webnovel

0350 เส้นทางแห่งโชคชะตา

ตอนที่ 350 เส้นทางแห่งโชคชะตา

 กรมบังคับกฎ 

ชั้นอากาศที่นี่หนาวเย็นกว่าในส่วนอื่นของสถาบันอย่างชัดเจน มันไร้ซึ่งสรรพเสียงหรือความวุ่นวายใดๆ และไม่มีนักเรียนเดินผ่านไปมาให้เห็น 

ซูเซี่ยเอ๋อยืนอยู่กลางห้องโถงของกรมบังคับกฎ ในหัวใจบังเกิดความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย 

ที่เท้าเบื้องล่างถูกปูด้วยอิฐสีเทาหนา 

แต่จากการที่มันอยู่มานานหลายปีแล้ว ส่งผลให้อิฐบางก้อนบ้างแตกร้าว บ้างเป็นหลุมบ่อ ทำให้สามารถสังเกตเห็นได้ถึงการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว 

แรงสั่นสะเทือนนี้ ดูเหมือนว่าต้นตอของมันจะมาจากเบื้องล่างลึกลงไป ราวกับมีอะไรบางอย่างพยายามที่จะคืบคลานออกมาจากใต้อิฐสีเทา 

หากตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ ท่านจะได้ยินเสียงครวญครางและร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่รำไรดังลอดขึ้นมาจากมัน 

เสียงเหล่านี้ ฟังดูราวกับว่ามีนรกถูกฝังเอาไว้อยู่ใต้กรมบังคับกฎอย่างไรยังงั้น 

“อย่ากลัวไปเลย ข้างล่างนั่นคือคุกใต้ดิน มันเป็นสถานที่ที่ข้ามีไว้ใช้เก็บรวบรวมสิ่งแปลกๆ ที่จับหรือหามาได้จากทั่วทุกมุมโลก และมักจะใช้มันสำหรับการวิจัย” จอมมารชุดคลุมเลือดกล่าว 

ซูเซี่ยเอ๋อพยักหน้า เผยท่าทีเข้าใจอย่างชัดเจน 

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรามาพูดคุยเกี่ยวกับเจ้ากันดีกว่า” กระแสเสียงของจอมมารชุดคลุมเลือดเปลี่ยนเป็นทุ้มลึก 

“ท่านอาจารย์เชิญชี้แนะ” 

“ในตอนที่เจ้าเสร็จสิ้นการทดสอบ เจ้าคงจะสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งใช่หรือไม่ แล้วรู้ไหมว่าทำไม?” จอมมารเอ่ยถาม 

“หนูไม่รู้เลย” ซูเซี่ยเอ๋อตอบ 

“การทดสอบทั่วๆ ไปน่ะ มันสามารถทำได้แค่แปรสภาพคนให้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่เท่านั้น แต่ในขณะที่เจ้ากำลังฟื้นคืนชีพ มันกลับมีชุดคลุมยาวสีขาวและคทาติดมือมาด้วย” 

จอมมารชุดคลุมเลือดหัวเราะ “ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา เสื้อผ้าที่เผยออกมาในปัจจุบันน่ะจะแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของอาวุธ และเป็นตัวแทนที่บ่งบอกถึงโอกาสและทิศทางในการพัฒนา” 

“เสื้อคลุมขาวเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติยศอันสูงส่งแห่งเทียนซวน ถูกเลือกโดยสวรรค์ ส่วนคทาของเจ้าหมายถึงสิทธิ์อำนาจการปกครองของเจ้าที่เหนือกว่ากฎแห่งเทียนซวน” 

“สิทธิ์อำนาจการปกครอง?” 

“ใช่ เจ้าเป็นผู้พิชิตกฎแห่งไพ่ ดังนั้นเจ้าจึงสามารถปล่อยเทคนิคเทียนซวนต่างๆ ได้ทุกประเภทด้วยคทา โดยไม่จำเป็นต้องสนถึงขีดจำกัดของไพ่” 

“หากจะกล่าวง่ายๆ ก็คือ สำหรับผู้ที่ถูกเลือกโดยสวรรค์น่ะ จะมีไพ่จำนวนจำกัดโดยขึ้นอยู่กับแต่ละขีดระดับความแข็งแกร่ง” 

“ตัวอย่างเช่น เมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว ผู้ที่ถูกเลือกโดยสวรรค์จะได้รับไพ่เพียงสองถึงสามใบ และจะสามารถใช้ได้เพียงไพ่เหล่านั้นเท่านั้น” 

“แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ใช่ประเภทเดียวกับกลุ่มคนเหล่านั้น” 

“แล้วหนูเป็นประเภทไหน?”  

