webnovel

0570 ต้นไม้พรายกระซิบ

ตอนที่ 570 ต้นไม้พรายกระซิบ

ท่ามกลางผืนป่า

ม้าทมิฬวิ่งตัดผ่านต้นไม้หนาทึบ จนในที่สุดก็มาถึงส่วนลึกของผืนป่าอย่างรวดเร็ว

หลังจากกระแสคลื่นสัตว์ประหลาดผีที่โถมเข้าโอบล้อมพวกเขา ตลอดเส้นทางก็ไม่พบอันตรายใดๆ อีกเลย

พวกผีไม่ได้เข้ามาโจมตีอีก ซึ่งนี่มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่กู่ฉิงซานคาดคิดเอาไว้จริงๆ

ในที่สุด ม้าทมิฬก็หยุดลงใต้ต้นไม้โบราณเขียวขจี

“นี่น่ะหรือคือต้นไม้พรายกระซิบ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ใช่แล้ว” เหลาเจียวตอบกลับ

กู่ฉิงซานลงจากหลังม้า และอุ้มลอร่าลง

เมื่อเท้าของลอร่าสัมผัสกับพื้น เธอก็เงยหน้ามองดูกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ

กู่ฉิงซานพอเห็นแบบนั้น จึงยกเธอขึ้นมาวางบนไหล่ของเขา

ลอร่ายิ้มออกมา

เหลาเจียวถอดเกราะกระดองเต่า และตรงมายังต้นไม้พรายกระซิบ

เขาลูบไล้ต้นไม้โบราณด้วยสองมือ รับรู้ถึงมันอย่างเงียบๆ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ร้องไห้ขึ้นอย่างกะทันหัน

“เพราะเหตุใด? เพราะเหตุใดกันพวกเจ้าถึงตายกันหมด...”

เหลาเจียวคุกเข่าลงเบื้องหน้าต้นไม้ใหญ่ ทั้งคนทั้งร่างสั่นเทา ส่ายหัวไม่หยุดคล้ายกับ ไม่อยากยอมรับถึงความจริงนี้

ลอร่าพอเห็นแบบนั้น เธอก็ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกกู่ฉิงซานปรามเอาไว้

“ปล่อยให้เขาระบายความรู้สึกไปก่อน แบบนี้มันดีสำหรับเขามากกว่า” กู่ฉิงซานกล่าว

ลอร่าหุบปากของเธอลง

ทั้งสองยืนนิ่ง เฝ้ารออย่างเงียบๆ จนกระทั่งเสียงร่ำไห้ของเหลาเจียวค่อยๆจางหายไป

“ขออภัย ข้าเผลอควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ .. ” เหลาเจียวอธิบาย

“ไม่เป็นไร ผมพอจะเข้าใจได้”

“มันสิ้นหวังเกินไปจริงๆ” เหลาเจียวส่ายหัว “นอกเหนือไปจากเมืองไห่เช่า เมืองอื่นๆ ทั้งหมดได้ถูกตัดขาดการเชื่อมต่อไปจนหมดสิ้นแล้ว”

“ตัดขาดการเชื่อมต่องั้นหรือ? แล้วมันหมายความว่าอย่างไร?”

“ในทุกๆ เมือง ตราบใดที่ยังมีคนๆ หนึ่งมีชีวิตอยู่ การเชื่อมต่อบนต้นไม้พรายกระซิบก็จะไม่ถูกทำลายลง”

“...เสียใจด้วยนะ” กู่ฉิงซานถอนหายใจ กล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล

ดูเหมือนว่าต้นกำเนิดจะทุ่มเทบุกรุกเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จนโลกที่เหล่าทวยเทพทอดทิ้งใบนี้ แทบจะสิ้นสลายลงแล้ว

“เอาล่ะ ข้าจะเริ่มติดต่อกับเมืองไห่เช่าแล้วนะ” เหลาเจียวพยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบ

เขาหลับตาลง และวางมือตนลงบนต้นไม้พรายกระซิบ

บริเวณโดยรอบเงียบงัน

สักพักหนึ่ง เหลาเจียวก็ลืมตาขึ้น และเป็นเจ้าตัวเองที่อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

“เหลาเจียว เจ้ายังมีชีวิตอยู่งั้นหรอ โชคดีจริงๆ!”

