ตอนที่ 650 ความใจกว้างของร้อยบุปผา
บนทะเลสาบ
การแสดงออกของฉินรั่วและว่านเอ๋อกลายเป็นอบอุ่นและจริงใจ
หากไม่มีชายตรงหน้า พวกเธอคงไม่สามารถรอดชีวิตมาได้ ยิ่งเรื่องการได้รับอิสระคงไม่ต้องกล่าวถึง
ช่วงวันเวลาทั้งทั้งสามอยู่ร่วมกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างเกิดความเคารพและไว้วางในกันและกัน
ว่านเอ๋อแทบทนไม่ไหวต้องเอ่ยถาม “นายน้อย...ไม่สิศิษย์พี่ หลังจากนั้นศิษย์พี่ก็ได้ติดตามจิ้งจอกขาวไปยังโลกของมันใช่หรือไม่?”
กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น
จิ้งจอกขาวน่ะหรือ?
มันยืนหยัดต่อหน้าเสี่ยวถายได้แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
เมื่อต้องเผชิญกับหนึ่งในตัวตนทรงอำนาจของโลกเก้าร้อยล้านชั้น ใครมันจะไปสามารถคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีต่อไปได้?
หลังจากที่ฉินรั่วและว่านเอ๋อจากไป เรื่องราวทั้งหมดก็พลิกผัน เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ดังนั้นต่อให้เป็นเขา ก็คงจะไม่สามารถอธิบายทุกเรื่องราวให้มันกระจ่างในระยะเวลาสั้นๆ ได้
“หลังจากนั้น ข้าก็ได้ต่อสู้กับใครบางคน และเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นตามมา แต่หากจะให้เล่า ข้าเกรงว่ามันคงจะใช้เวลานานกว่าจะจบ”
“งั้นก็ลืมมันเถอะ ศิษย์พี่ดูเหมือนว่าจะได้ผ่านประสบการณ์ที่ทั้งดีและร้ายมามากมาย มันคงจะไม่ง่ายเลยถ้าจะเล่าให้ฟัง เอาไว้หากมีเวลาว่าง พวกเราค่อยไปนั่งสนทนาถึงรายละเอียดกันอย่างช้าๆ ทีหลังก็ได้” ฉินรั่วกล่าวด้วยความเห็นใจ
“มิใช่ว่าไม่อยากจะบอกนะ แต่ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจคงจำเป็นต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่งเลย ฉะนั้นพวกเจ้าพอจะช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้ แล้วข้าจะบอกพวกเจ้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าในภายหลัง”
สองสาวงามพอได้ฟังก็พยักหน้าพร้อมกัน
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนที่แสร้งปลอมเป็นข้า?”
ว่านเอ๋อตอบ “เขาถูกจับตัวไปขังไว้โดยท่านอาจารย์ และเวลานี้เหล่าอาวุโสของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์ ก็มาที่นี่เพื่อจะพาชายคนนั้นกลับไป”
“โดนจับได้ถึงขนาดนี้ พวกเขายังจะกล้ามาขอร้องอีกหรือ?” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
“ใช่ พวกเขาอ้างเหตุผลว่านี่คือกระบวนการตรวจสอบผู้นำคนใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนมาสืบมันอย่างลับๆ” ฉินรั่วอธิบาย
“เข้ามาตรวจสอบ โดยการเลือกแสร้งปลอมเป็นข้า แล้วทำการสอดแนมเนี่ยนะ?”
กู่ฉิงซานเยาะหยัน ในน้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งเจตนาฆ่า
ฉินรั่วกล่าว “ท่านอาจารย์ได้ใช้วิธีการมากมายกับชายคนนั้น และในที่สุด ก็ค้นพบว่าเขามาจากพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์ และเป็นตัวแทนของอาวุโสแห่งพันธมิตร”
ว่านเอ๋อเสริม “หากไม่คิดถึงเรื่องศีลธรรม ท่านอาจารย์คงลงมือสังหารเขาไปแล้ว”
“ว่าแต่จุดประสงค์ของชายคนนั้นคืออะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนางเซียนไป่ฮั่ว เพื่อที่จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งและลักษณะเฉพาะของผู้ฝึกยุทธ์ในโลกใบนี้ รวมไปถึงในด้านหกศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ ชุดเกราะ หรือแม้กระทั่งวิธีการจัดวางค่ายกล”
“โห?”
