webnovel

0506 แสงแห่งรุ่งอรุณ

ตอนที่ 506 แสงแห่งรุ่งอรุณ

หลังจากนั้นไม่นาน ชายแก่ก็ออกมาจากห้องโดยสารและกลับไปที่ดาดฟ้าเรือ

พร้อมกับกำบางสิ่งที่ดูหนืดๆ ในมือของเขา

กู่ฉิงซานลองสังเกตมันอย่างรอบคอบ และในที่สุดก็สามารถระบุได้ว่ามันคือทากชนิดหนึ่ง

“ดูนี่สิ นี่คือทากสำหรับเจ้า” ชายแก่กล่าว

กู่ฉิงซานมองดูตัวทาก และกล่าวปฏิเสธออกไป “ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่เกรงว่าผมคงไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าสิ่งนี้”

ชายแก่ส่ายหัวและกล่าว “นี่เป็นของดีนะ มันเป็นแมลงดักฟังที่ดีกว่าพวกตัวอื่นๆ ทั่วๆ ไป”

เขากระแอมในลำคอและอธิบายว่า “ปกติแล้ว พวกแมลงดักฟังน่ะจะถูกพบตัวได้ง่าย และผู้ถูกดักฟังก็มักจะโกรธและเหยียบไอ้แมลงนั่นจนตัวแตกตายโดยตรง”

“ในขณะที่ทาก ตัวนี้ แม้จะดูเหมือนมีชีวิต แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงอวัยวะทางชีวภาพเล็กๆ เท่านั้น”

“เมื่อใดก็ตามที่มันถูกเหยียบ ฟังก์ชันการดักฟังของมันก็จะเริ่มทำงานทันที”

กู่ฉิงซานเข้าใจ

ถ้าเป็นตามที่พูดมา เจ้าทากตัวนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน

หากแมลงดักฟังถูกเหยียบย่ำจนตายไปแล้ว ก็คงจะไม่มีใครคิดสนใจมาตรวจสอบมันอีก

มันมีความสามารถในการค้นหาข้อมูล และใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์โดยแท้

“นี่เป็นงานวิจัยเล็กๆ น้อยๆ ของข้า” ชายแก่กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “และตอนนี้ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า”

“ขอบคุณท่านมาก”

กู่ฉิงซานแสดงท่าทีขอบคุณและรับตัวทากมา

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “แต่ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนด้วยอะไรดี อ่า … งั้นเอาเป็นขอชวนคุณดื่มสักขวด จะได้ไหม?”

ชายแก่ยิ้ม “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง การดื่มอะไรสักอย่างก็นับว่าเป็นการแก้เบื่อที่ดีเหมือนกันในการเดินทางไกล”

ชายแก่ปรบมือของเขา

แล้วโต๊ะอาหารและเก้าอี้อีกสองตัวปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าในพริบตา

พวกเขานั่งลงหน้าโต๊ะ

“คุณชอบแบบไหน ฤทธิ์แรงๆ หรือรสเบาๆ” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“สุราที่แรงเกินไปมันจะส่งผลต่อการใช้สมองของข้า ดังนั้นข้าเลือกรสเบาๆ ดีกว่า ถ้ามีความหวานน้อยๆแทรกมาด้วยจะดีมากๆ”

“คุณกับเพื่อนของผมนี่มีรสนิยมในการดื่มคล้ายกันจริงๆ”

กู่ฉิงซานหยิบถังน้ำแข็งขนาดใหญ่ออกมา และควานหามันสักพัก

แล้วเขาก็หยิบขวดไวน์หมักดอกหอมหมื่นลี้ที่มีรสและกลิ่นละมุน กับไวน์ขาวอีกขวดหนึ่งออกมา

เขารินไวน์ดอกหอมหมื่นลี้ให้อีกฝ่าย ก่อนจะรินไวน์อีกขวดให้ตัวเอง

“เอ้าชน…ขอบคุณสำหรับไวน์ของเจ้า”

“ด้วยความยินดี แต่ถ้าคุณพูดขอบคุณแบบนั้น ผมก็คงต้องขอขอบคุณสำหรับเรื่องตัวทากเหมือนกัน”

ด้วยประการฉะนี้ ทั้งสองคนจึงเริ่มดื่มกันท่ามกลางเมฆหมอกอันไร้ที่สิ้นสุดนอกตัวเรือ

ทั้งรสทั้งกลิ่นของไวน์ดอกหอมหมื่นลี้แฝงไปด้วยความละมุนกลมกล่อม ชายแก่ดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เผยถึงความสุขออกมา

