webnovel

0509 ฉันเป็นของนาย

ตอนที่ 509 ฉันเป็นของนาย

กู่ฉิงซานเฝ้ามองซูเซี่ยเอ๋อ บ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เธอกินช้าลงหน่อยก็ได้มั้ง?”

แต่สมาธิของซูเซี่ยเอ๋อดูจะไม่ได้อยู่ที่หูเลย เธอเอ่ยปากทั้งๆ ที่มันยังเคี้ยวหงับๆ “ไม่ได้เหรอ ก็ฉันไม่ได้กินอาหารฝีมือนายมานานแล้วนี่นา”

กู่ฉิงซานหัวเราะ

ย้อนคิดกลับไปถึงเมื่อก่อน ซูเซี่ยเอ๋อมักจะไปเที่ยวตลาดกลางคืนเพื่อแวะซื้อบาร์บีคิวแผงลอยของเขา

ในช่วงเวลานั้น โลกยังคงสงบสุขอยู่

แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้นที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ประจวบกับมองดูภาพตรงหน้า ในหัวใจของกู่ฉิงซาน ก็รู้สึกราวกับได้รับบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปในชีวิตตนกลับคืนมา

“เซี่ยเอ๋อ จริงๆ แล้วเธอถูกส่งไปยังโลกใบไหนกันแน่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเหรอ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวออกมาขณะกำลังกิน

“ทำไมล่ะ?”

ซูเซี่ยเอ๋อลังเลไปครู่ แต่ทันใดนั้นเธอก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยู่ในสถานที่ที่เป็นเกาะ ซึ่งมีคนธรรมดาๆ อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นแหละ ฉันก็เลยรู้สึกเบื่อ เลยอยากจะออกมามองหาสถานที่อยู่ใหม่น่ะ”

ในหัวใจของกู่ฉิงซานวูบไหวทันใด

ประโยคนี้...เหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง

ม้วนคัมภีร์ที่เธอให้ไว้ในตอนแรก ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของกู่ฉิงซาน บอกได้เลยว่ามันมีค่า และทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง

แล้วเธอจะสามารถได้รับม้วนคัมภีร์เช่นนั้น ในโลกที่มีคนธรรมดาอาศัยอยู่ได้อย่างไร?

เขาจ้องมองเธอ

ราวกับจะรู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย เซี่ยเอ๋อยิ้มให้เขา “จริงๆ แล้วอาจารย์ของฉันทรงพลังมาก แต่เขาทิ้งฉันไว้บนเกาะเพียงลำพัง แล้วออกเดินทางไปยังดวงดาวอันห่างไกล ฉันไม่ต้องการที่จะอยู่คนเดียวในสถานที่น่าเบื่อแบบนั้น ก็เลยตัดสินใจออกมาน่ะ”

แม้ประโยคที่เธอกล่าวมานี้อาจจะไม่ได้โกหกซะทีเดียว แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในมันแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง

‘ช่างเถอะ ดูเหมือนว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรล่ะมั้ง…เธอก็แค่พยายามพูดอ้อมๆ ว่าต้องการตามหาฉันใช่รึเปล่า?’

กู่ฉิงซานคิด ก่อนจะเอ่ยอย่างช้าๆ “งั้นเหรอ ส่วนฉันตอนนี้อยู่ในโลกมิติอนันต์ โลกที่เรียกกันว่าสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรมน่ะ พอจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างไหม?”

“สมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม…รอเดี๋ยวนะ”

ซูเซี่ยเอ๋อเช็ดปากของเธอ แล้วกางหนังสือพิมพ์ที่ไม่รู้ว่าไปหยิบจากที่ไหนขึ้นมา

เห็นแค่เพียงบนหนังสือพิม มีพาดหัวข่าวตัวโตๆ ว่า “ข่าวดีสำหรับโลกมิติอนันต์ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กว่าเจ็ดพันเก้าร้อยสามสิบสี่วันนี้เปิดบวกกันแทบทุกตัว เนื่องจากอิทธิพลของข่าวที่ว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของแบรี่ได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์แล้ว”

นักลงทุนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า “ขอบคุณพระเจ้า! ผมเฝ้ารอมานาน ในที่สุดเขาก็จะสามารถโผล่หัวออกมาทำงาน แล้วเอาเงินมาใช้หนี้ผมได้ซักที!”

