webnovel

0474 ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ (2)

ตอนที่ 474 ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ (2)

ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเข้ม

มันคือร่างหลักของมารโลกาที่ทะยานสูงขึ้น และกำลังสาดแสงสีแดงเลือด สะท้อนไปทั่วโลกทั้งใบ

มารโลกาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ปัง!!

ต้นไม้สูงตระหง่านที่เกิดจากเลือดและเนื้อพวยพุ่งขึ้นมาถึงเบื้องบนท่ามกลางเวหา ปะทะเข้า กับเกาะลอยฟ้าที่ลอยลำอยู่ในระดับต่ำถึงกลาง

บรรดาเกาะลอยฟ้าที่กล่าวมาถูกทิ่มทำลายลงโดยตรง เศษซากของพวกมันกระจายไปทุกทิศทาง ก่อนจะแปรสภาพเป็นควันสีเทาและวูบบบบ! สลายหายไป

พฤษามารโลกายังคงพวยพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนกระทั่งสุดขอบของฟากฟ้า

“นายน้อย เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้มิได้มีผู้ฝึกยุทธอยู่ก็จริง แต่มารโลกาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ข้าเกรงว่า .. ” ฉานนู่เอ่ยปากออกมา

แต่กู่ฉิงซานโบกมือ ส่งสัญญาณให้เธอหยุด

ช่วงเวลาต่อมา เห็นแค่เพียงมัดกล้ามสีเลือดขนาดใหญ่ที่พุ่งขึ้น ทอดเงาลงมาในนิกายกวงหยาง และค่อยๆ ยกระดับสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

พฤษามารโลกาต้นนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลม ขณะที่ชั้นอากาศโดยรอบมันสั่นไหวเล็กน้อย คล้ายกับกำลังพยายามค้นหาพลังวิญญาณอยู่

อีกนิดเดียว... อีกนิดเดียวพฤษามารโลกาต้นนี้ก็จะพุ่งเสียบเข้ากับขอบเกาะลอยฟ้าของนิกายกวงหยางแล้ว นิดเดียวจริงๆ

อย่างไรก็ตามกู่ฉิงซานไม่มีเวลามากพอที่จะรู้สึกสุขใจที่ตนนั้นโชคดี เพราะในสายตาของเขา ไม่ใกล้ไม่ไกล เจ้าตัวได้ค้นพบกับพฤษามารโลกาอีกต้นหนึ่งแล้ว

พฤษามารโลกาเริ่มทยอยกันผุดขึ้นมาทีละต้น ทีละต้น

ต้นไม้ยักษ์เหล่านี้เริ่มทะยานเบียดเสียดกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลายเกาะลอยฟ้าไม่มีเวลาจะทัน ได้ตอบสนอง และถูกพวกมันบดขยี้จนแตกเป็นเสี่ยงๆ

เกาะลอยฟ้าที่ยังอยู่ เริ่มที่จะถูกทำลายลง

ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกยุทธที่อยู่บนเกาะเหล่านี้ก็กระจัดกระจายตัวออกไปบนท้องฟ้า

พวกเขาจำเป็นที่จะต้องปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา เพื่อป้องกันมิให้ตนเองร่วงตกลง ไปยังร่างหลักของมารโลกาที่อยู่เบื้องล่าง

แต่น่าเสียดายที่วิธีนี้มิแตกต่างไปจากการดื่มยาพิษเพื่อดับกระหายเลย มันส่งผลตรงกันข้าม ความพินาศของพวกเขากลับรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

เมื่อพลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธปรากฏขึ้น มารโลกาก็จับสัมผัสถึงมันได้ในทันที

ทันใดนั้นผลไม้สีแดงเลือดก็ผุดออกมาตามกิ่งก้านของพฤษามารโลกาที่อยู่ใกล้เคียงกับเหล่าผู้ฝึกยุทธ

“โผล๊ะ”

ตามด้วยเสียงของผลไม้ที่ระเบิดออก

เห็นแค่เพียงหนังมนุษย์ที่บางเบาราวกับปีกจั๊กจั่นร่วงตกลงมาจากผลไม้

พวกมันจ้องมองไปยังผู้ฝึกยุทธและหัวเราะออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง “ยอด ยอดเยี่ยม”

นี่คือร่างมีจิตสำนึกของมารโลกา

จากนั้นพฤษามารโลกาตลอดทั้งต้นก็เต็มไปด้วยผลไม้ที่ผุดขึ้นมาโดยสมบูรณ์

หนังมนุษย์เริ่มที่จะทวีจำนวนมากยิ่งขึ้น

พวกมันต่างพากันจ้องมองไปยังผู้ฝึกยุทธที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ ปากอ้าหัวเราะอย่างพร้อมเพรียง “ยอด ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ที่มีจิตวิญญาณแสนอร่อยมากมายขนาดนี้!”

