webnovel

0591 สี่ปีศาจและสี่ภูตผี

ตอนที่ 591 สี่ปีศาจและสี่ภูตผี

กู่ฉิงซานกับลอร่าเพิ่งจะสนทนากันจบ จักรพรรดินีหลี่อันก็ตะโกนเรียกเขา

“มีอะไรงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ข้าจะเริ่มจากการเรียกพวกปีศาจมายังที่นี่ แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องการจะบอกถึงข้อควรระวังแก่เจ้าเสียก่อน”

“ว่ามาสิ”

กู่ฉิงซานตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย

เพราะแผนการของเขา กระบวนการนี้นี่แหละที่สำคัญและไม่ควรจะมีอะไรผิดพลาดมากที่สุด

จักรพรรดินีหลี่อัน “เจ้ากำลังจะตัดผ่านขอบเขตประทับเทพ ดังนั้นทัณฑ์สวรรค์ในครานี้ จึงจักมีสี่ปีศาจและสี่ภูตผีที่สามารถตอบสนองต่อกฎเกณฑ์แห่งการลงทัณฑ์ได้ รวมกันเป็นแปดตำแหน่ง ‘ผู้ลงทัณฑ์’

“หมายความว่าพวกเขาคือคนที่ข้าจะต้องโน้มน้าวใจใช่หรือไม่?”

“ใช่”

“ช่วยบอกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกเขาให้ข้าด้วย”

“สีปีศาจ จะถูกแบ่งออกเป็น ปีศาจเพลิงเขมือบ อสูรเงา อาชูร่า และมารสวรรค์”

“สี่ภูตผี จะถูกแบ่งออกเป็น ภูตผีโหย ภูตผีปรภพ ภูตผีกระหายเลือด และภูตผีศพ”

“กษัตริย์ปีศาจและราชาภูตผีทั้งแปดนี้ เป็นผู้ครอบครองตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ร่วมกัน มีหน้าที่หยุดยั้งไม่ให้เจ้าตัดผ่านขอบเขต และลากเจ้าเข้าสู่ความตาย”

“‘ผู้ลงทัณฑ์’ ที่เจ้ากล่าวมันหมายความว่าอะไร?”

“ผู้ลงทัณฑ์ก็คือ ผู้ที่ครอบครองสิทธิ์อำนาจในการสั่งการปีศาจหรือภูตผีเผ่าพันธุ์เดียวกัน ให้ปรากฏตัวขึ้นในระหว่างปรากฏการณ์ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์”

“ในโลกนับล้านๆ มีภูตผีและปีศาจอยู่นับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงจำเป็นมีราชาหรือกษัตริย์ที่ได้รับสิทธิ์เป็นผู้ลงทัณฑ์ ปรากฏตัวขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อมิให้เกิดความวุ่นวายขึ้น”

“ประมาณว่า มีสิทธิ์มาก่อนเพื่อที่จะได้กินก่อนใช่ไหม?”

“ใช่ แต่ผู้ที่จะมาปรากฏตัวได้ จะต้องเป็นผู้ปกครองโลกของปีศาจและผีร้ายเท่านั้น จึงสามารถมาปรากฏตัวในฐานะผู้ลงทัณฑ์ได้”

หลี่อันกล่าวต่อ “ซึ่งแปดผู้ลงทัณฑ์ จะประกอบไปด้วยสี่กษัตริย์ปีศาจและสี่ราชาภูตผี พวกเขาจะมีหน้าที่เหมือนกันนั่นคือคอยควบคุมเผ่าของตนเอง เพื่อสังหารเจ้าที่คิดข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์”

กู่ฉิงซานถอนหายใจ “ใช้โอกาสจากทัณฑ์สวรรค์เข่นฆ่าผู้คนอย่างงั้นสินะ ไอ้เจ้าพวกนี้รสนิยมดีไม่เลวเลย”

“แต่ก็ยังมีเรื่องที่โชคดีอยู่” หลี่อันยิ้ม “เพราะครานี้ ท่านแม่ข้ามาถึงก่อนเป็นคนแรก และนางมียศเป็นถึงผู้ทรงเกียรติจากโลกมารดึกดำบรรพ์ ดังนั้นไม่ว่ามารสวรรค์ตนใด พวกมันจักต้องทำปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ข้าอย่างแน่นอน นี่คือกำของธรรมชาติ”