นอกจากนี้ ยังมีรูปภาพประกอบบนหนังสือพิมพ์อีกด้วย

มันเป็นรูปของชายแก่แห่งสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงที่กำลังกอดขาของแบรี่ พร้อมกับเผยถึงความอึ้งทึ่ง บนใบหน้าของเขา

ขณะที่แบรี่กำหมัดแน่น จ้องมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง

ซูเซี่ยเอ๋อชี้ไปที่ภาพและกล่าวว่า “ดูสิ มีนายอยู่ในพาดหัวข่าวด้วยนะ! ตัวฉันเองก็เริ่มพบเบาะแสของนายจากตรงนี้นี่แหละ”

กู่ฉิงซานก้มลงมองดูใกล้ๆ

จริงๆ ด้วย มันมีรูปของตัวเขาเองอยู่ข้างแบรี่ในเวลานั้นจริงๆ ใบหน้าที่กำลังเผยถึงความงุนงง ของตนก็ถูกจับไว้ในกล้องเช่นกัน

“อาศัยแค่ภาพนี้ในการหาเบาะแสงั้นเหรอ?”

“นะ...แน่นอน! ฉันต้องทำการบ้านมากทีเดียวเพื่อที่จะตามหานาย ฉันจ่ายเงินค่าข้อมูลเกี่ยวกับมันไปเยอะมากๆ เลยนะ”

แต่พอกล่าวจบ ซูเซี่ยเอ๋อก็หน้าแดงทันที

เพราะคำพูดประโยคนี้ มันดูจะชัดเจนเกินไป

เธอเริ่มบิดตัวไปมาด้วยความอึดอัด

กู่ฉิงซานจึงสามารถยืนยันถึงสิ่งที่ตนคิดก่อนหน้านี้ได้ในที่สุด

เท่านี้ก็แน่ใจแล้ว ว่าซูเซี่ยเอ๋อพบถึงร่องรอยของตน จึงเลือกที่จะมาหา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่หลุดปากออกมา

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลกของซูเซี่ยเอ๋อในจิตใจของเขาก็คลายลง

เธอยื่นมือออกไป และสัมผัสลงบนหัวของเธอ

“ฉันก็นึกว่าโลกของเธอมันจะมีปัญหาอะไรซะอีก ในเมื่อโลกที่เธออยู่มันน่าเบื่อ ถ้างั้นหลังจากจบเรื่องนี้ เธอก็มาท่องต่างโลกด้วยกันกับฉันเถอะ” เขากล่าว

ดวงตาของเซี่ยเอ๋อเปล่งประกายสดใสทันที

“เข้าใจแล้ว เอาตามที่นายว่าเลย!”

เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

กู่ฉิงซานเมื่อเห็นท่าทีของเธอ ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มออกมา

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสียงดนตรีอันน่ารื่นรมย์ก็ดังขึ้น

ทั้งสองคนเบนสายตามองออกไปในทิศทางเดียวกัน

แสงและเงาหลากสีสันร่วงหล่นจากท้องฟ้า ตกลงมายังห้องวิวดวงดาราที่ทั้งสองอยู่ ก่อนจะควบรวมกันเป็นซองใบหนึ่ง

ซูเซี่ยเอ๋อมองไปข้างหน้า และยื่นมือไปเปิดดูมัน

“มันเป็นบัตรเชิญนี่ นายรู้จักคนอื่นๆ ในอัลเบอัสด้วยอย่างงั้นเหรอ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เปล่านะ ฉันเองก็พึ่งเคยมาที่โรงแรมนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ” กู่ฉิงซานกล่าว

แล้วทั้งสองคนก็อ่านบัตรเชิญด้วยกัน

นี่คือบัตรเชิญจากโรงแรมถึงแขกทุกท่าน

ราชวงศ์วิหคหนามกำลังจะมายังอัลเบอัส พวกเขาจึงเชิญแขกผู้เข้าพักที่มีป้ายทอง ทั้งหมดมาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็น

ส่วนเหตุผลก็คือ

เจ้าหญิงแห่งวิหคหนาม จะจัดพิธีฉลองตนที่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และกลายเป็นหนึ่งในสตรีที่ ยอดเยี่ยมที่สุดในตลอดทั้งหมื่นโลกา

