webnovel

0369 ยุคสมัยใหม่กำลังจะมาถึง

ตอนที่ 369 ยุคสมัยใหม่กำลังจะมาถึง

ในวันที่เวโรน่าขึ้นครองบัลลังก์

นรกอีกสามขุมก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนโลก

พวกมันกำลังสั่งสมพลังอย่างเงียบๆ ขณะที่เฝ้ารอให้ขุมนรกของตนเองมาถึงโดยสมบูรณ์

แถมในวันนี้ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่พระสันตะปาปายี่ชาได้เสียชีวิตลงในห้องจัดเลี้ยงของรัฐฟูซีอีกด้วย

สมเด็จพระราชินีฟูซีได้ประกาศในสถานที่เกิดเหตุว่ายี่ชาหรือพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันนี้ แท้จริงแล้วเป็นตัวปลอม!

เธอกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่าจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์จะกลับคืนสู่อ้อมอกของตระกูลเมดิซีอีกครั้ง

นอกจากนี้ คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ก็จะทำการจัดระเบียบใหม่ และจะมีการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ขึ้นด้วยเช่นกัน

ในขณะที่ทุกคนกำลังเกิดความลังเลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลางก็เป็นคนแรกที่เอ่ยแสดงความชื่นชมและยอมรับในคำกล่าวของเธอ

ในขณะที่งานเลี้ยงอาหารกลางวันยังไม่จบลง เหล่านักการเมืองจากทุกประเทศก็ได้ทำการไตร่ตรองถึงใจความสำคัญของฉากนี้อย่างรวดเร็ว

สาธารณรัฐฟูซีตกอยู่ในอุ้งมือของเวโรน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกเหนือจากอาณาจักรฟูซีในมือ เธอก็ยังมีผู้แข็งแกร่งลึกลับที่สามารถสังหารรัฐมนตรีกลาโหมซึ่งเป็นขั้นห้าได้ในกระบวนท่าเดียวอีกด้วย

รัฐบาลกลางก็มีความสำเร็จทางเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของโลกอย่างเทพธิดากงเจิ้ง

ในแง่ของกำลังรบ รัฐบาลไม่ได้มีเพียงแค่เทพนักสู้ซางซ่งหยางอีกต่อไป  แต่ยังมีอีกสามตัวตนทรงพลังที่พึ่งจะร่วมลงมือสังหารพระสันตะปาปาไปเมื่อครู่เช่นกัน

ด้วยประการฉะนี้ หากทั้งสองประเทศแสดงถึงความตั้งใจของพวกเขาออกมาอย่างชัดเจนถึงขนาดนั้น ประเทศอื่นๆ ก็สมควรจะต้องพิจารณาทิศทางตำแหน่งที่พวกเขาจะทำการเลือกเดินอย่างรอบคอบ

ในทางตรงกันข้าม ความตายของพระสันตะปาปา กลับไม่ได้ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นอย่างที่คิด

งานเลี้ยงอาหารกลางวันได้สิ้นสุดลงแล้ว

และต่อไปก็ถึงคราวการเริ่มประชุมสภาโลก

นักวิทยาศาสตร์กู่ฉิงซานแห่งรัฐบาลกลางได้ก้าวขึ้นมาบนเวทีและทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘กำไลฝึกยุทธ’

สมเด็จพระจักรพรรดินีฟูซีประกาศว่า ‘ผู้ใดก็ตามที่มีการใช้กำไลฝึกยุทธนี้’ น้ำยาปลุกเทียนซวนที่เคยถูกจำกัดไว้ให้ใช้ได้แค่กับสาวกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจะถูกจัดให้ใช้ได้ฟรีหนึ่งครั้ง

แน่นอน ว่ามันรวมไปถึงน้ำยากระตุ้นธาตุทั้งห้าของฟูซี และน้ำยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋าของรัฐบาลกลางก็เช่นกัน พวกมันจะได้รับอนุญาตให้ใช้ได้เลยฟรีๆ!

ภายใต้การร่วมมือกันโน้มน้าวของประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลางและเวโรน่าแห่งฟูซี ส่งผลให้ผู้นำคนแล้วคนเล่าของโลกได้ทำการทดลองเทคโนโลยีนี้

และประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกเขาได้รับมันช่างน่าตกตะลึง!

บาทหลวงของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ประจำสาธาณรัฐฟูซีได้รับน้ำยาปลุกเทียนชวนจากทางคริสตจักร

โดยท่านได้ใช้น้ำยาพลังปลุกเทียนซวนต่อหน้าสาธารณชน

แล้วเขาก็ถูกปลุกตื่นขึ้นมาจริงๆ

ภายใต้การริเริ่มนึกคิดของเขา ตลอดทั้งโต๊ะในห้องประชุมสภาก็บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้

ทันทีหลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์กู่ฉิงซานแห่งรัฐบาลกลางก็ได้ขึ้นมากล่าวอธิบายเกี่ยวกับการฝึกยุทธอีกรอบ

เมื่อทุกคนได้รับรู้ว่าการฝึกยุทธจะสามารถช่วยเพิ่มพูนอายุขัยของตนเองได้อย่างมหาศาล ประกายเพลิงในห้วงอารมณ์ของพวกเขาก็ถูกจุดจนลุกโชนขึ้น

เทพนักสู้ซางซ่งหยางได้สารภาพต่อสาธารณชนว่าเขาก็เริ่มฝึกยุทธแล้วเช่นกัน

ว่าจบ เขาก็เริ่มใช้เครื่องตรวจวัดพลังชีวิตต่อหน้าทุกผู้คน

แล้วมันก็เด้งขึ้นมาว่า ขีดจำกัดอายุขัยของเขาคือหนึ่งร้อยห้าสิบปี!

ผู้นำของหลายประเทศย่อมไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นทันที พวกเขาได้ร้องขอให้ทำการเปลี่ยนเครื่องมือตรวจวัดอยู่หลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงนี้ ความกังวลและข้อสงสัยทั้งหมดก็สลายไม่มีหลงเหลืออีกต่อไป

หลังจากการอภิปรายอย่างเข้มข้นเพียงครึ่งชั่วโมง รัฐบาลทั่วโลกต่างก็บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญต่างๆ หลายประการ

ในตอนท้ายของการประชุม ผู้นำทุกประเทศได้ประกาศว่าพวกเขาจะส่งเสริมกำไลฝึกยุทธนี้ให้แพร่กระจายไปทั่วโลก

นับจากวันนี้ไป กำไลฝึกยุทธจะกลายเป็นที่นิยม และทุกคนก็จะมีสิทธิเท่าเทียมกันในการวิวัฒนาการ

เทพธิดากงเจิ้งได้เริ่มใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องของประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อทำการผลิตน้ำยาปลุกเทียนซวน เสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋า และกระตุ้นธาตุทั้งห้า

สำหรับกำไลฝึกยุทธ เทพธิดากงเจิ้งได้เริ่มต้นทดลองผลิตไว้นานแล้ว

พร้อมด้วยการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ส่งผลให้เทพธิดาเร่งมือของเธอ และมุ่งมั่นที่จะแพร่กระจายกำไลฝึกยุทธให้เข้าถึงไปในทั่วทุกมุมโลก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็เพื่อทำการต่อต้านวันสิ้นโลก

ณ เมืองหลวงของฟูซี

ภายในบาร์ที่มีชื่อเสียง

บาร์ได้ปิดทำการวันนี้ หากจะกล่าวอย่างชัดเจน สมควรบอกว่ามันมิได้เปิดทำการให้บุคคลทั่วไปเข้าใช้บริการต่างหาก

เพราะหลายสิบองค์กรแห่งโลกมืดที่แกร่งที่สุดในโลก ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่

ซางหยิงฮ่าวกำลังเล่าถึงเรื่องฝึกยุทธ

ขณะที่มีเย่เฟย์หยูคอยยืนอยู่เบื้องหลังเขา พร้อมด้วยมือข้างหนึ่งที่ถือกล่องไอศกรีม ส่วนอีกข้างกำลังใช้ช้อนใบเล็กๆ ขูดมันตักขึ้นมากิน

“ตั้งแต่ที่สามารถได้รับน้ำยาไปใช้ฟรีๆ แถมยังสามารถยืดอายุขัยได้ ผมคิดว่าพวกพี่ใหญ่ทุกคนคงไม่มีใครคิดจะคัดค้านในเรื่องนี้” ซางหยิงฮ่าวกล่าวสรุปออกมาในที่สุด

หลายสิบผู้นำองค์กรโลกมืดต่างพยักหน้ากันอย่างเงียบๆ

แต่แล้วชายหัวโล้นที่มีรอยสักเต็มตัวก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กน้อยซาง ฉันบังเอิญได้ยินมาว่านายก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนกันนี่”