กู่ฉิงซานหันไปมองแม่มารสวรรค์

แม่มารพยักหน้าและกล่าว “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องมารสวรรค์ เจ้าเพียงต้องโน้มน้าวใจอีกทั้งเจ็ดตนให้ได้ก็พอ”

“ขอบพระคุณท่านผู้ทรงเกียรติ!” กู่ฉิงซานประสานกำปั้น คารวะให้แก่อีกฝ่าย

“เอาล่ะ พวกเราจะมาเริ่มต้นจากกษัตริย์ที่พูดกันได้ง่ายที่สุด ปีศาจเพลิงเขมือบเป็นตนแรกก็แล้วกัน มันน่ะแข็งแกร่งและเป็นพวกชอบทำลายล้าง ดังนั้นหากได้ยินเกี่ยวกับสองร้อยล้านจิตวิญญาณ มันจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน” หลี่อันกล่าว

สองมือของเธอผนึกตราประทับ ปากงึมงำร่ายคาถา

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง สะเก็ดไฟก็เริ่มปะทุขึ้นในอากาศ ก่อนที่มันจะลุกโชติช่วงออกมา

พร้อมกับเสียงหยาบกระด้างที่ดังก้อง

“เป็นผู้ใดกันที่อัญเชิญข้า?”

เห็นแค่เพียงปีศาจที่ทั้งร่างของมันเกรียมไปด้วยสีทะมึน ขณะเดียวกันก็ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า

“นี่คือกษัตริย์ปีศาจเพลิงเขมือบ ผู้มีสัมพันธ์อันดีกับเรา”

หลี่อันส่งความคิดไปยังกู่ฉิงซาน

กษัตริย์ปีศาจเพลิงเขมือบกวาดสายตามองไปรอบทิศ เมื่อเขาเห็นกู่ฉิงซาน ตนเองก็เข้าใจทันที

“อา ที่แท้ก็เรียกข้ามาเพื่อร่วมกันสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องการข้ามผ่านโทษทัณฑ์ด้วยกันนี่เอง…”

อย่างไรก็ตาม เมื่อมันรำพึงมาถึงจุดนี้ มันก็มิอาจเอ่ยคำใดได้อีก

เพราะมองไปยังมารสวรรค์แต่ละตน ทุกคนล้วนเป็นปีศาจที่ตัวเองรู้จักกันดีทั้งสิ้น

ส่วนเจ้าผู้ฝึกยุทธ์นั่น กลับถูกรายล้อมไปด้วยมารสวรรค์หญิง แม้กระทั่งจักรพรรดินีมารสวรรค์ก็ยังยืนอยู่เคียงข้างมัน แถมยังมีแม่มารดึกดำบรรพ์ที่ยากนักจะพบเจออยู่ด้วยกันอีก

ตัวตนที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนั้น แต่กลับยืนอยู่ทางฝั่งผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังข้ามผ่านโทษทัณฑ์อย่างสงบ โดยที่ไม่มีความคิดจะลงมือแม่แต่น้อย…

เพลิงเขมือบที่กำลังเฝ้ามองนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนในสถานการณ์ ปากขยับพึมพำ “หรือว่าจะมีการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่อื่นอีก แต่ข้าดันมาผิดที่กันแน่นะ?”

ขณะนั้นเอง จักรพรรดินีหลี่อันก็ก้าวเข้าไปหามัน และเริ่มอธิบาย

“คือว่ามันเป็นแบบนี้…”

ด้วยคำอธิบายของเธอ กษัตริย์ปีศาจเพลิงเขมือบก็เข้าใจในทันที

“ว่าไงนะ! สองร้อยล้านจิตวิญญาณ!”

“ถูกต้อง หากเจ้าเห็นด้วยก็จงทำสัญญาแล้วมาเข้าร่วมกับเรา แต่ห้ามทำอะไรผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังข้ามผ่านโทษทัณฑ์ เพราะเขาคือพวกเดียวกัน”

“ไม่มีปัญหา แต่เจ้าวางแผนจะแบ่งสองร้อยล้านจิตวิญญาณกันอย่างไร?”

