webnovel

0927 จุดจบของหุบเหว

ตอนที่ 927 จุดจบของหุบเหว

โลกชายฝั่ง

โรงแรม

กู่ฉิงซานตระเตรียมวงเวทหลายสิบวงไว้ในห้อง

ก่อนหน้านั้น เขาอยากเดินทางไปตามที่ผู้สร้างปฐพีวางไว้เพื่อดูว่าพี่ใหญ่คนนี้ทิ้งอะไรเอาไว้บ้าง

แต่ตอนนี้ บาดแผลของหลินกำลังฟื้นฟูช้าๆ

มังกรหุบเหวไล่ตามเขา

จางหยิงห่าวเสียการติดต่อก่อนหายไป

ถึงเวลาเปลี่ยนแผนแล้ว

อย่างแรก หาข้อมูลก่อน

กู่ฉิงซานหยิบไก่หลากสีสันออกมาอย่างเงียบขรึม

หลินมองสีหน้าของเขา จากนั้นมองไก่หลากสีสันก่อนกล่าวว่า “สีหน้าของเจ้าไม่เข้ากับของชิ้นนี้เลยนะ”

“สิ่งนี้ทำงานได้ดีมากเลยล่ะ”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจนใจ

ฟังก์ชันข้อมูลของเทพสงครามมอบพลังให้กับไก่หลากสีสันเพื่อทำให้แน่ใจว่าไก่หลากสีสันจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับกู่ฉิงซานทุกครั้ง

แต่เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับหน้าต่างระบบเทพสงคราม แต่มันไม่สามารถพูดออกมาได้โดยง่าย

กู่ฉิงซานวางมือบนศีรษะของไก่ก่อนจะดึงหงอนขึ้น

ไก่พลันกลับมามีชีวิตก่อนสยายปีกสองสามครั้ง

มันส่งเสียงร้องแหบแห้งออกมา

“กะต๊าก! เจ้าทำให้ข้ากลัวนะ!”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “โทษที ข้าต้องการข้อมูลของวันนี้น่ะ”

ไก่สยายปีกข้างหนึ่งก่อนเงยหน้าพูดขึ้นว่า “ต้องใช้พลังวิญญาณ”

“เจ้าต้องการพลังวิญญาณหรือ?” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ

ไก่ตอบอย่างมั่นใจว่า “แน่น?น ตอนนี้โลกใบนี้ใกล้ถึงวันสิ้นโลกแล้ว ใครเขาจะบริการให้ฟรีๆ กันล่ะ”

กู่ฉิงซานนวดหน้าผาก

เดิมที สิ่งนี้ไม่ต้องการพลังวิญญาณแต่อย่างใด

พลังของระบบเทพสงครามยอดเยี่ยมจริงๆ มันทำการเปลี่ยนรูปแบบของสิ่งนี้โดยตรง

“กล้ามาพูดเรื่องเงื่อนไขกันได้” หลินกล่าว

นางขยับนิ้วจนเกิดเสียงดังกร็อบ

บรรยากาศน่าสะพรึงแผ่ออกมาจากนาง

ไก่มองหลินด้วยความประหลาดใจก่อนพึมพำว่า “นี่มันเหนือยิ่งกว่าจ้าวโลกอีก…”

จู่ๆ มันกระโดดไปเกาะไหล่ของกู่ฉิงซานแล้วตะโกนว่า

“อะไรของเจ้าเนี่ย คิดว่าสวยแล้วจะตบตีอย่างไรก็ได้อย่างนั้นน่ะหรือ?”

“แล้วจะทำไม”

หลินเอียงศีรษะมอง

ไก่กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ข้าขอบอกเจ้าชัดๆ เลยละกัน วีรสตรีเช่นเจ้าที่งดงามไร้ที่ติ เก่งกาจจนทุกคนนับหน้าถือตาและเป็นผู้หญิงที่ไร้ใครเทียบในโลก ขอแค่เจ้ากล้าทำอะไรข้า ข้าก็จะไม่สู้กลับ”

หลินพูดอะไรไม่ออก

กู่ฉิงซานก็พูดไม่ออกเช่นกัน

“เอาล่ะ เจ้าต้องการพลังวิญญาณเท่าไหร่” กู่ฉิงซานถาม

เขามองหน้าต่างระบบเทพสงคราม หลังจากกลับมาจากยุคโบราณ พลังวิญญาณของเขาเปล่าประโยชน์ ทำให้มีเหลือเฟือ

ไก่มองสีหน้าของเขาแล้วตอบว่า “ข้าต้องการพลังวิญญาณสี่สิบ ไม่สิ สี่สิบห้าแต้ม”

กู่ฉิงซานลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ไก่ตัวนี้แปลกประหลาดเช่นกัน มันกลับไม่มักมากเท่าไหร่นัก