“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าดอกหอมหมื่นลี้ แท้จริงแล้วจะสามารถหมักบ่มไวน์ให้มีรสชาติเช่นนี้ได้” เขาเอ่ยสรรเสริญ

ไวน์จากขวดดอกหอมหมื่นลี้ ลดฮวบๆ ลงอย่างรวดเร็ว

“ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถมอบสูตรให้คุณเอาไปทดลองทำเองดูในภายหลังได้นะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“แน่นอนว่าต้องการอยู่แล้ว!” ชายแก่ตะโกน

กู่ฉิงซานจึงหยิบใบหยกที่ว่างเปล่าออกมา แล้วเขียนสูตรการหมักดอกหอมหมื่นลี้ลงไป แล้วยื่นให้แก่อีกฝ่าย

ชายแก่รับใบหยกด้วยความปีติ ก่อนจะถอดหมวกแล้วโค้งกายคารวะ “เจ้าได้มอบความรู้ให้กับข้า นี่นับว่าเป็นสิ่งมีค่านัก ข้าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ที่ให้ไปมันก็แค่สิ่งที่ช่วยเติมสีสันเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ชีวิตก็เท่านั้นเอง” กู่ฉิงซานโบกไม้โบกมือว่าไม่ต้องคำนับเขาก็ได้

“เช่นนั้น ข้าขอเป็นฝ่ายเลี้ยงอาหารค่ำก็แล้วกัน” ชายแก่กล่าว

ว่าจบ เขาก็ดีดนิ้วของตน

สองชุดอุปกรณ์ทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นส้อม ช้อน จาน มีด ทยอยกันบินออกมาจากห้องโดยสาร และวางลงบนโต๊ะโดยอัตโนมัติ

ชายแก่วางเชิงเทียนลงบนโต๊ะและจุดมัน

ทันใดนั้นเสียงของผู้ชายที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพก็ดังออกมาจากเชิงเทียน “สวัสดี เราคือร้านอาหารบาร์เคลย์สตาร์ ไม่ทราบว่าท่านต้องการจะสั่งอะไรดี?”

ชายแก่กลั้วลำคอเล็กน้อยและกล่าว “ข้าต้องการชุดมื้ออาหารชั้นสูงสำหรับสองคน”

“รับทราบแล้ว! ชุดมื้ออาหารชั้นสูงสำหรับสองคน ท่านนับว่าเป็นนักชิมที่มีรสนิยมดีจริงๆ” เสียงผู้ชายตอบรับกลับมาด้วยความกระตือรือร้น

“แน่นอน” พอถูกยอ ชายแก่ก็ยืดอกขึ้น

เฝ้ารอเพียงไม่กี่ลมหายใจ แต่ละจานก็ถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารร้อนๆ

“ทางเราหวังว่าท่านจะเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร ทางร้านบาร์เคลย์สตาร์ยินดีให้บริการท่านเสมอในครั้งต่อไป ขอตัวลาก่อน”

แล้วเสียงผู้ชายจากในเชิงเทียนก็หายไป

กู่ฉิงซานจ้องมองจาน ส้อม และช้อนที่ทำจากเงิน แวววับดูละเอียดลออ ในหัวใจก็บังเกิดความคิดบางอย่างขึ้น

ดูเหมือนว่าฉันจะกินจุเกินไปหน่อยแล้วในช่วงนี้

“เอ้า มัวรออะไรอยู่ล่ะ เชิญกินได้เลย” ชายแก่กล่าว

“ขอบพระคุณ ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ”

ว่าจบ ทั้งสองก็เริ่มรับประทานอาหาร

กู่ฉิงซานลองจิ้มอาหารจากแต่ละจานขึ้นมากิน

ทว่าหลังจากที่เขาได้ชิมอาหารทั้งหมดแล้ว ในหัวใจก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัย

ไอ้พวกนี้มันอะไรกัน?

นี่ใช่สิ่งที่คนสามารถกินได้อย่างนั้นหรือ?

นี่มันสามารถเรียกว่าอาหารได้จริงๆ?

เดี๋ยวก่อน ลองอีกสักรอบดีกว่าเผื่อเมื่อกี้จะคิดไปเอง

…รสฉุนแถมยังฝาดลิ้นแบบนี้ มันเรียกว่าเป็นอาหารชั้นสูงจริงๆน่ะเหรอ?