“แน่นอนว่าผู้ใดสังหารได้มากที่สุด ผู้นั้นก็ได้ไปเท่านั้น” หลี่อันตอบ

กษัตริย์ปีศาจเพลิงเขมือบพอได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจ มันเปล่งเสียงดัง “ดี! ถ้าอย่างนั้นข้าตกลง!”

หลี่อันหันไปมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานจึงมอบใบไม้จากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามให้แก่เธอ

หลี่อันยื่นมันให้อีกฝ่ายและอธิบาย

กษัตริย์ปีศาจเพลิงเขมือบมัวแต่คิดถึงสองร้อยล้านจิตวิญญาณด้วยความสุข มันเร่งให้ลงนามสาบานต่อใบไม้จากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ แล้วในส่วนของผู้ลงทัณฑ์จากมารสวรรค์ของพวกเราเล่าท่านแม่?” จักรพรรดินีหลี่อันเอ่ยถาม

“ข้าได้รับตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์มาแล้ว” แม่มารเอ่ยขึ้นมา

“นี่ท่านแม่มารรับตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ในส่วนของมารสวรรค์กระนั้นหรือ?” กษัตริย์ปีศาจเพลิงเขมือบเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“เป็นข้า แต่เจ้าวางใจได้ ว่าข้าจะไปแก่งแย่งอาหารอันโอชะทางฝั่งเดียวกับเจ้าอย่างแน่นอน” แม่มารกล่าว

“ฮ่าๆๆ ขอบพระคุณท่านแม่มาร”

ว่าจบ เพลิงเขมือบก็หายกลับคืนสู่ความว่างเปล่า

ตามแผนการที่วางเอาไว้  มันจะกลับไปจัดเตรียมผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง เมื่อไหร่ที่การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ มันในฐานะผู้ลงทัณฑ์ก็จะปรากฏตัวอีกครั้ง

“คราวนี้ก็เหลืออีกหก...ว่าแต่ตนต่อไปที่พวกเราจะอัญเชิญเป็นใครกัน?” กู่ฉิงซานถาม

หลี่อันดูเหมือนจะพบเจอกับปัญหาที่ยากลำบาก เธอขมวดคิ้วและเอ่ยออกไปว่า “เอาเป็นกษัตริย์อสูรเงาก็แล้วกัน แต่จงระวังเอาไว้ให้ดี มันเป็นปีศาจเจ้าเล่ห์ แถมยังโลภในวัตถุของมนุษย์เป็นอย่างมากอีกด้วย”

“โลภงั้นหรือ?”

“ใช่ ในบรรดาสี่ปีศาจ สี่ภูตผี มันเป็นเผ่าพันธุ์ที่โลภมากที่สุด”

“งั้นก็เรียกมันมาได้เลย ข้าชอบนักที่จะหารือแลกเปลี่ยนกับคนโลภ คราวนี้เจ้าไม่ต้องออกหน้าเพียงลำพัง ข้าเองก็จะเข้าร่วมการสนทนาด้วยเช่นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

“เข้าใจแล้ว”

หลี่อันเริ่มเปลี่ยนท่าร่างไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ขณะเดียวกันปากก็เริ่มงึมงำ อัญเชิญปีศาจตนต่อไปออกมาอีกครั้ง

เพียงไม่กี่ลมหายใจ เงาทะมึนก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากเบื้องล่างของจุตรัส

เงาที่ว่านี้ผุดขึ้นตรงหน้าหลี่อัน และค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างช้าๆ

ร่างของมันมีขนาดความสูงกว่าแปดเมตร ทั้งหมดทั้งมวลถูกสร้างขึ้นจากเงา แลคล้ายกับหุบเหวอันมืดมิดที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก

แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคืออสูรเงา เป็นกษัตริย์ของอสูรเงาทั้งมวล

“ทัณฑ์สายฟ้า? แต่ช่างน่าแปลกนัก เหตุใดบรรยากาศจึงดูไม่เหมือนกำลังฆ่าฟันกันเลย จักรพรรดินีหลี่อัน เจ้าเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใด?” กษัตริย์อสูรเงาเอ่ยถาม

หลี่อันจึงเล่าเรื่องราวแผนการออกไปอีกครั้ง

“สองร้อยล้านจิตวิญญาณ…ขอเวลาข้าสักประเดี๋ยว…” อสูรเงากล่าว

บังเกิดสายลมแห่งความมืดมิดเล็ดลอดออกจากมัน และผลุบหายเข้าไปในความว่างเปล่า

ดูเหมือนว่ามันกำลังจะติดต่อกับโลกอื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่

