webnovel

0511 ความตั้งใจของซูเซี่ยเอ๋อ

ตอนที่ 511 ความตั้งใจของซูเซี่ยเอ๋อ

ถึงจะเคยคิดไว้แล้ว แต่ไม่คาดหวังเลยว่าจะได้พบเจอกันเจ้าไก่ในสถานการณ์แบบนี้

กู่ฉิงซานลุกขึ้น และเดินไปยื่นมือทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

“ผมมาที่นี่เพราะเรื่องการเรียกขานของวิหคหนามน่ะ”

“งั้นเหรอ? น่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันแก่เกินไป ไม่อย่างงั้นคงเข้าไปผสมโรงเล็กๆ น้อยๆ ฉกเอาของรางวัลออกมาขายไปแล้ว”

“ฮ่าๆ... ”

ทั้งสองทักทายกันอยู่สักพัก ไก่ตัวใหญ่ก็เสนอว่าควรจะพวกเขารับประทานอาหารค่ำร่วมกัน

เพราะถึงจะบอกว่านี่คือเมืองเล็กๆ แต่มันก็มีพื้นที่พอสมควร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบเจอกับคนรู้จักกัน บางทีหากแยกกันคราวนี้ เกรงว่าการจะพบเจอกันอีกครั้งมันคงยาก

ก่อนที่กู่ฉิงซานจะทันได้ปฏิเสธ เจ้าไก่ก็ตีปีกพับๆ แล้วเริ่มสั่งอาหารให้กู่ฉิงซาน

ไก่วาดปีกของมันออกไป สั่งชุดอาหารชั้นสูงสำหรับสี่ท่านอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานกับซูเซี่ยเอ๋อหันมามองหน้ากัน

นี่มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะปฏิเสธน้ำใจเช่นนี้

พวกเขาไม่มีธุระอะไรอีก อันที่จริงแล้วท้องยังไม่อิ่มเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่จะร่วมรับประทานอาหารกับอีกฝ่ายสักเล็กน้อยคงจะไม่มีปัญหาอะไร

ทั้งสี่คนนั่งลง

“ไม่ทราบว่าเด็กสาวผู้งดงามคนนี้มีชื่อว่าอะไร?” ไก่มองไปทางซูเซี่ยเอ๋อ ปากเอ่ยถามด้วยความสุภาพ

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อว่าซูเซี่ยเอ๋อ”

“โอ้” ไก่ตบลงบนไหล่ของกู่ฉิงซาน “ดอกไม้สดงดงามกับโคหนุ่ม ช่างเป็นการผสมผสานกันที่ลงตัว ฉันขออวยพรสำหรับพวกเธอด้วยนะ”

“ขอบคุณค่ะ” ซูเซี่ยเอ๋อยิ้มหวาน

ขณะที่กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะมองไปทางขอนไม้

“แล้วคุณล่ะครับ ไม่ทราบว่าชื่อ...” เขากำลังเอ่ยถาม

“เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงน่ะ และเธอไม่อนุญาตให้ฉันบอกชื่อของเธอ...เอ่อ” ไก่หันไปมองขอนไม้ เอ่ยอย่างกลืนเข้าคายไม่ออก

“ไม่เป็นไรหรอก” เสียงทุ้มลึกออกมาจากขอนไม้ “เพราะสหายตัวน้อยทั้งสองคนนี้ มีความสัมพันธ์กับสหายเก่าของเราพอดี”

ชั้นผิวไม้แตกออก และเผยให้เห็นถึงหญิงงามที่สลักจากเนื้อไม้ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งหลาย

เธอมองไปทางกู่ฉิงซาน พร้อมกับเผยให้เห็นถึงท่าทีสนอกสนใจ “เจ้าหนู เธอคงจะเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคมกำปั้นเหล็กใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว” กู่ฉิงซานยอมรับอย่างไม่ปิดบัง

“ขาของแบรี่ดีขึ้นแล้วจริงๆ หรือ?”