กู่ฉิงซานซับมุมปากด้วยผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างสุภาพว่า “ผมกินเสร็จแล้ว แต่ไม่ต้องรีบนะ คุณสามารถดื่มด่ำกับมันไปอย่างช้าๆ ก็ได้ไม่มีปัญหา”

ชายแก่ที่กำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารของเขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองกู่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ

ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา

“เจ้าหนู ไม่จำเป็นต้องอายไป ร้านอาหารชั้นสูงแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถทานได้ทุกวันหรอกนะ ในเมื่อนานๆ ทีมีโอกาส เจ้าก็ควรที่จะกินมันให้เยอะๆ สิ”

ร้านอาหารชั้นสูงสินะ…

กู่ฉิงซานจมหายไปในห้วงความคิด

สักพักเขาก็ตบลงในถุงสัมภาระ หยิบเอาอาหารออกมาใส่จาน แล้วยื่นออกไป

“นี่คืออะไร?” ชายแก่ถามด้วยความสงสัย

“อ่า นี่เป็นของขบเคี้ยวท้องถิ่นในบ้านเกิดผม ผมอยากให้คุณลองชิมมันแล้วแสดงความคิดเห็นดู”

“ได้สิ ข้าได้ลิ้มชิมรสอาหารจากฝีมือของหลากหลายพ่อครัวตลอดทั้งหมื่นโลกามาแล้ว กล่าวได้ว่าตัวข้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำการประเมินอาหารท้องถิ่นนี้ของเจ้าอย่างแน่นอน”

ว่าจบ ชายแก่ก็ใช้มือจกมันขึ้นมากัดคำหนึ่ง

แต่จู่ๆ เขาก็ก้มหน้าลง ไม่ยอมเอ่ยสิ่งใด

หลังจากนั้นเขาก็กัดมันอีกคำ

กัดอีกคำ

อีกคำ

กัดต่อไปเรื่อยๆ

เห็นแค่เพียงชายแก่ที่ยกจานใส่ของขบเคี้ยวสีแดงขึ้นด้วยสองมือ เริ่มกัด เริ่มกิน ตามด้วยลามเลียไม่หยุด

แต่เดิมกู่ฉิงซานต้องการที่จะสอนเขาให้ปอกเปลือกมันออกก่อน แต่ดูจากท่าทีคล้ายปีศาจที่หิวกระหายแล้ว ในที่สุดเขาจึงยอมแพ้เรื่องนี้ไป

หลังจากนั้นไม่นาน

“เอ่อ...คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับอาหารจานนี้” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

ชายแก่ไม่พูด แต่กลับหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับน้ำตาที่ไหลรินของเขา

“คุณ…ไม่เป็นไรใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

ชายแก่เชิดหน้าขึ้นอย่างแรง ปากอ้าตะโกนดุเดือด “มันอร่อยมาก!!!”

กู่ฉิงซานสะดุ้งโหยง

ชายแก่โบกมือ กวาดอาหารบนโต๊ะทั้งหมดทิ้งหายไปในมิติที่ว่างเปล่านอกตัวเรือ

ราวกับเป็นการปัดขยะทิ้ง

เขาทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี ไม่หลงเหลือกระทั่งจานอาหารเงินที่ใส่พวกมันเอาไว้

“เมื่อเทียบกับอาหารของเจ้า อาหารตลอดทั้งหลายปีที่ข้าได้กินมาพวกนี้ มันไม่ต่างจากก้อนอึลาเลย!” ชายแก่ระเบิดน้ำตาอันขมขื่นออกมา

“อาหารจานนี้ชื่อว่าอะไร? ข้าอยากจะจดจำมันไว้” ชายแก่เอ่ยถาม

“กุ้งผัดพริกเผ็ด”

“หากเจ้าสีแดงนี่เรียกว่ากุ้ง เช่นนั้นแล้วสีเขียวนี่คืออะไร?”

“แตงกวา”

“งั้นสีขาวนี่เล่า?”

“ใบใหญ่คือไข่ไก่ ส่วนใบเล็กคือไข่นกกระทา”

“วัตถุดิบเหล่านี้มีรสเผ็ดซึมซาบลงไป รสชาติระหว่างวัตถุดิบกับเครื่องปรุงถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ นี่มันช่างเป็นศิลปะที่สมบูรณ์แบบ! ข้าเข้าใจแล้ว! อาหารเหล่านี้จะต้องเป็นอาหารพิเศษประจำราชวงศ์ในโลกของเจ้าเป็นแน่ ใช่หรือไม่?”