กู่ฉิงซานยิ้มเย็น ปากเอ่ยถาม “สรุปง่ายๆ ว่าพวกเขากำลังค้นหาจุดอ่อนของท่านอาจารย์ และจุดอ่อนของโลกใบนี้ใช่หรือไม่?”
“มันเป็นอย่างนั้น อันที่จริงแล้ว ถ้าจะให้กล่าวตรงๆ คนที่แสร้งเป็นเจ้าได้ลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างไปอยู่เหมือนกัน”
“เขากระทำสิ่งใด?”
“เขาพยายามที่จะพาตัวซิวซิวออกไป”
ในหัวใจของกู่ฉิงซานกระตุกวูบทันที
ชัดเจนว่าอีกฝ่ายได้ค้นพบจุดอ่อนของเซี่ยเต๋าหลิงแล้วจริงๆ!
ในอดีต ซิวซิวเคยถูกจับตัวไว้โดยศัตรูของเซี่ยเต๋าหลิง เด็กสาวต้องทนทุกข์ทรมานเนื่องจากไม่ยินยอมปริปากใดๆ ด้วยเหตุนี้เซี่ยเต๋าหลิงจึงสามารถรอดพ้นจากหายนะมาได้
หลังจากเซี่ยเต๋าหลิงก้าวขึ้นสู่ประทับเทพ ในที่สุดนางก็ได้ล้างแค้นสมใจ แต่ขณะเดียวกันก็ค้นพบว่าซิวซิวได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู และใกล้จะตายแล้ว
ต้องไม่ลืมนะว่าซิวซิวคือลูกสาวของอาจารย์ของเซี่ยเต๋าหลิง
และซิวซิวยังเป็นคนที่พยายามปกป้องเซี่ยเต๋าหลิงโดยยินยอมแลกแม้ชีวิต
ดังนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เซี่ยเต๋าหลิงจะไม่มีทางยินยอมให้ซิวซิวได้รับบาดเจ็บใดๆ โดยเด็ดขาด
หากซิวซิวถูกลักพาตัวไปจริงๆ กู่ฉิงซานไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านอาจารย์
“แล้วซิวซิวเป็นอย่างไรบ้าง?” กู่ฉิงซานเร่งถาม
“ถ้าจะให้พูดก็คงจะต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะในเวลานั้น พวกเราเพิ่งจะกลับมาจากโลกล่องเวหา และพยายามตามหานิกายร้อยบุปผาตามที่เจ้าเคยได้บอกไว้”
“จนในที่สุด เมื่อได้ค้นพบนิกายร้อยบุปผา ผลปรากฏว่าท่านอาจารย์กับศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นั่น มีเพียงศิษย์พี่สองฉินเซี่ยวโหลวที่ออกมาพบกับพวกเรา และเมื่อเขาเห็นว่าพวกเรากับเจ้าเกี่ยวข้องกัน เขาจึงเชื้อเชิญพวกเราเข้ามาในนิกาย เพื่อรอให้นางเซียนไป่ฮั่วกลับมา แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง”
“จากนั้น?”
