webnovel

0389 ช่วยกระบี่

ตอนที่ 389 ช่วยกระบี่

กู่ฉิงซานที่ซ่อนอยู่ใต้สายธารแห่งการหลงเลือน ได้ทุ่มออกค้นหาร่องรอยของเบาะแสอย่างเต็มกำลัง

ทว่าแม้จะผ่านพ้นไปถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่เขาก็ยังไม่พบสิ่งเบาะแสใดจากเบื้องล่างสายธารเลย

พอถึงจุดนี้ เขาก็ไม่สามารถข่มกลั้นใจตัวเองได้อีกต่อไป

กู่ฉิงซานทะยานขึ้นจากใต้สายธาร ผุดออกมาลอยอยู่เหนือผิวน้ำ

เนื่องจากเขาเดินทางสำรวจอยู่นาน ส่งผลให้บริเวณนี้ อยู่ห่างไกลจากถ้ำมืดเป็นอย่างมาก

ผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนเป็นสีเหลืองชาอ่อนๆ แถมยังสะท้อนให้เห็นถึงท้องฟ้าลางๆ จากเบื้องบน

ยืนอยู่บนสายธารอันกว้างใหญ่ หันมองออกไปรอบๆ ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่สิ ดูเหมือนว่าจะต่างออกไป

มองไปยังทิศทางหนึ่งที่แตกต่าง จะเห็นแค่เพียงภูเขาใหญ่สีเขียวทึบ

มันเป็นภูเขาลูกใหญ่ที่เชื่อมต่อกับทั้งสวรรค์และโลก

เมื่อกู่ฉิงซานที่อยู่บนผิวน้ำ หันมองไปยังทิศทางดังกล่าวนี้ ก็พบว่าภูเขาที่ว่าได้บดบังวิสัยทัศน์ทั้งหมดของเขา

มันเป็นภูเขาที่ราวกับกำแพงใหญ่ บดบังขวางกั้นทั้งเมฆหมอกและดวงอาทิตย์

“ดูเหมือนว่าจะเป็นทางนั้น”

กู่ฉิงซานกล่าว

และบินเรียบกับผิวน้ำ มุ่งหน้าไปทางภูเขาใหญ่

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภูเขาลูกนี้กลับมิได้ใกล้อย่างที่คิด กู่ฉิงซานจำต้องใช้เวลาบินกว่าสองชั่วยาม จึงจะมาย่ำฝีเท้าลงใกล้กับเชิงเขาได้

ทันใดนั้นการแสดงออกทางสีหน้าของกู่ฉิงซานก็เปลี่ยนไป

นั่นเพราะบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ได้ปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยสองบรรทัดเด้งเตือนขึ้นมา

“คุณได้มาถึงภูเขาล้อมเหล็กแล้ว”

“ภูเขาล้อมเหล็ก ไม่เพียงแต่ประกอบไปด้วยนรกและกฎเกณฑ์แห่งปรภพ แต่ภูเขานี้ยังกำลังปกป้องหกวิถีแห่งสังสารวัฏของโลกเอาไว้อีกด้วย”

จ้องมองไปยังคำอธิบายสองบรรทัดนี้ สีหน้าการแสดงออกของกู่ฉิงซานก็ค่อยๆ หนักอึ้งขึ้น

กลับกลายเป็นว่าที่นี่คือภูเขาล้อมเหล็ก

ภูเขาล้อมเหล็ก คือส่วนรอบนอกสุดของสังสารวัฏ

ตามตำนานโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ภายนอกโลกหกวิถี จะมีคลื่นลมแห่งทัณฑ์โกลาหลอยู่

มันเป็นพลังอำนาจที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ามิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกรากเสียอีก

เมื่อลมแห่งทัณฑ์โกลาหลพัดพาเข้าสู่โลกใด นั่นหมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกจะถูกล้างบางจนดับสูญ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลนี้ จะไม่มีการดำรงอยู่ใดๆ สามารถรอดพ้น และโลกจักต้องดับสูญ