“ด้วยสิทธิ์อำนาจการปกครองของเจ้า เป็นผู้ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์แห่งไพ่ ทำให้เจ้าสามารถได้รับไพ่พันหมื่นใบหรือใช้งานมันตอนไหนก็ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องคำนึงถึงขีดระดับความแข็งแกร่ง” 

“นี่นับว่าเป็นหนึ่งในพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด” 

ซูเซี่ยเอ๋อตกตะลึง 

จอมมารชุดคลุมเลือดกล่าวอธิบายอย่างจริงจังและนำม้วนคัมภีร์เลือดออกมา 

“โดยทั่วไปแล้ว เมื่อนักเรียนกลายเป็นผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ เขาหรือเธอจะต้องทำการเลือกเส้นทางของตัวเองทันที” 

“บางคนต้องการที่จะเดินทาง ท่องไปในหลายมิติและจักรวาล บางคนต้องการที่จะต่อสู้กับวันสิ้นโลก บางคนต้องการควบคุมโชคชะตาของพวกเขา นี่คือเส้นทางที่ผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์จะต้องเป็นคนกำหนดมันเอง” 

“หลังจากตัดสินใจกำหนดเส้นทางของตัวเองแล้ว จึงจะสามารถเลือกไพ่ที่สอดคล้องกันกับเส้นทางที่ตนเลือกได้” 

ซูเซี่ยเอ๋อถามอย่างระมัดระวัง “หนังสือหลายเล่มบอกว่าบางคนเลือกเส้นทางผิด และในที่สุดก็ต้องปล่อยพลังอำนาจทั้งหมดของพวกเขาไป เพื่อเริ่มสร้างไพ่ของพวกเขาขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ตรงส่วนนี้ก็เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?” 

“เจ้ามักจะไปที่ห้องสมุดบ่อยๆ งั้นหรือ?” จอมมารชุดคลุมเลือดถามอย่างคาดไม่ถึง 

“เจ้าค่ะ นักเรียนฝึกหัดจะสามารถอ่านหนังสือที่ชั้นหนึ่งได้ หนูเลยมักจะไปบ่อยๆ” 

จอมมารพอได้ฟังก็รู้สึกประทับใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นนักเรียนที่ไม่ได้มีดีแค่พรสวรรค์ แต่พรแสวงก็ยอดเยี่ยม สมแล้วที่เป็นนักเรียนของข้า ก่อนที่เจ้าจะทำการกำหนดเส้นทาง แม้จะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล แต่ข้าก็ยินดีทำเพื่อส่งเจ้าเข้าสู่เส้นทางแห่งโชคชะตาที่ถูกต้องเอง” 

“ที่นั่น เจ้าจะได้ตระหนักถึงหัวใจที่แท้จริงของเจ้า และตัดสินใจได้ว่าเจ้าต้องการจะเลือกแบบไหน” 

“ด้วยวิธีนี้ เส้นทางที่เจ้าเลือกเดินมันจะไม่มีทางผิดพลาดไปอย่างแน่นอน” 

หลังจากที่ตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ ซูเซี่ยเอ๋อก็โค้งคารวะอย่างนอบน้อม “ขอบพระคุณท่านอาจารย์” 

จอมมารชุดคลุมเลือดส่งม้วนคัมภีร์สีเลือดให้แก่ซูเซี่ยเอ๋อ 

“นี่คือม้วนคัมภีร์ที่สืบทอดชีพจรของข้า มันถูกเรียกว่า เส้นทางชะตาอันผิดเพี้ยน” 

ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยทวนซ้ำด้วยความใคร่รู้ “เส้นทางชะตาอันผิดเพี้ยน?” 

“ใช่ มันจะไล่ตามโชคชะตาดั้งเดิมที่สุดในชีวิตของเจ้า และแสดงให้เจ้าได้เห็นเส้นทางแห่งโชคชะตาของเจ้าว่าแต่เดิมแล้วแท้จริงเป็นอย่างไร” 

“จงใช้มัน และค้นหาเส้นเทางที่เจ้าต้องการจะไปด้วยตนเอง” จอมมารกล่าว 

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” ซูเซี่ยเอ๋อตอบรับ 

เธอรับม้วนคัมภีร์มา จ้องมองมันด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปกล่าวกับจอมมารว่า “แล้วโชคชะตาที่ว่านี้ ท่านอาจารย์ก็ทราบถึงมันอยู่แล้วใช่ไหม?” 