ตูม ตูม ตูม!

พฤษามารโลกาผุดขึ้นมาทั่วทั้งโลกอย่างไม่หยุดยั้ง และเริ่มทิ่มทำลายเกาะลอยฟ้าลงอย่างต่อเนื่อง

เกาะแล้ว เกาะเล่าต่างทยอยกันถูกทำลายลง

พร้อมกับจำนวนของผู้ฝึกยุทธที่ลอยล่องอยู่ในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาหลบลี้ออกจากเกาะลอยฟ้าด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อออกมาแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าจะหนีเอาชีวิตรอดไปที่ไหนอยู่ดี

อย่างไรก็ตามพฤษามารโลกาก็ยังเพิ่มจำนวนมากขึ้น และปลดปล่อยร่างมีจิตสำนึกของมันออกมาอย่างต่อเนื่อง

หนังมนุษย์ที่มิอาจคาดคำนวณถึงจำนวนได้ปรากฏกายขึ้นอยู่ กระจายกันไปทั่วผืนฟ้า

ในขณะที่พวกมันบางตน .. เริ่มจะทำการออกล่าแล้ว!

และแน่นอน อย่างที่เคยได้กล่าวไป ว่าความว่องไวของพวกมันน่ะรวดเร็วยิ่ง! ผู้ฝึกยุทธธรรมดาๆ ทั่วไปน่ะ ย่อมไม่มีทางตอบสนองได้ทัน

ผู้ฝึกยุทธขีดสุดความว่างเปล่าคนหนึ่งหยิบฉวยสมบัติมนตราขึ้นมาต่อต้านพวกมัน แต่ก็ทำได้เพียงครั้งสองครั้ง ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็ถูกโอบกอดและสูบกินอย่างรวดเร็วโดยพวกหนังมนุษย์

ต้องรู้นะว่านี่มิใช่ร่างมีจิตสำนึกของพฤษามารโลกาเพียงหนึ่งหรือสองต้น

แต่มันคือพฤษามารโลกานับหมื่นๆ ต้น! ที่ปลดปล่อยคลื่นมอนสเตอร์โถมทับออกมาบดขยี้ เหยื่อในเวลาเดียวกัน!

ได้ยินแค่เพียงร่ำร้องด้วยความสิ้นหวังจากท่วมกลางดงหนังมนุษย์ สักพักเสียงที่ว่านั่นก็ค่อยๆ จางหาย

แล้วพวกหนังมนุษย์ก็แยกย้ายกันไป

และในอากาศที่ว่างเปล่า ก็ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ของผู้ฝึกยุทธคนนั้นอีกเลย

ชัดเจนว่าเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธขีดสุดความว่างเปล่า ทว่าทั้งคนทั้งร่างของเขากลับถูกกลืนกินลงในพริบตา ไม่มีหลงเหลือ

เมื่อถูกห้อมล้อมไปด้วยร่างมีจิตสำนึกของมารโลกาที่มีจำนวนไร้ที่สิ้นสุด ความแข็งแกร่งของขีดสุด ความว่างเปล่าก็เล็กจ้อย ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด

หลังจากที่สูบกินผู้ฝึกยุทธแล้ว เหล่าหนังมนุษย์ก็บิดกายบางๆ ของพวกมัน และเปลี่ยนทิศทางไป

พวกมันเริ่มทำการมองหาสถานที่อื่น

เห็นแค่เพียงบนท้องฟ้า เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายแม้อยากจะหลบหนี แต่ก็มิอาจรอดพ้น

ทันใดนั้นฉากไล่ล่านองเลือดก็ปรากฏขึ้นอีกครา

พร้อมกับเสียงร่ำไห้กรีดร้องที่ดังขึ้น

หมอกเลือดกระจายไปทั่วฟ้า

ผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะอันวิปลาสของหนังมนุษย์

เหล่าผู้ฝึกยุทธมิอาจต่อต้าน และทยอยกันถูกสูบกินไปอย่างรวดเร็ว

ในทุกๆ อากาศที่ว่างเปล่าในระยะสายตา ไม่ว่าจะมองไปที่ใด ก็ล้วนเห็นแต่หนังมนุษย์ที่กำลังสูบกินผู้คนอยู่

พวกมันเพลิดเพลินไปกับการสูบกิน ราวกับครื้นเครงในงานฉลองครั้งยิ่งใหญ่

นี่แหละ .. คือช่วงเวลาสุดท้ายของโลกทั้งใบล่ะ!

