสู้อย่างรวดเร็วก่อนกลับสู่พื้นที่จ้าวโลก

ในท้ายที่สุด มันก็หลุดพ้นจากการต่อสู้ก่อนตัดใจจากการไล่ตามคนคนนั้น

“พลังนั่น…ข้าไม่เคยเห็นศัตรูแบบนี้มาก่อน…ข้าอาจจะไม่สามารถไล่ตามทันก็ได้”

วิญญาณกรีดร้องพึมพำ

มันรู้สึกว่าผู้ครอบครองบัญญัติยิ่งมายิ่งไกลห่างจากมัน

วิญญาณกรีดร้องยืนนิ่งขณะครุ่นคิดสักพัก

“ไม่ การเปิดยุคแห่งความโกลาหลจะล่าช้าไม่ได้”

มันพึมพำกับตัวเอง “ผู้โหลดบัญญัติเกือบทั้งหมดถูกกำจัดแล้ว เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ข้าอาจจะต้องเริ่มต้นยุคสมัยก่อน จากนั้นค่อยตามล่ามัน ”

“ถึงแม้… นี่จะต้องจ่ายบางอย่างไปก็ตาม”

“แต่มีอะไรบ้างที่ทำแล้วไม่ต้องจ่าย”

วิญญาณกรีดร้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

ขณะยืนอยู่ในความว่างเปล่า มันยืดร่างกายออกก่อนตะโกนว่า

“จงออกมา มาหาข้า ผู้โหลดความโกลาหลทั้งหลาย วันนี้พวกเจ้าจะได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์”

กลุ่มหมอกสีเทาปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ห้อมล้อมวิญญาณกรีดร้องเอาไว้ก่อนกระจายไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว

หมอกปกคลุม

ในหมอก หลายร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้น

มีสิ่งมีชีวิตที่โหลดความโกลาหลเอาไว้ แต่ละร่างครอบครองพลังโกลาหลที่แตกต่างกันออกไป

พวกมันรักษาระยะห่างกันเงียบๆ ขณะมองวิญญาณกรีดร้องด้วยสายตากระตือรือร้น

“นายท่าน พวกข้ามาตามคำเรียกขานของท่านแล้ว”

“ผู้ส่งสารน้อมรับคำสั่งของท่าน”

“ข้ามาแล้วขอรับ”

คนเหล่านี้กล่าวคนแล้วคนเล่า

วิญญาณกรีดร้องเมินพวกเขา ก้มศีรษะต่ำและเริ่มร่ายวิชาอย่างแผ่วเบา

“เอาล่ะ เพื่อการเปิดยุคสมัย พวกเจ้าจงมอบพละกำลังของตัวเองให้ข้าเสียเถิด”

ผู้ครอบครองความโกลาหลที่ซ่อนตัวในหมอกได้ยินคาถาเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหว

พูดให้ถูกคือ ร่างกายของพวกเขาถึงกับเมินความคิดตัวเองก่อนเริ่มขยับตามใจอยาก

“เกิดอะไรขึ้น”

“นายท่าน ท่านจะทำอะไรน่ะ”

“ทำไมข้าถึงควบคุมตัวเองไม่ได้!”

“ไม่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”

ผู้ครอบครองความโกลาหลอุทานคนแล้วคนเล่า

วิญญาณกรีดร้องเงยหน้าขึ้นก่อนอธิบายให้รอบข้างฟังว่า “ข้าเคยอยู่โลกเก้าร้อยล้านชั้นมานาน สอนสั่งให้พวกเจ้าต่อสู้ ช่วยให้พวกเจ้าเติบโตและฝึกฝนความสามารถเพื่อให้ใช้ความโกลาหลได้ เดิมข้าหวังว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นกลุ่มคนแข็งแกร่งกลุ่มแรกในยุคแห่งความโกลาหล”

“แต่ว่า”

“บัญญัติยังไม่สูญสิ้น ความยากในการเปิดยุคแห่งความโกลาหลจึงเพิ่มขึ้น ข้าต้องการพลังเพื่อทำเช่นนี้ ดังนั้นพวกเจ้าจึงได้รับเกียรติใหม่”