ทว่าภูเขาล้อมเหล็ก คือสิ่งเดียวที่สามารถปิดกั้นสายลมนี้ได้

มันเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องตลอดทั้งหกวิถีแห่งสังสารวัฏ

ส่วนล่างของภูเขาล้อมเหล็ก มันจมอยู่ภายในสายธารแห่งการหลงเลือน ซึ่งจะมีอุโมงค์กว้างที่ทอดยาวออกไปทุกทิศทาง ลากยาวไปจนถึงเหวลึกใต้ดิน

และสิบแปดนรกในตำนานก็อยู่ในเหวลึกเบื้องล่างภูเขาล้อมเหล็กนี้นี่เอง

ภายนอกภูเขาสามารถป้องกันทัณฑ์โกลาหลได้ ขณะที่ภายในคือเมืองนรก นี่มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!

กู่ฉิงซานมองไปยังภูเขาล้อมเหล็ก ก่อนจะหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็บินไปตามทิศทางของภูเขา

เขาย่อมไม่มีทางพลาดที่จะสำรวจมัน เพราะในสายธารแห่งการหลงเลือน นอกไปจากหญิงชุดคลุมฟ้าแล้ว มันก็ไม่มีสิ่งใดที่พอจะเป็นเบาะแสได้อีกเลย

ดังนั้นเขาจะต้องเข้าไปสำรวจในภูเขาลูกนี้

หลังจากที่บินไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หูของเขาก็เริ่มได้ยินเสียงของความวุ่นวายขึ้นเบาๆ จากเบื้องหน้า

กู่ฉิงซานเอียงศีรษะ เพ่งสมาธิตั้งใจฟัง

ก่อนจะพบว่ามันคือเสียงของสงคราม! มันเป็นเสียงที่ตะโกนไปด้วยความโกรธ

ตลอดทั้งภูเขาบริเวณนั้น หนาแน่นไปด้วยกลิ่นอายสังหารรุนแรง

ในเวลานี้ กู่ฉิงซานอยู่ใกล้กับภูเขาล้อมเหล็กมากๆแล้ว

กู่ฉิงซานเพ่งมองอย่างตั้งใจ และเห็นว่าภายในภูเขา...มันคลาคล่ำไปด้วยเผ่ามารและคนตาย!

พวกมันทั้งหมดกำลังห้ำหั่นกันท่ามกลางความมืดมิด

ไม่ว่าจะเป็นทุกประเภทของเผ่ามาร ยักษ์ มนุษย์ มนุษย์ปีศาจ และสิ่งมีชีวิตจากยุคโกลาหล

พวกมันกำลังร่วมมือกันต่อสู้สังหาร และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งแม้เพียงครู่

กู่ฉิงซานจมลงอยู่กับความเงียบ และเฝ้าสังเกตการณ์อย่างลับๆ

เผ่ามารได้ยึดครองนรกแล้วอย่างนั้นหรือ?

แต่มันดูจะแตกต่างออกไปเล็กน้อยนะ

เห็นได้ชัดว่าบางส่วนของคนตายดูเหมือนจะเข้าร่วมกับเผ่ามาร และกำลังไล่สังหารคนตายอื่นๆ อยู่

ขณะเดียวกันคนตายอื่นๆ ก็กำลังต่อต้านอย่างหนัก และทุ่มพยายามอย่างเต็มกำลังสังหารเผ่ามาร

ทันใดนั้นเสียงหวีดฉีกอากาศอันคมชัดก็ทะลวงฝ่าขึ้นมาบนท้องฟ้า และมันได้ดึงดูดความสนใจของกู่ฉิงซาน

มันเป็นเสียงเหมือนกับคมกระบี่ตัดอากาศ

กู่ฉิงซานที่อยู่ติดกับชายฝั่งของสายธาร มองไปยังกระบี่ตัดอากาศร่วงตกลงในจุดหนึ่งของสนามรบ