“จากนั้นเราก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่เพิ่งได้กล่าวไป พวกเราเจอกับชายที่แสร้งเป็นเจ้า ระหว่างที่กำลังคิดกันว่า ‘นี่มันผิดปกติ เจ้าไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้’ ประจวบกับที่ซิวซิวเป็นศิษย์น้องของเจ้า พวกเราจึงเลือกที่จะเข้าไปขวางเขา”
“แล้ววิธีการใดกันที่พวกเจ้าใช้ขัดขวาง”
ฉินรั่วยิ้ม “พวกเรากล่าวหาว่าเขาเป็นคนบ้ากาม คิดจะนำศิษย์น้องที่เป็นแค่เด็กออกไปทำมิดีมิร้าย”
ว่านเอ๋อหัวเราะ “เพราะก่อนหน้านี้พวกเราเคยลองยั่วยวนเขา และเขาก็พยายามที่จะยื่นมือเข้ามาลูบไล้ตามร่างกายของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงแสร้งทำเป็นว่าเขาจะทำแบบเดียวกันนี้กับซิวซิว สุดท้ายเขาเลยไม่กล้านำตัวซิวซิวจากไป”
ฉินรั่วกล่าวด้วยความรื่นรมย์ “นับว่าโชคยังดีที่เขาแสร้งปลอมตัวเป็นเจ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นพื้นฐานวรยุทธ์ของเขาจึงไม่สูงมากนัก เมื่อถูกพวกเราขวาง เขาจึงไม่คิดกล้าต่อต้านใดๆ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “เดชะบุญจริงๆ ที่ข้าได้ปลดเปลื้องพันธนาการให้แก่พวกเจ้าก่อนที่จะกลับมา”
สองหญิงงามพอได้ฟัง ก็พยักหน้าพร้อมกัน
พวกเธอทั้งสองต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตพันวิบัติ มันจึงเป็นการง่ายที่จะหยุดยั้งผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตก้าวสู่เทพ
“หลังจากนั้น อาจารย์ก็กลับมา” ฉินรั่วกล่าว
“อาจารย์เจ้าจดจำพวกเราได้ และเร่งไถ่ถามข่าวคราวของเจ้าทันที”
“ส่วนคนที่แสร้งปลอมตัวเป็นเจ้า อาจารย์ได้ใช้วิชาต่างๆ รวมไปถึงการค้นวิญญาณ เพื่อสืบหาถึงเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือกับทุกชนิดของปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง”
“อาจารย์เจ้ารู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมาก ในเรื่องที่พวกเราได้ช่วยซิวซิวเอาไว้ และนางยังรู้สึกซึ้งใจที่พวกเราร่วมกันต่อกรกับฉีหยานในโลกเทวะ ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากถามว่าพวกเราต้องการที่จะอยู่ที่นี่หรือไม่”
“แล้วพวกเราเองก็กำลังคิดว่าไม่มีที่ไปอยู่พอดี อีกอย่างอาจารย์เจ้าก็ดูเป็นคนดีมาก พวกเราเลยตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความยินดี “ยินดีต้อนรับเจ้าทั้งสอง อันที่จริงแล้วการที่ตัดสินใจอยู่ในนิกายร้อยบุปผา มันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเจ้าเหมือนกัน”
“พวกเราก็คิดเช่นนั้น”
“หากเทียบเปรียบกับในอดีตแล้ว ชีวิตของพวกเราในปัจจุบัน ทุกวันนี้ราวกับได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง” ว่านเอ๋อกล่าวด้วยอารมณ์
ฉินรั่ววาดมือออกไป
ราวกับรับรู้ถึงสัญญาณ เรือเหาะค่อยๆ ลดระดับลงสู่ทะเลสาบอย่างช้าๆ
“ศิษย์พี่ พวกเราไปกันเถิด กลับไปยังนิกายกัน” เธอกล่าว
“ใช่ พวกเราจะต้องรีบพาเจ้ากลับไปให้ความช่วยเหลือ” ว่านเอ๋อก็พูดด้วย
“ให้ความช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามทันที
นี่คือคำถามที่เขารู้สึกสงสัยมากที่สุดในวันนี้
เพราะตนได้จากโลกใบนี้มานานเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องเร่งรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดมาอย่างรวดเร็ว
ฉินรั่วอธิบาย “ท่านอาจารย์ได้กลายเป็นผู้นำของพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์ ขณะเดียวกัน หลายคนในพันธมิตรก็ยังไม่วางใจในตัวนาง”
“และตอนนี้ พวกคนที่ไม่วางใจที่ว่า ก็กำลังอยู่ภายในนิกายร้อยบุปผาใช่หรือไม่?” กู่ฉิงซานกล่าว
“ใช่ เหล่าอาวุโสกำลังเจรจากับท่านอาจารย์อยู่ว่าจะจัดการกับคนที่แสร้งปลอมเป็นเจ้าอย่างไร”
กู่ฉิงซานหลับตาลง และคิดอยู่พักหนึ่งจึงกล่าว “ด้วยนิสัยของท่านอาจารย์ หากมีคนอ้างว่าเป็นข้า นางคงโกรธเกรี้ยวและลงมือสังหารชายผู้นั้นลงโดยตรง ยิ่งคิดจะลักพาตัวซิวซิวอีก อาจารย์คงไม่มีทางยอมปล่อยชายคนนั้นไป”
เขาเอ่ยถาม “ดังที่กล่าวมา ฉะนั้นเหตุใดท่านอาจารย์จึงได้ยอมเจรจากับคนเหล่านี้อยู่อีก?”
