webnovel

0606 สุสานแห่งโลก

ตอนที่ 606 สุสานแห่งโลก

ณ ภายในโลกที่ไม่รู้จัก

พื้นดินทุกหย่อมหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยร่างโครงกระดูกดำ

มีแค่เพียงกู่ฉิงซานกับเกล็ดสีดำเท่านั้น ที่ยังคงลอยอยู่เงียบๆ เบื้องหน้าเสาทองแดง

“คงไม่ผิดแล้วล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างมั่นใจ “จากในสายตาของมัน ข้ารู้สึกได้ว่ามันรู้จักข้าจริงๆ”

ร่างใหญ่นิ่งไปชั่วคราว

“แต่มอนสเตอร์ตนนี้อย่างไรเสียก็ตายไปแล้ว ตอนนี้เจ้าคาดเดาไปก็คงไม่มีทางรู้ได้หรอก แต่ข้าอยากจะแนะนำอะไรบางอย่างแก่เจ้า” เขากล่าว

“เชิญชี้แนะ”

“หากไร้ซึ่งอำนาจ จงอย่าแส่หาความลับที่เจ้าไม่อาจควบคุมได้”

กู่ฉิงซานเงียบไป

นั่นสินะ สถานการณ์เมื่อครู่นี้มันไกลเกินกว่าที่ขีดจำกัดของเขาจะรับมือไหวจริงๆ

หากไม่ใช่เพราะสกิลของเกราะเทพ หากไม่ใช่เพราะการทุ่มชีวิตโจมตีของดาบพิภพ หากไม่ใช่เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์แหกกฎอันเป็นเอกลักษณ์ของดาบขุนเขาเทวะหกโลกา ตราบใดที่ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวเองก็คงจะตายไปแล้ว

และไม่เพียงแค่เขาที่จะต้องตายลง แต่จิตวิญญาณของร่างใหญ่เองก็คงจะหนีไม่พ้นเช่นกัน

กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก และกล่าวอย่างช้าๆ “ความจริงแล้ว หลังจากย้อนคิดถึงประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาทั้งหมด ข้าจำต้องเพียรพยายามอย่างสุดความสามารถตลอดเวลา ใช้ทุกหนทางที่เป็นไปได้ เพื่อคว้าโอกาสเพียงน้อยนิดในการเอาชีวิตรอด แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น สาเหตุมันล้วนมาจากการที่ตัวข้านั้นอ่อนแอเกินไปอย่างที่ท่านว่าจริงๆ”

ร่างใหญ่เอ่ยในทำนองเดียวกัน “ไม่ว่าจะเป็นในโลกใดๆ ความอ่อนแอนั้นคือบาปอันหนักหนา เป็นอาชญากรรมอันร้ายแรงที่มิอาจให้อภัยได้ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถมีชีวิตที่ดี และอยู่รอดต่อไปได้”

กู่ฉิงซาน “ดังนั้นนับจากนี้ต่อไป ข้าจะคิดค้น เฟ้นหาทุกวิถีทางที่จะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น จะทุ่มเต็มกำลัง เพียรพยายามอย่างเต็มที่ให้ตัวเองแข็งแกร่ง!”

ร่างใหญ่เอ่ยถาม “ฟังจากคำเมื่อครู่ของเจ้า? แท้จริงแล้วภายนอกมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

“อันที่จริงแล้ว มันมีหลายเรื่องทีเดียว เริ่มจาก…”

กู่ฉิงซานบอกเล่าทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ออกไป

“ระบบของราชามารได้ปรากฏขึ้นอย่างงั้นหรือ…” ร่างใหญ่ถอนหายใจเบาๆ

“ใช่ แต่ข้าได้สังหารผู้เข้าสู่วิถีมารทั้งหมดลงไปแล้ว และจะไม่ยอมปล่อยให้ระบบของราชามารเล็ดลอดออกไปจากโลกใบนั้นเด็ดขาด” กู่ฉิงซานกล่าว

“เจ้าทำได้ไม่เลวเลย เพราะในกรณีที่หากมันหลุดออกมา และรวมเข้าด้วยกันกับระบบของดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูแล้วล่ะก็ มันจะสามารถยกระดับไปอีกขั้นได้อย่างรวดเร็ว” ร่างใหญ่กล่าว

“ข้าจะปล่อยให้มันถูกทำลายลงในโลกปิดใบนั้น” กู่ฉิงซานกล่าว

“ระบบถูกทำลาย? เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?”