“เป็นเรื่องจริง”

“คำสาปส่งที่เขาเผชิญมันรุนแรงมาก เดิมทีเราก็คิดว่าเขาจะมาหาเราซะอีก แต่เขามันบ้า กลับเห็นศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตและความตาย” หญิงงามไม้สลัก กล่าวด้วยอารมณ์

“แล้วทำไมเขาถึงไม่ไปหาคุณล่ะ?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“เพราะเขาคือคนที่รักในศักดิ์ศรียิ่งกว่าความตาย ตั้งแต่ที่เขาแพ้ให้แก่เราในคาสิโน จนเหลือแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว เขาก็ไม่เคยมาให้เราได้เห็นหน้าอีกเลย” หญิงงามไม้สลักยกบุหรี่ขึ้นมาจุด และสูดควันลึกเข้าปอด

อ้อ…ดูเหมือนว่าหญิงงามคนนี้จะเป็นสหายเก่าของแบรี่นี่เอง

กู่ฉิงซานจึงคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี หากจะพูดอะไรมากเกินไปเกี่ยวกับแบรี่

“แบรี่? นายกำลังหมายถึงกำปั้นเหล็กแบรี่หรือเปล่า?” ไก่ร้องด้วยความประหลาดใจ

“ใช่แล้ว” กู่ฉิงซานตอบ

“โอ้ พอดีว่าฉันติดหนี้เขาอยู่นิดหน่อยซะด้วยสิ” ไก่เอ่ยพึมพำเสียงต่ำ

หญิงงามไม้สลักหันไปทางซูเซี่ยเอ๋อและกล่าว “แล้วอาจารย์ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง เขายังสบายดีไหม?”

ซูเซี่ยเอ๋อตกใจนิ่งค้างไป

“คุณรู้จักอาจารย์ของหนูด้วยเหรอ?” เธอยืดอก นั่งหลังตรงขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

“แน่นอนว่าเรารู้จักจอมมารทะเลเลือด ก็บนตัวแม่หนูน่ะมีพันธสัญญากับทะเลเลือดใช่ไหมล่ะ กลิ่นอายมันคละคลุ้งซะขนาดนี้”

ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “แต่ทำไมหนูถึงไม่เคยรู้เลยว่าท่านอาจารย์กับคุณ”

“นั่นเพราะเขากำลังไล่จีบเราอยู่อย่างไรล่ะ”

หญิงงามไม้สลักกล่าวกระชับสั้นๆ

ซูเซี่ยเอ๋อปาดเหงื่อบนหน้าผากของเธอ

“ใจเย็นไว้สาวน้อย ตัวเราจะไม่กลายเป็นภรรยาของอาจารย์เจ้าหรอก ไม่ต้องกังวลไป” หญิงงามไม้สลักมองไปยังท่าทีประหม่าของอีกฝ่าย จึงกล่าวออกมา

เจ้าไก่ที่ฟังเรื่องนี้จนลืมหายใจ พอได้ยินประโยคนี้ มันก็หัวเราะออกมา “ใช่แล้วล่ะ จอมมารทะเลเลือดน่ะอ่อนแอเกินไป เขาไม่ใช่ชายชาตรีที่คู่ควรหรอก”

ในเวลานั้นเอง ทุกชนิดของอาหารก็ปรากฏลงบนโต๊ะพอดิบพอดี

“เอ้า กินกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” ไก่ตัวใหญ่กล่าว

แต่หลังจากที่หญิงงามไม้สลักกวาดสายตามองอาหารทุกจาน เธอก็เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ “แล้วทำไมไม่มีไก่?”

ไก่ตัวใหญ่ชะงักไป กล่าวอย่างอึดอัด “เรื่องนั้น ก็ไก่จะไปกินไก่ด้วยกันได้อย่างไร...”

“คุณไม่ใช่ไก่ คุณแค่ดูเหมือนไก่ ด้วยเหตุผลแค่นี้แต่คิดจะมาขัดขวางไม่ให้ตัวเรากินไก่อย่างงั้นเหรอ?” หญิงงามไม้สลักเริ่มหงุดหงิด

ไก่ตัวใหญ่นิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะตบโต๊ะและพูดว่า “อ่า...ฉันไม่ใช่ไก่ก็ได้”

แล้วเขาก็หันไปสั่งแซนด์วิชไก่ ซุปไก่ดำ และสตูไก่ทั้งตัวอีกอย่างละจาน

คิ้วที่ขมวดมุ่นของหญิงงามไม้สลักจึงคลายลง

“คุณดีกว่ามากจริงๆ หากเทียบกับทะเลเลือด” เธอเป่าลมหายใจใส่หูของไก่ตัวใหญ่

สองตาของไก่เบิกกว้าง มันยืดอกและกล่าวด้วยความปีติ “แน่นอนอยู่แล้ว คุณผู้หญิงของฉัน!”