และเห็นแค่เพียงบริเวณเชิงเขาที่อยู่ใกล้กับสายธารแห่งการหลงเลือน เผ่ามารนับไม่ถ้วนและคนตายกำลังร่วมมือกัน ทุ่มออกอย่างเต็มกำลังกดดันคนตายอีกกลุ่มหนึ่งที่หลงเหลืออยู่เพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น

และร้อยกว่าคนนี้ก็กำลังทยอยกันถูกสังหารไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ถูกผลักดันจนต้องถอยร่นมาทางสายธารแห่งการหลงเลือน

“อยากจะหนีงั้นหรือ? เจ้าผีน้อยขลาดเขลา! ควรกลับไปหลับใหลอยู่ในนรกเสีย!” มนุษย์ปีศาจเปล่งเสียงคำรามออกมา

ดูเหมือนว่าในนรก ทั้งหมดจะสื่อสารกันทางความคิด เพื่อให้จิตวิญญาณจากแต่ละยุคสมัยเข้าใจความหมายของกันและกันได้

กว่าร้อยคนตายเริ่มทยอยกันถูกสะบั้นศีรษะ คร่าชีวิตต่อไปเรื่อยๆ

จนตอนนี้เหลือคนตายเหลืออยู่อีกเพียงไม่กี่สิบคน ทั้งหมดกำลังปกป้องเผ่ามนุษย์ร่างหนึ่งที่สวมใส่ชุดเกราะ ขณะที่ในมือของคนผู้นั้นกำลังถือกระบี่อยู่

ทั้งหมดยังคงต่อต้านการโจมตีจากเผ่ามารและคนตายที่รายล้อม ยืนหยัดที่จะต่อสู้!

เนินเขานี้เชื่อมต่อกับตีนเขา ส่วนเผ่ามารกับคนตายต่างล้อมหน้าล้อมหลัง และต้องการที่จะสังหารคนตายกลุ่มสุดท้ายนี้กลับคืนสู่นรก!

แต่คนตายที่สวมเกราะนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยที่จะสังหารเขา

นั่นเพราะกระบี่ยาวในมือของอีกฝ่ายช่างมีพลานุภาพอันใหญ่ยิ่ง!

ทุกครั้งเลย เมื่อใดก็ตามที่เขากวัดแกว่งกระบี่ยาวออกไป บนคมกระบี่จะเปล่งประกายโค้งมนและปลดปล่อยชั้นอากาศอันเย็นเยียบออกมา

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแสงโค้งมนนี้ เผ่ามารและคนตายโดยรอบจะกลายเป็นเพียงตัวตนอ่อนแอ มิอาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ และถูกสังหารตกตายทันที

ทว่าเผ่ามารและคนตายที่ร่วมมือกับมันน่ะมีมากมายจนเกินไป หากฆ่าไปหนึ่ง อีกสองก็จะก้าวออกมาแทนที่ตำแหน่งเดิม ไล่กดดันพวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ

เผ่ามารได้รายล้อมจากทุกทิศทาง

คนตายเผ่ามนุษย์พยายามอย่างสุดความสามารถของเขา เพื่อที่จะต้านทานศัตรูมิให้ย่างกรายเข้ามาใกล้

คนของเขาถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว และในท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

“จงตาย! ตายซะ! พวกเจ้าทั้งหมดจงตายเพื่อข้า!”

คนตายเผ่ามนุษย์คำราม เขาหมุนตัวเหวี่ยงกระบี่อยู่ตลอดเวลาเพื่อใช้ระยะโจมตีของกระบี่จนไร้ซึ่งมุมบอด

แต่แล้วในไม่ช้า พละกำลังของเขาก็หมดลง

เขาโซซัดโซเซ และเกือบจะล้มลงอยู่หลายครั้ง

สุดท้าย เมื่อเขาล้มลง เผ่ามารและคนตายที่เข้าร่วมก็ไม่เปิดโอกาสให้เขายืนขึ้นอีกต่อไป

ดาบพิภพที่ลอยอยู่ขนาบข้างเอ่ยถามเสียงกระซิบ “ข้าสมควรทำสิ่งใด?”