ณ เกาะลอยฟ้านิกายกวงหยาง

“นายน้อย แล้วพวกเราสมควรจะทำอย่างไรดี?” ฉานนู่เอ่ยถามด้วยความกังวล

“เจ้าจงเปลี่ยนกลับไปเป็นดาบเสีย ในเวลานี้ ข้าจักเผชิญหน้ากับมันด้วยตนเองโดยลำพัง”

“ทำไมกัน? ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ” ฉานนู่เอ่ยถามด้วยความสับสน

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง “เวลานี้มิได้เกี่ยวข้องกับกำลังรบ แต่เป็นการตอบสนองอย่างฉับไว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนยิ่งน้อยก็ยิ่งดี”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ฉานนู่แปลงกายเป็นดาบขุนเขาเทวะหกโลกา และถูกคว้าจับโดยมือของกู่ฉิงซาน ก่อนจะถูกเก็บกลับคืนไปในทะเลแห่งห้วงสติ

กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก สายตาเบนออกไปมองภายนอกของเกาะลอยฟ้า

ต้นไม้ที่บีบม้วนไปด้วยเส้นเลือดและเนื้อยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เกาะลอยฟ้าทั่วทุกมุมโลกคงไม่สามารถหลบหนีจากโชคชะตา และถูกพวกมันทิ่มแทงขึ้นมา บดขยี้ทำลายจนเป็นผุยผงเป็นแน่

กู่ฉิงซานมองไปยังผู้ฝึกยุทธบนท้องฟ้า

ผู้ฝึกยุทธบางคน ได้ร่วมมือกับคนอื่นๆ ปลดปล่อยพลังวิญญาณ ช่วยกันใช้ออกด้วยเทคนิคมนตราขนาดใหญ่เพื่อต้านทานร่างมีจิตสำนึกของมารโลกา

แต่นั่นมันก็ไร้ความหมายอยู่ดี

ด้วยจำนวนของร่างมีจิตสำนึกที่มากกว่าอย่างเหลือล้น

เหล่าผู้ฝึกยุทธที่ร่วมแรงร่วมใจกันก็พ่ายแพ้ลง และถูกสูบกินเป็นอาหารอย่างรวดเร็ว

“นี่สินะ … ที่เรียกกันว่าการบดขยี้โดยสมบูรณ์ด้วยอำนาจที่เด็ดขาดยิ่งกว่า …”

กู่ฉิงซานถอนหายใจและเอ่ยพึมพำออกมา

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจดังกล่าว ต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจรับมือกับมันได้เหมือนกัน

แต่อย่างน้อยเขาก็โชคดี

ที่เกาะลอยฟ้าของนิกายกวงหยางมิได้ถูกทำลายลงตั้งแต่ในทีแรก

ค่ายกลตัดขาดโลกภายนอกยังคงทำงานได้ดี อย่างน้อยในสถานที่แห่งนี้ก็จะไม่มีร่างมีจิตสำนึกของมารโลกาปรากฏขึ้นชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวก็คงอยู่ได้ไม่นาน ไม่ช้าก็เร็วเกาะลอยฟ้าแห่งนี้คงถูกทำลายลง

กู่ฉิงซานจึงเร่งใช้ช่วงเวลาอันมีค่านี้ของเขา ทำการสังเกตโลกทั้งใบในระยะสายตา

เขาต้องการที่จะรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะค้นหาวิธีจัดการแก้ปัญหากับมัน

โฮกกก!