“เจ้าหญิงแห่งวิหคหนาม” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวด้วยความประหลาดใจ “นี่มันเป็นข่าวใหญ่จริงๆ ถ้าพวกเราสามารถเชื่อมสัมพันธ์ทางสังคมกับเธอได้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องตอบรับการเรียกขานของ ‘แสงแห่งรุ่งอรุณ’ แต่สามารถได้รับสมบัติจำนวนมากมาได้เลยโดยตรง”

“อย่างงั้นเหรอ งั้นเธออยากไปดูไหมว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง?”กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับนาย ถ้านายต้องการ นายสามารถพาฉันไปในฐานะคู่ควงก็ได้” เซี่ยเอ๋อกล่าว

“และกระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” กู่ฉิงซานตอบรับ

“ฮี่ๆ” เซี่ยเอ๋อไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่หัวเราะออกมา

แต่เธอดูจะมีความสุขมาก

ในตอนนั้นเอง กู่ฉิงซานก็นึกอะไรบางอย่างออก

“จริงสิ เธอเป็นผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ใช่ไหม?” เขาเอ่ยถาม

“ใช่”

“พอดีว่าฉันบังเอิญได้รับไพ่ใบหนึ่งมาน่ะ แต่ฉันไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายของมันได้เลย เธอช่วยดูมันให้ฉันหน่อยจะได้ไหม?”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ความรู้ของฉัน นับว่าดีที่สุดในคนกลุ่มนั้นเลยนะจะบอกให้”

กู่ฉิงซานชะงักไป แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ บนสีหน้า

เพราะประโยคนี้ ได้พิสูจน์ให้เขาเริ่มตงิดๆ อีกครั้งว่าซูเซี่ยเอ๋อกำลังโกหก

‘คนกลุ่มนั้น’

ใช้คำนี้แทนที่จะเอ่ยว่ากลุ่มของตัวเอง… แค่สามคำนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ แล้วว่าโลกที่เธออยู่มันคงจะไม่ง่ายเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานเข้าใจจิตใจของเธอดี เขาจึงหยุดที่จะกังวลเกี่ยวกับปัญหาของทางโลก ฝั่งนั้นเอาไว้ชั่วคราว

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบเอาไพ่พยากรณ์โชคชะตาออกมา

ทันทีที่เขาหยิบไพ่ออกมา ซูเซี่ยเอ๋อก็เบิกตาโพลง ทั้งคนทั้งร่างถึงขั้นลืมหายใจ

นั่นมันราชันแห่งโชคชะตา!

ไพ่ใบนี้เป็นหนึ่งในสำรับไพ่ของราชันแห่งโชคชะตา!

จอมมารทะเลเลือดเคยกล่าวถึงสำรับไพ่นี้กับเธอมาก่อน

ว่าในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น จะมีไพ่สำรับดังกล่าวเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และไพ่แต่ละใบจะมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน

เฉพาะอาณาจักรที่ถูกครอบครองผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์อันทรงพลานุภาพเท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติได้รับสำรับไพ่ดังกล่าวนี้

แต่ไพ่พยากรณ์โชคชะตาน่ะมีชีวิต มันมีสตินึกคิดเป็นของตัวเอง

เมื่อมันทอดทิ้งใคร นั่นหมายความว่าคนๆ นั้นกำลังจะตาย และมันก็จะหาเจ้าของใหม่ทันที

ซูเซี่ยเอ๋อรับเอาไพ่มาอย่างเงียบๆ

“มันคือไพ่พยากรณ์โชคชะตา” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา

ขณะเดียวกันก็มองลงบนไพ่

ดวงตาใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวหันมาจ้องเธอ และภาพก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

“ฉันเห็นตัวเองบนไพ่กลายเป็นมอนสเตอร์ แถมยังกัดแทะโครงกระดูกอีก มันหมายความว่ายังไงกัน?” กู่ฉิงซานถามด้วยความสับสน

