webnovel

0876 บุกทะลวง

ตอนที่ 876 บุกทะลวง

ยักษ์อมตะหมิงกวงแผดเสียงคำรามจนสะเทือนท้องนภา

มันข้ามเนินไป ทะยานขึ้นสูงสู่ท้องนภา จากนั้นตกในฝูงสัตว์ประหลาดซ้อนกันเข้ามาราวกับอุกกาบาตวันสิ้นโลก

ตูม!

ที่ที่ยักษ์ยืนอยู่เหมือนกับเป็นจุดกำเนิด ทั่วดินแดนถูกกระแทกจนเกิดหลุมลึกภายในรัศมีหลายไมล์

ทุกคนตกตะลึง ล้มไปกองกับพื้น ไม่สามารถยืนขึ้นมาได้

คลื่นอากาศที่เกิดจากแรงกระแทกกลายเป็นพายุคลุ้มคลั่ง ทำให้สัตว์ประหลาดเกรี้ยวกราดเหล่านั้นถูกพัดกระจายไปทุกทิศทาง

บนปฐพี ที่ที่สายลมพัดผ่าน กลุ่มสัตว์ประหลาดถูกพัดกลายเป็นหมอกโลหิต

สัตว์ประหลาดบางตัวที่มีการป้องกันดีเยี่ยมยืนต้านสายลมสักพัก

พวกมันมีพรสวรรค์จึงสามารถกำหนดจุดที่จะป้องกันพลังพิเศษได้

แต่ครั้งนี้สถานการณ์ออกจะพิเศษนิดหน่อย

การปะทะของยักษ์อมตะคือการระเบิดของฮอร์ครักซ์มากกว่าสามสิบชิ้นอย่างเต็มกำลัง พลังจำนวนมากที่อยู่ในพายุผสานเข้าด้วยกันจนก่อเกิดเป็นพลังโกลาหลอันน่าสะพรึง มันเกินกว่าที่สัตว์ประหลาดจะเอื้อมถึงได้

แม้กระทั่งสัตว์ประหลาดเหล่านั้นที่เก่งด้านการป้องกันก็ค่อยๆ กลายเป็นเลือดเนื้อในสายลม จากนั้นจึงถูกสายลมกำจัดจนหมดสิ้น

นี่เป็นเพียงพายุที่เกิดขึ้นจากผลพวงของแรงกระแทก

ภายในระยะของหลุมลึกที่เกิดจากแรงกระแทก สัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกกวาดล้างด้วยพลังที่เกิดจากการกระแทกกับอย่างรุนแรงในพริบตา ไม่เหลือแม้กระทั่งเลือดสักหยด

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

ฝีเท้าหนักมาจากหลุม

มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ขอบหลุม จากนั้นก็ศีรษะ ร่างกายและขาของยักษ์

มันปีนขึ้นมา

ตึง! ตึง! ตึง!

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

ยักษ์ก้าวแต่ละครั้งทำเอาปฐพีสั่นสะเทือน ทันค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้น พุ่งไปข้างหน้าอยู่ใจกลางของสัตว์ประหลาดบรรพกาล

ความเร็วของยักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเหนือกว่าความเร็วการเหาะของนักพรต

สัตว์ประหลาดตามทางเปิดฉากโจมตีต่อเนื่องใส่ยักษ์อมตะ แต่ยักษ์กลับเมินเฉย

ยักษ์เป็นตัวตนอมตะ พลังจากวิชาวิเศษไม่สามารถทำอะไรได้ มีเพียงการโจมตีกายภาพที่ทรงพลังเท่านั้นที่สามารถทำร้ายมันได้

แต่มันมีดาบเหล็กยักษ์อยู่ในมือ ด้านหลังของมัน ดวงดาวหลายสิบดวงตามติดขณะถ่ายพลังทำสงครามจำนวนมากให้

เมื่อยักษ์ง้างดาบยาว ความว่างเปล่าทั้งหมดถูกเปิดออก สัตว์ประหลาดทั้งหลายที่ขวางตามทางถูกสังหารจนชุดเกราะหายไปสิ้น เหลือไว้เพียงกลุ่มควัน

ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนที่เป็นศัตรูของยักษ์

ผู้บัญชาการของเผ่าพันธุ์บรรพกาลตรวจพบสถานการณ์ที่นี่ทันที

“ทุ่มพละกำลังทั้งหมดเพื่อฆ่ายักษ์นั่น!”