ฉินรั่ว “พวกเราเองก็ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์เหมือนกัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะการผสานรวมโลก ท่านอาจารย์จึงเป็นรองฝ่ายตรงข้าม”
“ใช่ๆ ท่านอาจารย์ดูเหมือนว่าจะหมดหนทางจริงๆ” ว่านเอ๋อกล่าว
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ
‘น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะท่านอาจารย์ได้ทำการผสานรวมโลกตั้งหลายใบเข้าด้วยกัน และจำต้องใช้โควตาของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อมิให้เป็นการฝ่าฝืนกฎของโลกเก้าร้อยล้านชั้น’
หากอิงตามที่เสี่ยวเหมียวกล่าว ถ้าไม่มีโควตาใดๆ ใครก็ตามที่ทำการผสานรวมโลกมากกว่าสอง ก็จะถูกกำจัดลงไปเลยโดยตรง
สองสาวมองหน้ากันและกัน ฉินรั่วเอ่ยกับกู่ฉิงซานอย่างจริงจัง “ในเวลานี้ ทั้งข้าและว่านเอ๋อต่างก็คิดเห็นเหมือนกัน นั่นคือสถานที่แห่งนี้ต้องการเจ้า”
“ไว้ใจข้าได้เลย” กู่ฉิงซานรับคำ
ว่านเอ๋อยิ้มหวาน “หากมองจากในตอนอยู่โลกล่องเวหา ที่แม้จะพบเผชิญกับภยันตรายมากมาย แต่สุดท้ายศิษย์พี่ก็สามารถฟันฝ่ามันมาได้ ฉะนั้นแล้ว ตราบใดที่มีศิษย์พี่อยู่ที่นี่ ท่านอาจารย์ย่อมต้องสามารถผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอน”
ฉินรั่วสนับสนุน “เป็นเช่นนั้น”
“เข้าใจแล้ว พวกเราไปกันเถิด กลับไปหาพวกเขากัน” กู่ฉิงซานกล่าว
สองสาวรับคำพร้อมกัน “เจ้าค่ะศิษย์พี่”
แล้วเรือเหาะก็เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไปในเมฆหมอก ตัดผ่านไปยังเส้นขอบฟ้า บินตรงไปยังทิศทางของนิกายร้อยบุปผา
ณ นิกายร้อยบุปผา
ภายในโถงใหญ่ การเจรจาอย่างเป็นทางการกำลังเกิดขึ้น
นางเซียนไป่ฮั่ว เซี่ยเต๋าหลิงในชุดคลุมมรกต ตรงคอปกเสื้อร้อยเรียงไปด้วยขนนก กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์หมื่นบุปผา
โดยมีผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกตีตรวน ล่ามไว้ด้วยโซ่นหลายเส้น กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ไกลออกไปในมุมห้องโถง
หากมองจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรากฏอยู่ ชายผู้นั้นเหมือนกันกับกู่ฉิงซานทุกประการ
ในใจกลางห้องโถง เป็นกลุ่มชายชราทั้งแปดที่กำลังถกเถียงกับเซี่ยเต๋าหลิงอยู่
พวกเขาคือเหล่าอาวุโสของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์ ที่มีตำแหน่งสูงล้ำ และยังมีหน้าที่ในการจัดการกิจการต่างๆ ของทางพันธมิตรอีกด้วย
กล่าวได้ว่ากระทั่งผู้นำพันธมิตรเองก็ยังต้องพึ่งพาพวกเขา เพื่อที่จะบรรลุเรื่องราวต่างๆ
ผู้อาวุโสกล่าว “เซี่ยเต๋าหลิง เจ้าเป็นถึงผู้นำแห่งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์ เหตุใดจึงต้องกระทำกับผู้ฝึกยุทธ์ตัวน้อยๆ เช่นนี้ด้วย?”
