webnovel

0685 ขัดขวาง

ตอนที่ 685 ขัดขวาง

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

ตลอดทั้งห้องโดยสารไร้ซึ่งเสียงพูดคุย ไม่ได้ยินเสียงรบกวนใดๆ เลย

ลูกเรือทั้งหมดหายไปราวกับอากาศธาตุ

แม้กระทั่งศพของเจ้าหน้าที่อันดับหนึ่งที่ถูกแขวนประจานในพื้นที่ส่วนกลางก็หายไป

ผ่านทางหน้าต่าง จะสามารถมองเห็นถึงกระแสมิติอันโกลาหลภายนอก และบางครั้งก็ยังมองเห็นถึงมอนสเตอร์ขนาดเล็กบินสวนกันไปมา

อย่างไรก็ตาม ภายในห้องโดยสาร มันกลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลย

ยานอวกาศทั้งลำ เงียบงันราวกับความตาย

กู่ฉิงซานสวมหน้ากากเกราะทองคำ กุมดาบยาวตรงไปยังห้องกัปตัน

เขาเตะเปิดประตู

แต่ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ภายใน

กู่ฉิงซานเงียบไปหนึ่งลมหายใจ ก่อนจะตัดสินใจว่าควรจะไปยังห้องควบคุมยาน

สำหรับเวลานี้ ไม่ว่ามันจะเกิดเรื่องน่าสงสัยหรือหวาดกลัวแค่ไหน เขาก็ไม่สนใจ

เพราะสิ่งเดียวที่ควรให้ความสำคัญ นั่นก็คือรีบไปยังตลาดมืดเกรย์แฮนด์เพื่อช่วยชีวิตคน!

ประตูห้องควบคุมยานอวกาศถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา

แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับกู่ฉิงซาน สองเท้าของเขายังคงก้าวฉับๆ ตรงไปข้างหน้า

ดาบเช่าหยินโผล่ออกมาจากในความว่างเปล่า บินนำเข้าไปเผชิญกับประตูห้องควบคุม

ดาบยาวจ้วงแทงออกไป

เทคนิคลับแห่งดาบ ฝ่าวารีเชี่ยว!

ตูม!

ประตูโลหะหนาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

กู่ฉิงซานเดินเข้ามา กวาดตามองรอบห้องควบคุมที่เต็มไปด้วยทุกชนิดของตัวควบคุมอันหลากหลาย

แม้ว่าวังเฉิงจะมีประสบการณ์มากมายที่ใช้ชีวิตอยู่บนยานอวกาศ แต่เขาก็ไม่สามารถขับเทคโนโลยียานอวกาศได้

แต่กู่ฉิงซานก็หาได้ลังเลไม่

เขาเอื้อมมือออกไป แตะลงบนแท่นควบคุม เดินลากตั้งแต่ส่วนปลายของมัน ยาวตรงไปอีกด้านหนึ่ง

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บรรทัดแสงหิ่งห้อยเริ่มเด้งเตือนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“คุณได้สัมผัสกับศูนย์ควบคุมหลักของยานอวกาศขนาดกลางแบบเก่า”

“คุณได้สัมผัสกับตัวควบคุมทิศทาง”

“คุณได้สัมผัสกับตัวควบคุมความเร็ว”

“คุณได้สัมผัสกับตัวควบคุมการล่องหน”

“คุณได้สัมผัสกับระบบควบคุมการเผาไหม้”

“คุณได้สัมผัสกับเรดาร์ตรวจสอบมิติ”

“คุณได้สัมผัสกับตัวควบคุมไฟ”

“อุปกรณ์ควบคุมยานอวกาศในข้างต้นที่กล่าวมา จะแสดงทักษะดังต่อไปนี้”

“วิธีการควบคุมยานอวกาศขนาดกลาง วิธีการควบคุมการบิน วิธีการควบคุมการล่องหน วิธีควบคุมความเร็วและชะลอความเร็ว วิธีควบคุมเรดาร์ วิธีควบคุมการโจมตีด้วยไฟ…”

“เพื่อที่จะเข้าใจทักษะการควบคุมทั้งหมด จำเป็นต้องใช้หนึ่งพันสามร้อยเจ็ดสิบหกแต้มพลังวิญญาณ คุณยินดีที่จะจ่ายมันหรือไม่?”

