webnovel

0339 ออกไล่ล่า

ตอนที่ 339 ออกไล่ล่า 

ยามค่ำคืน 

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและแสงจันทร์สลัว 

นรกเยือกแข็งกำลังแพร่กระจายในอัตราที่เชื่องช้า 

ภายในร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง 

กู่ฉิงซานเดินออกมาจากภายใน 

“นายได้ซื้อมันมาหรือเปล่า” ซางหยิงฮ่าวที่ยืนรอหน้าประตูเอ่ยถาม 

แมวดำตัวน้อยถูกโอบอุ้มอยู่ในอ้อมแขนเขา มันเอาคางอิงกับไหล่ของซางหยิงฮ่าว ขณะเดียวกันก็หันมามองกู่ฉิงซานด้วยแววตาที่เปล่งประกายแห่งความหวัง 

“ใช่ ฉันซื้อมันมาแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคราวนี้เป็นต้องเป็น ‘ทุเรียน’”

กู่ฉิงซานยกทุเรียนที่เต็มไปด้วยหนามแหลมขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และมองดูแมวดำ 

“นี่คือทุเรียนเกรดที่ดีที่สุดในซูเปอร์มาร์เก็ต” 

แมวดำพยักหน้าขึ้นลงๆ และร้องเหมียวๆ ด้วยความพอใจ 

ซางหยิงฮ่าวหยิบเอาทุเรียนในมือของเขาและอธิบายอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่า “นั่นเพราะมันกำลังจะต้องออกไล่ล่าตัวตนประเภทน่าหวาดหวั่น และรสชาติของทุเรียนก็เป็นประเภทเดียวกันอย่างไรงล่ะ” 

ทั้งสองเดินปลีกตัวออกไปในสถานที่ที่ไม่มีผู้คน ก่อนที่ซางหยิงฮ่าวจะเคาะนิ้วลงบนพื้นและวางทุเรียนใส่ลงไปในหลุมดำ 

“ดูนี่สิ ทุเรียนทั้งลูกเลยนา นี่สำหรับเธอคนเดียวเลยนะ ต่อให้กัดกินมันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีทางหมดแน่ๆ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“แต่ถ้ากินแล้วยังไม่อิ่ม ก็บอกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ สัญญาเลยว่าฉันจะซื้อมันให้เจ้าอีกครั้ง” กู่ฉิงซานตบลงบนหน้าอกของตัวเอง 

แมวดำพยักหน้าให้เขา นั่งยองๆ ลงทำจมูกฟุดฟิดหันไปซ้ายทีขวาที 

สักพักก็เงยหน้ามองทั้งสอง หรี่ดวงตากลมโตแคบลง ร้องเหมียวออกมาเบาๆ 

ซางหยิงฮ่าวเมื่อเห็นฉากนี้ เขาก็หันไปพูดกับกู่ฉิงซาน “นายพูดสิ่งที่ต้องการได้เลย ตอนนี้พวกเราพร้อมเริ่มต้นค้นหาแล้ว” 

กู่ฉิงซานรีบกล่าวในทันที “ฉันกำลังตามหา ‘คนตาย’” 

แมวดำกางกรงเล็บออก และยกมันขึ้นมาปิดจมูกตน 

“อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป ที่ฉันกำลังตามหาคือคนตายที่กำลังจะเกิดใหม่ เขาสวมใส่ชุดคลุมสีดำ ทั้งร่างกายเป็นโครงกระดูกไม่มีเนื้อหนัง...” 

ขณะกล่าว มือของกู่ฉิงซานก็จีบออกด้วยวิชาลับ 

สร้างม่านแสงขึ้น 

และโครงกระดูกในชุดคลุมดำก็ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแมว 

“เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้แหละ แมวน้อย...เจ้าพอจะสามารถหามันได้ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

แมวดำจดจ้องมองภาพที่ว่านี้อยู่ครู่หนึ่ง 

ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปไม่กี่ก้าว แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งด้วยความเร็วที่มากขึ้น และกระโจนออกไป 

ท่ามกลางเวหา เจ้าแมวดำเหยียดร่างที่ยืดหยุ่นของมันจนยืดยาว ทำท่าทำทางแลคล้ายกับพวกสัตว์ที่บินได้ 

“มันหมายความว่าอย่างไร?” กู่ฉิงซานถาม 

“มันบอกว่าพวกเราต้องบินไป” ซางหยิงฮ่าวยักไหล่ตอบ 

รถเหินเวหาข้ามผ่านกลุ่มเมฆบนท้องฟ้าในยามคำคืน บินอย่างสงบและราบรื่นภายใต้แสงจันทร์ 

ม่านแสงนำทางได้ถูกเปิดขึ้น และแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกปรากฏต่อหน้าสองคนหนึ่งแมว 

แมวดำกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะและกางกรงเล็บเอื้อมอุ้งเท้าของมันไปวางลงบนแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ 

“ซีกโลกตะวันตก...ไกลน่าดูเลยแฮะถ้านับจากที่นี่” ซางหยิงฮ่าวพูด 

“ยิ่งไปกว่านั้นมันยังอยู่กลางทะเลซะด้วย ชักจะน่าสนใจนิดหน่อยซะแล้วสิ” กู่ฉิงซานกล่าว 

ทุกวันนี้ ในมหาสุมทรนับว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษยชาติ 

เพราะมันเต็มไปด้วยอสูรกายแห่งท้องทะเลนานาชนิด นี่จึงเป็นเหตุผลที่เจ้าโครงกระดูกเลือกที่จะไปเกิดใหม่ในทะเลใช่หรือไม่? 

กู่ฉิงซานเร่งกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง ทำการเข้าสู่โหมดบินเหนือเสียง พวกเราจะต้องรีบไปแล้ว” 

“รับทราบ ใต้เท้า” 

บังเกิดเสียงโซนิคบูมรุนแรง และรถเหินเวหาก็เร่งความเร็วขึ้น 

ซางหยิงฮ่าวมองดูแผนที่ เอ่ยปากพูด “มันก็ไม่ค่อยไกลจากฟูซีมากนัก เอาไว้หลังจากที่ฆ่าเขา พวกเราก็รวดแวะไปดูพิธีขึ้นครองบัลลังก์ของจักรพรรดินีเวโรน่าสักหน่อยเป็นไง” 

“ฉันก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน” กู่ฉิงซานตอบ 

… 

รถเหินเวหาหยุดลงที่เหนือชั้นอากาศเบื้องบน 

น้ำแข็งลอยกระจัดกระจาย ขึ้นๆ ลงๆ ตามระดับคลื่นผิวน้ำทะเล 

แสงจันทร์ตกลงและสะท้อนกะพริบไหวในบางจุดที่เป็นน้ำแข็ง 

นี่ช่างเป็นฉากที่แปลกประหลาดโดยแท้ มันแลดูราวกับเป็นทางช้างเผือกอยู่กำลังเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ท่ามกลางท้องทะเล 

อสูรแห่งท้องทะเลหลายตัวว่ายวน ท่องเที่ยวไปอย่างอิสระท่ามกลางทะเล 

หลังจากท้องทะเลได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ที่นี่ก็ได้กลายมาเป็นโลกของพวกมัน 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้น้ำแข็งค้างกำลังค่อยๆ ก่อตัว 

อสูรแห่งท้องทะเลสูงหลายสิบเมตรดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ มันเริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อย 

อสูรแห่งท้องทะเลตนแล้วตนเล่าเปล่งคำรามเสียงอึกทึก กวัดแกว่งร่างกายอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อที่จะปัดเศษน้ำแข็งที่ลอยตามคลื่นให้ออกไปไกลห่างจากพวกมัน 

พวกมันเกลียดน้ำแข็งเหล่านี้ 

และมันไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งเหล่านี้คืออะไร 

ใช่ ถูกต้องแล้วล่ะ อสูรพวกนี้มันไม่มีสติปัญญา 

มนุษย์จึงเริ่มเชี่ยวชาญใช้ทักษะและสมองในการรับมือกับพวกมันมากขึ้น อาการบาดเจ็บล้มตายเลยลดน้อยลงเป็นอย่างมาก 

ผีดิบกินคนและผีดิบนักฆ่าก็ถูกปราบปรามลงเช่นกัน 

เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็ต้องพบกับความผิดหวัง 

โลกค่อยๆ ถูกฟื้นฟูกลับมาและได้หายใจหายคออย่างช้าๆ 

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้สำหรับในวันสิ้นโลกแล้ว ล้วนเป็นเพียงภัยพิบัติระดับต่ำนั่นเพราะ... 

เวลานี้ นรกเยือกแข็งได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว 

ทั้งๆ ที่มวลมนุษย์พึ่งจะเกิดความมั่นใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ปรับตัวเข้ากับบ้านหลังใหม่นี้ได้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายความรู้สึกที่ว่านั่นก็ต้องพังทลายลงเมื่อเผชิญหน้ากับนรกที่ว่านี้ 

ถึงแม้ว่าในชีวิตก่อนหน้า โลกมนุษย์จะมีกลุ่มผู้เล่นมืออาชีพที่อยู่ในขอบเขตก้าวสู่เทพมากมายก็ตามที แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับพลังของภัยพิบัตินี้ มันก็ทำให้พวกเขาพาลเกิดความรู้สึกอ่อนแออย่างลึกล้ำ 

ภัยพิบัติ! 

ภัยพิบัติที่แท้จริงเช่นนี้ เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้เลย! 