พอได้ฟัง หัวใจของซูเซี่ยเอ๋อก็หม่นลง

เธอจ้องมองฉากบนหน้าไพ่ และไม่เอ่ยตอบอะไรไปครู่หนึ่ง

กู่ฉิงซานมองตามสายตาของเธอลงไปบนไพ่

แต่เขากลับไม่เห็นอะไรเลย มันไม่มีสิ่งใด

ซูเซี่ยเอ๋อยังคงจ้องมองไพ่อยู่แบบนั้น ไร้ซึ่งคำกล่าวใดๆ

“ทำไมไพ่มันถึงเปลี่ยนเป็นไม่มีอะไรเลยล่ะ? แบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” กู่ฉิงซานถามอีกรอบ

แต่ซูเซี่ยเอ๋อก็ไม่ตอบอยู่ดี

เธอเอาแต่จ้องมองไพ่ จากนั้นก็สลับมามองกู่ฉิงซาน

“ขอมือมาให้ฉันหน่อยสิ ” เธอกล่าว

เธอจับมือของกู่ฉิงซาน และนำมือของทั้งสองมาจับไพ่ด้วยกัน

ซูเซี่ยเอ๋อหันกลับมามองไพ่ และเปล่งคำร้องกังวาน “โชคชะตาเอ๋ย! มีเพียงการร่วงโรยก่อนเท่านั้นจึงจะทำให้พวกเจ้าเบ่งบานครั้งใหม่ได้!”

กระแสเสียงของเธอฟุ้งไปด้วยความลึกลับ ส่งผลให้คนที่ฟังรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจอธิบายได้

นี่มันไม่ใช่ภาษาของโลกเดิม แต่มันเป็นคาถา

ต้องขอบคุณพจนานุกรมภาษาสากลของตลอดทั้งหมื่นโลกาที่ได้รับจากหอสูง ทำให้กู่ฉิงซานเพียงได้ยิน ก็สามารถรับรู้ถึงที่มาของคาถานี้ได้ในทันที

นี่เป็นภาษาของเกาะหมอก

ว่าแต่เกาะหมอกมันอยู่ที่ไหนกัน?

กู่ฉิงซานแอบจดจำชื่อโลกใบนี้เอาไว้

ส่วนเจ้าคาถานี่ ทำไมมันถึงได้ฟังดูแปลกๆ ชอบกลจัง?

ขณะกำลังไตร่ตรอง พร้อมด้วยเซี่ยเอ๋อที่เปล่งคาถา ภาพบนไพ่ก็บังเกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุด

ท่ามกลางความว่างเปล่า ร่างของกู่ฉิงซานปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เขากระโจนเบาๆ ทะยานขึ้นสู่ท่ามกลางดารานับพันล้านดวง

พร้อมกับดาบยาวที่อยู่ในมือ และง้างสับมันลงไป

ตลอดทั้งห้วงจักรวาลถูกตัดสะบั้นลงด้วยคมดาบของเขา

ดวงดารามากมายร่วงโรยลงมาดั่งสายฝน

“ว้าว” ซูเซี่ยเอ๋ออุทานออกมา

ขณะเดียวกัน กู่ฉิงซานที่อยู่บนไพ่ก็ค่อยๆ ยับยั้งแรงกดดันของตนเองลง

“แปลกจัง ก่อนหน้านี้บนไพ่ยังเป็นตัวฉันที่นั่งแทะโครงกระดูกอยู่เลย แต่ตอนนี้รูปแบบมันกลับเปลี่ยนแปลงชนิดที่ว่าฉีกออกไปอีกทิศทางหนึ่งเลยได้ยังไงกัน?” เขาเอ่ยถาม

“เพราะฉันอยู่กับนายยังไงล่ะ”

ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองหน้าไพ่ กุมมือของกู่ฉิงซานแน่นขึ้น

“งั้น” กู่ฉิงซานกำลังจะถาม แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยซูเซี่ยเอ๋อซะก่อน

“ฉิงซาน นายรู้อะไรไหม ว่าโรงแรมนี้มีสถานที่พิเศษบางแห่งอยู่” เธอกล่าว

กู่ฉิงซานถามกลับ “เธอหมายถึงอะไรงั้นเหรอ?”