หลายลมหายใจผ่านไป มันก็ยกหัวขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าว “แต่เดิม กลับกลายเป็นว่านี่คือสงครามครั้งสำคัญยิ่ง ข้าสามารถยอมรับคำร้องขอของเจ้าได้ แต่เงื่อนไขย่อมไม่ง่ายนัก”

“เงื่อนไขใดที่เจ้าต้องการ?” หลี่อันถาม

“ตัวเจ้าเองก็ทราบดี ว่าสิ่งใดที่พวกเราอสูรเงาชมชอบมากที่สุด มันหาใช่จิตวิญญาณไม่! แต่เป็นเงิน!”  กษัตริย์อสูรเงาขึ้นเสียง

หลี่อันหันไปมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานหันไปมองลอร่า

ลอร่าโยนถ้วยใบหนึ่งออกไป

กู่ฉิงซานคว้ารับมัน และพบว่าถ้วยใบนี้แท้จริงแล้วคือ ‘จอกศักดิ์สิทธิ์ทรายทองคำ’

กู่ฉิงซานยื่นจอกศักดิ์สิทธิ์ให้หลี่อัน และกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเธอ

หลี่อันพยักหน้า และเริ่มเอียงปากจอกศักดิ์สิทธิ์คว่ำลง

แสงระยิบระยับของทรายสีทองร่วงโรยลงมาจากจอกศักดิ์สิทธิ์ กระทบกับพื้น

“อืม ช่างเป็นเสียงที่น่ารื่นรมย์ใจยิ่ง” อสูรเงาครวญเสียงกระเส่า

ทรายสีทองยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนัก มันก็เริ่มก่อเป็นกองทรายเล็กๆ ขึ้น แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ กองทรายก็ยังขยายใหญ่ขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง

“ทองคำไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงเลย…นี่ใช่จอกศักดิ์สิทธิ์ทรายทองคำในตำนานหรือไม่?” กษัตริย์อสูรเงาถาม

“ใช่” หลี่อันตอบรับ

“หากเจ้ายินดีที่จะยอมแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งนี้ อืม…เห็นแก่ความจริงใจของเจ้า ข้าจะยอมร่วมมือด้วยก็ได้ แต่เจ้าจะต้องตอบรับคำขอจากข้าอีกสักเล็กน้อย” อสูรเงากล่าวด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของหลี่อันเริ่มเขียวคล้ำ เธอกำลังจะเอ่ยปากพูด

แต่สุดท้ายเธอก็หุบปากลง

เพราะกู่ฉิงซานได้ลงมือไปก่อนเธอเสียแล้ว

ไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัดภาพมาอีกที กู่ฉิงซานก็กำลังเอาดาบพิภพจี้อยู่บนคอหอยของกษัตริย์อสูรเงาแล้ว

บังเกิดสายลมที่มองไม่เห็นขึ้นโดยรอบดาบพิภพ

ขณะนี้ บนตัวดาบพิภพได้คุกรุ่นไปด้วยแต้มพลังวิญญาณ!

กษัตริย์อสูรเงายิ้ม “เจ้าคิดขู่ข้า? แต่เสียใจด้วยนะเจ้าไม่สามารถสังหารข้าได้หรอก เพราะข้าน่ะมีร่างเงาไว้ในครอบครองกว่าเก้าพันร่าง”

“เอาเลยสิเจ้าเด็กตัวเหม็น ข้าจะยอมยืนอยู่เฉยๆ ไม่ป้องกัน อยากฆ่าก็ฆ่าเลย”

“เจ้าจะไม่ป้องกัน แล้วยอมให้ข้าสังหารงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ

เสียงของอสูรเงากลายเป็นทุ้มลึก “แต่ข้าจะขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ว่าตราบใดที่เจ้ากล้าลงมือ ในภายภาคหน้านับจากนี้ไป ยามใดที่เจ้าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ตัวข้าจะทุ่มสุดกำลังไล่ติดตามไปสังหารเจ้า!”