“ฉันยินดี” กู่ฉิงซานกล่าว

“ได้รับแต้มพลังวิญญาณแล้ว เริ่มต้นทำการเรียนรู้ได้” ระบบเทพสงครามตอบ

หนึ่งลมหายใจ

สองลมหายใจ

สามลมหายใจ

กู่ฉิงซานปล่อยดาบในมือของ เดินตรงไปยังแท่นควบคุม และเริ่มปรับระบบทำงานอย่างรวดเร็ว

ก่อนอื่นเลย กู่ฉิงซานเลือกที่จะทิ้งซากขยะที่กำลังถูกลากจูงไปขาย ปล่อยพวกมันไป จากนั้นก็ปรับความเร็วกับตัวจัดการล่องหน ให้เป็นระดับสูงสุดทั้งคู่

ด้วยวิธีนี้ ยานอวกาศก็จะมีน้ำหนักลดลง แต่เนื่องจากความเร็วที่เพิ่มขึ้น การกินพลังงานก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน

โดยทั่วไปแล้วกัปตันจะไม่อนุญาตหรือยอมให้ยานอวกาศเคลื่อนที่แบบนี้

แต่ทำไมกู่ฉิงซานจะต้องมาสนใจเกี่ยวกับพลังงานมันด้วยเล่า?

ยานอวกาศทั้งลำส่งเสียงคำราม เริ่มเร่งความเร็วท่ามกลางมิติอันโกลาหล

ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังกู่ฉิงซาน

“ฉันไม่คิดเลย ว่านายเองก็มีความรู้ในการขับยานอวกาศเหมือนกับคนอื่นเขาด้วย”

นี่คือเสียงของกัปตัน

ไม่มีใครรู้ว่าเขามายืนอยู่หน้าประตูห้องควบคุมตั้งแต่เมื่อไหร่

กู่ฉิงซานไม่ได้มองย้อนกลับไป เขาเพียงกล่าว “ผมมีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องไปทำ”

เสียงของกัปตันจมลงและกล่าว “แต่นายกำลังใช้ยานอวกาศของฉันอยู่”

“ใช่ ผมรู้ตัวดี และยินดีที่จะจ่ายสำหรับมัน”

กู่ฉิงซานคว้ากล่องใส่เหรียญของวังเฉิง และเหวี่ยงมันกลับหลัง

เคร้ง!

กล่องตกกระทบลงกับพื้น ระหว่างกลางชายทั้งสอง เหรียญสีฟ้ามากมายกระจายออกจากกล่อง

กัปตันก้มมองเหรียญที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาทอประกายระยิบระยับ

จู่ๆ ก็เข้าควบคุมยานอวกาศ จากนั้นก็โยนเหรียญในกล่องทั้งหมดทิ้งไปอย่างไม่ลังเล การกระทำต่างๆ ของวังเฉิงล้วนเกินความคาดหมายของเขา

“แล้วนายคิดจะใช้ยานอวกาศของฉันทำอะไร?” กัปตันถามด้วยความไม่มั่นใจ

“รีบตรงไปยังตลาดมืดให้เร็วขึ้น”

“จากนั้นล่ะ? นายคิดจะทำอะไรต่อ?”

“นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว ผมจะไม่บอกอะไรอีก”

กู่ฉิงซานไม่มองย้อนกลับมา เขายังคงควบคุมยานอวกาศขณะกล่าว

เขาจับตัวเซนเซอร์แรงลม เพื่อมองหาความเป็นไปได้ที่จะทำให้เรือแล่นเร็วกว่าในปัจจุบัน

ชีวิตของหยุนจีกำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้ไม่อาจล่าช้าได้ จะต้องรีบไปหาเธอทันที!