“ถูกต้อง ผมเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของเรื่องนี้” ซางหยิงฮ่าวตอบอย่างเรียบง่าย

ชายหัวโล้นหัวเราะ “ช่างเป็นธุรกิจที่ดีจริงๆ แต่มันจะดีกว่าไหมหากจะให้พี่ชายได้มีส่วนแบ่งในธุรกิจดีๆ แบบนี้ด้วย”

“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวที่ผมได้มาก็คือ ผู้ที่คิดค้นเทคนิคฝึกยุทธจะเป็นคนเลือกสรรเทคนิคฝึกยุทธที่เหมาะสมกับตัวผมและคนรอบข้างให้ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย”

“เรื่องนั้นฉันรู้ มันเป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ กู่ฉิงซาน ถูกต้องใช่ไหม?” ชายหัวโล้นกล่าว และเฝ้าสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของท่าทีที่แสดงออกของซางหยิงฮ่าวอย่างรอบคอบ

“ฉันต้องยอมรับเลยว่าพวกนายทั้งสามคนร้ายกาจจริงๆ ที่สามารถสังหารพระสันตะปาปาลงได้”

ชายหัวโล้นหันไปมองรอบๆ และกล่าวกับทุกคนว่า “แต่ธุรกิจก็อย่างไรก็เป็นธุรกิจ และสิ่งนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดโดยได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังรบอันทรงพลังของพวกเรา”

 ทันใดนั้นใครบางคนเอ่ยขึ้นมาทันที “กฎระบุเอาไว้ว่าคนทั้งโลกจะสามารถรับน้ำยาได้เพียงครั้งเดียว แต่ถ้าปล่อยให้พวกเราดำเนินการ และเก็บน้ำยาส่วนหนึ่งไว้ในมือเรา มันก็เพียงพอแล้วที่เราจะสามารถแบ่งปันผลประโยชน์อันมหาศาลนี้ร่วมกันได้”

อีกคนเอ่ยเสริม “ตามหน่วยข่าวกรองของฉัน น้ำยาเหล่านี้ก็ตกอยู่ในการควบคุมของกู่ฉิงซานเช่นกัน และฉันก็คิดว่าตัวน้ำยาคงมีเหลือเพียงพอที่จะนำมาแบ่งปันให้กับคนทั้งห้องนี้ได้”

พอคนอื่นๆ ได้คิดตาม ก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปที่ซางหยิงฮ่าวด้วยแววตาที่แฝงความหมายอันยากจะอธิบายได้

พวกเขาเป็นเหมือนกับหมาป่าหิวโหยที่พึ่งได้พบพานกับชิ้นเนื้อก้อนโต

ซางหยิงฮ่าวถอนหายใจและกล่าวกับชายหัวโล้นว่า “พี่ชายหลัว ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าไปกระตุ้นอะไรนักวิทยาศาสตร์คนนั้นจะดีกว่านะ เขาไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนอย่างที่แสดงออกมาในทุกๆ ครั้งหรอก”

“นอกจากนี้ธุรกิจการค้ามนุษย์ของคุณก็จะต้องหยุดลงเช่นกันและต้องปล่อยทุกคนให้เป็นอิสระ”

ชายหัวล้าน “ทำไม?”

“เพราะวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้วอย่างไรล่ะ ตอนนี้ทุกคนคือกำลังรบอันล้ำค่าที่มีไว้ใช้ต่อสู้ บางทีหนึ่งในทาสที่คุณจับตัวมา หลังจากที่พวกเขาฝึกยุทธแล้ว อาจจะกำเนิดตัวตนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นขึ้นมาก็ได้”

“ทำแบบนั้นแล้วฉันจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง?”

 “ผลประโยชน์ของคุณคือมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

ชายหัวโล้นหัวเราะออกมาเบาๆ

เขาเอียงศีรษะและกล่าวว่า “จู่ๆ ก็โผล่ออกมายืนยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาวๆ แล้วบอกว่าต้องการขโมยผลงานที่ฉันเฝ้าฟูมฟักมาเป็นอย่างดีไม่ง่ายๆ อย่างงั้นหรือ? อยากจะตายรึไง? เจ้าเด็กน้อยซาง”

ชายหัวล้านโน้มตัวไปข้างหน้า และกระซิบเบาๆ ว่า “กู่ฉิงซานอาจจะแกร่งพอสมควรก็จริง แต่สำหรับพวกเราแล้วน่ะ ยังมีอีกหลายวิธีที่จะใช้บีบบังคับมัน อย่างเช่นลักพาตัวคนรอบกายของมันมาข่มขู่ก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้น เดี๋ยวมันก็จะมาร่ำร้องแล้วถามถึงฉันเองแหละ”

ทว่าหลังจากที่พูดจบ หัวของเขาก็ร่วงตกลงจากบ่าทันที

ผู้นำซึ่งเป็นหัวหอกในการควบคุมธุรกิจการค้ามนุษย์ของโลก...ได้ถูกสังหารลงอย่างกะทันหันในสถานที่แห่งนี้!!

