webnovel

0704 ท่าเรืออวกาศ

ตอน 704 ท่าเรืออวกาศ

ท่ามกลางกระแสมิติอันเชี่ยวกราก

ยานอวกาศขนาดกลางลำหนึ่ง กำลังมุ่งหน้าสู่โลกทะเลทรายอย่างเต็มกำลัง

ชายคนหนึ่งรายงาน “บอส ถ้ายานเราบินด้วยความเร็วสูงสุดแบบนี้ต่อไป เครื่องยนต์อาจจะแบกรับภาระต่อไปไม่ไหว”

ยักษ์เทาที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ มองเข้าไปในกระแสมิติ

“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องยานหรอกน่า” ยักษ์เทาชี้ไปข้างหน้า หัวเราะร่า “ดูนั่นสิ เห็นไหมว่าพวกเรากำลังเข้าใกล้โลกทะเลทรายแล้ว! อีกไม่นานรางวัลจากวิหารแห่งความตายก็จะตกเป็นของพวกเรา!”

พริบตานั้นทั้งกลุ่มนักล่าเงินรางวัลพลันระเบิดเสียงโห่ร้องออกมา

“ตาสวรรค์ล่ะ ไปอยู่ที่ไหน?” ยักษ์เทาเหลียวไปถามข้างหลัง

“ฉันอยู่นี่ บอส”

ชายที่มีดวงตาสี่ดวงบนหน้าผาก ก้าวออกมา ตอบกลับไป

ยักษ์เทา “นายได้เห็นใบหน้าของทั้งสองในใบประกาศจับชัดเจนหรือเปล่า?”

“ฉันเห็นชัดเจน” ตาสวรรค์กล่าว

ยักษ์เทา “แล้วมันจะมีปัญหาอะไรไหม?”

ตาสวรรค์ตบหน้าอกตนและกล่าว “วางใจเถอะบอส ไม่ว่าพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่ไหนบนโลกทะเลทราย ฉันก็จะสามารถเห็นพวกเขาได้ทันที”

ยักษ์เทา “งั้นก็ดี ตอนนี้นายก็เริ่มต้นค้นหาพวกเขาได้เลย ถ้าเจอแล้วให้รีบมารายงานฉันทันที”

“รับทราบบอส” ตาสวรรค์รับคำ

เขานั่งลงบนดาดฟ้าเรือ ดวงตาทุกข้างค่อยๆ ปิดลง จมหายไปในห้วงสมาธิ

ชายที่ดูดุร้ายหลายคนเดินเข้าหายักษ์เทา กระแทกหัวเข่าลงข้างหนึ่งและกล่าว “บอส ได้โปรดให้ทีมของพวกเรา รับภารกิจสังหารในครั้งนี้ด้วยเถอะ”

พอได้ยินแบบนั้น ทีมอื่นๆ พลันหยุดมือจากสิ่งที่ทำทันที

พวกเขาผุดลุกขึ้น และมาหยุดอยู่ต่อหน้ายักษ์เทาทีละทีม ทีละทีม

ยักษ์เทาโบกมือ “ไม่ต้องแย่งกัน เพราะฉันจะไม่เลือกทีมไหนทั้งนั้น”

แต่ละคนหันมามองหน้ากันและกัน ไม่ทราบว่าเบอสของพวกเขาหมายความว่ายังไง

ยักษ์เทา “พวกแกคิดว่านี่มันเป็นภารกิจทั่วๆ ไปหรือไง? ไม่...ไม่ใช่เลย นี่คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงอนาคตของพวกเราทุกคน!”

เขาเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ปากอ้าตะโกน “เมื่อตาสวรรค์สามารถค้นพบเป้าหมาย ทุกคนในกลุ่มนักล่าเงินรางวัลของพวกเราจะร่วมมือกัน ทุ่มรุมโจมตีมันทันที!”

ภายในเมืองเล็กๆ

ยังคงเป็นในส่วนของศูนย์แรงงาน

แต่คราวนี้ มีเฉพาะแค่ ‘วังเฉิง’ เท่านั้นที่กำลังปฏิบัติภารกิจใหญ่

ในบ้านหลังเล็กๆ ตรงส่วนลึกสุดของศูนย์แรงงาน เขากำลังบอกข้อมูลที่รู้ออกไป

“มันเป็นเรื่องบังเอิญ ฉันดันไปอยู่ที่นั่นพอดี ในเวลานั้นฉันพบกับวัยรุ่นหนึ่งชายหนึ่งหญิงตามใบประกาศจับ” เขากล่าว

ตรงกันข้ามกับเขา หัวหน้าทหารรักษาการณ์และรองหัวหน้ากำลังรับฟังด้วยสีหน้าจริงจังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

วังเฉิงกล่าวต่อ “อาจจะเป็นเพราะฉันกำลังล่าสัตว์ และซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลทราย แถมยังปกปิดกลิ่นอาย ดังนั้นทั้งสองคนเลยไม่ทันสังเกตเห็นฉัน ก่อนจะบินผ่านฉันไป”