กัปตันก้มลงมองกล่องเงินบนพื้น สลับกับเงยขึ้นมองแผ่นหลังของวังเฉิง

“ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเผลอดูถูกนายมากเกินไปถึงขนาดนี้ คงจำเป็นต้องมาใช้เวลาทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิมซะแล้ว”

ขณะกล่าว เขาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ เล็งไปทางกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว

‘ไอ้โง่นี่ ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ยังคิดจะทำอะไรอีก!’

กู่ฉิงซานไม่รอช้า กวาดจิตสัมผัสเทวะเจาะผ่านออกไปนอกยานอวกาศ และตรึงเข้ากับท่อนไม้หักๆ ที่ลอยคว้างอยู่ในกระแสมิติ

สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!

กู่ฉิงซานแลกเปลี่ยนตำแหน่งกับท่อนไม้หักๆ

เขาปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกระแสมิติ และท่อนไม้ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าแท่นควบคุม

วินาทีต่อมา

ร่างเงาแทนที่ก็ถูกใช้ออกอีกครั้ง!

กู่ฉิงซานและกัปตันได้สลับตำแหน่งกัน

เขาปรากฏตัวขึ้นในห้องควบคุมยาน ขณะที่กัปตันถูกโยนเข้าสู่วังวนอันเชี่ยวกรากของกระแสมิติ!

ร่างกายวูบไหว กู่ฉิงซานกลับมายืนอยู่หน้าแท่นควบคุมอีกครั้ง

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท่อนไม้หักเพิ่งจะตกกระทบลงกับพื้น

ไม่มีกระทั่งเวลาพักหายใจ กัปตันที่แข็งแกร่งที่สุด ถูกโยนออกจากยานอวกาศไปซะแล้ว

กู่ฉิงซานยังคงควบคุมยานอวกาศ มุ่งตรงไปข้างหน้า

ความสนใจของเขามิได้ถูกเบนเบี่ยงไปเลยแม้เพียงน้อย สมาธิจดจ่ออยู่กับการขับยาน ในใจร้อนรุ่มคาดหวังว่าต้องไปถึงตลาดมืดให้เร็วขึ้นสักหน่อยก็ยังดี

หลังจากนั้นผ่านไปหลายสิบลมหายใจ

เสียงหอบแฮกก็ดังมาจากทางประตูห้องควบคุมอีกครั้ง

“วังเฉิง! สารเลว! แกเป็นใครกันแน่!” กัปตันร้องตะโกนด้วยความโกรธ

“ไม่ต้องสนหรอกว่าผมเป็นใคร แต่อย่ามายุ่งกับผมก็พอ” กู่ฉิงซานก้มหน้าบังคับยานอวกาศ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

กัปตันหยุดคิด ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน

“ฮะ ฮะฮ่า ฮ่าๆๆ แค่นี้ก็มั่นใจได้แล้ว แกไม่ใช่วังเฉิงอย่างแน่นอน!”

“กะแล้วเชียว เจ้าวังเฉิงมันจะไปสามารถอัญเชิญภูตระดับราชาได้อย่างไรกัน!”

เขาพึมพำ “ด้วยเทคนิคมิติที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ฉันขอเดาเลยว่าแกจะต้องเป็นคนสำคัญไม่น้อยแน่ๆ”

“แกมีฝีมือที่ดี แต่ดูก็รู้ว่ากำลังพยายามปิดบังหรือหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่าง”

“และฉันขอเดาว่าแกน่ะมันคนประเภทเดียวกันกับฉัน”

“แกไม่ใช่อาชญากรที่มีใครต้องการตัว แต่เป็นใครบางคนที่จำเป็นต้องปกปิดตัวตน แกน่าจะเพิ่งทำเรื่องราวใหญ่โตไป และต้องการหลบซ่อนจนกว่าเรื่องที่ว่านั่นมันจะถูกสายลมพัดผ่านไป สุดท้ายก็มาจบลงที่ยานของฉัน”