“ก็อย่างที่บอกไปเมื่อครู่ ว่าข้าได้สังหารผู้เข้าสู่วิถีมารทั้งหมดลงแล้ว”

“เช่นนั้นระบบของราชามารตอนนี้ได้ไปถึงในขั้นใด?”

“กำลังอยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการขึ้นสู่ปฏิวัติ”

“หากเป็นดั่งที่ว่ามา เจ้าคงไม่สามารถสังหารมันได้หรอก”

“หืม? นั่นหมายความว่ายังไงกัน!?” กู่ฉิงซานอุทานเสียงหลง

ร่างใหญ่อธิบายอย่างอดทน “ใช่ เจ้าฟังไม่ผิดหรอก บางทีบางคนอาจจะทราบว่าในขั้นเชื้อไฟและต้นกำเนิด หากกำจัดผู้ที่ใช้งานระบบทั้งหมดลงได้แล้ว ระบบก็จะหายไป”

“อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ระบบยกระดับขึ้นไปสู่ปฏิวัติ มันย่อมไม่มีทางถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย”

“หากไม่มีผู้ใช้งาน มันก็แค่ตกไปอยู่ในสถานะจำศีล เพื่อรับประกันว่าตนเองจะดำรงอยู่ต่อไปจนกว่าผู้ใช้งานรายใหม่จะปรากฏตัวขึ้น”

“เรื่องนี้เป็นความลับอย่างยิ่ง ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นมีน้อยคนนักที่จะทราบ แต่ในเมื่อข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าก็จงปิดปากเงียบเสีย อย่าได้แพร่งพรายออกไป มิฉะนั้นแล้ว…”

ร่างใหญ่ปิดปาก และหยุดพูดไป

“…โชคดีจริงๆ ที่ข้ามาพบกับท่านเสียก่อน” กู่ฉิงซานถอนหายใจ “เช่นนั้นพอจะมีวิธีใดที่จะสามารถเอาชนะมันได้หรือไม่?”

“ทำไมจะต้องโค่นมันลงด้วย มันได้ถือว่าเจ้าเป็นศัตรูที่จักต้องฆ่าให้ตายแล้วอย่างงั้นหรือ?” ร่างใหญ่เอ่ยถาม

“ใช่” กู่ฉิงซานตอบสั้นๆ

“…”

ร่างใหญ่เงียบงันไปเป็นเวลานาน

คล้ายกับว่ามันกำลังขบคิดถึงบางสิ่งที่สำคัญยิ่ง

หลังจากนั้นสักพัก

ชิ้นส่วนของเกล็ดสีดำก็หลุดลอกออกจากเกราะรบ และลอยมายังกู่ฉิงซาน

ชั้นโลหะสีดำแตกออก

เผยให้เห็นถึงกล่องเงินใบเล็กๆ ปรากฏขึ้น

จ้องมองลงมายังกล่องแปลกๆ ใบนี้ ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มบังเกิดความรู้สึกเคารพและศรัทธาขึ้นมาอย่างน่าฉงน

“สิ่งที่เจ้าเรียกมันว่าโลกสมบัติของทริสเต้นั่น มีการดำรงอยู่ของแสงในโลกหรือไม่?” ร่างใหญ่เอ่ยถาม

“แสงงั้นหรือ?”

“ใช่ แสงที่สวรรค์และโลกผลิตขึ้นมาเองตามธรรมชาติ”

“ถ้าหมายถึงแสงแบบนั้นก็มีสิ อยู่เหนือขึ้นไปบนชั้นเมฆ”

“นั่นแหละคือทั้งหมดที่ต้องการ ที่เจ้าต้องทำก็มีแค่เพียงรับกล่องใบนี้ไป และเมื่อไหร่ที่ปฏิวัติวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์และปรากฏขึ้น เจ้าก็โยนกล่องใบนี้ขึ้นไปเหนือชั้นเมฆ” ร่างใหญ่กล่าว

พร้อมกันกับคำพูดของมัน กล่องเงินก็ตกลงในมือของกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ

“เจ้าพอจะมีอะไรที่สามารถใช้เก็บมันไว้หรือไม่? บางอย่างที่จะช่วยให้มันไม่ถูกเปิดเผยระหว่างทางกลับของเจ้า” ร่างใหญ่เอ่ยถามด้วยความกังวล