ท่ามกลางความว่างเปล่า ดาบเล่มหนึ่งวาดเส้นแสงสีแดงเป็นทางยาวที่เกิดจากเลือด และบินกลับไปอยู่เบื้องหลังซางหยิงฮ่าว

ผู้นำโลกมืดทั้งหมดถูกกระตุ้นจนความโกรธปะทุขึ้น

“นี่แกกล้าดีอย่างไร”

“รนหาที่ตาย!”

“นี่มันชักจะข้ามเส้นเกินไปแล้ว!”

“ในเมื่อแกเลือกที่จะทำผิดกฎ ถ้างั้นก็ถึงเวลาตาย!”

ว่าจบ ร่างหลายร่างก็ทะยานตัวออกไป และบินตรงมาทางซางหยิงฮ่าว

ซางหยิงฮ่าวยกหลังเท้าส่งสัญญาณเตะออกไปข้างหลังอย่างแผ่วเบา นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้ขยับตัวใดๆ อีก

เลือดสังหารพรั่งพรูออกมาอย่างฉับพลัน และห่อหุ้มตัวซางหยิงฮ่าวเอาไว้

การโจมตีอันหลากหลายกระแทกเข้ากับเลือดสังหาร และถูกดูดซึม จางหายไปอย่างเงียบๆ

“กรุณากลับไปนั่งประจำที่ของพวกคุณด้วย”

เย่เฟย์หยูยิ้ม ขณะที่สองมือของเขาข้างหนึ่งถือถ้วย ขณะอีกข้างยังคงตั้งใจขูดไอศกรีมกิน

กลุ่มเลือดสังการกระพริบไหว พุ่งออกต้อนรับ ปะทะเข้ากับผู้คนเหล่านั้นที่ยังคงอยู่กลางอากาศ

หลายคนถูกกระแทกด้วยความสับสน และเมื่อรู้สึกตัวอีกที พวกเขาก็ถูกแรงปะทะ กดดันให้ตกลงมานั่งประจำตำแหน่งเดิมได้อย่างพอดิบพอดีโดยไม่คาดคิดเสียแล้ว

พริบตานั้นฝูงชนทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบ

ซางหยิงฮ่าวกล่าวต่อ “ไม่เพียงแต่ในเรื่องการค้ามนุษย์หรอกนะ แต่ในเรื่องการค้ายาเสพติดก็ต้องหยุดลงด้วยเหมือนกัน แต่สำหรับธุรกิจขายบริการ นอกเหนือไปจากสาวๆ ที่ยินยอมรับงานด้วยตัวเองแล้ว พวกคุณจะไม่สามารถบังคับให้พวกเธอกระทำในสิ่งที่ไม่มีความสุขได้อีก”

เขากางมือออก “หลังจากที่พวกเรากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ มีคุณสมบัติตรงตามที่จะเป็นสหายเต๋าร่วมกัน ทุกคนจะไม่อาจกระทำการที่ผิดหลักแห่งเต๋าได้”

ชายชราภายในห้องแสยะออกมาและกล่าวว่า “ในวันนี้แกอาจจะเหนือกว่าพวกเรา แต่ลองคิดให้ดีๆ เถอะว่า ในวันข้างหน้าหลังจากนี้ไป ยังจะมีใครฟังคำของแกอีกบ้าง?”