กัปตันกล่าวอย่างช้าๆ ดวงตาของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนสี

ใบหน้าของเขาดูจะตื่นเต้นเล็กน้อย และเริ่มขยับนิ้วมือ “พลังที่แกครอบครองมันร้ายกาจจริงๆนะ แต่น่าเสียดายที่ดันมาอยู่บนยานของฉัน”

“ในเวลานี้ พวกเรากำลังอยู่ในกระแสมิติอันโกลาหล”

“ดังนั้น ทุกสิ่งที่แกมี รวมไปถึงชีวิต สุดท้ายก็จะตกอยู่ในมือของฉัน!”

ว่าจบ กัปตันก็วางมือลงบนประตู ทั้งคนทั้งร่างของเขาพลันหายวับไป

พร้อมกันกับตัวยานอวกาศที่หลุดจากการควบคุมของกู่ฉิงซาน

ยานอวกาศทั้งลำชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ในที่สุดมันก็หยุดลง และเริ่มลอยเคว้งท่ามกลางมิติ

ในเวลาเดียวกัน สมาชิกยานก็ผุดออกมาจากผนังโลหะ

ใบหน้าของพวกเขาล้วนเย็นชาและแข็งทื่อ ราวกับซอมบี้ในนิยายวันสิ้นโลก

“ทำไมต้องทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายแบบนี้ด้วย?”

กู่ฉิงซานส่ายหัวและถอนหายใจ

ดาบเช่าหยินบินออกไป เชือดเฉือนสมาชิกยานนับสิบไปตลอดทาง

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!

เสียงสายฟ้าสาดกระเซ็นไปทุกหนแห่ง

สมาชิกยานถูกกดดันให้ถอยร่นไปเล็กน้อย มีบางคนที่ปรากฏถึงร่องรอยขีดข่วนบนร่างกาย ทว่าพวกเขาไม่ได้ ‘นิ่งค้างไป’

การลงมือในครั้งนี้ พวกเขาแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย

หากมีเพียงหนึ่งหรือสองคน มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร

แต่นี่ ตอนนี้ ทุกคนล้วนไม่มีใครได้รับผลกระทบจากสกิล ‘ตัดขาดการเชื่อมต่อ’ เลย

สิ่งนี้ทำให้กู่ฉิงซานค่อนข้างประหลาดใจทีเดียว

เสียงของกัปตันกลายเป็นดุร้ายและตื่นเต้น “ถ้าเป็นในโอกาสอื่น บางทีฉันอาจจะพิจารณาข้อเสนอของแก แต่ยานอวกาศลำนี้คือดินแดนของฉัน! มันเป็นโลกของฉัน! และฉันจะเป็นคนตัดสินชีวิตแกในเวลานี้!”

“มาเถอะเจ้าวังเฉิงตัวปลอม ไม่ใช่ว่าแกมีภูตผีที่ทรงพลังมากๆ อยู่หรอกหรือ?”

“ฉันเข้าใจนะว่าแกเป็นผู้อัญเชิญภูต และยังรู้ถึงขั้นตอนการเรียกทั้งหมดด้วย ดังนั้นฉันสัญญาเลยว่าแกจะไม่มีโอกาสได้เรียกมัน!”

ขณะกล่าว เหล่าสมาชิกยานก็เริ่มขยับไหว

พวกเขาเข้าล้อมรอบตัวกู่ฉิงซานและโจมตี

ตาของกู่ฉิงซานกลายเป็นคมชัด

ฟิ้ว!

ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาชิงลงมือ

รังสีดาบขนาดใหญ่ นวลผ่องดั่งจันทร์เพ็ญบนฟากฟ้าที่โค้งมนปรากฏออกมา

สมาชิกยานทั้งหมดถูกตัดหั่นเป็นชิ้นๆ ด้วยคมเขี้ยวแสงจันทร์นี้!