มารโลกาคำรามคำหนึ่ง และเสียงของมันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปตลอดทั้งโลก

ขณะเดียวกัน พฤษาสีเลือดก็ทวีจำนวนมากขึ้น จนผุดขึ้นเติมเต็มโลกทั้งใบ

ในวิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซาน ราวกับจู่ๆ ตนก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปในท้องฟ้าอันไกลโพ้น

เห็นแค่เพียงในอากาศที่ว่างเปล่า เกาะลอยฟ้าที่อยู่เบื้องบน จู่ๆ ก็ค่อยๆ ลดระดับลง

กูู่ฉิงซานกวาดสายตาไปมองรอบทิศทางอีกครั้ง

และค้นพบว่า เกาะลอยฟ้าทั้งหมดที่ยังคงเหลือรอด บัดนี้กำลังลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง ราวกับถูกดึงลงมาจากฟากฟ้าด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น

ทันใดนั้นเองก็บังเกิดกระแสทมิฬหมุนวนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

อากาศที่ว่างเปล่าสลายหายไปทันที

ขณะที่ท้องฟ้าเบื้องบน ดูเหมือนว่าจะลดระดับต่ำลงมาจากเดิมเป็นอย่างมาก

“มิติ … กำลังหดตัวลง?”

กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ

ซึ่งนี่มันแตกต่างจากจินตนาการของเขา โลกมิได้ล่มสลายลงไปในทันที แต่ผลคือมันกลับค่อยๆ ลดขนาดของตัวเองลงอย่างฉับพลัน

ในกรณีนี้ กล่าวได้ว่าหากการล่มสลายของโลกได้ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุดเมื่อไหร่ แล้วยังมีผู้ฝึกยุทธ คนใดเหลือรอด สุดท้ายด้วยผืนฟ้าที่หดแคบลง มันก็บีบบังคับให้พวกเขาต้องเผชิญกับมารโลกาเบื้องล่างอยู่ดี

และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกสิ่งอย่างคงไม่มีอะไรที่จะสามารถทำได้อีก

ปัง!

ภายใต้เสียงนี้ เกาะลอยฟ้าของนิกายกวงหยางก็เริ่มจะเอนเอียง

พฤษามารโลกาต้นใหญ่ ได้ทะยานขึ้นมายังเบื้องบนท้องฟ้า และทิ่มแทงปลายยอดของมันปะทะ เข้ากับเกาะลอยฟ้าของนิกายในที่สุด

เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอำนาจของพฤษายักษ์ ค่ายกลป้องกันของเกาะลอยฟ้าก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

ผืนดินตลอดทั้งเกาะลอยฟ้าบังเกิดการสั่นไหว

รอยร้าวบนพื้นดินแตกแขนงอย่างรวดเร็ว และเพียงพริบตา กว่าครึ่งของตัวเกาะก็เริ่มพังทลายลง

ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งของเกาะยังคงลอยอยู่กลางอากาศ แม้จะฟุ้งไปด้วยฝุ่นผง แต่มันก็ยังคงไม่ล่มสลายลงทันที

ทว่าเมื่อตัวเกาะพังทลายลง ก็แน่นอนว่าแสงสวรรค์จากค่ายกลต้องเล็ดลอด นี่ย่อมที่จะดึงดูดเหล่าหนังมนุษย์มากมายให้มุ่งตรงเข้ามาทันที

ฝูงของพวกมันบินวนล้อมรอบอยู่ครู่หนึ่ง

ใช่ มีสิ่งมีชีวิตมากมายอยู่บนเกาะแห่งนี้ก็จริง

แต่สิ่งมีชีวิตที่ว่าล้วนธรรมดาเกินไป มันเล็กจ้อย และที่สำคัญไม่มีพลังวิญญาณ

มันมิใช่สิ่งที่หนังมนุษย์ให้ความสนใจ

เฝ้ารออยู่ชั่วขณะหนึ่ง

จนกระทั่งตลอดทั้งเกาะเริ่มร่วงหล่นมาลง ก็ยังไม่มีผู้ฝึกยุทธคนใดปรากฏตัวขึ้น

เห็นแค่เพียงเกาะลอยฟ้าที่ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ เหล่าหนังมนุษย์ก็อดทนรอต่อไปไม่ไหว และกระจายตัวกันออกไป

บนท้องฟ้ายังคงมีเหยื่ออันโอชะจากเกาะอื่นๆ รอพวกมันอยู่ ฉะนั้นเหตุใดจึงต้องมาสนใจเกาะว่างเปล่าแห่งนี้ด้วย?

