webnovel

0552 ประกาศสงคราม

ตอนที่ 552 ประกาศสงคราม

บนยอดภูเขาน้ำแข็ง

ภายในวิหารของเหล่าทวยเทพ

มากกว่าแปดร้อยผู้เข้าสู่วิถีมารผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์

บางคนฉวยไปหยิบอาวุธขึ้นมาในมือ และเดินตรงไปยังมอนสเตอร์ที่สูงใหญ่ราวกับภูเขา

“นั่นนายคิดจะทำอะไรน่ะ?” เพื่อนของเขาเอ่ยถาม

“ก็ในเมื่อจะได้ออกไปจากที่นี่ในเร็วๆ นี้แล้ว ฉันเลยกะจะเอาชิ้นส่วนของเจ้าสิ่งมีชีวิตโบราณนี้ไปด้วยน่ะสิ เผื่อว่าจะขายได้เงินมาใช้เล็กๆ น้อยๆ บ้าง”

ชายคนนั้นเดินไปยังร่างของมอนสเตอร์และยกอาวุธของเขาขึ้น

แต่แล้วทั้งคนทั้งร่างของเขาก็ตัวแข็งค้างไปอย่างกะทันหัน

เพราะในสายตาของเขา หน้าต่างต้นกำเนิดที่ถอนการติดตั้งไปแล้ว ดันปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“อ่าว? นี่มันไม่ได้ถูกลบออกไปแล้วเหรอกเหรอ?” ชายคนนั้นกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เห็นแค่เพียงหนึ่งบรรทัดตัวอักษรที่เด้งเตือนขึ้นบนหน้าต่างต้นกำเนิดอย่างรวดเร็ว

“การถอนการติดตั้งโปรแกรมได้ถูกยกเลิก”

“ระบบได้ดำเนินการตรวจเช็คสถานะของคุณแล้ว และสุดท้ายก็ได้รับการตัดสินใจว่าสมควรเป็น : ทาส”

“ในฐานะทาส คุณไม่มีสิทธิ์ถอนการติดตั้งต้นกำเนิด!”

“คุณได้เพิกเฉยต่อคำเตือนหลายสิบประการ และเลือกที่จะทรยศต่อต้นกำเนิด”

“จากการทรยศนี้ ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำการเพิกถอนสิทธิ์ทั้งหมดของคุณ”

“จะเริ่มการกำจัด ในอีกสามวินาทีต่อจากนี้”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

“การทดลองเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นมาร... เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!”

สิ้นบรรทัดดังกล่าว ข้อความทั้งหมดก็หายไป

ขณะเดียวกัน ก็เริ่มบังเกิดพลังอำนาจบางอย่างค่อยๆ ผลุบออกมาจากร่างกายของเขา

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

ชายคนนั้นอุทานด้วยความประหลาดใจ

เขาพบว่าร่างกายของตนเริ่มที่จะร้อนขึ้น ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพลังบางอย่างกำลังเดือดพล่านและใกล้จะระเบิดออกจากร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้วมันก็มิได้ระเบิด เพราะดันเกิดสถานการณ์อันน่าสิ้นหวังขึ้นมาซะก่อน

โผล๊ะ!

อุ้งเท้ายาวแหลมคม จู่ๆ ก็ทิ่มออกมาจากด้านหลังของชายคนนั้น แทงทะลุเข้าหน้าอก เสียบกระชากเอาหัวใจออกมาอยู่เบื้องหน้าในสายตาของเขา

ชายคนนั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดทันที และไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเอ่ยปากพูด ทำได้แต่จ้องมองหัวใจที่กำลังเต้นอยู่บนอุ้งเท้าที่ว่านี้

แล้วหัวของเขาก็ค่อยๆ ตกลงอย่างช้าๆ

เขาตายไปแล้ว…

เบื้องหลังเขา คือเพื่อนอีกคนที่เพิ่งเสร็จสิ้นการแปลงเป็นมาร และกลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ห้ากรงเล็บสูงสามเมตรกำลังยืนอยู่

“ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ...”

มอนสเตอร์พยายามที่จะเปล่งเสียงพูดอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับว่ากำลังพยายามที่จะอธิบายบางด้วยความร้อนรน

แต่ในไม่ช้า มันก็ถูกดึงดูดโดยหัวใจที่กำลังค่อยๆ หยุดเต้นบนอุ้งเท้าตัวเอง

พริบตานั้นมันพลันลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวแหลมอ้ากว้าง และงับ! กลืนหัวใจดวงนั้นไป

หัวใจวิ่งลงผ่านลำคอของมัน เข้าสู่ร่างกาย วินาทีนั้นเอง มันสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ดูเหมือนว่าเลือดและเนื้อสดๆ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ในการวิวัฒนาการ!