เซี่ยเต๋าหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เขาแสร้งปลอมเป็นศิษย์ข้า สืบเสาะทุกชนิดของความลับในโลกใบนี้ แล้วจะให้ข้าทำเป็นปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปกระนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งกล่าว “มิใช่เช่นนั้น ชายผู้นี้เป็นคนจากพันธมิตรที่ถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบว่าเจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับอาณาจักรมารหรือไม่ต่างหากเล่า การที่ทางพันธมิตรกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของผู้นำ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
เซี่ยเต๋าหลิงพยักหน้าและกล่าว “เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่ข้าได้ทำการค้นวิญญาณของเขาแล้ว แม้ว่าความทรงจำบางส่วนของเขาจะถูกปิดผนึกเอาไว้ก็ตาม และแม้ข้าจะไม่เห็นมัน แต่เรื่องที่เขาคิดจะพาซิวซิวไปนั้นข้ากระจ่างแก่ใจอย่างชัดเจน”
เซี่ยเต๋าหลิงกล่าวด้วยความเย็นชา “พยายามที่จะลักพาตัวสาวกของข้า เรื่องนี้ทางพันธมิตรจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ผู้อาวุโสหลายคนแสดงถึงสีหน้าอึดอัดใจ และเงียบไป
เป็นเพราะเรื่องนี้นั่นเอง ที่ทำให้แผนการของพวกเขาถูกเปิดโปงโดยสิ้นเชิง
“เซี่ยเต๋าหลิง พวกเราจะไม่ชี้นิ้วสั่งเจ้า พวกเราเพียงต้องการที่จะล่วงรู้เกี่ยวกับเจ้าให้มากขึ้นผ่านทางสาวกเจ้าก็เท่านั้นเอง และจากนั้นสาวกเจ้าก็จะถูกส่งตัวกลับมาในภายหลัง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” ผู้อาวุโสพยายามอย่างดีที่สุด ที่จะโน้มน้าวใจ
“เมื่อได้ขึ้นเป็นผู้นำพันธมิตร จ้าวแห่งเต๋าฮั่วหลานจากอาณาจักรนิรันดร์ ก็ได้นำบุตรของตนมาฝากฝังให้เป็นศิษย์ในนิกายข้า เพื่อเรียนรู้แลกเปลี่ยนกระบวนวิชาแก่กันและกัน เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เจ้าสามารถไถ่ถามมันจากเหล่าอาวุโสได้”
“ถูกต้อง ซึ่งในกรณีนี้ จะทำให้ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเราหรือเจ้าก็ล้วนได้รับผลประโยชน์ ฉะนั้นเจ้าก็ไม่สมควรที่จะสร้างปัญหาใดๆ” อีกหนึ่งอาวุโสเตือน
“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น”
“นี่แหละ จึงจะสมเหตุสมผล”
แต่เซี่ยเต๋าหลิงก็ยังส่ายหัวและกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่คิดจะรับตำแหน่งผู้นำพันธมิตรอีกต่อไป พวกเจ้าจงไสหัวไปเสีย!”
หลายอาวุโสหันมามองหน้ากันและกัน
‘ใครจะไปรู้ว่าเรื่องราวต่างๆ มันจะลุกลามเช่นนี้?’
‘เหตุใดเซี่ยเต๋าหลิงจึงไม่ฟังเหตุผลเลย?’
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หากมิใช่เซี่ยเต๋าหลิงแล้ว ยังจะมีผู้ใดอีกเล่าที่จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำได้?
พันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์น่ะกำลังจะพินาศ
หากนางถอนตัวออกไป เกรงว่าเหล่าผู้ที่สนับสนุนนางก็จะเข้าข้างนางเช่นกัน และอาจกระทำการต่างๆ ด้วยตนเองโดยพลการได้
ไม่มีทางเสียล่ะ!
ใครจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นกัน!?
ภายในวันนี้ จักต้องปราบพยศนังผู้หญิงคนนี้ให้จงได้!
อีกอาวุโสถอนหายใจ และเอ่ยขึ้น “เซี่ยเต๋าหลิง มันจะดีกว่าไหมหากเจ้าปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านไป พวกเราสามารถมอบอำนาจมหาศาลให้แก่เจ้าได้ แต่จากนี้ไป ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจถึงสิ่งหนึ่งให้มันชัดเจน นั่นคือขีดจำกัดในการผสานรวมโลกอยู่ในมืออาวุโสอย่างพวกเรา”
คิ้วดั่งใบหลิวของเซี่ยเต๋าหลิงอดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
ใช่ นั่นแหละปัญหาใหญ่ที่สุดของเธอ
เพื่อที่จะให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงได้รวบรวมโลกหลายใบเข้าด้วยกัน จากนั้นเธอถึงเพิ่งมาได้รู้ว่าการกระทำเช่นนั้น คือการนำภัยพิบัติมาสู่โลกและตนเอง
หากไม่มีขีดกำจัด(โควตา) ของพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์ ทุกอย่างก็เป็นอันจบ
เกิดความเงียบงันขึ้นเป็นระยะเวลานาน
เซี่ยเต๋าหลิงเอ่ยถาม “เช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรกับคนที่แสร้งปลอมเป็นศิษย์ข้า?”