ผู้บัญชาการตะโกนด้วยภาษาโบราณแปลกประหลาด

กองทัพบรรพกาลจำนวนมากเปลี่ยนเส้นทางก่อนพุ่งเข้าหายักษ์อมตะ

นี่คือกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์บรรพกาล!

ทันทีที่เปลี่ยนเส้นทาง แนวป้องกันมนุษย์พลันผ่อนคลายลง

เวลาทดสอบยักษ์มาถึงแล้ว

ยักษ์มองกองทัพบรรพกาลขนาดใหญ่ที่กำลังเข้ามาก่อนหยุดนิ่งด้วยความสงสัย

มันมองสักพัก จากนั้นหันไปมองด้านหลัง

นักพรตจากค่ายแนวหน้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กำลังเปิดฉากโจมตีต่างตกตะลึง

“พวกเจ้าช้าเกินไปแล้ว”

ยักษ์กล่าวเสียงดัง

“ท่านไวเกินไปต่างหากล่ะ! ท่านต้องรอพวกข้าด้วย!”

แม่ทัพเผ่าพันธุ์มนุษย์ตะโกนตอบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ยักษ์หันศีรษะกลับมามองกองทัพบรรพกาลที่กำลังใกล้เข้ามา

สัตว์ประหลาดจากทั่วทุกหนแห่งต่างพุ่งเข้ามา แม้กระทั่งร่างขนาดใหญ่ของยักษ์อมตะก็ดูเล็กจ้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าคลื่นเหล็กที่กระเพื่อมเหล่านี้

คราวนี้ยักษ์ไม่พุ่งออกไป

มันยกดาบขึ้นเพื่อตั้งท่าป้องกัน

ทั้งสองด้านใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่กองทัพสัตว์ประหลาดบรรพกาลเข้าปะทะ ยักษ์อมตะถอยกลับด้วยความคล่องแคล่วที่คาดไม่ถึง

มันถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างสัตว์ประหลาดกับมัน ดาบยาวในมือของมันสับผ่านอากาศอย่างไม่มีสิ้นสุด

เห็นได้ชัดว่ายังมีระยะห่างอีกราวสิบฟุตระหว่างดาบยาวกับสัตว์ประหลาดที่ออกมาสู้ในฐานะแนวหน้า

แต่เมื่อดาบถูกฟันออกไปในแต่ละครั้ง กลุ่มสัตว์ประหลาดถูกลบล้างทันที

ดาบลับ ไล่ล่าชีวิต!

“เมื่อท่านอยู่ห่างจากศัตรูภายในสิบฟุต ย่อมสามารถผ่ากลางอากาศได้”

“หมายเหตุ: ดาบลับนี้สามารถใช้งานร่วมกันกับดาบลับอื่นได้”

“ภายในสิบฟุต ไล่ล่าวิญญาณเพื่อชีวิต”

ยักษ์อมตะยังคงถอยออกมาจนกระทั่งถอยมาถึงนักพรตมนุษย์ จากนั้นหยุดนิ่ง

ในระหว่างนี้ ดาบยาวฟาดผ่านอากาศอย่างไม่รีบร้อน มันฟาดออกไปเจ็ดครั้งติดต่อกันเพื่อหยุดยั้งการบุกเข้ามาของสัตว์ประหลาด

ผ่านไปสักพัก มีพื้นที่โล่งระหว่างทั้งสองฝั่ง

แม่ทัพของกองทัพแนวหน้าเผ่าพันธุ์มนุษย์วิ่งเข้ามาก่อนแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ท่านทำได้ดีมาก ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกข้าจะลงมือแล้ว”

เขามองคนของตัวเอง

“ฆ่าพวกมัน!”

“สถานการณ์พลิกกลับแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะลงมือแล้ว!”