“ใช่” ท่าทีและน้ำเสียงของเหลาเจียวแลดูหม่นหมอง “แต่มีแค่ข้าคนเดียวที่รอดมาได้”

“ไอ้วันสิ้นโลกเฮงซวย ไอ้พวกผีบัดซบ!” เหลาเจียวสบถหยาบคายออกมาด้วยอีกน้ำเสียงหนึ่ง

แต่ทันใดนั้นท่าทีของเหลาเจียวก็สงบลง

“พวกเจ้าเงียบก่อน ตอนนี้พวกเรามาฟังเหลาเจียวกันก่อนดีกว่า ว่าเขามีข้อมูลอะไรบ้าง” ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เหลาเจียวยังคงพูดกับตัวเอง และแสดงท่าทางหันไปมองรอบๆ ส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ เงียบ

น้ำเสียงและการแสดงออกของเหลาเจียวกลับมาหม่นหมอง “มีสองคนจากภายนอกมากับข้า พวกเขาบอกว่ารู้จักกับท่านหญิงเหมันต์”

เขาหันไปมองกู่ฉิงซานกับลอร่า สายตากวาดสำรวจ ตรวจสอบทั้งสองอย่างรอบคอบ

“คนนอกที่เจ้าหมายถึง คือพวกเขารึ?”

“ใช่” เหลาเจียวตอบกับตัวเอง “พวกเขาไม่เพียงช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ยังช่วยให้ ข้าสามารถเดินทางมาถึงที่นี่ได้อีกด้วย”

เหลาเจียวจ้องมาที่กู่ฉิงซานกับลอร่า เขาพยักหน้าและกล่าว “ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ผู้เข้าสู่วิถีมารนะ แต่อย่างไรเสีย เราก็ต้องตรวจสอบสถานะของพวกเขาก่อนอยู่ดี”

“แน่นอน ว่าต้องยืนยัน”

“รอประเดี๋ยว พวกเราจะเชิญท่านหญิงเหมันต์มา”

สิ้นประโยคนี้ เหลาเจียวก็เงียบไป

กู่ฉิงซานกับลอร่ามองหน้ากันและกัน

“ดูเหมือนว่าต้นไม้ต้นนี้ จะเป็นสื่อกลางที่สามารถให้คนอื่นๆ แบ่งปันร่างกายกับผู้ที่เชื่อมต่อมันนะ” กู่ฉิงซานคิดและสรุปออกมา

“ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราเห็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติแบบนี้”

ลอร่ามองไปยังเหลาเจียวด้วยความอยากรู้อยากเห็น กระซิบคุยกับเขา

ไม่นานนัก เหลาเจียวก็เงยหน้ากลับมามองพวกเขาอีกครั้ง

“ท่านหญิงเหมันต์ถามว่าเจ้าเป็นใคร” เหลาเจียวกล่าว

“เราคือวิหคหนามที่พึ่งก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ยังไม่ได้รับพิธีจุ่มศีลจากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม เจ้าจงไปบอกเธอแบบนี้” ลอร่ากล่าว

เหลาเจียวพยักหน้า และนิ่งไปอีกครั้ง

กู่ฉิงซานหันไปมองลอร่า

ลอร่ายื่นหน้าไปใกล้หูกู่ฉิงซานและกระซิบว่า “พอวิหคหนามเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาจะต้องรับการชำระล้างจากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม แต่เพราะมันสูงเกินไป เราเลยยังไม่กล้าขึ้นไป”

“ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าหากเหมันต์ยามค่ำได้ฟังประโยคเมื่อครู่ เธอก็จะรู้ทันทีว่าเป็นท่าน?”