“ข้าไม่รู้หรอก เพราะนิมิตหมายที่จะปรากฏขึ้นมันจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล” 

จอมมารชุดคลุมเลือดกล่าว “มีเฉพาะผู้ใช้มันเท่านั้นที่จะสามารถเห็นโชคชะตาดั้งเดิมของตนเองได้ และโชคชะตาที่ว่านั่นจะเป็นตัวช่วยบ่งบอกไม่ให้เจ้าเลือกเส้นทางที่หลงผิด” 

ซูเซี่ยเอ๋อพอได้ฟังรู้สึกโล่งใจ คลายกังวลเรื่องการเลือกเส้นทางที่ผิดพลาดไปจนสิ้น 

เธอค่อยๆ ใช้พลังจากภายในห่อหุ้มม้วนคัมภีร์อย่างแผ่วเบา 

และม้วนคัมภีร์สีเลือดก็หายวับไปพร้อมกับเธอทันที

 ท่ามกลางความมืดมิด 

ค่อยๆ มีแสงแวววาวเล็กๆ ปรากฏขึ้น 

ภาพเคลื่อนไหวค่อยๆ กางออกเบื้องหน้าซูเซี่ยเอ๋อ 

“ท่านปู่ ท่านปู่ต้องให้อภัยเขานะ ไว้ชีวิตเขาเถอะ เขาต้องไม่ได้ตั้งใจอย่างแน่นอน” 

นี่มันเป็นเสียงของเธอเองนี่นา? 

ซูเซี่ยเอ๋อมองเข้าไป และเห็นว่าคนตรงหน้าคือตัวเองที่ใส่ชุดงานเต้นรำในวันฉลองจบการศึกษาของโรงเรียนมัธยม เธอคุกเข่าลงกับพื้น และกำลังอ้อนวอนขอร้องท่านปู่อยู่ 

ท่านปู่เอ่ยสวนกลับมา “ปู่ยอมปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้ แต่หลานเอ๋ย ฮึ่ม! หลังจากนี้ไปปู่จะไม่อนุญาตให้เจ้าติดต่อกับไอ้เด็กเหลือขอตัวเหม็นนี่อีก!” 

พ่อของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ ตบลงบนโต๊ะอย่างแรงและพูดว่า “มันพยายามล่วงเกินลูกในงานเต้นรำ เจ้าสัตว์ร้ายจอมหื่นกระหายแบบนี้ ไม่สมควรที่จะโผล่มาอยู่ในสายตาของลูกอีกต่อไป!” 

ปู่พูดต่อ “ถ้าหลานยินยอมตัดความสัมพันธ์กับเขา ปู่ในฐานะผู้นำตระกูลซูขอให้คำมั่นว่าจะไม่ส่งใครในตระกูลไปฆ่ามัน” 

“…เข้าใจแล้ว หนูจะไม่ติดต่อกับเขาอีก ขอเพียงแค่ท่านปู่ปล่อยเขาไป” 

มองไปยังใบหน้าของตัวเองที่แลดูเศร้าสร้อยและกำลังคุกเข่าลงบนพื้น ซูเซี่ยเอ๋อก็แอบรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในจิตใจ 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? 

ในงานเต้นรำ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นฝีมือของจางเย่อที่คิดลอบทำร้ายเธอโดยการชักใยกู่ฉิงซานอย่างลับๆ 

แต่ทำไมในนิมิตของเส้นทางแห่งโชคชะตา สมาชิกครอบครัวของเธอจึงพูดราวกับว่าเป็นกู่ฉิงซานที่กระทำหยาบคายกับตัวเธอ? 

และภาพก็เปลี่ยนไป 

ทุกคนหายไปหมด 

ก่อนจะดังขึ้นด้วยเสียงของผู้หญิงที่ฟังดูคุ้นเคยตะโกนร้องด้วยเสียงแสบแก้วหู “ยานอวกาศกำลังจะออกแล้ว! จับตัวเธอไว้เร็วเข้า! ไม่นะ! รีบจับตัวเธอเร็ว!” 

ท่านแม่? 

ซูเซี่ยเอ๋อบังเกิดความสับสนขึ้นในความคิด 

“ไม่! หนูไม่ไป! หนูไม่ไป! ทำไมล่ะ! ทำไมเราถึงไม่ช่วยพวกเขา!” 