หนังมนุษย์ทั้งหมดต่างละทิ้งที่นี่โดยสิ้นเชิง และเริ่มออกไปล่าเหยื่อในตำแหน่งอื่นแทน

ขณะเดียวกัน เกาะลอยฟ้าของนิกายกวงหยางก็แยกแตกออกจากกันโดยสมบูรณ์ และกำลังร่วงตกลงไปยังเบื้องล่าง

และตลอดทั้งเกาะ ส่วนสุดท้ายที่ร่วงตกลง ก็คือบนยอดเขา

ภูเขาที่เคยตระการตา และถูกแต่งแต้มไปด้วยธารน้ำ ในปัจจุบันค่อยๆ พังทลายลง แยกแตกเป็นสองส่วน

สิ่งมีชีวิตในภูเขาและแม่น้ำเริ่มจะพากันวิ่งเตลิดด้วยความหวาดกลัว

แต่ก็น่าเสียดายที่พวกมันเป็นเพียงสัตว์ป่าที่หาไม่มีภูมิปัญญาทางจิตไม่ ดังนั้นพวกมัน จึงยังไม่กระจ่างใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่

พวกมันทยอยกันร่วงตกลงบนร่างของมารโลกา และค่อยๆ จมหายไป แปรเปลี่ยนเป็นสารอาหารอันน้อยนิด เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายของมารโลกา

บนภูเขา แท้จริงแล้วกลับยังคงหลงเหลือลิงหางไหม้อยู่อีกตัวหนึ่ง มันปีนป่ายอย่างคล่องแคล่วขึ้นไป บนจุดสูงสุดของยอดเขา

ทั้งมือทั้งเท้าของมันขยับขยายเคลื่อนกายอย่างฉับไวยิ่ง กล่าวได้ว่ามันได้สำแดงข้อดีของลิงออกมาอย่างเต็มที่

ขณะที่แม่น้ำและภูเขายังคงถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง

ทว่าลิงหางไหม้ตนนี้กลับยังคงปีนป่ายอย่างไม่หยุดยั้ง ปีนป่ายต่อไปเรื่อยๆ

จนในที่สุด ภูเขาและแม่น้ำก็ล่มสลาย กระจัดกระจายลงอย่างสมบูรณ์ ทว่าลิงหางไหม้ก็ได้มาถึงยอดเขาพอดิบพอดี

มันยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขา โค้งกายลง ช่วงขาล่างเกร็งแน่น จากนั้นก็เตรียมทะยานตัวไปสู่ฟากฟ้า

ในตอนนั้นเอง ภูเขาและแม่น้ำก็ล่มสลายลง

แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกันกับลิงหางไหม้กระโดดออกไปเช่นกัน

มันคว้าจับกิ่งไม้เอาไว้!

และนี่คือกิ่งไม้ของเกาะลอยฟ้าอีกเกาะหนึ่ง

ทันทีที่เกาะลอยฟ้าทั้งสองบินสวนกัน ลิงหางไหม้ก็ฉวยโอกาสนั้นกระโดดข้ามเกาะมา และมันก็ทำได้สำเร็จ!

ลิงหายไหม้หมุนกายอย่างคล่องแคล่ว และปีนป่ายไปตามต้นไม้ใหญ่ด้วยความชำนาญ

ทว่ามันยังมิทันได้มีเวลาพักผ่อน แท้จริงแล้วกลับได้ยินถึงเสียงอึกทึกที่ดังก้องอีกครั้ง

เกาะลอยฟ้าที่ตนเพิ่งจะหลบหนีมา… ถูกพฤษามารโลกาทิ่มแทงเอาเสียแล้ว!

เนื่องจากตำแหน่งของเกาะแห่งนี้อยู่ต่ำเกินไป ดังนั้นยามที่ถูกปะทะโดยพฤษามารโลกา ตลอดทั้งเกาะจึงแตกกระจาย กลายเป็นควันสีเทาไปในพริบตา

ลิงหางไหม้ก้มลงมองความพินาศของเกาะ

มันกระโดดขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม คราวนี้เกาะอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบนั้นช่างห่างไกล … ไกลเกินกว่าที่จะสามารถกระโจนไปถึงได้