“ข้ามีถุงสัมภาระที่ผูกไว้กับจิตวิญญาณอยู่ สิ่งนั้นพอจะได้ไหม?” กู่ฉิงซานกล่าว

“ดีมาก เจ้าจงใส่มันเข้าไป และอย่านำไปปะปนกับสิ่งอื่น ที่สำคัญก็คือจงอย่าเปิดมัน จนกว่าจะถึงเวลาใช้งานจริงๆ” ร่างใหญ่เตือน

กู่ฉิงซานเก็บกล่องเงินไปตามคำสั่งของอีกฝ่าย

“ว่าแต่เป็นสิ่งใดกัน ที่อยู่ในกล่องใบนี้?” เขาเอ่ยถาม

“เป็นสัญญาณ”

“สัญญาณงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง มันเป็นสัญญาณที่ใช้เรียกศัตรูที่สามารถเอาชนะระบบของราชามารในขั้นสามมาได้ ครั้งหนึ่งทั้งสองสิ่งนี้เคยพบเผชิญในโลกเดียวกัน จากนั้นก็ทำลายกันและกันจนพินาศลงไปด้วยกันทั้งคู่”

“เรื่องเหล่านี้ เจ้าไม่สามารถบอกผู้ใดได้ หากจะบอก จงกล่าวแค่ว่าเจ้าสังหารผู้เข้าสู่วิถีมารจนสิ้นเท่านั้น…จดจำเอาไว้ให้ดี”

“ข้าจะจดจำไว้”

ร่างใหญ่ได้กระตุ้นเตือนซ้ำๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่หาได้ยากยิ่งของมัน “แน่นอน แน่นอน ว่าเจ้าจะต้องไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ มิฉะนั้นต่อให้เจ้าสามารถกำจัดระบบของราชามารลงได้ แต่จะมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าไปเยี่ยมเยือนเจ้าแทน”

“เข้าใจแล้ว ท่านวางใจเถอะ ตัวข้าเองก็พอจะมีดุลพินิจในเรื่องอยู่บ้างเหมือนกัน” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความยำเกรง

เมื่อมาถึงเวลานี้

กู่ฉิงซานก็เริ่มสัมผัสได้ถึงสายลมแห่งการปฏิเสธขึ้นมาจางๆ

โลกใบนี้กำลังเริ่มขับไล่เขา

แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ และเขาก็มีคำพูดอีกมากที่ต้องการจะถามจากร่างใหญ่

“ข้าจะต้องไปแล้ว” เขากล่าว

“ไปเถอะ หลังจากที่เจ้าจากไป ข้าจะต้องเร่งฟื้นฟูร่างกายของข้า และพยายามคิดว่าวิธีการซ่อนโลกใบนี้เอาไว้ อาจจะยุ่งไปพักหนึ่ง” ร่างใหญ่กล่าว

“แต่ข้าก็ยังสามารถมาหาท่านได้ในยามที่ข้าตัดผ่านขอบเขตใหญ่ใช่หรือไม่?” เขาถาม

“ใช่”

“แต่ครั้งล่าสุดที่ข้าถอดวิญญาณไปปรภพ ข้าเองก็สามารถมา”

ร่างใหญ่ขัดจังหวะเขา “ครั้งล่าสุดที่เจ้ามามันเป็นการตายปลอมๆ ในกรณีนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง และข้าจะไม่พูดถึงมันอีก”

“ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้มันแตกต่างออกไป ดังนั้นจงอย่าพยายามที่จะมาในโลกใบนี้อย่างไม่ยั้งคิด”

“เอาไว้เมื่อไหร่ที่เจ้าตัดผ่านขอบเขต ข้าจะดึงจิตเทวะของเจ้ามาเอง นั่นคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

แรงฉุดดึงเริ่มรุนแรงขึ้น มันกระชากร่างจิตของเขา

ตนเองกำลังจะต้องออกไปจากที่นี่ในเร็วๆ นี้

ทันใดนั้นเอง กู่ฉิงซานก็พลันนึกได้ถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง

เขาถามทันที “ข้ามีคำถาม อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ‘สุสานแห่งโลก’”

“สุสานแห่งโลก? เจ้าไปทราบถึงชื่อนี้มาได้อย่างไร?” ร่างใหญ่อุทานด้วยความประหลาดใจ

“บอกมาเร็วเข้าเถอะ เวลาของข้าใกล้จะหมดลงแล้ว!”