โฮก

มอนสเตอร์หอนลั่น

มันต้องการเลือดเนื้อมากกว่านี้!

เสียงคำรามของมันคล้ายกับเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้น

เพราะสิ้นจังหวะนี้ การทดลองเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นมารก็เริ่มปรากฏขึ้นท่ามกลางผู้เข้าสู่วิถีมารจำนวนมาก

มากกว่าแปดร้อยผู้เข้าสู่วิถีมาร เคยข้ามผ่านร้อนหนาวมามากมาย หากไม่พบเผชิญกับเรื่องราวอะไรที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ พวกเขาย่อมไม่มีทางหวีดร้องออกมาอย่างแน่นอน

ทว่าเดิมทีในวิหารที่เงียบสงบ บัดนี้กลับฟุ้งไปด้วยเสียงกรีดร้องขึ้นทันใด

เลือดและเนื้อสาดบินว่อนไปทั่ว

เหล่ามอนสเตอร์อาละวาดคลั่ง!

ทันใดนั้นเอง วิหารบนยอดเขาของทวยเทพก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นนรกทุ่งสังหาร!

นักพรตเทพ ตาเทพ และนักรบเทพ ถอยฉากออกมา

พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในมุมที่มิดชิด ยืนหันหลังเข้าด้วยกัน ถืออาวุธในมือ จัดกระบวนทัพอยู่ในการป้องกันอย่างเต็มรูปแบบ

ทางด้านซ้ายมือของพวกเขา ร่างของชายคนหนึ่งถูกแหวกออก แตกกระจายกลายเป็นกองเนื้อสับ

“สถานการณ์นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” นักรบเทพเอ่ยถามเสียงต่ำ

“ข้ากำลังสังเกตอยู่” ดวงตาของตาเทพสาดแสงสีม่วงออกมา และกวาดมองไปยังฝูงชนทั้งหมด

เบื้องหน้าของทั้งสาม อีกหนึ่งผู้เข้าสู่วิถีมารโหยหวนอย่างคลุ้มคลั่ง

เห็นแค่เพียงร่างของชายคนนั้นบวมปูดขึ้นอย่างรวดเร็วเจ็ดถึงแปดกระดูกยาวแหลมงอกออกมาจากลำคอ ของตนส่งผลให้หัวมีขนาดยาวและใหญ่โตยิ่ง ทั้งๆ ที่ในส่วนร่างกายกลับเล็กจ้อย

เขาได้กลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้ว!

มองข้ามผ่านมอนสเตอร์ตัวนี้ไป คุณจะพบว่าตลอดทั้งวิหารได้จมลงสู่ความวุ่นวายโดยสมบูรณ์

ผู้เข้าสู่วิถีมารจำนวนมากได้สูญสิ้นเลือดและเนื้อหนังทั้งหมดของตนไปโดยสิ้นเชิง บ้างก็ตัวแตกระเบิดออก บ้างก็กลิ้งไปมาบนพื้นดิน ร่ำไห้ครวญครางด้วยความขมขื่นและค่อยตายลง

อย่างไรก็ตาม ก็มีผู้เข้าสู่วิถีมารบางส่วนเหมือนกันที่สามารถกลายร่างได้สำเร็จ เปลี่ยนโฉมเป็นมอนสเตอร์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป

มอนสเตอร์เหล่านี้ได้สูญสิ้นสติปัญญา และเริ่มเข่นฆ่าผู้เข้าสู่วิถีมารคนอื่นๆ ที่ยังไม่กลายร่างอย่างบ้าคลั่ง

“เผ่ามารล่ะ! พวกเขากลายเป็นเผ่ามารไปแล้ว!” ตาเทพตะโกนเสียงดัง

“จริงๆ หรือ? เรื่องนี้แน่ใจว่าไม่ผิดพลาดใช่ไหม?” นักพรตเทพใจสั่นสะท้าน เร่งเอ่ยถาม

“นี่คือเผ่ามารระดับต่ำ ข้าเคยได้เห็นมันมาก่อนอยู่หลายครั้ง มีหลายตนที่เคยปรากฏขึ้นในหนังสือภาพ” คู่แสงสีม่วงของตาเทพกล่าวยืนยัน