ดังนั้นใบหน้าของกู่ฉิงซานจึงลำบากใจ “เจ้าต้องใช้พลังวิญญาณเท่าไหร่ในการส่งหนึ่งสาร”

ไก่ตอบกลับอย่างเคร่งขรึมว่า “การสืบข่าวเป็นงานหนักมาก เจ้าต้องเข้าใจเรื่องนี้”

“เพราะงั้นถึงต้องถามราคาถึงจะตกลงกันได้อย่างไรล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาวางมือบนปีกของไก่ก่อนมอบพลังวิญญาณสี่สิบห้าแต้มให้

ไก่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังวิญญาณ ทั่วร่างของไก่มีชีวิตชีวาขึ้นมา

“อืม ช่างเป็นพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์จริง ๆ ทำเอาขนของข้าดูเหมือนใหม่มากเลยล่ะ” ไก่พึมพำอย่างพึงพอใจ

“ถ้างั้น โปรดบอกข่าวของวันนี้มาที” กู่ฉิงซานกล่าว

“เดี๋ยวก่อนนะ”

ไก่หลับตาลงราวกับกำลังสัมผัสบางสิ่ง

มันพลันกล่าวว่า “ความแตกตื่นและความหวาดกลัวจากหุบเหวนิรันดร์กระจายไปทั่วโลกเก้าร้อยล้านชั้น ส่วนทิศทางของเจ้า เจ้าต้องตัดสินใจให้ไวเพราะโลกเก้าร้อยล้านชั้นกำลังจะถูกกวาดล้างโดยพายุหุบเหวจนถูกแยกออก”

หลังจากไก่บอกข่าวแล้ว มันกลายเป็นรูปปั้นอีกครั้ง ไม่ขยับไปไหน

มันอาจจะไม่ทำงานอีกครั้งจนกระทั่งพรุ่งนี้

เมื่อทราบข่าว กู่ฉิงซานและหลินมองหน้ากัน

เขาพลันจำคำพูดสุดท้ายที่ผู้สร้างปฐพีทิ้งไว้ได้

“สุดท้ายนี้ ถ้าทั้งหมดนี้เกิดขึ้น นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนได้ถูกเลือกแล้ว”

“สงครามเต็มรูปแบบระหว่างหุบเหวและหมื่นเผ่าพันธุ์กำลังจะเริ่มขึ้น พายุกำลังจะมา เจ้าต้องเตรียมตัวล่วงหน้า”

กู่ฉิงซานยืนขึ้นต่อ

“ไม่ บางสิ่งที่เหลือเชื่อจะต้องเกิดขึ้นในหุบเหวนิรันดร์อย่างแน่นอน อะไรกันที่กดดันให้หุบเหวนิรันดร์กัดกร่อนโลกเก้าร้อยล้านชั้น”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก

หลินครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “อาจจะมีบางสิ่งเกิดกับประตูโลกก็ได้ ข้าจำได้ว่าคราวที่แล้วตอนออกจากหุบเหวมา หายนะวันสิ้นโลกที่อยู่ใกล้ประตูโลกมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายออกไปแล้ว”

หลินกล่าวต่อว่า “ในหุบเหว ผู้คนทรงพลังจำนวนมากที่ถึงขั้นคิดว่ามันน่าหวาดกลัว ถ้าแม้แต่พวกเขายังแตกตื่น เกรงว่าสิ่งนั้นจะต้องเป็นปัญหาจริงๆ”

กู่ฉิงซานเงียบ

เขาจำได้ว่าในตอนนั้น วิญญาณแห่งเวลาเคยกล่าวว่า

“โลกคู่ขนานทรงพลังมาก คอยทำการต่อสู้อย่างดุเดือดกับหายนะของวันสิ้นโลก หลุดพ้นจากนิยามของ ‘ขนาน’ ก่อนตกลงสู่หุบเหวนิรันดร์ของพวกเราที่ตั้งอยู่รอบประตูโลก”

“สิ่งมีชีวิตในโลกของพวกเราเคยเข้าใกล้ประตูโลกครั้งหนึ่ง ชะตากรรมของพวกเขาถูกหลอมรวมและกัดกร่อนอย่างสมบูรณ์”

เมื่อเห็นว่าเขาเงียบ หลินอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้หรือ”

กู่ฉิงซานคิดถึงทุกสิ่งอย่างรวดเร็วก่อนกระซิบว่า “ข้าคิดว่าการกัดกร่อนกำลังกวาดล้างทั่วหุบเหวนิรันดร์น่ะ”

ใช่แล้ว จากโลกคู่ขนานทรงพลังที่กำลังต่อสู้กับวันสิ้นโลกนั่นแหละ

ชะตากรรมที่อยู่ในนั้นกำลังกัดกร่อนหุบเหวนิรันดร์!