กู่ฉิงซานพยักหน้า และปาดคมของดาบพิภพออกไปทันที

อสูรเงากรีดร้อง ตะโกนด้วยความโกรธ “นี่เจ้ากล้า...”

แต่ก่อนที่มันจะกล่าวจบ ร่างของมันก็อ่อนเปลี้ย ตกลงกับพื้น และสลายไป

กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน

เขาหันไปกล่าวกับหลี่อัน “ทำต่อไป จงเรียกมันมาอีกครั้ง”

หลี่อันตกใจ ขณะเดียวกันเธอก็ถามด้วยความสงสัย “แต่เจ้าลงมือไปแล้ว ข้าเกรงว่าเรียกอีกครั้งมันจะไม่มา … ”

“หากมันโลภดังที่เจ้าว่าจริงๆ มันย่อมต้องปรากฏตัวอีกครั้งเป็นแน่”

“เพราะเหตุใด?”

“เพราะมันยังไม่ได้รับสิ่งที่ตนต้องการ แถมยังสูญเสียกายสำรองไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่ามันจะบาดหมางกับข้าเพียงใด แต่มันก็คงไม่มีทางยอมตัดใจจากไปเสียเฉยๆ อย่างแน่นอน”

“…เข้าใจแล้ว”

หลี่อันประทับฝ่ามืออีกครั้ง และเริ่มทำการเรียกขานกษัตริย์อสูรเงาอีกครั้ง

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ

เงาดำก็ผุดขึ้นมาอีกคราบนพื้นจัตุรัส

“ไอ้หนู เจ้ากล้าลงมือจริงๆ! ดี! ดีมาก!!” อสูรเงาคำรามลั่น

แรงกดดันของมันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คล้ายน้ำที่กำลังร้อนจนใกล้ถึงจุดเดือด

กู่ฉิงซานแสร้งเล่นละคร กล่าวอย่างสงบ “ก่อนที่เจ้าคิดจะทำอะไร ข้าขอบอกก่อนนะว่ากษัตริย์ปีศาจและราชาภูตผีตนอื่นๆ ที่ครอบครองตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ได้ลงนาม ทำสัญญากับข้าแล้ว ตรงจุดนี้เจ้าสามารถถามไถ่จากแม่มารได้”

อสูรเงาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองแม่มาร

แม่มารพยักหน้า เอออออย่างไม่ใส่ใจ

กษัตริย์อสูรเงาเมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องจริง มันก็ตกตะลึง คล้ายกับถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าใส่อย่างแรง

หากอีกเจ็ดกษัตริย์ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับฝ่ายตรงข้ามจริงๆ เช่นนั้นหากทัณฑ์สวรรค์เริ่มต้นขึ้น ตนจะไม่ถูกตกเป็นเป้าหรอกหรือ?

เนื่องจากตนได้ปรากฏตัวขึ้น ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ลงทัณฑ์แล้ว ส่งผลให้ตามกฎเกณฑ์ของทัณฑ์สวรรค์  หากเกิดการข้ามผ่านโทษทัณฑ์ขึ้น ตนเองก็จำเป็นต้องถูกบังคับให้ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ตนและผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องเผชิญหน้ากับการถูกรุมล้อมของอีกเจ็ดกษัตริย์อย่างงั้นหรือ?

สถานการณ์นั่น...มันหายนะชัดๆ!

ประเดี๋ยวก่อน!

ว่าแต่ไอ้เจ้าคนที่กำลังข้ามผ่านโทษทัณฑ์ผู้นี้มันเป็นใครกันแน่?

“ข้าสามารถซื้อเจ็ดกษัตริย์มาได้ และแม้แต่จอกศักดิ์สิทธิ์ข้าก็มีไว้ในครอบครอง ฉะนั้น คิดหรือว่าข้าจะกลัวเจ้า? หากเจ้าคิดจะโผล่มากำจัดข้าในช่วงเวลาข้ามผ่านโทษทัณฑ์?”

กู่ฉิงซานยิ้มและพูดต่อ “ตราบใดที่เจ้ากล้าจะมา กล้าที่จะลงมือกับข้า ขอให้มั่นใจได้เลยว่าข้านี่แหละจะสังหารเจ้าก่อน ไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีร่างกายมากเพียงใดก็ตาม”

“ขณะเดียวกัน สำหรับสองร้อยล้านจิตวิญญาณ หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับอะไรไปทั้งนั้น!”