วิญญาณกรีดร้องยิ้มออกมา “นั่นคือการเป็นส่วนหนึ่งของข้า”

มันอ้าปากกว้าง เสียงผู้ชายกับผู้หญิงถอนหายใจออกมาพร้อมกัน “ข้าต้องการให้พวกเจ้ามารวมกับข้าเพื่อยินดีกับเกียรติที่แท้จริงนี้”

“วิญญาณทั้งหมดที่มีคุณลักษณะความโกลาหลเอ๋ย จงกลายเป็นพลังให้ข้าเปิดยุคสมัยด้วยเถิด”

เสียงของวิญญาณกรีดร้องกล่าวทันที

“อา”

ในหมอก ทุกคนที่มีความโกลาหลเร่งความเร็วก่อนพุ่งเข้าหาวิญญาณกรีดร้อง

นี่คือฉากที่แปลกประหลาดและน่าตื่นตานัก

ความโกลาหลหลายร้อยกลุ่มมาจากทุกทิศทางขณะพุ่งเข้าร่างของวิญญาณกรีดร้องราวกับตกลงไปในบึงหรือทรายดูดไร้ก้นก่อนหายไปจากโลก

ทว่า ร่างของวิญญาณกรีดร้องกลับไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง

มันยังคงกรีดร้องจนกระทั่งความโกลาหลนับพันเข้าสู่ร่างกาย ไม่มีสิ่งชีวิตอยู่ในความว่างเปล่าอีก

ชุดอักขระบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นจากผิวหนังบนร่างกายก่อนหายไปทันที

“ในที่สุด มันก็เริ่มขึ้นแล้ว”

วิญญาณกรีดร้องหอบหายใจหนัก

ในนั้น ใบหน้านับไม่ถ้วนและสิ้นหวังวูบไหว ในที่สุดก็หายไปราวกับจมสู่ก้นทะเล

วิญญาณกรีดร้องยืนอยู่ในความว่างเปล่า

มันอ้าปากแล้วส่งเสียงซ้อนทับนับไม่ถ้วนจนดูเหมือนกับเสียงผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังท่องบทสวดพร้อมกัน

“ตั้งแต่เมื่อกาลนาน พวกเราถือกำเนิดจากการพังทลายของทุกสิ่งและความทนทุกข์ของทุกชีวิต แม้กระทั่งจุดจบก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้”

“ยุคแห่งความโกลาหลเอ๋ย!”

“พวกเราสาบานว่าจะกระจายท่านไปในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด สถานที่ที่ท่านจะเติบโตและกลายเป็นตัวตนที่ปกครองทุกสิ่ง”

เสียงนับไม่ถ้วนพลันดังขึ้นก่อนคำรามออกมาว่า

“พวกข้าคือร่างของท่าน!”

“พวกข้าจะกระจายความโกลาหลไปสู่โลกเก้าร้อยล้านชั้น!”

ร่างที่เกิดจากแสงสว่างปรากฏขึ้นร่างแล้วร่างเล่าจากวิญญาณกรีดร้องก่อนแตกสลายกลายเป็นจุดแสงสว่างกระจายไปทั่ว พวกมันจมเข้าสู่ความว่างเปล่าด้วยความเร็วมหาศาล ไม่รู้ได้ว่าพวกมันไปที่ไหน

นี่คือฉากที่ตระการตายิ่ง เหมือนกับเทพกำลังกระจายความยิ่งใหญ่ไปสู่โลกนับพันล้านใบ

วิญญาณกรีดร้องรอให้แสงสว่างในร่างมนุษย์แตกสลายก่อนสลัดออกไป จากนั้นความสงบก็กลับคืนมา

“ยุคแห่งความโกลาหลเริ่มขึ้นแล้ว บัญญัติเพียงหนึ่งเดียวจะต้องถึงจุดจบ”

“ครั้งนี้… ข้าจะต้องออกเดินทางยาวนาน แต่จะไม่มีใครตามหาข้าพบอีกแล้ว…”

มันกลับทิศก่อนค่อยๆ ถอยห่างไปไกล

…………………………