“ถ้าอย่างงั้น นี่คงจะเป็นฝีมือของเจ้าคนจากสมาคมกำปั้นเมื่อครู่ใช่ไหม?” นักรบเทพเอ่ยถามทันควัน

น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทว่าภายใต้สภาพการณ์ที่แสนจะวุ่นวายในปัจจุบัน อีกสองคนไม่มีใครมามัวสนใจกับน้ำเสียงที่กำลังสั่นเครือนี้

“ไม่ใช่ ข้าคอยเฝ้าดูเขาอยู่ตลอดเวลา และเขาไม่ได้ทำสิ่งใดเลยนอกจากบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ”

ตาเทพกล่าวต่อ “การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากภายในร่างกายของทุกคนเอง มีพลังงานบางอย่างเป็นตัวกระตุ้นมัน เหมือนกับว่าจู่ๆ พลังที่ว่าก็ออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าอย่างกะทันหัน”

“นี่คงจะเป็นฝีมือของ ‘ต้นกำเนิด’ ชักช้าไม่ได้แล้ว พวกเราจะต้องรีบหนีทันที!” นักพรตเทพเตือนทั้งสองด้วยความตื่นตระหนก

ทว่าก็มิอาจกล่าวอะไรไปได้มากกว่านั้นอีกแล้ว

เพราะหัวของนักพรตเทพได้หายวับไป

เห็นแค่เพียงมอนสเตอร์ที่สูงใหญ่กว่าห้าเมตร ตัดศีรษะของเขาด้วยแขนที่มิแตกต่างไปจากเคียวแหลม และโยนมันลงไปเคี้ยวๆ ในปากใหญ่

“พี่ชาย ข้า... ข้าไม่ได้อยากจะกินท่านเลยนะ”

มอนสเตอร์สูงใหญ่ห้าเมตรพูดกับเขาขณะที่ยังคงเคี้ยวอยู่

และบนใบหน้าของมัน… ปรากฏถึงคู่ดวงตาสีม่วงที่กำลังเฉิดฉายอยู่

ถ้าหากก่อนหน้านี้คุณได้อ่านถึงการบอกเล่าอย่างพิถีพิถัน คุณจะทราบได้ในทันทีว่ามอนสเตอร์ตรงหน้า … ก็คืออดีตตาเทพ!

มอนสเตอร์ที่กำลังเคี้ยวกินอาหาร จู่ๆ ทั้งตนทั้งร่างของมันก็เริ่มสั่นสะท้าน

“ไม่นะ! ข้าไม่อยากกลายเป็นมาร!” มอนสเตอร์คำราม

มันยกเคียวแหลมของตนขึ้น และฉับ! ตัดเข้าใส่ศีรษะของตนเอง

ปัง!

ร่างของมอนสเตอร์ร่วงตกลงกับพื้น

แขนขาทั้งหมดของมันแหลกสลาย กลายเป็นแอ่งเลือดที่ชุ่มไปด้วยเนื้อนุ่ม

ในชั่วพริบตาเดียว สองในสามตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มก็ตกตายลง

หลงเหลือแค่เพียงนักรบเทพที่ยังคงอยู่นิ่งอยู่อย่างเงียบๆ

เขาเป็นเทพที่ทรงพลัง และเป็นผู้นำของเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกลุ่มนี้

เขามักจะสงสัยในคำพูดของกู่ฉิงซานตลอดมา และเลือกที่จะเฝ้าดูฝูงชนอย่างเงียบๆ

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เคยคิดที่จะถอนการติดตั้งต้นกำเนิดเลย

ท้ายที่สุดแล้ว ตลอดทั้งแปดร้อยคนในวิหาร มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ถอนการติดตั้งต้นกำเนิด

มอนสเตอร์ทั้งหมดหลีกเลี่ยงเขา

นั่นเพราะเขายังคงเป็นผู้เข้าสู่วิถีมาร ยังอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากต้นกำเนิด

นักรบเทพคุกเข่าลง ยื่นที่ไปตบเบาๆ บนศพไร้หัวของนักพรตเทพ และศพของมอนสเตอร์ที่มีคู่ดวงตาสีม่วง

“น้องทั้งสองของข้า … ”

สองธารเลือด ไหลลงมาเป็นสายจากในดวงตาของเขา

“กลับกลายเป็นว่าพวกเราถูกหลอกโดยเจ้าผู้ชายคนนั้น”

“นี่คือ ‘ต้นกำเนิด’ ของจริง มันคือระบบราชามาร แต่คนๆ นั้นกลับหลอกลวงพวกเรา!”

“พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะสังหารเขาให้จงได้”

“ข้าขอให้คำมั่นสาบาน ว่าจะเอาหัวของมันมาเซ่นไหว้แก่พวกเจ้า!”

เขาปาดน้ำตาเลือด ผุดลุกขึ้น และเดินตรงออกไปยังนอกวิหาร

ขณะที่เบื้องหลังเขา มอนสเตอร์ที่รอดชีวิตมาได้ต่างพากันหยุดต่อสู้ลง

และทั้งหมดก็ติดตามนักรบเทพ เดินออกจากตัววิหารไป

ย้อนเวลากลับมาสักเล็กน้อย

ภายในวิหาร การทดลองเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นมารเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

บังเกิดเสียงร้องตะโกนอนาถา น่าสยดสยองดังขึ้นจากบนยอดเขา ตัดผ่านสายลมและหิมะ ก้องกังวานไปตลอดทั้งสารทิศ

มันสะท้อนไปตลอดทั้งเนินเขา

ในทุกทิศทาง จะเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้สาปแช่ง ไม่ว่าผู้ใดได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก

ณ ครึ่งทางของตัวภูเขาหิมะ

“พวกเราจะรออยู่ที่นี่” กู่ฉิงซานกล่าว

ม้าทมิฬหยุดฝีเท้าลง

ลอร่าลงมาจากไหล่เขา และหดตัวกลับเข้าไปในอ้อมแขนของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานนั่งอยู่บนหลังม้า และลูบหลังเธอเบาๆ

ในสายตาของเขา หน้าต่างสีแดงเข้มของต้นกำเนิดสาดแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง

ในที่สุด มันก็เปลี่ยนกลับคืนจากสีเทาเสียที

“ว่าไง ไม่ได้แกล้งทำเป็นตายแล้วเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างช้าๆ

เชื้อไ- ไม่สิ สมควรที่จะเรียกว่า ‘ต้นกำเนิด’ แล้ว มันตอบกลับมาด้วยความโกรธ กระทั่งน้ำเสียงและการเรียกขานต่างๆ ก็พลันเปลี่ยนไป “ไอ้เจ้าคนขี้ขลาด โป้ปดหลอกลวง จอมทำลายแผนการ นี่เจ้าต่อต้านข้าอีกแล้วนะ! ทำไมกัน ทำไมถึงต้องทำแบบนี้?”

กู่ฉิงซานเงียบไปครู่หนึ่ง มิได้เอ่ยสิ่งใด

“ไอ้เจ้าคนบาป เจ้าหลอกลวงพวกเขา ทำให้พวกเขาทรยศระบบ! เจ้าสังหารสหายพันธมิตรที่อยู่ฝ่ายเดียวกันไปกว่าแปดร้อยคน!”

“ไม่นะ พวกมันไม่ใช่เพื่อนหรือพันธมิตรของฉันสักหน่อย” กู่ฉิงซานค้าน

“แต่พวกเขาก็เหมือนกับเจ้า ที่มีระบบคอยช่วยเหลือเดิมทีเจ้าสามารถคอยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาก็ได้ และจะกลายเป็นกองกำลังที่ทรงพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ แต่เจ้ากลับหันหลังให้กับระบบ และวางแผนฆ่าพวกเขา!”

“ขอแก้ตัวนะ ก่อนอื่นเลยแกต่างหากที่ฆ่าพวกเขา” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ “อีกอย่าง คนเหล่านี้ฆ่าคนบริสุทธิ์ด้วยความโหดร้ายไปมากมายเพื่อไขว่คว้าความมั่งคั่งและแข็งแกร่ง ฉะนั้นฉันคิดว่าโชคชะตานี้ ที่พวกมันได้รับ คือสิ่งที่สมควรแล้ว”

ต้นกำเนิดพอได้ฟังก็ตกลงสู่ความเงียบ

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “และการตายของพวกมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สงครามระหว่างแกกับฉันมันจะยังคงดำเนินต่อไป”

“ไอ้ขี้ขลาด เจ้ามันก็แค่เผ่ามนุษย์ตัวจ้อย เป็นการดำรงอยู่ที่ต่ำตมที่สุดในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น เจ้าคิดจะประกาศสงครามกับข้าอย่างงั้นเหรอ” ต้นกำเนิดสบถด้วยความโกรธ

“ก็เออสิวะ”

…………………………………..........