มันคือความตายที่ไม่อาจต้านทานได้อย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งผู้สร้างปฐพีก็ตายด้วยการกัดกร่อนของโชคชะตา

ด้วยวิธีนี้ สัตว์ประหลาดทรงพลังยิ่งในหุบเหวนิรันดร์จึงหลบหนีจากที่นั่นแล้วอพยพมาโลกเก้าร้อยล้านชั้น!

หัวใจของกู่ฉิงซานค่อยๆ ดิ่งฮวบ

มีเพียงร่างแยกของวิญญาณกรีดร้องที่สามารถทะลวงโลกเก้าร้อยล้านชั้นได้เท่านั้นที่ยังต่อสู้กับบัญญัติราชามารในพื้นที่ยึดครอง

ถ้าร่างหลักของมันมาเองจะเป็นอย่างไร

ถ้าสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวกว่ามันมาล่ะ

“ไม่ ถึงตอนนั้นก็น่าจะเปลี่ยนแผนทัน!”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าต้องเรียกพวกพ้องมาช่วยแล้วล่ะ หวังว่าเจ้าจะไม่ฆ่าพวกเขาเพียงเพราะความผิดเล็กๆ น้อยๆ ล่ะ”

หลินพ่นลมออกจมูกแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลสักหน่อย ขอแค่พวกเขาไม่สร้างความรบกวนให้กับข้าก็พอแล้ว”

กู่ฉิงซานโน้มน้าวต่ออีกว่า “โปรดอดทนเพื่อข้าสักหน่อย ถ้ามีใครบางคนมาช่วยข้า จะทำให้เรื่องที่ข้าทำเสร็จเร็วยิ่งขึ้น เมื่อแหวนของเจ้ากลับมา ข้าก็สามารถไปประตูโลกกับเจ้าได้”

หลินครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “เอาเถอะ แค่อย่ามารังแกข้าตอนที่บาดเจ็บก็แล้วกัน”

กู่ฉิงซานกล่าวตามตรงว่า “อย่าห่วงไปเลย พวกเขาล้วนเป็นคนดี”

หลังจากนั้น เขาตบถุงเก็บของเพื่อหยิบชุดดำออกมา

ผ้าสีดำนี้ หรือจะพูดให้ถูกคือหนังสือพิมพ์ ในตอนนั้นเสี่ยวเมียวเป็นคนมอบให้เสี่ยวเมียว

แต่เสี่ยวเมียวย่อมมีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น

ด้วยผ้าสีดำนี้ กู่ฉิงซานพบยวินจีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ใช่แล้ว นี่คือผ้าสีดำแห่งเสียงกระซิบจากสัจจะดาบ

สัจจะดาบคือกลุ่มลับของพวกยวินจี แบร์รี่ เสี่ยวเมียว เสวี้ยไห่ ยวินจีและคนอื่นๆ ก็มาจากกลุ่มนี้

จุดประสงค์ของผ้าสีดำแห่งเสียงกระซิบนี้คือไว้ติดต่อกับสมาชิกของสัจจะดาบ

กู่ฉิงซานกางผ้าสีดำออกก่อนเริ่มติดต่อ

“แบร์รี่ เจ้าได้ยินหรือเปล่า?”

มีเสียงอึกทึกจำนวนมากมาจากผ้าสีดำ

หลังจากรออยู่สักพัก ไม่มีเสียงมนุษย์ตอบ

กู่ฉิงซานส่งเสียงเรียกอีกครั้ง

“เสี่ยวเมียว เจ้าอยู่หรือเปล่า? โปรดตอบข้าด้วย”

เสียงจากผ้าสีดำดังมากขึ้น

ทว่ายังไม่มีใครตอบ

หลินส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ถึงฝั่งเจ้าจะไม่มีปัญหา แต่สหายของเจ้าอาจจะอยู่ไกลจากที่นี่ก็ได้ เพราะงั้นพวกเขาเลยไม่สามารถได้รับการติดต่อน่ะ”

กู่ฉิงซานไม่ยอมแพ้ วางมือลงบนผ้าสีดำแล้วกล่าวเสียงดังว่า “เสี่ยวเมียว ข้ารู้ว่าเจ้าคือจอมเวทมิติที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าน่าจะได้ยินเสียงของข้าใช่หรือเปล่า”

หนึ่งนาที

สองนาที

เวลาผ่านไปเงียบๆ ยังไม่มีการตอบรับจากผ้าสีดำ

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

ตอนนี้ เสียงผู้หญิงพลันดังขึ้นจากผ้าสีดำ

“เสี่ยวเมียวพูด กู่ฉิงซาน นั่นเจ้าหรือ”

………………………………