กู่ฉิงซาน “ … ”

อันที่จริงแล้ว อาหารจานนี้เขาทำไว้สำหรับเสี่ยวเหมียวกับแบรี่เมื่อคืนวาน แต่วัตถุดิบมันมากเกินไปหน่อย เลยยังเหลือกุ้งผัดเผ็ดอีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้ใส่ลงไปในจาน

กู่ฉิงซานเดิมทีตั้งใจจะเก็บมันไว้กินเองอย่างช้าๆ

แต่ไม่คาดคิดเลย ว่ามันจะถูกกวาดจนเกลี้ยงในที่แบบนี้

ณ จุดนี้ กู่ฉิงซานได้ตระหนักถึงมาตรฐานอาหารของโลกในเก้าร้อยล้านชั้นได้ในที่สุด

บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยสุราและเครื่องดื่ม

ชายแก่แหย่นิ้วเข้าไปแคะเศษอาหารในฟันของเขาและกล่าว “ขอบคุณสำหรับอาหารเลิศรสของเจ้า”

“ด้วยความยินดี”

“เดิมทีข้าคิดจะเป็นเจ้าภาพให้ความบันเทิงแก่เจ้า แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะได้กินอาหารและดื่มไวน์ดีๆ ของเจ้าแทนแบบนี้”

“ในเมื่อได้รับของขวัญดีๆ เช่นนี้ ดังนั้น นี่ถือว่าเป็นคำตอบแทนจากข้าก็แล้วกัน”

ชายแก่ขบคิดและเปิดเผยว่า “การเรียกขานของวิหคหนามครานี้ โดยคาดการณ์แล้ว ประมาณการว่าจะ มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์”

กู่ฉิงซานแสดงท่าทีรับฟังอย่างตั้งใจ

อีกฝ่ายกำลังทำการแลกเปลี่ยนน้ำใจฉันมิตร

ในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นถึงสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง ดังนั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ข้อมูลบางอย่างที่เป็นความลับ

การเลี้ยงอาหารและไวน์เลิศรสในครานี้ของเขา…นับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว!

ได้ยินแค่เพียงเสียงของชายแก่ที่กล่าวต่อว่า “วิหคหนามเป็นสายพันธุ์พิเศษ ตัวมันเองครอบครองความแข็งแกร่งมหาศาล แต่คราวนี้ วิหคหนามที่บินเข้ามาทำการเรียกขานในดินแดนมิติอนันต์ เป็นวิหคหนามที่มีชื่อเสียง”

“ที่มีชื่อเสียงงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง ‘แสงแห่งรุ่งอรุณ ทริสเต้’ ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์วิหคนาม เป็นสรรพนามที่ใช้เรียกขานถึงความเมตตาและเอื้ออาทร ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปหลายชั้นโลก”

“ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากต้องการจะไปพบมัน?” กู่ฉิงซานถามต่อ

ชายแก่ยักไหล่และกล่าว “ตราบใดที่เป็นรุ่นเยาว์อายุต่ำกว่าสามสิบปี ย่อมสามารถตอบรับการเรียกขานของ ‘แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้’ เพื่อทำตามคำร้องขอได้”

“และคราวนี้ มันยังได้ประกาศล่วงหน้าอีกว่า ทุกๆ คนที่ไป จะได้รับของขวัญแรกพบที่ถูกนำมาจากดินแดนอัศจรรย์”

“ตราบใดที่ไปที่นั่น ก็จะได้รับของรางวัลอย่างงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง”

“ช่างใจกว้างยิ่งนัก” กู่ฉิงซานถอนหายใจ

“ใช่แล้วล่ะ ทุกคนเลยแทบจะกลายเป็นบ้า กระทั่งบางคนที่อายุมากกว่าสามสิบปี พวกเขาก็ยังคิดจะใช้เทคนิคลับบางอย่างเพื่อลดอายุขัยตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี เพราะทริสเต้น่ะฉลาดมาก”

“แล้วไม่มีใครกังวลว่าสิ่งที่มันจะขอนั้นเป็นเรื่องยากเลยหรือ?” กู่ฉิงซานถามต่อ

“เหอๆ! หลายพันล้านอัจฉริยะมากพรสวรรค์มารวมตัวกัน ปัญหายากเย็นเพียงใด คงมิแคล้วถูกแก้จนสิ้น”

“หากอ้างอิงตามตรรกะนี้ นั่นหมายความว่าขอแค่ไปถึง แล้วล้มตัวลงนอนเล่นๆ ก็สามารถชนะได้สบายๆแล้วสิ”

“ใช่ นอกจากนี้ หากเจ้ามีสมบัติที่ตรงตามความต้องการของมัน วิหคหนามก็จะเตรียมสิ่งของแลกเปลี่ยนเอาไว้ให้อีกด้วย และเมื่อภารกิจเสร็จสมบูรณ์ มันก็ยังใจกว้าง มอบสมบัติล้ำค่าที่สุดให้อีก”