สายลมที่เกิดจากดาบ พัดกระพือแขนขาที่ถูกตัดแยกออก กระแทกเข้ากับกำแพงโลหะ จนบังเกิดเสียงหนักทึบต่อเนื่อง

ซากศพร่วงตกลงกับพื้น แตะกลับไม่มีร่องรอยของเลือดปรากฏอยู่เลย

ในไม่ช้า ร่างศพเหล่านั้นก็หายไป

ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น กลายเป็นเกราะรบ และอุปกรณ์ป้องกันอันหลากหลายแทน

กู่ฉิงซานจ้องมองอุปกรณ์ที่แตกหักเหล่านั้น ในหัวใจเริ่มตระหนักชัด

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม ‘ตัดขาดการเชื่อมต่อ’ ถึงไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายหนึ่งได้

เพราะพวกเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นชุดเกราะนั่นเอง!

กัปตันเงียบไปหนึ่งลมหายใจ ก่อนจะหัวเราะอย่างกะทันหัน “มีสกิลอันร้ายกาจอยู่ถึงสอง ก็แล้วอย่างไร? แกจะสามารถต่อสู้ต่อไปแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว?”

เกราะค่อยๆ จมลงในยานอวกาศและหายไป

หลังจากนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ

สมาชิกยานก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ ดวงตาของพวกเขาช่างสดใส ท่าทีและการเคลื่อนไหวดูยืดหยุ่นคล่องแคล่วมากขึ้น

“คนของฉันไม่มีวันตาย และพวกเขาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย!”

กัปตันหัวเราะ

กู่ฉิงซานไม่สนใจเสียงเยาะหยันของกัปตัน

มือของเขาแตะลงบนแท่นควบคุมยานอวกาศ ในวิสัยทัศน์จับจ้องอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า

หลายเส้นแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ค้นพบไอเท็ม ยานอวกาศหุ่นเชิด”

“ไอเท็มชิ้นนี้ได้รับการร่ายเทคนิคมนตรา ผสานโลหะ(ขั้นสูง) วิญญาณชักใยหุ่นเชิด(ขั้นกลาง)”

“ผสานโลหะ(ขั้นสูง) คุณสามารถรวมตัวเองเข้ากับโครงสร้างโลหะ หรือสามารถควบคุมโลหะได้ดั่งใจของคุณ”

“วิญญาณชักใยหุ่นเชิด(ขั้นกลาง) คุณสามารถควบคุมหุ่นเชิดของคุณด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณได้”

“เนื่องจากคุณได้ปลดล็อกจิตวิญญาณแล้ว ส่งผลให้คุณสามารถเรียนรู้เทคนิคทั้งสองนี้ได้เลยโดยตรง”

“หากทำการเรียนรู้สองเทคนิคมนตรานี้ คุณจะได้รับตำแหน่ง ปรมาจารย์หุ่นเชิดโลหะ”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

จู่ๆ เขาก็ได้ทราบว่ากัปตันนั้นเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิดโลหะ

ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าเจ้าหน้าที่อันดับสอง และสมาชิกยานทั้งหมดในวันนี้ ก็ล้วนเป็นหุ่นเชิดที่ถูกสร้างขึ้นโดยกัปตันผู้สามารถควบคุมวัตถุและชุดเกราะได้น่ะสิ!

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเสียงมรณะไม่ทำงาน อันที่จริงมีใบ้ให้แล้วในตอนที่อันดับสองพูดว่า ‘เจ้าเด็กเหลือขอ’ มันคือคำพูดเดียวกันกับที่กัปตันใช้เรียกกู่ฉิงซาน

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยานอวกาศทั้งลำก็ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันกับเขา ซึ่งเกรงว่านี่มันคงจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากแน่ๆ

หากคุณไม่ทราบว่ากัปตันได้หลอมรวมเข้ากับยานทั้งลำ และยังคงบ้าบิ่นต่อสู้ต่อกับหุ่นเชิดบนยานต่อไป เกรงว่าสถานการณ์ยิ่งนานคงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกัปตันถึงดูมั่นใจนักมั่นใจหนา ว่าจะสามารถเอาชนะกู่ฉิงซานได้

แต่ตอนนี้ ..