แต่แล้วจู่ๆ ชายชราก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นน้อยๆ รอบคอของเขา

เมื่อเหลือบสายตามองลงไปก็จะเห็นแค่เพียงดาบยาวที่ลอยนิ่ง หันคมดาบจ่ออยู่ล่างคางของเขา

และดาบนั่นก็หายวับไปจากสายตาในฉับพลัน

ชายชราปิดปากเงียบ

เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาบนแผ่นหลังของเขา

ไม่เพียงแต่เขา แต่เหล่าตัวตนท่ามกลางตัวตนทรงอำนาจของโลกใต้ดินในที่แห่งนี้ เมื่อครู่กลับไม่มีคนไหนเลยที่เห็นว่าดาบได้ปรากฏขึ้นและหายวับไปได้อย่างไร

แต่ละคนหันมามองหน้ากันและกัน

ซางหยิงฮ่าวโยนสมองควอนตัมส่วนบุคคลของเขาลงบนโต๊ะ

“ตั้งใจฟังให้ดีล่ะทุกๆ ท่าน” เขากล่าว

แล้วสมองควอนตัมก็ส่องสว่างขึ้น

ตามด้วยเสียงอันไพเราะของผู้หญิงที่ดังออกมา

“สวัสดีทุกท่าน ฉันคือเทพธิดากงเจิ้ง”

“ขณะนี้แผนการ ‘สกายฟอล’ กำลังเริ่มปฏิบัติการแล้ว”

“เกี่ยวกับการร้องขอของ มิสเตอร์ซางหยิงฮ่าว ขอให้ทุกท่านโปรดให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามด้วย”

“มิฉะนั้นฉันจะใช้ป้อมปราการระหว่างดวงดาวซ่งหวูเฮ่าทำการโจมตีพื้นที่เป้าหมายจากนอกอวกาศโดยตรง”

“และโปรดอย่าได้สงสัยถึงความสามารถของหน่วยข่าวกรองของฉัน ฉันได้ทำการเชื่อมต่อกับหน่วยประมวลผลแห่งชาติของประเทศทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าหากพวกคุณและอาณาจักรที่พวกคุณสร้างขึ้นมายังต้องการที่จะมีชีวิตและดำเนินอยู่ต่อไป โปรดเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับฉันด้วย”

“นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจะพูด ขอบคุณสำหรับการรับฟัง และลาก่อน”

 วูบ...และสมองควอนตัมก็ดับลง

ซางหยิงฮ่าวยกบุหรี่ขึ้นมาจุด สูดควันเข้าเต็มปอดและพ่นมันออกไปอย่างแรง

เขาลุกขึ้นยืน ในมือคีบบุหรี่ และเดินไปรอบๆ เหล่าฝูงชนอย่างช้าๆ และไร้จุดหมาย

ดาบยาวกำลังจะลอยตามเขา แต่เพียงแค่เขาโบกมือ ดาบยาวก็หยุดนิ่ง

ดังนั้นขณะนี้ กล่าวได้ว่าเขาไม่มีดาบไว้คุ้มกันอีกต่อไป ทั้งตัวไร้ซึ่งการป้องกันแต่ก็ยังกล้าที่จะเดินผ่านหน้าเหล่าบรรดาพี่ใหญ่ทุกคนที่อยู่ในโลกมืด

แต่กลับไม่มีใครกล้าทำอันตรายใดๆ แก่เขาเลย

ดูเหมือนว่าการกระทำนี้ จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของโลกใต้ดิน…เป็นการแสดงอำนาจและเอ่ยถามความคิดเห็นของผู้คนด้วยการกระทำโดยตรง

และซางหยิงฮ่าวก็เดินล่อหน้าล่อตากลับมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

เขาหันไปกล่าวกับดาบว่า “นายไปได้แล้ว”

เสียงของดาบยาวกังวานขึ้น “แต่หน้าที่ของนายยังไม่จบลงเลยนี่”

“แม้ว่าหลังจากนี้การประชุมของเขาเราจะเดือดขึ้นสักเล็กน้อย แต่ถ้านายยังอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะกระทบกับบรรยากาศของพวกเรา” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

วูบ!

และดาบยาวก็หายไปทันที

ซางหยิงฮ่าวนั่งยองๆ ลงเบื้องหน้าของชายหัวล้าน และยื่นมือของตนไปปิดดวงตาที่ยังคงเบิกกว้างของอีกฝ่าย

เขาลุกขึ้นยืน และยื่นมือข้างนั้นไปทางทุกคน

“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดาบเมื่อครู่ พี่ใหญ่เคยรู้สึกว่าตัวเองช่างเล็กจ้อยไหม? รู้สึกหวาดกลัวถึงความตายรึเปล่า?” เขาเอ่ยถาม

“นี่แหละ…คือสิ่งระดับที่แตกต่างกันระหว่างพวกพี่ใหญ่กับสิ่งที่เรียกว่า ‘ผู้ฝึกยุทธ’ ล่ะ’”

…………………………………………….