“ตอนนี้ผมชักจะเข้าใจแล้วสิ ว่าทำไมบางคนถึงอยากจะลดอายุลง ย้อนกลับไปในช่วงก่อนสามสิบกันนัก” กู่ฉิงซานงึมงำ

ถ้าเป็นแบบนี้ ก็คงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป

กู่ฉิงซานผ่อนคลายลง

การเดินทางอันยอดเยี่ยม แถมตอนจบยังได้สมบัติติดไม้ติดมือกลับมา

แถมวิหคหนามยังเตรียมสิ่งของมาใช้แลกเปลี่ยนอีก

ดังนั้นตัวเขาเองก็อาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ได้รับบางสิ่งบางอย่างกลับมาก็ได้

“เป็นอย่างไรบ้าง? ข้อมูลนี้เป็นที่น่าพอใจหรือไม่? ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าสามารถเพียงแค่สนุกไปกับการเดินทางที่ยอดเยี่ยม แล้วเฝ้ารอรับผลประโยชน์เฉยๆ ก็ได้นะ” ชายแก่กล่าว

“ส่วนเรื่องสมบัติล้ำค่าที่สุด แน่นอนว่าจะต้องถูกมอบให้กับคนที่สามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่หลังจากภารกิจ ข้าเชื่อว่าด้วยความใจกว้างของทริสเต้ ทริสเต้ย่อมต้องเตรียมของขวัญเอาไว้สำหรับทุกคนที่เข้าร่วมอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณสำหรับข้อมูลของคุณ” กู่ฉิงซานพยักหน้ารับ

แต่แล้วในหัวใจของเขา ก็ฉุกคิดได้ถึงบางสิ่งทันใด

“อ๊ะจริงสิ ผมยังมีอีกปัญหาหนึ่ง”

“เจ้าว่ามาสิ”

“พอดีว่าผมมีสหายคนหนึ่งที่เป็นผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ และเขาบังเอิญได้รับไพ่พยากรณ์โชคชะตามา แต่ไม่รู้ว่าจะตีราคามันอย่างไรดี”

พยากรณ์?

ไพ่พยากรณ์งั้นหรือ?

การแสดงออกทางสีหน้าของชายแก่เผยถึงความสนใจ เขาเร่งถาม “ไพ่แห่งโชคชะตาประเภทพยากรณ์งั้นหรือ? สหายเจ้าได้รับมันมาจากโลกใบไหนกัน?”

“โลกกระจัดกระจาย”

ชายแก่หัวเราะเสียงดัง “เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางได้รับไพ่ใบนั้นมาหรอก เจ้าถูกหลอกแล้วล่ะ”

“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?”

“เพราะในโลกกระจัดกระจายน่ะ การที่จะได้รับไพ่ประเภทดังกล่าว เป็นเพียงความเพ้อฝันของคนโง่”

ชายแก่อธิบายต่อ “ในบรรดาไพ่ทั้งหมด ไพ่พยากรณ์เป็นอะไรที่หาได้ยากเย็นที่สุด นับประสาอะไรกับไพ่พยากรณ์โชคชะตา มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชะตากรรมลึกลับของโลก เป็นสมบัติราชวงศ์ของผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ในดินแดนชิงอำนาจ ไม่ก็เป็นสมบัติประจำเมือง มันไม่ที่ทางที่จะหลุดรอดออกไปได้”

“หากมีไพ่ดังกล่าวถูกทิ้งเอาไว้ภายนอกจริงๆ น่ากลัวว่าอาณาจักรที่มีผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์อันทรงพลานุภาพ คงจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้รับมันกลับมา”

“หายากถึงขนาดนั้นเชียว?”

“หายากมากๆ เลยล่ะ! สำรับไพ่แห่งโชคชะตามีอยู่มากมายก็จริง แต่ไพ่ที่สามารถพยากรณ์โชคชะตาได้ ข้ากล้าบอกเลยว่าตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น มันมีอยู่เพียงไม่กี่ใบเท่านั้น”

“ตามตรรกะนี้ ข้าจึงมั่นใจเต็มเปี่ยมเลยว่าสหายของเจ้าต้องโป้ปดเป็นแน่ หลังจากกลับไป เจ้าคงโดนเขาแซวที่หลงเชื่อเป็นตุเป็นตะอย่างแน่นอน”

กู่ฉิงซานพยักหน้า รับฟังคำอธิบายของชายแก่อย่างเงียบๆ

…………………………………..........