“ถ้าเจ้าไม่อยากแลกเปลี่ยนก็ไปเถอะ ยามเมื่อทัณฑ์สวรรค์เริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นก็มาดูกัน ว่าใครจะตายก่อนกัน”

กู่ฉิงซานกล่าวรวบรวมในลมหายใจเดียว

ฝูงชนบังเกิดความเงียบ

กษัตริย์อสูรเงาเองก็หุบปากเงียบ

ช่วงเวลานี้เองที่กู่ฉิงซานเปิดปากพูดอีกครั้ง “แต่หากเจ้าต้องการที่จะหารือแลกเปลี่ยนจริงๆ เงื่อนไขของพวกเราก็ยังคงเดิมอย่างที่ได้กล่าวไปเมื่อครู่ เจ้าเอาวิญญาณของผู้เข้าสู่วิถีมารไป สังหารได้มากเท่าไหร่ เจ้าก็ได้มันไปมากเท่านั้น”

“ตอนนี้ เจ้าก็เลือกเอาเองก็แล้วกัน ว่าจะต้องการก่อสงครามกับกษัตริย์ปีศาจตนอื่นๆ หรือร่วมมือกับเรา และได้รับไปทั้งจิตวิญญาณและสมบัติ!”

ฝูงชนที่กำลังรับชมอยู่ยังคงเงียบ

หลังจากนั้นหลายลมหายใจ

กู่ฉิงซานก็กล่าวต่อ “โอกาสสุดท้าย หากเจ้าไม่เข้าร่วม พวกเราก็จะไปเริ่มสงครามในทันที”

“ยังเงียบอยู่อีก คงไม่อยากเข้าร่วมสินะ? งั้นเจ้าก็ไปได้เลย พวกเราจะได้เตรียมรับมือ...”

“ช้าก่อน!” กษัตริย์อสูรเงาเปลี่ยนน้ำเสียงของตน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเอาด้วย เมื่อครู่ข้าแค่เสียเวลาคิดว่ามันจักคุ้มค่าหรือเปล่าเท่านั้นเอง”

“นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่ควร อย่างที่ข้ามักจะชอบกล่าว ‘อัธยาศัยดีมักจะเป็นต้นเหตุของความมั่งคั่ง’อย่างแท้จริง” กู่ฉิงซานกล่าว ขณะเดียวกันก็โยนใบไม้จากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามไป

“เอาล่ะ นี่คือสัญญา เจ้าจงลงนามเสีย”

“ไม่มีปัญหา แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้รับจอกศักดิ์สิทธิ์?”

“จงลงนาม แล้วเจ้าก็เอาไปได้เลย”

“งั้นเอาสัญญามา!”

กษัตริย์อสูรเงากอดจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะจากไปด้วยความปีติเหลือแสน

“เจ้าทราบได้อย่างไรว่ามันจะยอมลงนาม?” หลี่อันถาม

“ก็เจ้าเป็นคนบอกเองนี่ว่ามันโลภ ฉะนั้นตราบใดที่มันมา นั่นก็จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ยินยอมที่จะเสียผลประโยชน์ และเป็นฝ่ายที่จะถูกสังหารลงซ้ำๆ”

“ตัวเลือกหนึ่งคือสองร้อยล้านจิตวิญญาณ และจอกที่สามารถผลิตทองคำได้ไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่อีกตัวเลือกคือถูกล้อมหน้าล้อมหลังและไม่ได้รับสิ่งใดเลย ดังนั้นตัวมันจึงย่อมพิจารณาถึงผลได้ผลเสียได้อย่างง่ายดาย”

กู่ฉิงซานยังคงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าถึงได้บอกไงว่าชอบนัก ที่จะแลกเปลี่ยนกับคนโลภ เพราะการแลกเปลี่ยนกับพวกเขา โดยทั่วไปแล้วมันมิได้ซับซ้อนอะไรเลย”

หลี่อันถอนหายใจ และส่ายหัว “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์”

“หมายความว่าอย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

แม่มารที่จ้องเขาอยู่นาน เอ่ยปากออกมา “เป็นเพราะว่าเจ้าเหมือนปีศาจ ยิ่งกว่าปีศาจด้วยกันเสียอีกน่ะสิ”

................................................................