“เจ้าจะต้องมอบเขาให้แก่เรา เพราะเขาคือคนของเรา เขามิสมควรที่จะมาตายลงในสถานที่แห่งนี้!” อีกอาวุโสกล่าวน้ำเสียงเฉียบขาด
เซี่ยเต๋าหลิงกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง แต่จู่ๆ สายตาของเธอก็เลื่อนออกไป
แปดอาวุโสเองก็เช่นกัน
ทั้งหมดมองไปยังประตูใหญ่ทางเข้าโถง
เห็นแค่เพียงผู้ฝึกดาบรุ่นเยาว์กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้า เฝ้ามองดูทุกคนในโถงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เป็นกู่ฉิงซาน!
กู่ฉิงซานตัวจริงได้กลับมาแล้ว!
ในช่วงเวลาที่สำคัญเยี่ยงนี้ สาวกของนิกายร้อยบุปผาได้กลับคืนสู่โลกของตน!
“เจ้าได้พบกับศิษย์น้องหญิงทั้งสองแล้วหรือยัง?” นางเซียนไป่ฮั่วถามด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าพอใจกับการตัดสินใจนี้ของข้าหรือไม่?”
“พวกนางแม้เป็นคนที่น่าสงสาร แต่อุปนิสัยกลับดีเป็นอย่างมาก ข้ายินดีต้อนรับพวกนางเข้าสู่นิกาย” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างช้าๆ โค้งกายคารวะนางเซียนไป่ฮั่วด้วยความนอบน้อม
“ท่านอาจารย์ ข้ากลับมาแล้ว”
“เอาเถิด จงไปพักผ่อนเสีย ข้ามีบางอย่างที่จักต้องหารือ เอาไว้พวกเราค่อยมาพูดคุยกันในภายหลัง”
“สิ่งที่ท่านอาจารย์กำลังหารือ ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสายลับหรือไม่?”
กู่ฉิงซานชี้ไปยังมุมห้องโถง
ชายที่แสร้งปลอมเป็นเขายังคงถูกตีตรวนอย่างแน่นหนา มิอาจเคลื่อนกายไปไหนได้
นางเซียนไป่ฮั่วเมื่อเห็นเขากล่าวถึงเรื่องนี้ ภายในจิตใจก็รับรู้ได้ทันทีว่าศิษย์ตนมีความคิดบางอย่าง จึงเออออตามเขาไป “สำหรับเรื่องนี้ ฉิงซาน เจ้ามีความคิดเห็นว่าสมควรทำเช่นไร?”
“ข้าคิดว่าเรื่องนี้หาได้สำคัญไม่ จะทะเลาะกันไปด้วยเหตุใด ไม่จำเป็นต้องคิดมากจนเกินไปเลย” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาพูดต่อ “การที่คนอื่นๆ ต้องการจะรู้เกี่ยวกับท่านอาจารย์ ก็เพื่อที่พวกเขาจะอยู่ร่วมกันกับอาจารย์อย่างสนิทสนม นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดีมิใช่หรือ...พวกท่านเล่าว่าอย่างไร?”
กล่าวยังไม่ทันจบประโยค เขาก็หันไปทางแปดอาวุโส
แปดอาวุโสตกใจไปพักหนึ่ง แต่ก็รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “เป็นเช่นนั้น!”
“นั่นแหละเหตุผล”
“นั่นคือสิ่งที่พวกเราคิด!”