หญิงงามไม้สลักพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเริ่มยกชามขึ้นมาอย่างอ่อนช้อย และเริ่มซดซุปไก่ดำ

จังหวะนั้นเอง ไก่ตัวใหญ่ก็เบนสายตามองไปยังกู่ฉิงซาน

เขาส่งคำพูดทางสายตามาว่า “เจ้าหนู จำไว้นะว่านอกเหนือไปจากผู้หญิงคนนี้ ในโลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้น ไม่มีใครกล้าที่จะมาบังคับให้ฉันกินไก่! หากมีใครพูดเกี่ยวกับมันออกไป ฉันจะไปทุบตีมันทันทีแม้จะไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของมันก็ตาม! จำไว้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นหลักการสำหรับฉัน!!”

มันพูดน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน่ายำเกรง

กู่ฉิงซานพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะรักษาสีหน้าของเขาไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

“ผมเข้าใจแล้ว ตัวตนที่แข็งแกร่งน่ะมักจะมีหลักการเป็นของตัวเองเสมอ” เขาส่งเสียงตอบกลับไป ด้วยความจริงจัง

ไก่พยักหน้าด้วยความพอใจ

หลังจากมื้ออาหารแสนอร่อยจบลง ก็เข้าสู่ช่วงค่ำแล้ว

ทั้งสองฝ่ายเดินออกจากร้านอาหาร

เมื่อกล่าวคำอำลา หญิงงามไม้สลักก็ยังไม่จากไปทันที เธอเดินมาหาซูเซี่ยเอ๋อและกดใบไม้ลงบนหน้าผาก ของเด็กสาว

ใบไม้เปล่งแสงมรกตสดใส และค่อยๆ จมหายเข้าสู้หว่างคิ้วของซูเซี่ยเอ๋อ

“ถึงแม้ว่าตัวเราจะไม่สามารถเข้าใจถึงคำพยากรณ์ได้ แต่เราสามารถรู้สึกได้ว่าแม่หนูกำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตอยู่” หญิงงามไม้สลักกล่าว

“อันที่จริงแล้ว มันไม่จำเป็นหรอกค่ะ…” ซูเซี่ยเอ๋อหัวเราะ

กู่ฉิงซานยืนรับฟังอย่างเงียบๆ แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

หญิงงามไม้สลัก พอได้ฟังคำของซูเซี่ยเอ๋อ เธอก็ส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าว “สาวน้อย ไม่ต้องกังวลไปหรอก ใบไม้นี้ มันมีหน้าที่แค่จะช่วยปกป้องเจ้าเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายก้าวก่ายเกินความจำเป็นใดๆ”

ซูเซี่ยเอ๋อพอได้ฟังก็กล่าวอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ แต่หนูยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”

หญิงงามไม้สลักโบกมือ ไม่คิดตอบคำถามใดๆ

เธอเริ่มลอยไปอีกฟากฝั่งหนึ่งของถนน

“เอาล่ะ หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกในวันพรุ่งนี้นะ เพราะอย่างไรก็มาพักหยุดยาวกันอยู่แล้วนี่ใช่ไหม ” ไก่ตัวใหญ่บอกลาทั้งสอง

แล้วมันก็รีบวิ่งตามหญิงงามไม้สลักไป

กู่ฉิงซานกับซูเซี่ยเอ๋อยืนอยู่สักพัก เฝ้ารอจนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามหายไปในมุมถนน

“ขอนไม้บอกว่าเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตงั้นเหรอ…” กู่ฉิงซานมองซูเซี่ยเอ๋อด้วยความเป็นห่วง

“มันโอเค ไม่มีอะไรหรอก อย่าลืมสิว่าอาจารย์ของฉันร้ายกาจมากเลยนะ”

“เกิดอะไรขึ้นเซี่ยเอ๋อ เธอต้องบอกฉันได้แล้วนะ”

ซูเซี่ยเอ๋อมองไปยังสีหน้าการแสดงออกที่ไม่ยินยอมของเขา และหัวเราะออกมาทันที “ก็ได้ๆ แต่นี่มันเริ่มดึกแล้ว งั้นเอาเป็นว่าเราหาที่พักกันก่อนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวฉันจะค่อยๆ บอกนายอย่างช้าๆ เอง”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

“แล้วนายอิ่มรึยัง? ” เซี่ยเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง

“อิ่มแล้ว พวกเราเดินย่อยหาที่พักกันไปพลางๆ เถอะ”

“ไปสิ ฉันก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน”

มีโรงแรมอยู่หลายแห่งในเมืองนี้

กู่ฉิงซานกับซูเซี่ยเอ๋อเลือกกันอยู่สักพักหนึ่ง และในที่สุดก็ตกลงกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าจะพักในโรงแรม ที่มีสภาพแวดล้อมเงียบสงบที่สุด

ซูเซี่ยเอ๋อใช้ป้ายของกู่ฉิงซานทำการลงทะเบียนที่พักฟรี

และเริ่มจากช่วงเวลานี้เอง ที่กู่ฉิงซานรู้สึกว่าซูเซี่ยเอ๋อมีบางอย่างผิดปกติไป

เธอประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

แปลกจัง…

ความสงสัยของกู่ฉิงซาน เริ่มเติบโตขึ้นอย่างล้ำลึก

แต่ในวินาทีต่อมานั้นเอง ซูเซี่ยเอ๋อก็เดินกลับมาพร้อมกับกุญแจห้องเล็กๆ

เธอถือกุญแจ และจิ้มมันลงไปในความว่างเปล่า

ประตูปรากฏขึ้นทันใด

ซูเซี่ยเอ๋อคว้าจับมือของกู่ฉิงซาน และดึงเขาเข้าไปในประตู

“ดูนี่สิ ฉันเลือกเป็นห้องพักของมหาลัยล่ะ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ ห้อง

นี่มันก็เป็นห้องพักหญิงทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรที่มากหรือขาดใดๆ

“โอเค แล้วฉันจะไปนอนที่ไหนดีล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“นายก็นอนในห้องนี้ไง”

“แล้วเธอล่ะ?”

“ฉัน…ก็จะนอนที่นี่ด้วยเหมือนกัน”

หือ…ว่าไงนะ?

คราวนี้ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นกู่ฉิงซานซะเองที่เริ่มประหม่า

ขณะเดียวกัน ในหัวใจของเขาก็รับรู้ได้แล้วว่าท่าทีที่ซูเซี่ยเอ๋อกำลังประหม่าเมื่อครู่นี้มันคืออะไร

ถ้าหากเป็นอย่างที่เขาคิด…การที่เธอจะประหม่าเล็กๆ น้อยๆ มันก็สมควรที่จะเป็นเรื่องปกติ

ขณะกำลังขบคิดนั้นเอง จู่ๆ ร่างอรชรที่มีกลิ่นอันหอมหวานก็โผเข้าอ้อมอกเขา

เป็นซูเซี่ยเอ๋อ

เธอสวมกอดเขา

เด็กสาวหลับตาลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและจูบจุมพิตอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

เวลาราวกับจะหยุดนิ่ง

กู่ฉิงซานเดิมทีกำลังไตร่ตรองถึงสถานการณ์อันตรายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับซูเซี่ยเอ๋อ และพร้อมที่จะรับฟังการระบายของเธอ

แต่เขาไม่คาดหวังเลยว่าซูเซี่ยเอ๋อจะทำแบบนี้

นี่คือช่วงเวลาที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ความสงสัย และความคิดทั้งมวล สลายหายไปจากในจิตใจของกู่ฉิงซาน

เวลาผ่านไปนาน ริมฝีปากทั้งสองที่ประกบกันจึงถูกแยกออก

ซูเซี่ยเอ๋อลูบไล้ใบหน้าของกู่ฉิงซาน ปากเปล่งเสียงกระซิบ “นอนเถอะนะ ฉิงซาน”

กู่ฉิงซานค่อยๆ หลับตาของเขาลงอย่างช้าๆ และล้มตัวลงบนเตียง

ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ และค่อยๆ แกะแผ่นโปร่งใสออกจากริมฝีปากของเธอ

เมื่อมันถูกแกะออก แผ่นโปร่งใสก็ค่อยๆ แปรสภาพเป็นไพ่ใบหนึ่งในมือของเธอ

บนหน้าไพ่ ไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่ มีเพียงแค่รูปของริมฝีปากสีชมพูเท่านั้น

‘ของขวัญจุมพิตจากแม่มด’

‘คนที่ถูกจูบด้วยไพ่ใบนี้ จะตกอยู่ในห้วงความฝันอันแสนวิเศษเป็นระยะเวลาสามวัน’