“ใช่แล้วล่ะ ตลอดทั้งมวลหมู่วิหคหนาม มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่ไม่กล้าเข้าพิธีจุ่มศีล” ลอร่าพูดพลางก้มหน้าลงด้วยความอดสู

กู่ฉิงซานจึงลูบหัวน้อยๆ ของเธอและกล่าวว่า “มันไม่ใช่ความผิดของท่านหรอก”

เหลาเจียวเริ่มพูดอีกครั้ง “ท่านหญิงเหมันต์ขอให้เจ้าพิสูจน์ตัวตน นางขอให้เจ้ากล่าวคำสาบานของนาง”

“เธอจะต้องปกป้องเรา” ลอร่ากล่าว

เหลาเจียวนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้า “ท่านหญิงกำลังรับผิดชอบในการต่อกรกับผีแห่งความอลหม่านนับร้อยตนอยู่ เลยไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ แต่นางล่วงรู้เส้นทางที่ปลอดภัย ที่จะสามารถนำพาพวกเจ้าเข้ามายังเมืองไห่เช่าได้”

“และนางต้องการให้เจ้ามาหานางโดยเร็ว!”

“เข้าใจแล้ว บอกนางว่าเราจะไปที่นั่นทันที”

“ขอจงเกาะกลุ่มกันไว้ เมื่อพวกเจ้ามาถึง ทางเราจะส่งคนไปรับเอง”

“นอกจากนี้ พวกเราได้บอกเส้นทางกับเหลาเจียวแล้ว และเขาจะพาเจ้าไปในทิศทางที่ปลอดภัย”

“รับทราบ”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานก็รู้สึกได้ว่าจิตสัมผัสเทวะจำนวนมากได้แยกตัวออกจากร่างของเหลาเจียวไป

มีวิธีการที่สามารถทำให้จิตสัมผัสเทวะเข้าสู่ร่างกายผู้อื่นจากระยะไกลได้อยู่ด้วยหรือนี่?

ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์โดยแท้

“ไปกันเถอะ เมื่อครู่ข้าพึ่งจะได้รับเส้นทางลับที่จะนำไปสู่เมืองไห่เช่าได้โดยตรงมา และแน่นอนว่ามันเป็นทิศทาง ที่สามารถเลี่ยงการโจมตีของสัตว์ประหลาดผีได้” เหลาเจียวกล่าว

“ดีล่ะ ถ้าเช่นนั้นพวกเราคงต้องรีบกันหน่อยแล้ว”

ขณะกล่าว จู่ๆ กู่ฉิงซานก็หันขวับ! มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เหลาเจียวกับลอร่าก็เช่นกัน

เห็นแค่เพียงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ระลอกคลื่นสีทองยังคงกระเพื่อมไหว

ทันใดนั้นเอง

แสงจรัสพลันระเบิดออก แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า กระจายออกไปในทุกทิศทาง

ท้องฟ้ายามค่ำคืนเปลี่ยนเป็นสีทองด้วยอัตราเร็วที่เชื่องช้า แต่ทว่ามั่นคง

นี่เป็นฉากที่งดงามดั่งแสงแดดสีทองยามรุ่งสาง

อย่างไรก็ตาม เริ่มที่จะมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

พวกมันผุดเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“อา...อา ไม่จริงน่า”

เหลาเจียวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับคนสูญสิ้นจิตวิญญาณ

เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทั้งคนทั้งร่างจมลงสู่ความสิ้นหวังโดยสมบูรณ์

นี่คือฉากที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ากำแพง อุปสรรคของทวยเทพกำลังถูกกดดันจนต้องเปิดใช้งานอย่างเต็มที่

หัวของผีแห่งความอลหม่านเริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

พวกมันกำลังแทรกตัวเข้ามา

กู่ฉิงซานทดลองนับดูอย่างลวกๆ แต่เขาก็พบว่าตนไม่สามารถคาดคำนวณถึงจำนวนศัตรูที่แม่นยำได้เลย

ปริมาณของผีแห่งความอลหม่าน คล้ายดั่งฝูงปลาคาร์ฟที่กำลังพยายามแหวกว่ายทวนกระแสธารน้ำตก