“ช่วยเหลือเขาก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” กู่ฉิงซานตอบ

เพียงนึกคิด ดาบพิภพก็พุ่งฉวัดเฉวียนออกไปทันที

ดาบพิภพที่ครอบครองน้ำหนักกว่าหลายสิบล้านจิน แปรเปลี่ยนสภาพสาดรังสีดาบสีขาวดั่งแสงจันทร์ออกมา

รังสีดาบนี้มีขนาดใหญ่ยิ่ง ยามเมื่อมันกวาดผ่านเผ่ามาร พื้นที่ขนาดใหญ่โดยรอบก็ถูกล้างบางทันที

ไม่ว่าเผ่ามารตนใดที่พยายามจะต่อต้านดาบพิภพ ก็ล้วนถูกตัดสะบั้นกลายเป็นชิ้นๆ

การลงมือนี้ ส่งผลให้คนตายเผ่ามนุษย์ได้มีโอกาสพักหายใจ

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล แม้จะได้พักหายใจ แต่สุดท้ายเขาก็มิอาจยืนหยัด และทิ้งก้นลงกระแทกกับพื้น

“เจ้าเป็นผู้ใดกัน!” เขาหันไปมองกู่ฉิงซานพร้อมกับตะโกนออกมา

“ก็คนที่จะช่วยให้เจ้ารอดอย่างไรเล่า” กู่ฉิงซานตอบกลับ

แต่จู่ๆ กระบี่ยาวก็ชี้ไปทางกู่ฉิงซาน และเปล่งเสียงหวีดคำหนึ่งออกมาทันใด

“ข้าคงไม่สามารถทำมันได้อีกแล้ว” ชายคนนั้นยกกระบี่ขึ้นทันทีและกล่าวต่อว่า “ขอเจ้าจงช่วยมันแทนก็แล้วกัน!”

ช่วยมันแทน? ช่วยกระบี่เนี่ยนะ?

กู่ฉิงซานบินไปข้างหน้า และยกร่างของคนผู้ซึ่งกล่าวถึงเรื่องกระบี่ขึ้น จากนั้นก็บินกลับไปยังสายธารแห่งการหลงเลือน

พอมาถึง สายธารก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองฟากฝั่ง

กู่ฉิงซานกับคนตายเผ่ามนุษย์ก้าวเข้าสู่สายธารแห่งการหลงเลือน และค่อยๆ ลดระดับลงไปตลอดทาง

เผ่ามารทั้งหลายที่ไล่ตามแทบจะหยุดฝีเท้าเอาไว้ไม่ทัน พวกมันไม่กล้าที่จะลงตามไป

นั่นเพราะพวกมันทราบดีว่าสายธารนี้น่าขวัญผวาเพียงใด

ขอเพียงแค่มันตกลงไปในสายธารแห่งการหลงเลือน สิ่งที่รอพวกมันอยู่คือการเกิดใหม่ในนรก หรือเกิดใหม่ในโลกอื่นเท่านั้น

กฎของสายธารแห่งการหลงเลือน กระทั่งเผ่ามารก็ไม่มีข้อยกเว้น!

หลากหลายเสียงหอนด้วยความโกรธกังวานไปทั่ว เผ่ามารทำได้เพียงยืนอยู่ริมน้ำและจ้องมองออกไปเท่านั้น

“หลีกทางไปเสีย! พวกเราจะตามไปเอง!” มนุษย์ปีศาจเปล่งเสียงตะโกนขึ้น

แล้วคนตายก็ก้าวลงไปสู่สายธารแห่งการหลงเลือนจริงๆ!