“โรงแรมนี้จะอนุญาตให้เรากลับไปสู่โลกอดีตที่ผ่านมา และเราจะสามารถอยู่กับ มันอย่างสงบได้เป็นเวลาถึงครึ่งเดือน”

“อ้อ ถ้าเรื่องนั้นฉันเองก็เคยได้ยินมาก่อนแล้วเหมือนกัน มันวิเศษมากจริงๆ”

“นายต้องการจะไปดูมันกับฉันหรือเปล่า?”

“แต่พวกเราจะไม่ไปงานเลี้ยงของราชวงศ์วิหคหนามกันเหรอ?”

“ฉันว่าการได้กลับไปยังโลกเก่าด้วยกัน มันน่าจะเป็นการผ่อนคลายที่ดีก่อนจะได้ต่อสู้นะ” ซูเซี่ยเอ๋อแสดงท่าทีอ้อนวอน

กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

ผู้หญิง...ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แน่ไม่นอน ก่อนหน้านี้ต้องการแบบหนึ่ง แต่เวลานี้กลับต้องการอีกแบบหนึ่งซะงั้น

“ก็ได้ๆ” เขารับปาก

ตนไม่สามารถปฏิเสธคำขอของซูเซี่ยเอ๋อได้จริงๆ

“เย้!”

ซูเซี่ยเอ๋อชูมือของเธอขึ้น ราวกับเด็กที่พึ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่

เธอเก็บไพ่พยากรณ์โชคชะตาไป แต่กลับหยิบไพ่อีกใบออกมาแล้วมอบมันให้แก่กู่ฉิงซานแทน

“ขอฉันศึกษาไพ่ของนายอีกสักหน่อยนะ ส่วนไพ่นี่ถือเป็นสิ่งค้ำประกัน ว่าฉันจะไม่ขโมยไพ่พยากรณ์โชคชะตา ของนายไป”

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เคยคิดกับเธอแบบนั้นเลย”

“ถ้านายไม่ได้คิดแบบนั้น ก็ขอให้รับไพ่ใบนี้ไป ถือว่าช่วยเก็บมันไว้ให้ฉันชั่วคราวก็แล้วกัน!” ซูเซี่ยเอ๋อยืนกราน

“…เข้าใจแล้ว”

กู่ฉิงซานรับเอาไพ่มา และเริ่มก้มลงมองภาพรวมของมัน

บนไพ่ใบนี้ ปรากฏถึงร่างของมอนสเตอร์ที่สูงตระหง่านดั่งขุนเขา สองตาของมันตั้งตรง และกำลังสยายปีกสีเทาอยู่

เบื้องหลังมอนสเตอร์สูงตระหง่าน เต็มไปด้วยดงมอนสเตอร์มากมาย มากมายจนไม่อาจนับคำนวณได้

ทั้งหมดยืนเรียงกันอย่างเรียบร้อยเป็นทิวแถว ทุกตนถืออาวุธในมือ ขณะที่ทั้งร่างปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมา

คล้ายกับว่านี่จะเป็นกองทัพทหารขนาดใหญ่

และการเชื่อมต่ออันแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นระหว่างเขากับไพ่

ด้วยการเชื่อมต่อนี้ บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม พลันผุดบรรทัดแสงหิ่งห้อยแจ้งเตือนขึ้นมาทันที

“คุณได้รับไพ่สงคราม : เทพแห่งกองทัพทะเลเลือด”

“คุณได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของไพ่ใบนี้”

“ด้วยเหตุผลบางประการ เทพแห่งกองทัพทะเลเลือดได้ทำสัญญากับคุณ และเขาจะเชื่อฟังในทุกๆ การเรียกขานและคำสั่งของคุณ”

กู่ฉิงซานพอได้กวาดสายตาอ่านมัน สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ

ตนยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาเลย แต่เขากลับดันทำสัญญากับไพ่ใบนี้ และกลายเป็นเจ้าของมันซะอย่างงั้น?

เขามองไปที่ซูเซี่ยเอ๋อและกำลังจะเปิดปากพูด

แต่ซูเซี่ยเอ๋อยื่นมือละมุนไปปิดปากของเขาซะก่อน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สัมผัสถึงการเชื่อมต่อระหว่างตัวเองกับไพ่แล้วใช่ไหม? ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก นายรับมันไปเถอะ เพราะของๆ ฉันก็เหมือนของๆ นายอยู่แล้ว”

…………………………………..........