พวกมันเจาะผ่านกำแพงอุปสรรค สะบัดตัวดิ้นพล่าน หมายมั่นจะบุกเข้ามาในโลก ที่ถูกเหล่าทวยเทพทอดทิ้งให้จงได้

“ไม่ใช่เจ้าบอกว่าผีแห่งความอลหม่านมันยากนักที่จะพบเจอหรอกหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“มันยากจะพบเจอจริงๆ นะ เกือบหนึ่งพันปีที่ผ่านมา มันปรากฏตัวขึ้นเพียงสองครั้งเท่านั้น” ดาบพิภพยืนยัน

“ถ้าเช่นนั้น หมายความว่าเจ้า ‘ต้นกำเนิด’ คงจะทุ่มเต็มกำลัง ระดมกำลังรบทั้งหมดที่มีมาเลยสินะเนี่ย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบา

ทันใดนั้นเขาก็จดจำได้ถึงบางสิ่ง

ต้นกำเนิดหมายจะรุกรานเข้ามาในโลกใบนี้อย่างบ้าคลั่ง มันแม้กระทั่งเคยบอกว่าจะปล่อยเขาไป หากเขาทำบางสิ่งบางอย่างให้กับมัน

“ที่เจ้าได้รับโอกาสรอดชีวิต นั่นก็เพราะเจ้าจะต้องช่วยข้าค้นหาวิธียึดครองสถานที่แห่งหนึ่ง”

เสียงเย็นชาของต้นกำเนิดยังคงสะท้อนอยู่ในหูของเขา

และหลังจากคำพูดนี้ เขาก็ย้อนนึกถึงคำตอบบนหน้าต่างเทพสงคราม

“มันจำเป็นต้องใช้วัตถุวิเศษบางอย่างที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเทพวิญญาณจากโบราณอันไกลโพ้น ซึ่งวัตถุชิ้นนี้จะช่วยให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่สามารถวิวัฒนาการได้”

“เมื่อไหร่ที่ต้นกำเนิดได้ครอบครองวัตถุดังกล่าว มันก็จะอัพเกรดขั้นต่อไป และถูกเรียกว่าหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ปฏิวัต”

ช่วงเวลานี้ ในหัวในของกู่ฉิงซานกำลังปั่นความคิดด่วนจี๋

แต่เดิม กลับกลายเป็นว่าการพิจารณาของตนไม่ได้ผิดพลาด

ต้นกำเนิดต้องการที่จะทะลวงเข้าสู่โลกใบนี้ เพื่อที่จะได้ครอบครองวัตถุพิเศษ ที่เทพวิญญาณจากโบราณอันไกลโพ้นทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

มันต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น!

“สถานการณ์ย่ำแย่จริงๆ พวกเราต้องเร่งกันแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

เขากระโดดขึ้นไปบนหลังม้า และกวักมืออีกครั้ง เรียกเหลาเจียวให้กลับมาบนกระดองเต่า

“ท่านต้องการชมทิวทัศน์...” ม้าทมิฬกำลังจะถาม

“วิ่งไปเลย เต็มกำลัง!”

ตูม!

ม้าทมิฬกลายเป็นภาพติดตา ควบทะยานไปตามทิศทางของเมืองไห่เช่า

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปเรื่อยๆ

บนท้องฟ้า แสงเรืองรองสีทองเริ่มที่จะสว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆ

ผีแห่งความอลหม่านนับไม่ถ้วนเจาะทะลุกำแพงอุปสรรคได้ในที่สุุด พวกมันร่วงหล่นลงมาดั่งสายฝน!

ลอร่าที่นั่งอยู่ในอ้อมอกของกู่ฉิงซาน เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า

ผีแห่งความอลหม่านบุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว

คาดว่าในอีกไม่เกินหนึ่งนาที พวกมันก็จะข้ามผ่านผืนฟ้าที่สูงหลายหมื่นเมตร ลงถึงพื้นดิน

และเมื่อเวลานั้นมาถึง โลกทั้งใบก็จะเต็มไปด้วยผีแห่งความอลหม่าน!