“เอาล่ะๆ ข้าจะบอกเจ้าเอง”

“ในช่วงเวลาที่เหล่าทวยเทพได้สร้างโลกขึ้น ก็จะมีอยู่บ้างเป็นบางครั้งที่เทพที่แท้จริงสร้างบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมา”

“และเพราะสิ่งเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นโดยทวยเทพ บางครั้งพวกมันจึงทรงอำนาจมากเกินไป เป็นการดำรงอยู่ที่ผิดแผกและไร้ซึ่งเหตุผล จนบางคราว แม้กระทั่งทวยเทพที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาก็ยังหวาดกลัว”

“แน่นอนว่าผลงานที่ล้มเหลวมากมายได้ถูกทำลายลงแล้วโดยเหล่าทวยเทพ”

“แต่ในทำนองเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เหล่าทวยเทพไม่สามารถทำลายมันลงได้”

“ดังนั้นเหล่าทวยเทพจึงคิดหาวิธีปิดผนึกสิ่งเหล่านั้นที่ทรงพลานุภาพมากเกินไปแทน โดยการซ่อนมันเอาไว้ในสถานที่ที่ยากจะค้นพบ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความเสียหายร้ายแรงจนเกินไปจากระบบของโลก”

กู่ฉิงซาน “แล้วสิ่งที่ว่านั่นมันคืออะไร?”

“ไม่มีใครรู้ มีเพียงการที่เจ้าจะต้องไปเปิดสุสานแห่งโลกดูด้วยตาตนเองเท่านั้นจึงจะสามารถตระหนักถึงสิ่งที่อยู่ภายในได้ มันอาจจะเป็นหนังสือ อาวุธ สิ่งมีชีวิต หรือแม้กระทั่งโลกที่ไม่สมบูรณ์ แต่โดยสังเขปแล้ว จะไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะพบเจอกับสิ่งใดเมื่อเปิดสุสานแห่งโลก เพราะในช่วงเวลาที่เหล่าทวยเทพได้ผนึกสิ่งเหล่านี้เอาไว้ พวกเขาไม่ได้ทิ้งคำอธิบายใดๆเอาไว้เลย”

“สรุปสั้นๆ ก็คือ สิ่งเหล่านั้นถูกทอดทิ้งและปิดผนึกโดยทวยเทพ บ่อยครั้งมักจะถูกนำไปซ่อนไว้ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก และสถานที่เหล่านั้นมักจะเรียกกันว่า ‘สุสานแห่งโลก’”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

เขาย้อนนึกไปถึงบทสนทนาระหว่างตนกับระบบเทพสงคราม

“คุณเริ่มออกห่างจาก ‘สุสานของโลก’”

“ว่าแต่อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าสุสานแห่งโลก?”

“มันคือสิ่งที่คุณมักจะเอ่ยปากออกมาว่าโลกจริง”

“แล้วทำไมมันถึงถูกเรียกว่าแบบนั้น?”

แต่คราวนี้ระบบกลับเงียบ และไม่พูดตอบกับเขา

ความหมายของคำพูดในตอนนั้น แท้จริงแล้วเป็นแบบนี้เองอย่างงั้นหรือ?

ในเวลานี้ แรงฉุดดึงร่างจิตของกู่ฉิงซานเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เขากำลังจะถูกส่งออกจากโลกใบนี้!

“คำถามสุดท้าย!” กู่ฉิงซานตะโกนกะทันหัน

“จงถามมาโดยเร็ว เจ้าจะไม่มีเวลาแล้วนะ” ร่างใหญ่เตือน

“ข้าจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุดได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานตะโกนสุดเสียง

ร่างใหญ่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “จงไปยังดินแดนชิงอำนาจ ในสถานที่แห่งนั้นมีเกมหมื่นสวรรค์”

ตู้ม!

ยังไม่ทันจะได้ฟังจนจบ กู่ฉิงซานก็ถูกกระชากอย่างรุนแรง ปลิวออกจากโลกใบนี้ไปทันที

เขาแปรเปลี่ยนเป็นกระแสแสง ลอยกลับไปยังโลกที่จากมา

“...สิ้นโลกาออนไลน์ แต่ไม่ใช่ระบบของราชามารอยู่…”

ร่างใหญ่เอ่ยประโยคครึ่งหลังจนจบ

แต่น่าเสียดาย ที่กู่ฉิงซานได้จากโลกนี้ไปเสียก่อน ไม่ทันได้ยินถึงคำสำคัญยิ่งที่อยู่ในประโยคหลัง…

...................................................