“แล้วพวกเขาไปทางทิศไหน? คุณพอจะจำพิกัดที่ราบได้หรือเปล่า?” หัวหน้ารักษาการณ์ถาม

“แน่นอน ขอแผนที่ให้ฉันด้วย” วังเฉิงกล่าว

ไม่นาน แผนที่ก็ถูกกางออกเบื้องหน้าทั้งสาม

วังเฉิงมอง และทำเครื่องหมายที่ไหนสักแห่งบนแผนที่

“พวกเขามุ่งหน้ามายังตำแหน่งนี้ บินข้ามฉันไป หยุดทำอะไรบางอย่าง สักพักพวกเขาก็หายตัวไป และจู่ๆ ฉันก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความผันผวนแปลกๆ เลยลองใกล้เข้าไปในจุดที่ทั้งสองเคยยืน และดันไปพบกับอะไรบางที่พวกด้านผู้ฝึกยุทธ์มักจะใช้ป้องกัน มันเรียกว่า…”

วังเฉิงพยายามขบคิดอย่างหนัก

“ค่ายกลป้องกันพลังวิญญาณ” หัวหน้ารักษาการณ์อดไม่ได้ต้องช่วยเขาพูด

วังเฉิงปรบมือและกล่าว “ใช่! นั่นแหละ ค่ายกลป้องกันพลังวิญญาณ! ฉันรู้สึกถึงความผันผวนของมัน”

“งั้นหมายความว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากคุณใช่ไหม?”

“ใช่ ฉันรู้สึกได้ว่าความผันผวนนั่นมันเสถียรและแข็งแกร่งมาก เลยคิดว่าพวกเขาน่าจะอยู่ไม่ไกลจากฉัน” วังเฉิงกล่าว

“งั้นก็ดี พวกเราขอยืนยันข้อมูลของคุณก่อน” หัวหน้ารักษาการณ์กล่าว

เขาหันไปมองรองหัวหน้า

รองหัวหน้า “หนึ่งในหน่วยลาดตระเวนที่เร็วที่สุดของพวกเรากำลังตรงไปยังจุดนั้น พวกเราจะได้รับข้อมูลทันที”

ขณะกล่าว เขาก็กดเครื่องมือขนาดเล็กที่แนบกับเอว และพูดอะไรบางอย่างลงไป

“รายงาน! พบว่ามีค่ายกลป้องกันหลายสิบชั้น และค่ายกลปกปิดของผู้ฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่จริงๆ แต่ผมไม่สามารถถอดรหัสมันได้”

“รับทราบแล้ว รอการสนับสนุนอยู่ที่นั่นนะ”

“ครับผม!”

แล้วเสียงก็หายไป

หัวหน้ากับรองมองหน้ากับวูบหนึ่ง

หัวหน้ารักษาการหยิบหินทรงกลมที่เรืองแสงสีขาวออกมา

“เอาล่ะ ตอนนี้ขอให้คุณวางมือลงบนแท่นตรวจจับโกหก เพื่อพิสูจน์ว่าที่คุณได้เห็นทั้งสองคนนั้นเป็นเรื่องจริงด้วย” เขากล่าว

วังเฉิงยกมือขึ้น นาบมันลงโดยไม่ลังเลและกล่าว “ฉันขอสาบาน สองคนบนหมายจับได้เดินเข้าไปในค่ายกลเหล่านั้นแน่ๆ นี่ไม่มีทางผิดพลาด ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่ฉันบอกไปย่อมถูกต้องแน่นอน”

หินเรืองแสงสีขาวนิ่งงันไม่สั่นไหว

หัวหน้ารักษาการณ์ยิ้มและกล่าว “ดีมาก คุณทำได้ดีจริงๆ เอ้านี่ รางวัลของคุณ”

เขาพยักหน้ากับรอง

รองหัวหน้าหยิบถุงใบเล็กๆ และวางลงบนโต๊ะพร้อมบัตรกำนัล

วังเฉิงเมื่อได้รับสองสิ่ง ก็กล่าวด้วยความยินดี “ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสอง!”

“เอาเถอะ คุณไปได้แล้ว”

“รับทราบ!”

วังเฉิงก้มตัวบอกลา และออกจากห้องไป

ประตูปิดลง

“นายคิดว่ายังไง?” หัวหน้ารักษาการณ์เอ่ยถาม

“ไม่มีความคิดเห็นเพิ่มเติม ในเมื่อข้อมูลที่เขาบอกต่อเราเป็นความจริง พวกเราก็สมควรจะไปจบภารกิจนี้ทันที แล้วรับรางวัลจากทางคริสตจักรแห่งความตาย” รองหัวหน้าถูฝ่ามือของเขา

หัวหน้ารักษาการณ์กล่าว “ดีล่ะ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เพื่อความปลอดภัย พวกเราต้องพาคนไปให้มากที่สุด! เพราะยังไงซะ รางวัลที่บอกว่าจะให้เข้าร่วมกับวิหารแห่งความตายน่ะมันไม่ได้ถูกจำกัดจำนวนเอาไว้!”