ตลอดทั้งเกาะที่มันอยู่พังทลายลง และร่วงตกลงสู่เบื้องล่างโดยสมบูรณ์

ซากปรักหักพังของเกาะทยอยกันตกลงบนร่างของมารโลกาค่อยๆ จมลงและหายไป

ณ กลางอากาศ

บนตำแหน่งเดิมของเกาะที่ล่มสลาย บัดนี้กลับปรากฏให้เห็นถึงผีเสื้อตัวหนึ่ง ที่กำลังขยับปีกของมันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ บินไปยังเกาะลอยฟ้าอีกแห่งหนึ่ง

ขณะโบยบิน ผีเสื้อตัวนั้นก็หันไปมองโดยรอบด้วยความระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา

เห็นแค่เพียงบนท้องฟ้าสูง หมู่เกาะเบื้องบนถูกบังคับกดดันให้ลดระดับลงมา

ขณะที่บางเกาะก็ร่วงตกลงไปเลยโดยตรง

ส่วนบางเกาะก็ยังไม่เต็มใจ และพยายามยื้อแรงกดดันให้เป็นไปอย่างช้าๆ

ตลอดทั้งโลกล่องเวหา ทุกๆ เกาะลอยฟ้ากำลังถูกบังคับให้ลดระดับลง

จะลดลงมันก็ได้อยู่หรอก… แต่ห้ามไปสัมผัสโดนกับร่างกายของมารโลกาเด็ดขาด!

เพราะหากสัมผัสโดนแล้ว ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดรอดพ้นไปจากร่างกายของมันไปได้

ผีเสื้อกระพือปีกและยังคงบินไปยังเป้าหมายของมันอย่างต่อเนื่อง

โดยปกติแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง หากคิดจะบินฝ่าท้องฟ้าที่คราคร่ำไปด้วยหนังมนุษย์

แต่ผีเสื้อน่ะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ที่แสนจะอ่อนแอ

มันไร้ซึ่งพลังวิญญาณ

ร่างมีจิตสำนึกของมารโลกาจึงพุ่งผ่านมันไปอย่างไม่ใยดี และเร่งพรวดเข้าไปโอบกอดเหล่าผู้ฝึกยุทธที่กำลังพยายามหลบหนีด้วยความสิ้นหวัง

เพราะผู้ฝึกยุทธคืออาหารอันโอชะที่สุดแสนเอร็ดอร่อย ดังนั้นเหล่าหนังมนุษย์จึงต้องแย่งชิงกันเพื่อที่จะได้สูบกิน

พวกมันจะมามัวเสียเวลาไร้สาระอย่างการไล่จับผีเสื้อไม่ได้!

ผีเสื้อตัวน้อยจึงสามารถบินไปยังอีกเกาะหนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลออกไปได้อย่างปลอดภัย

สถานที่แห่งนี้ มันเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง

และทันทีที่ผีเสื้อบินมาถึงเกาะนี้

มันก็ลดตัวลงกับพื้น และแปลงกายเป็นกวางยู่หลู

นี่คืออสูรวิญญาณขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวและเพรียวลมเป็นอย่างยิ่ง

ในช่วงก่อนที่มารโลกายังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในโลกใบนี้ อสูรวิญญาณชนิดนี้เป็นที่นิยมกัน อย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ฝึกยุทธ

เพราะมันวิ่งได้เร็วเกือบจะเท่ากับความว่องไวในการเหินบินของผู้ฝึกยุทธเลยทีเดียว!

กวางยู่หลูวิ่งเหยาะๆ ไปไม่กี่ก้าวมันก็เริ่มผ่อนแรงลง

เมื่อพบกับร่มเงาของต้นไม้ มันจึงนั่งพับขาและเริ่มจะพักผ่อน

กำลังทางกายภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในช่วงเวลานี้ ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ย่อมไม่สมควร ที่จะปล่อยมันไปอย่างสูญเปล่า

กวางยู่หลูมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาจับสังเกตถึงการถูกทำลายล้างลงของเกาะลอยฟ้าต่างๆ ขณะเดียวกันก็เฝ้าดูเหล่าผู้ฝึกยุทธที่ทยอยกันจบชีวิตลง

การแสดงออกของมันช่างดูหนักแน่นและสงบเงียบ ราวกับว่าการล่มสลายของโลกทั้งใบนี้ มิได้มีผลกระทบใดๆ ต่อมันเลยแม้แต่น้อย

บนท้องฟ้า เกาะที่ยังคงเหลือรอดน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ

ปัง!