คราวนี้ ไม่ว่ากู่ฉิงซานจะแข็งแกร่งเพียงไร แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะกองทัพอสุรกายขนาดใหญ่เช่นนี้ได้

ลอร่ากัดฟันของเธอ

“กู่ฉิงซาน!”

ม้าทมิฬควบเต็มกำลัง เสียงลมหอนแสบแก้วหู จนเธอต้องตะโกนออกมา

“ว่าไง?” กู่ฉิงซานตอบเสียงดังกลับไป

“พวกเรากำลังจะตายใช่ไหม?”

“อย่าพึ่งคิดว่าจะตาย ทั้งๆ ที่ก่อนตายยังไม่ได้พยายามอะไรเลย!”

ลอร่าเริ่มสะอื้นไห้ “เราขอโทษนะ ถ้าก่อนหน้านี้เราเลือกที่จะบินไป มันก็คงจะไม่ต้องเสียเวลา ต่อสู้กับศัตรูที่ขวางทาง และบางทีตอนนี้อาจจะถึงเมืองแล้วก็ได้”

“เด็กโง่ ทุกคนก็มีสิ่งที่ตัวเองกลัวกันทั้งนั้น นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน”

“แต่ข้ามันเป็นคนขี้ขลาด...”

“ไม่ใช่ ท่านก็แค่กลัวความสูงนิดหน่อยเท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรหรอก และมีอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านมั่นใจได้”

“อะไรเหรอ?”

กู่ฉิงซานชี้ไปยังเบื้องหน้า “พวกเราจะไม่ตายที่นี่!”

ลอร่าหันหน้าตาม และมองออกไป

เมือง!

ปรากฏเมืองๆ หนึ่งขึ้นในสายตาของเธอ

ซึ่งนี่มันแตกต่างไปจากเมืองที่เห็นกันก่อนหน้านี้ เมืองข้างหน้าตั้งอยู่บนภูเขาสูง คล้ายกับป้อมปราการสงครามขนาดใหญ่

เมืองไห่เช่า!

ในที่สุด พวกเธอก็มองเห็นตัวเมืองแล้ว!

“เหลาเจียว!” กู่ฉิงซานตะโกนเสียงดัง

“ข้าอยู่นี่ มีอะไรหรือ?” เหลาเจียวตะโกนตอบรับ

“ต่อจากนี้ไปบางทีคุณอาจจะต้องเข้าร่วมต่อสู้ด้วยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

เหลาเจียวมองไปยังเมืองไห่เช่า

เห็นแค่เพียงบนภูเขาสูงตระหง่าน เมืองปราการตั้งเด่นเป็นสง่าอย่างมั่นคง

ทว่าขณะเดียวกัน กองทัพสัตว์ประหลาดผีกลับครอบครองสถานที่ทุกหนแห่งเบื้องนอกตัวเมือง

พวกมันกระจุกตัวกันหนาแน่น โอบล้อมตลอดทั้งภูเขาสูง ปิดล้อมเมืองอย่างเต็มกำลัง

สงครามได้มาถึงจุดที่รุนแรงที่สุดแล้ว!

“ไม่มีปัญหา เพื่ออาณาจักรของเหล่าทวยเทพ ข้าเต็มใจที่จะตายลงท่ามกลางการต่อสู้แห่งนี่” เหลาเจียวคำรามด้วยความโกรธ

“พูดได้ดี! พวกเราจะพุ่งเข้าปะทะมันตรงๆ ไปเลย!”

กู่ฉิงซานกุมบังเหียน

สามดาบปรากฏขึ้นรอบกายม้าทมิฬอย่างเงียบๆ

พวกมันสั่นไหวสื่อสารกัน ก่อนจะวูบ! บินไปยังเบื้องหน้า

ส่วนลอร่า เธอมุดตัว ฝังหน้าเข้าไปในอ้อมแขนอย่างกู่ฉิงซาน

…………………………………..........