“รับคำสั่ง!”

วังเฉิงได้รับเงินรางวัลจากทหารรักษาการณ์มา ก็เดินออกจากศูนย์แรงงาน เลี้ยวลดคดเคี้ยวไปตามมุมถนนกว่าแปดตรอกซอกซอยอย่างรวดเร็ว

วังเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉานนู่ ถึงตาเจ้าเปลี่ยนร่างแล้ว”

“ตอนนี้เลยใช่หรือไม่?”

“ไม่ ยังไม่ใช่ตอนนี้”

“เข้าใจแล้วนายน้อย”

ขณะกล่าว วังเฉิงก็หายวับไปจากตรอกซอย

หลังจากนั้นหนึ่งลมหายใจ

หลากหลายมืออาชีพพลันปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งเดิมของเขา

“ขาดการติดตามไปซะแล้ว” คนหนึ่งกล่าวด้วยความหดหู่

อีกหลายคนพยายามงัดออกด้วยสกิลค้นหา แต่พวกเขากลับไม่พบร่องรอยของวังเฉิงเลย

ตอนนี้ พวกเขาทราบแล้วว่าอีกฝ่ายย่อมตระหนักถึงตัวตนของพวกเขา จึงหลอกล่อมาในทิศทางนี้และหลบหนีไป

“ดูเหมือนว่ามันเองก็มีความสามารถอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน” อีกคนหนึ่งกล่าว

“นั่นสินะ ไม่อย่างงั้นมันคงไม่ได้รับรางวัลจากทหารรักษาการณ์หรอก”

คนเหล่านี้อิจฉาตาร้อนต่อรางวัลที่วังเฉิงได้รับ พวกเขานิ่งงันอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง ทดลองพยายามค้นหาทุกวิถีทางอีกครั้ง

แต่ก็ยังคงไม่พบวี่แวววังเฉิง

สุดท้ายจึงจากกันไปอย่างโกรธแค้น

ในขณะเดียวกัน ผู้ฝึกยุทธ์หญิงในชุดคลุมฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ใจกลางเมืองเล็กๆ

เธอแสดงหลักฐานการติดต่อกับหัวหน้ารักษาการณ์ให้คนเฝ้าทางเข้าได้ดู

“นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในตลาดมืดใช่ไหม?” คนเฝ้าทางถาม

“ใช่” ผู้ฝึกยุทธ์หญิงตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ตลาดมืดน่ะอยู่ในมิติ คุณสามารถเดินไปตลอดทาง สุดทางคือเทคนิคมนตรามิติ” คนเฝ้าทางมองมายังรูปลักษณ์อันงดงามของฉานนู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“เข้าใจแล้ว ขอบพระคุณท่านมาก”

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงเดินเข้าไปตามทาง โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

ไม่นานนัก แสงสว่างก็วาบขึ้นอย่างกะทันหัน

เธอได้เข้ามาในตลาดมืดแล้ว

ฉานนู่เดินเข้าสู่ตลาดมืด สักพักหยุดฝีเท้า หันไปมองรอบๆ

มันดูไม่ใช่แค่ตลาด แต่กล่าวได้ว่าเป็นท่าเรือลอยฟ้าขนาดใหญ่จึงจะเหมาะสมกว่า

ที่นี่เต็มไปด้วยยานวกาศนับไม่ถ้วน ที่ทั้งกำลังออกตัว และลงจอด ฝูงชนคึกคักจอแจ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกตา ดูมีชีวิตชีวาจริงๆ

ทว่าในตลาดมืด เผ่าพันธุ์ไหนก็ล้วนต้องแปลงตนให้อยู่ในสภาพร่างมนุษย์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารกันและกัน และประหยัดพื้นที่

“นายน้อย สถานที่นี่ช่างคึกคัก ดูเจริญหูเจริญตาจริงๆ” ฉานนู่กล่าวด้วยอารมณ์

“หยุดมองแล้วหาที่ซ่อนได้แล้ว ต่อไปมาเปลี่ยนกับข้า” เสียงของกู่ฉิงซานดังออกมาจากอ้อมแขนเธอ

เขาเปลี่ยนเป็นไพ่ ซ่อนตัวอยู่กับฉานนู่ และเฝ้ามองสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระแวดระวัง

ฉานนูพอก็ได้ยินถึงความผิดปกติ เธอก็ลดเสียงลง “นายน้อย เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

“ข้ารู้สึกได้ถึงลางร้ายที่นี่ พวกเราจะต้องรีบหนีจากโลกใบนี้ทันที” กู่ฉิงซานตอบด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง

…………………………………………….