หลังจากนั้นไม่นาน เกาะที่มันกำลังพำนักอยู่ก็ถูกโจมตีเช่นกัน

เกาะเริ่มที่จะพังทลายลง

และกวางยู่หลูตัวนั้นก็ผุดลุกขึ้น และเริ่มวิ่งทะยานออกไปทันที

มันยืดขยายขาทั้งสี่ แปรเปลี่ยนตนเป็นกระแสแสงและวิ่งข้ามผ่านผืนป่าไป

และแน่นอน ว่าขณะวิ่ง มันก็กำลังเฝ้ามองดูเกาะต่างๆ บนท้องฟ้าไปด้วย

ทันใดนั้นเอง เกาะลอยฟ้าที่มันอยู่ซึ่งสูญเสียสมดุลก็ลอยเหวี่ยงไปยังทิศทางของเกาะอีกแห่งหนึ่ง

ซึ่งเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยทะเลสาบ

ในขณะเดียวกัน ตัวเกาะก็เริ่มเอนเอียง แหงนขอบของมันสู่ฟากฟ้า

แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เพราะว่ากวางยู่หลูตัวนี้น่ะรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

มันวิ่ง วิ่ง วิ่งไปยังส่วนบนสุดของพื้นดินที่กำลังเอนเอียง

มีเพียงแค่การขึ้นมาจนถึงด้านบนสุดเท่านั้น จึงจะมีโอกาสรอดชีวิต

ในเวลาเดียวกันกับที่กวางยู่หลูตัวนี้ขึ้นมาถึงด้านบนสุดของผืนป่า-

เกาะลอยฟ้าทะเลสาบก็ปะทะเข้ากับเกาะที่มันอยู่ในสภาพแทบจะตั้งฉากกัน

ปัง!

ในระหว่างการปะทะกันอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า

น้ำในทะเลสาบสาดกระจาย กลายเป็นละอองลูกปัดใสเม็ดเล็กๆ กระจายไปทั่วผืนฟ้า บดบังไปทั่วผืนดิน ก่อนจะร่วงตกลงมาราวกับห่าฝน

น้ำในทะเลสาบหลั่งไหลลงจากท้องนภา ราวกับพายุฝนฟ้าคะนองที่มิเคยปรากฏขึ้นตั้งเนิ่นนานแล้ว

ทว่าก่อนที่ทั้งสองเกาะจะชนกัน กวางยู่หลู่ก็ได้มาถึงด้านบนสุดของผืนป่าเป็นที่เรียร้อยแล้ว

มันรวดเร็วยิ่งกว่า!

เมื่อเสียงสั่นสะเทือนของผืนดินสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น กวางยู่หลูตนหนึ่งก็กระโจนสูงไปทันใด

มันวิ่งออกจากเกาะด้วยความเร็วจากแรงที่ได้รับการสะสมมา

กลางอากาศ ไม่กี่สิบหนังมนุษย์อันน่ารังเกียจบินผ่านมันไป

พวกมันกระโจนเข้าหากลุ่มผู้ฝึกยุทธหลายคนตรงหน้า และเริ่มสูบกินอาหารอันโอชะจนเกลี้ยง

ขณะที่กวางยู่หลูทะลุผ่านท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ โดยทิ้งสองเกาะที่ถูกทำลายลงเอาไว้เบื้องหลัง

แล้วมันก็มาร่วงตกลงบนเกาะทะเลสาบอีกแห่งหนึ่ง

นี่คือเกาะสุดท้ายในทั่วบริเวณที่ยังคงเหลืออยู่ และมันเป็นพำนักใหม่ที่ตนได้เลือกเฟ้นเอาไว้ ตั้งแต่การกวาดสายตาสำรวจก่อนหน้านี้แล้ว

ถึงมันจะถูกทำลายลงแน่ๆ แต่อย่างน้อย ก็มีแนวโน้มว่าน่าจะทิ้งช่วงให้พักได้สักหลายสิบลมหายใจ

จ๋อม!

น้ำสาดกระเซ็น

กวางยู่หลูทิ้งตัวเองให้จมลงไปในทะเลสาบ

และวินาทีต่อมา กวางยู่หลูก็หายไป แต่กลับปรากฏถึงปลาคาร์ฟที่มีลวดลายงดงามตัวหนึ่งลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำแทน

…………………………………..........