และนี่ก็คือเสียงของเธออีกแล้ว 

“ช่วยพวกเขา? เราจะช่วยอะไรพวกเขาอีก? เซี่ยเอ๋อ ดาวดวงนี้น่ะมันจบสิ้นแล้วลูกไม่เข้าใจหรือ? เราไม่สามารถช่วยเหลือใครได้แล้ว แต่พวกเราต้องรีบออกหนีออกจากที่นี่! รีบหนี! ได้ยินไหม!” แม่ตะโกนเสียงดัง 

และภาพเคลื่อนไหวก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น 

สถานที่ที่สองแม่ลูกกำลังถกเถียงกันอยู่นี้ คือภายในขั้วโลกเหนือ 

ยานอวกาศขนาดใหญ่กำลังเตรียมจะเดินเครื่องออกตัว 

เซี่ยเอ๋อกำลังเฝ้าดูนิมิตตนอยู่กลางอากาศ จ้องมองสถานการณ์เบื้องล่างจากมุมสูง 

ขณะนี้ ตัวเธอในนิมิตกำลังถูกล็อกตัวโดยสองมืออาชีพ 

โดยมีแม่ของเธอยืนอยู่ตรงข้าม 

แม่กับลูกสาวมองหน้าสบตากันและกันด้วยความโกรธ 

ไม่ไกลนัก คนอื่นๆ จากเก้าตระกูลใหญ่กำลังทยอยกันขึ้นยานอวกาศคนแล้วคนเล่าอย่างต่อเนื่อง 

ซูเซี่ยเอ๋อลดระดับลง ทิ้งตัวยืนอยู่ข้างฉากนิมิตดังกล่าวนี้ เพื่อเฝ้าดูโชคชะตาดั้งเดิมของเธอ 

แม้เพียงมอง แต่มันก็ทำให้เธอสัมผัสถึงความรู้สึกอันบอบบางในจิตใจ 

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ดังขึ้น “ยานอวกาศเตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว อีกสิบนาทีจะเริ่มออกตัว” 

พอได้ฟัง ซูเซี่ยเอ๋อก็พอจะคาดเดาทุกอย่างได้ในที่สุด 

เก้าตระกูลใหญ่ กำลังจะหลบหนีออกจากดาวดวงนี้ 

เธอก้าวไปข้างหน้า และมองดูตนเองในภาพเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด 

แม้วันเดือนปีที่ผ่านพ้นไป แต่ริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าเธอก็ยังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก 

เห็นแค่เพียงใบหน้าของตัวเองที่อาบไปด้วยน้ำตา ปากเอ่ยปฏิเสธที่จะยอมรับ “นี่คือสงครามขั้นแตกหักระหว่างมนุษยชาติกับเผ่ามาร ไม่ใช่ว่าพวกเราตกลงกันแล้วหรอว่าจะเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธเพื่อป้องกันเมืองคิงซิตี้! ทำแบบนี้มันเท่ากับการทรยศนะ!” 

โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ? 

นั่นมันคือที่ไหนกัน? 

ซูเซี่ยเอ๋อคิดด้วยความสงสัย 

แม่เธอสวนกลับด้วยความโกรธว่า “อย่ามาพูดถึงเรื่องทรยศหักหลังอะไรนั่นให้ขำเลยจะดีกว่า คิดหรือว่าแม่ไม่รู้ว่าลูกก็แค่คิดถึงเจ้าหนุ่มนั่น” 

ร่างของซูเซี่ยเอ๋อแข็งค้าง 

แม่หัวเราะหยัน “แม่รู้ว่าลูกได้แอบช่วยเหลือเขามาตั้งหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้! เวลาที่อันตรายชนิดที่ว่าชีวิตลูกเองยังไม่รู้เลยว่าจะรอดไหม แล้วลูกมัวแต่คิดถึงเขามันจะมีประโยชน์อะไร!?” 

ร่างหนึ่งบินออกมา และร่อนลงเบื้องหน้าซูเซี่ยเอ๋อ 

ผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูล 

เธอสัมผัสลงบนหัวของซูเซี่ยเอ๋อ ปากเอ่ยเตือน “เซี่ยเอ๋อ เจ้าเป็นทายาทที่มีพรสวรรค์มากที่สุด จงเชื่อฟังแล้วขึ้นไปบนยานอวกาศเถอะ แล้วหลังจากนั้น ข้าจะบอกพ่อเจ้าให้สละตำแหน่ง ยกเจ้าขึ้นเป็นจ้าวมณฑลแทนทันที” 

“แต่ท่านผู้พิทักษ์ พวกเราไม่ควรที่จะหนีไปในตอนนี้” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว 

‘ผลั่ก!’ 

ผู้พิทักษ์สับฝ่ามือลงบนต้นคอของซูเซี่ยเอ๋ออย่างอ่อนโยน 

และเธอก็หมดสติลงทันที 

ผู้พิทักษ์ถอนหายใจและกล่าว “เซี่ยเอ๋อ เจ้าน่ะยังไม่รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริงของเผ่ามาร หากมีวิธีการที่สามารถเอาชนะมันได้ แล้วข้าจะเลือกหนทางอันแสนอัปยศอย่างการพาเหล่าทายาททั้งหมดหลบหนีไปเพื่ออะไร?”

………………..………………..