‘คุณจะไม่สามารถกำจัดโลกแห่งความฝันได้ เว้นแต่ว่าคุณจะมีสกิล ของขวัญจุมพิตจากแม่มด เช่นเดียวกัน’

ซูเซี่ยเอ๋อเก็บไพ่แล้วนั่งลงบนขอบเตียง

เธอลูบไล้ใบหน้าของกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ

โดยมิได้เอ่ยสิ่งใด ทำแค่เพียงส่งสายตามองเขาด้วยความรัก

จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ร่างของซูเซี่ยเอ๋อก็ระเบิดรังสีแสงอันไม่สม่ำเสมอออกมา

การเรียกขานของวิหคหนาม

ด้านนอกหนึ่งชั่วโมง จะเทียบเท่ากับที่นี่เกือบๆ หนึ่งวัน

เวลาได้มาถึงแล้ว

ซูเซี่ยเอ๋อถอนหายใจ

“ฉิงซาน ภาพที่นายเห็นว่าตัวเองกำลังกินโครงกระดูกอยู่น่ะ นั่นหมายความว่านายจะเข้าสู่วิถีมาร”

ซูเซี่ยเอ๋อถอนหายใจ

ในที่สุดเธอก็ยอมบอกความจริงออกมา

“และในตอนที่ฉันถือไพ่ใบนี้ มันก็เป็นเพียงความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด”

“นั่นเป็นเพราะในที่สุดฉันก็ประสบความสำเร็จในการปลดปล่อยตัวเองจากโชคชะตาเดิมได้แล้ว และนับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถควบคุมหรือสั่งการฉันได้อีกเลย”

ซูเซี่ยเอ๋อเก็บไพ่แม่มด และหยิบไพ่พยากรณ์โชคชะตาออกมา

เธอใส่ไพ่พยากรณ์ลงในกระเป๋าของกู่ฉิงซาน

“ตอนนี้ สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงแค่นี้จริงๆ”

“ฉันจะไปจัดการกับอันตรายที่กำลังจะมาเยือนนายในไม่ช้าตามคำพยากรณ์ของไพ่ ตราบใดที่ฉันสามารถจัดการมันให้นายได้ นายก็จะสามารถผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย และกลายเป็นตัวตนที่ครอบครองพลังอันคงกระพันในเวลาต่อมา”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ซูเซี่ยเอ๋อก็ยิ้มอย่างอบอุ่น

“ที่นายต้องทำ ก็แค่พักผ่อนอยู่ที่นี่ และเฝ้ารอให้ฉันกลับมาหา”

กล่าวจบ ซูเซี่ยเอ๋อก็จั่วไพ่ออกมา และเหวี่ยงมันไปในอากาศ

ตัวไพ่ได้เข้าปกคลุมกู่ฉิงซานทันที

‘คำสาบานของพันธนาการ’

‘วัตถุที่ได้รับผลจากไพ่ใบนี้ จะสามารถเคลื่อนที่ได้แค่ภายในรัศมีระยะห้าตารางเมตร และไม่สามารถออกไปได้’

ซูเซี่ยเอ๋อนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะจั่วไพ่ขึ้นมาอีกใบ

และไพ่ใบนี้แตกต่างจากไพ่ใบก่อนหน้า

มันสาดแสงสว่างเรืองรองไปด้วยรังสีเลือด

จอมมารทะเลเลือดกำลังยืนในไพ่ พร้อมด้วยถือโล่ไว้ในมือของเขา

“สำรับไพ่ทะเลเลือด : จอมมารคุ้มภัย”

“หลังจากที่เปิดใช้งานไพ่ใบนี้ อักษรรูนจะถูกจัดวางลงในตำแหน่งที่กำหนด และไม่ว่าใครหรือการโจมตีใดๆ ก็ไม่สามารถทะลุการคุ้มภัยนี้ไปได้”

ซูเซี่ยเอ๋อเปิดใช้งานไพ่

โล่สีเลือดกระจายออกจากตัวไพ่ เข้าปกคลุมตลอดทั้งห้อง

ไพ่ถึงสามใบ

ใบแรกทำให้กู่ฉิงซานนอนหลับลง

ใบที่สอง คือการป้องกันเผื่อในกรณีที่เขาจะตื่นขึ้นล่วงหน้า และบังคับให้เขาต้องอยู่ที่นี่