กู่ฉิงซานกุมดาบขุนเขาเทวะหกโลกา และเริ่มกระตุ้นพลังวิญญาณ

รังสีดาบสีน้ำเงินขาวสาดแสงเปรี๊ยะปร๊ะ ดังออกมาจากดาบขุนเขาเทวะ

กัปตันหัวเราะอย่างภาคภูมิ “เหอะ! นั่นแกคิดจะทำอะไร? โจมตีฉันหรือ? ช่างน่าสงสาร เพราะแกไม่มีทางหาฉันเจอได้หรอก”

กู่ฉิงซานไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเพียงแทงดาบขุนเขาเทวะ เสียบลงบนพื้นกลางลำยานด้วยเจตนาร้าย!

ยานอวกาศทั้งลำพลันสั่นไหว

โดยทั่วไปแล้ว ยานอวกาศน่ะมักจะมีความทนทานเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องใช้เดินทางในมิติอันเชี่ยวกราก

และตอนนี้ ยานอวกาศก็ยังหลอมรวมเข้าด้วยกันกับกัปตัน ดังนั้นการป้องกันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!

แต่ว่าอีกฝ่ายช่างน่าสงสาร

นั่นเพราะดาบเล่มนี้ครอบครองพลังแหกกฎเกณฑ์

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการผสานโลหะหรือชักใยหุ่นเชิด มันก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใดเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบขุนเขาเทวะเล่มนี้!!

ดังนั้น ด้วยดาบขุนเขาเทวะ มันย่อมสามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

กู่ฉิงซานกระชากดาบยาวออกมา

ยานอวกาศทั้งลำสั่นสะท้านอีกครั้ง

กัปตันพยายามฝืนบังคับตนให้สงบ “เหอะ พอไม่สามารถหาตัวฉันได้ ก็คิดจะทิ่มแทงยานอวกาศไปมั่วๆ เช่นนั้นหรือ ช่างเป็นคนที่โง่เขลาซะจริง”

กู่ฉิงซานเงียบ เขาไม่เอ่ยคำใด ทำการกระตุ้นพลังวิญญาณอีกครั้ง

เทียบกันกับเมื่อครู่นี้ รังสีดาบที่กำลังเปล่งออกมาในปัจจุบันดูจะรุนแรงกว่ามาก

เสียงพูดของกัปตันดังขึ้นอีกครั้งทันที

คราวนี้เขาพูดรัวเร็วกว่าเดิม “เฮ้ เฮ้ พวกเรากำลังสู้กันอยู่นะ แต่ยานลำนี้เป็นแค่ที่ให้พวกเราหยั่งเท้า เพราะฉะนั้นฉันคิดว่ามันไม่ควร..”

กู่ฉิงซานเสียบดาบยาวลงบนพื้นยานอีกครั้ง

ยานอวกาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คล้ายกับว่าวินาทีต่อไปมันจะแตกสลาย

สมาชิกยานสูญเสียการควบคุมโดยสมบูรณ์ พากันล้มตัวลงกับพื้น

เหมือนว่าจะได้ยินถึงเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดจางๆ ดังมาจากส่วนลึกของภายในตัวยาน

กู่ฉิงซานเผยรอยยิ้มหวาน ปากเอ่ยกล่าว “ปากบ่นอีกอย่าง แต่อย่างไรซะร่างกายก็ยังซื่อสัตย์อยู่ดี”

คราวนี้บนดาบยาว รังสีดาบคึกคะนอง แผดเผาเป็นประกายยิ่งกว่าที่แล้วๆ มา!

........................................