“ท่านแม่ทัพ โปรดออกคำสั่งด้วย”

พวกนักพรตมีกำลังใจฮึกเหิมขณะชูอาวุธแล้วส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดี

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ หัวใจของแม่ทัพรู้สึกมั่นคงขึ้นเล็กน้อย

เขาตะโกน “พี่น้องทั้งหลาย”

“ไม่ต้อง”

ยักษ์กล่าวขณะขัดเขา

แม่ทัพถอยกลับ เงยหน้ามองยักษ์อมตะแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “มีอะไรหรือ”

“ข้าเพียงฟันไปเจ็ดครั้ง ยังเหลืออีกดาบให้ใช้ จากนั้นพวกเจ้าค่อยไป”

ยักษ์กล่าวอย่างจริงจัง

“เหลืออีกดาบหรือ” แม่ทัพถามด้วยความสับสน

เขาอดที่จะมองดาบเหล็กยักษ์ยาวสิบเมตรไม่ได้

บนดาบเหล็ก พลังชั้นแล้วชั้นเล่าปรากฏขึ้น

พลังหลายสิบชั้นควบคู่ไปกับพลังอสนีบาตของตัวยักษ์เอง ทำให้ดาบยาวมีพลังสุดแสนจะจินตนาการ

แม้กระทั่งความว่างเปล่าก็ไม่กล้าสัมผัสดาบเล่มนี้ พวกมันถอยทุกครั้งที่ดาบฟาดฟัน ทำให้พลังอันเอ่อล้นบนดาบยาวสามารถหลบหนีไปยังมิติอื่นได้

ยักษ์มองกองกำลังสัตว์ประหลาดบรรพกาลด้วยสีหน้าระแวดระวัง

นี่คือกองกำลังชั้นสูงของศัตรู มันต้องถูกกำจัดก่อนที่จะมาเปลี่ยนวิถีสงครามนี้

ยักษ์อมตะถือดาบยาวด้วยมือทั้งสองข้าง เตรียมใช้วิชาดาบอย่างเงียบงัน

ต่อไป นี่จะเป็นกระบวนท่าสุดท้ายของวิชาดาบ

นี่คือวิชาแปดดาบสอดประสาน หากขาดอย่างหนึ่งอย่างใด ดาบลับจะถูกขัดขวางทันที

ดาบลับ เจ็ดมังกรดาราพเนจร!

ดาบยาวในมือของยักษ์ฟาดไปข้างหน้าตั้งแต่บนลงล่าง

โลกทั้งใบพลันเปล่งแสงเรืองรองออกมา

เบื้องหน้าแสงสว่างนี้ พลังทั้งหมดเหมือนกับไร้ความหมาย

แม้กระทั่งในหมู่เมฆบนท้องนภา ตัวตนน่าสะพรึงทั้งสองหลุดไล่ล่าและโจมตีกันเอง

พละกำลังระดับนั้นเพียงพอที่จะทำให้พวกมันระแวดระวัง

บนพื้น สติของทุกคนเลือนราง

จากนั้นพวกเขาเห็นสิ่งหนึ่ง

มังกรหลากสีสันนั่นประกอบไปด้วยพลังบริสุทธิ์มากกว่าสามสิบชนิด

จำนวนที่ไหลออกมาจากดาบยาวยักษ์ไม่มากนัก พูดให้ถูกคือมันถูกอัญเชิญขณะดาบยาวยักษ์กวัดแกว่ง

มังกรหลากสีสันมีวิญญาณขณะโคจรรอบสมรภูมิ

ผู้คนกลั้นหายใจขณะมองตัวตนตำนานพเนจรอยู่บนท้องนภา จากนั้นจมเข้าสู่ความว่างเปล่าและเลื้อยไปมา

ฉากนี้งดงามมากจนแม้แต่ยักษ์อมตะเองยังตกตะลึงสักพัก

ไม่ช้า

สายลมพัดผ่านมา

ยักษ์อมตะก้มมองแม่ทัพค่ายแนวหน้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าใช้วิชาหมดแล้ว พวกเจ้าสามารถลงมือได้”

แม่ทัพกลับมามีสติ

เขามองซ้าย มองขวา ก่อนที่จะอดพึมพำไม่ได้ว่า “ท่านอยากให้พวกข้าไปตรงไหนล่ะ”

ตรงข้ามเขา สัตว์ประหลาดบรรพกาลทั้งหมดในสมรภูมิหายไปหมดสิ้นแล้ว

ใช่แล้ว มันสะอาดหมดจด ไม่เหลือแม้สักตัว เหมือนกับระเหยหายไปจากโลก ไม่มีร่องรอยแม้แต่นิดเดียว

ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ว่างเปล่า ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆ

………………………………………