ใบที่สาม

แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับอันตรายในอัลเบอัสก็ตามที แต่ซูเซี่ยเอ๋อก็เลือกที่จะนำเอาไพ่ป้องกัน ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาใช้ปกป้องห้องนี้

เมื่อไพ่ทั้งสามไพ่ผสานงานร่วมกัน ซูเซี่ยเอ๋อจึงค่อยโล่งใจที่สุด

เธอสัมผัสใบหน้าของกู่ฉิงซาน ปากเอ่ยเสียงกระซิบ “ถ้า…ฉันไม่กลับมาล่ะก็…”

เธอก้มลงจูบกู่ฉิงซาน

โดยที่คราวนี้ไม่มีไพ่ใดๆ มาขวางกั้น

มันคือจูบจริง…เป็นจูบแห่งการบอกลา

“นายจะต้องมีชีวิตที่ดีต่อไปให้ได้นะ”

ว่าจบ ร่างของเธอก็หายวับไปจากห้อง

เหลือแค่กู่ฉิงซานอยู่เพียงลำพัง

กู่ฉิงซานยังคงนอนอยู่บนเตียง ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงัน สองตาปิดสนิท

ของขวัญจุมพิตจากแม่มด จะทำให้เขาหลับลึกเป็นเวลาสามวัน

และตลอดทั้งกระบวนการดังกล่าวนี้ นั่นหมายถึงการเรียกขานของวิหคนามจะจบลง

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อมีคนมากพอ วิหคหนามก็จะเรียกทุกๆ คนให้เข้าไปด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่ว่าอาจจะมีบางคนที่มาก่อน ได้เข้าไปก่อนก็เท่านั้น

แต่ในกรณีที่เป็นอยู่ตอนนี้ อาจกล่าวได้ว่ากู่ฉิงซานจะไม่สามารถสื่อสารกับการเรียกขานของวิหคหนามได้

และนั่นคือจุดประสงค์ของซูเซี่ยเอ๋อ

ขณะที่ไพ่ทั้งสามใบ จะเป็นตัวรับประกันว่า กู่ฉิงซานจะไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน ว่านั่นหมายความว่าเขาจะไม่ต้องพบเจออันตรายใดๆเช่นกัน

เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ

คลื่นความผันผวนของซูเซี่ยเอ๋อค่อยๆ สลายไป

ภายในห้องพักเงียบสนิท

แต่ในตอนนั้นเอง ดาบยาวที่คล้ายดั่งหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า วนเวียนอยู่ในอากาศก่อนจะกลายสภาพเป็นหญิงสาวในชุดคลุมฟ้า

ฉานนู่

เธอมองไปยังการจมอยู่ในห้วงนิทราของกู่ฉิงซาน และอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจ

นายน้อยหลับลึกเช่นนี้ แล้วข้าสมควรจะทำอย่างไรดี?

แน่นอน ว่าอันที่จริงตัวเธอที่เป็นดาบเทวะ ย่อมสามารถทำลายกฎเกณฑ์ทั้งหมดลงได้

แต่ซูเซี่ยเอ๋อเป็นคนฉลาดมาก เทคนิคทั้งหมดของเธอ เพ่งเล็งตรงมาที่กู่ฉิงซาน และใช้มันออกในช่วงเวลาที่เขาไม่ระมัดระวังตัวมากที่สุด

ดังนั้นถึงแม้ว่าฉานนู่จะสามารถทำลายกฎเกณฑ์ทั้งหมด และไม่ได้รับผลกระทบจากไพ่ก็ตาม

แต่กู่ฉิงซานไม่ใช่ เขาไร้ซึ่งการป้องกันโดยสมบูรณ์ และถูกทำให้หลับใหลไปแล้ว

ตอนนี้กู่ฉิงซานไม่สามารถหลบหนีไปจากไพ่ทั้งสามใบได้พ้นอย่างแน่นอน

ฉานนู่ร่อนลงยืนข้างเตียง ทั้งคนทั้งร่างตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ข้าไม่คาดคิดเลย ว่าจะมีผู้หญิงเช่นนี้อยู่ในโลก”

ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงของผู้ชายดังตอบเธอกลับมา

“ผู้หญิงเช่นนี้อะไรกันล่ะ? เธอก็แค่ไร้เดียงสาไปหน่อยเท่านั้นเอง”

กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น และผุดลุกจากเตียง

…………………………………..