“กู่ฉิงซาน ช่วยเกลี้ยกล่อมอาจารย์เจ้าด้วยเถอะ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าให้เหล่าอาวุโส แสดงถึงความใส่ใจในการรับฟังพวกเขา
เจ้าตัวหันไปโน้มน้าวนางเซียนไป่ฮั่ว “แท้จริงแล้ว นี่คือกระบวนการที่เหล่ากลุ่มอิทธิพลมากมายล้วนกระทำกัน เพื่อเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสบายใจและสงบสุข ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นที่จะทำให้มันถูกต้อง”
“ซึ่งข้าเชื่อว่าต้นตอความคิดนี้ของทุกท่านล้วนหวังดี ท่านอาจารย์ ท่านไม่จำเป็นต้องไปถกเถียงอันใดเลย”
“หือ? เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ อย่างงั้นหรือ?” เซี่ยเต๋าหลิงเอ่ยถาม
“ขอรับ ท่านอาจารย์และทุกคนจักต้องร่วมมือกันอีกในอนาคต ดังนั้นความเมตตาในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดความสามัคคีและกลมเกลียวกันแค่ไหน ท่านลองคิดดู” กู่ฉิงซานกล่าว
ว่าแล้วเขาก็เดินไปหาตัวปลอมอย่างช้าๆ
“อาจารย์ ท่านไม่จำเป็นต้องตีตรวนอย่างแน่นหนาถึงเพียงนี้หรอก เพราะในหัวใจของผู้ฝึกยุทธ์ผู้นี้ คงสำนึกเสียใจแล้ว และอีกอย่าง กระทำเช่นนี้เดี๋ยวผู้คนจะพาลคิดไปว่านิกายร้อยบุปผาของเราดูแลแขกได้ไม่ดี”
ระหว่างกล่าว เขาก็ยังเดินไปหาตัวปลอม
นางเซียนไป่ฮั่วตกใจ
ขณะที่เหล่าอาวุโสต่างพากันตะโกนสรรเสริญ
“เซี่ยเต๋าหลิง เจ้ามีศิษย์ที่ดีจริงๆ”
“ในหัวใจช่างเต็มไปด้วยเมตตา น่ายกย่องยิ่งนัก”
“การที่ในนิกายเจ้ามีสาวกเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี”
เซี่ยเต๋าหลิงตกอยู่ในความสับสน นางมิได้เอ่ยคำใด ในสายตาเพียงเฝ้ามองทุกฝีก้าวของกู่ฉิงซาน
ณ จุดนี้ กู่ฉิงซานก็ได้เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าตัวปลอมแล้ว
เขามองอีกฝ่าย และเผยรอยยิ้มขออภัย “ถูกตีตรวนแน่นหนาเช่นนี้ คงจะรู้สึกอึดอัดใช่หรือไม่? ข้าต้องขอโทษเจ้าแทนอาจารย์ด้วย แท้จริงแล้วพวกเรานิกายร้อยบุปผาไม่ควรกระทำเช่นนี้กับเจ้าเลย”
เมื่อเห็นว่าตัวจริงพูดกับตนดีมากๆ เจ้าตัวก็ผ่อนคลายลง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นข้าที่ผิดเอง ที่หยิบยืมสถานะของเจ้า เพื่อต้องการที่จะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับท่านผู้นำพันธมิตรให้มากขึ้น”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย นี่มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
กู่ฉิงซานตบลงบนไหล่อีกฝ่าย อย่างไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของเจ้า เจ้าช่างเป็นคนใจกว้างจนน่าประทับใจจริงๆ” อีกฝ่ายกล่าว
พอถูกชม กู่ฉิงซานเองก็ดูจะเผยถึงท่าทีเคอะเขินเล็กน้อย
“สหายเจ้าผิดแล้ว อันที่จริงเจ้าไม่ต้องคิดมากพึงเพียงนั้นก็ได้ นั่นก็เพราะ...”
ฉัวะ!
คมกล้าของใบดาบกะพริบไหวขึ้นทันใด
ศีรษะของตัวปลอมถูกตัดสะบั้นอย่างไร้คำเตือนใดๆ มันลอยคว้างมายังใจกลางห้องโถง ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปยังเท้าของเหล่าอาวุโส
บนร่างกายที่ไร้ซึ่งหัวสาดไปด้วยละอองเลือดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอ่อนเปลี้ยและร่วงลงกับพื้น
ตุบ…
“นั่นก็เพราะเจ้าได้ตายไปแล้ว และนิกายร้อยบุปผาของข้าก็ใจกว้างเสมอมา พวกเราน่ะไม่คิดใส่ใจหรือเอาผิดใดๆ กับคนตายหรอก”
กู่ฉิงซานสะบัดเลือดที่เปรอะคมดาบ ปากเอ่ยกล่าวด้วยความจริงใจ
…………………………………………….