พวกมันแหวกฝูงมาร กระโดดพุ่งลงไปในเส้นทางที่แยกออก หมายจะไล่ตามจับกู่ฉิงซานให้ทัน

แต่กู่ฉิงซานเพียงแค่โบกดาบเช่าหยินออกไปทางเบื้องหลังเขาเท่านั้น

แล้วส่วนผิวน้ำเบื้องบนของสายธารแห่งการหลงเลือนก็กระชากออก ก่อบังเกิดคลื่นขนาดมหึมา โถมกลับขึ้นไปทางชายฝั่ง

เมื่อเห็นถึงฉากนี้ เหล่าคนตายก็กระวนกระวาย ดิ้นรนเพื่อหมายจะกลับขึ้นสู่เหนือสายธารอีกครั้ง แต่พวกมันกลับพบว่าเส้นทางที่เปิดออกของสายธารได้ปิดตัวลงแล้ว…

ห่างออกไปหลายสิบลี้ ณ ก้นบึ้งของสายธาร

คนตายเผ่ามนุษย์ล้มตัวลงกับพื้น ไร้ซึ่งการขยับไหวใดๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็จมลงไปกับพื้น และหายตัวไป

“อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินไป จึงตกตายลง” ดาบพิภพส่งเสียงฮึมฮัม

“ใช่ ทั้งๆ ที่ข้าอุตส่าห์คาดหวังว่าจะได้รับข้อมูลจากปากเขาแท้ๆ” กู่ฉิงซานกล่าว

คนตาย เมื่อสิ้นลมหายใจลงอีกครั้ง พวกเขาจะกลับไปหลับใหลในนรก และเฝ้ารอการตื่นขึ้นมาอีกในครั้งต่อไป

กู่ฉิงซานค่อนข้างหัวเสียเล็กน้อย

ตนเองต้องการที่จะถามไถ่ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับปรภพ แล้วตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในขั้นต่อไปแท้ๆ

แต่ใครจะรู้ ชายคนนี้ดันมาเร่งตายไปก่อนเสียนี่

ในขณะที่เขากำลังขบคิดว่าจะจับตัวคนตายมาอีกสักหนึ่งคนนั้นเอง จู่ๆ กระบี่บนพื้นก็เริ่มขยับไหวด้วยตัวมันเอง

“หืม?” กู่ฉิงซานเลิกคิ้วสูง คว้าจับดาบพิภพเอาไว้

“อย่าวิตกกังวลไป เราเป็นพวกเดียวกัน”

มีเสียงถูกส่งออกมาจากกระบี่ยาว

“โห? เจ้าทราบได้อย่างไรว่าข้ากับเจ้าเป็นพวกเดียวกัน?” กู่ฉิงซานถาม สายตาของเขาจับจ้องอยู่แต่กับตัวกระบี่

พลังอำนาจของกระบี่เล่มนี้นับว่าร้ายกาจไม่เลว และเขาไม่อาจประมาทได้

“กลิ่นอายอย่างไรเล่า บนร่างของเจ้ามีกลิ่นอายของนาง จึงย่อมเป็นธรรมดาว่าเราคือพวกเดียวกัน” กระบี่ยาวผุดลุกขึ้นและกล่าว

บนด้ามจับของกระบี่ ปรากฏกลุ่มก้อนแสงสีขาวที่เริ่มควบแน่นรวมกันเป็นรูปร่าง

กลับกลายเป็นว่าแท้จริงแล้วมันคือวิหค วิหคที่ตลอดทั้งร่างเป็นสีขาว

วิหคขาวโผบิน เวียนวนรอบกายกู่ฉิงซานสองสามรอบ

ก่อนที่มันก็เอ่ยออกมาอย่างเปรมปรีดิ์ “ในที่สุด ข้าก็มีเวลาได้พักหายใจเสียที”

…………………………………………….