แม้แต่โลกของนายน้อยชุดคลุมม่วง ที่เป็นโลกของตัวตนที่เต็มไปด้วยขอบเขตสุดแกร่ง สุดท้ายแล้วโลกของพวกเขาก็ยังต้องพินาศอยู่ดี 

กู่ฉิงซานจับจ้องอยู่แต่กับจอม่านแสง และส่ายหัวเล็กน้อย 

ถึงแม้ว่าตนเองจะถูกส่งกลับมาอีกครั้ง แต่โลกดันต้องพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ นี่เขาจะสามารถหลบหนีจากโชคชะตาอันโหดร้ายได้จริงๆ น่ะหรือ? 

บางทีความพินาศของโลกนี้ ก็คงจะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่นสวรรค์โลกาที่ไม่มีใครรู้จักหรือสนใจ สรรพชีวิตต่างๆคงล้มหายตายจากไปอย่างสงบ 

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ แมวดำก็กางกรงเล็บของมันและตบลงบนจอม่านแสง 

ตำแหน่งที่มันตบ ก็ยังเป็นบริเวณส่วนหนึ่งของพื้นที่ทะเลที่ตีวงแคบลงจากรอบที่แล้ว 

“เจ้าแมวมันว่าอย่างไร?” กู่ฉิงซานถาม 

“มันบอกว่าเป้าหมายที่พวกเรากำลังตามหา หลบซ่อนตัวอยู่ในท้องทะเลบริเวณพื้นที่นี้” ซางหยิงฮ่าวตอบ 

เขาพูดสิ่งที่คิดออกมาด้วยความสงสัย “จักรพรรดิองค์แรกเป็นถึงผู้ก่อตั้งประเทศ เป็นมืออาชีพที่เรียกได้ว่าในครั้งอดีตแทบจะอยู่ยงคงกระพัน ไหงกลับมาซ่อนตัวอยู่ในทะเลกันล่ะเนี่ย?” 

กู่ฉิงซานกล่าว “นายคิดว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดสินะ แต่เชื่อฉันเถอะ ตอนนี้คงจะเป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่รู้สึกไม่ดีมากที่สุด ที่ตนจะต้องทนแบกรับความอัปยศอดสูนี้เอาไว้” 

“ถ้าจะให้พูดก็คือ” ซางหยิงฮ่าวยกซิการ์ขึ้นมาจุดและกล่าว “สองดาบของนายมันร้ายกาจ จนทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวล่ะสิใช่ไหม?” 

กู่ฉิงซานพยักหน้า 

ในช่วงเวลานั้น ดาบพิภพได้ฟัน 20 ปีศาจกระดูกจนพวกมันตกตายลงอย่างต่อเนื่อง จักรพรรดิผู้ก่อตั้งฟูซีจะหวาดกลัวมันก็ไม่แปลก 

ในฉับพลันนั้นเอง หัวใจของกู่ฉิงซานก็กะพริบไหว 

ตามด้วยเสียงของเช่าหยินที่สื่อสารผ่านมาทางความคิดของเขา 

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เปล่งวาจา แต่ความหมายที่ต้องการจะสื่อ กู่ฉิงซานก็พอเข้าใจได้ 

“เข้าใจแล้ว งั้นก็ไปเถอะ อย่าไปไหนไกลซะล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

เขาชะลอความเร็วรถเหินเวลาลง เปิดหน้าต่างออก 

และดาบเช่าหยินก็ผุดออกมาจากความว่างเปล่า 

ร่างของมันสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น รอจนกระทั่งหน้าต่างเปิดออก มันก็บินออกไปทันที 

เบื้องล่างรถเหินเวหา คือท้องทะเล 

ดาบเช่าหยินจี้ปลายดาบออกไป 

และคลื่นในทะเลที่ซัดสาด ก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง 

แม้จะไม่ได้มองตาม แต่ในสัมผัสรับรู้ของกู่ฉิงซาน เขาสามารถเห็นว่าดาบเช่าหยินกำลังเล่นอยู่ในทะเลตลอดเวลา 

เจ้าดาบนี่ มันจะรักในท้องทะเลมากเกินไปไหม? 

กู่ฉิงซานคิดอยู่สักพัก แต่ไม่นานเขาก็ละความสนใจจากคำถามนี้ลงอย่างรวดเร็ว นั่นเพราะ 

ครั้งแรกที่เขาได้พบกับดาบเช่าหยิน มันหลบซ่อนตัวอยู่ภายในค่ายทหาร แถวๆ บริเวณต้นไม้ที่แห้งแล้ง และตัวดาบก็ตกอยู่ในสภาพแห้งแล้งผุพังไม่แตกต่างกัน 

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่มันได้รับการซ่อมแซม ตัวดาบก็กลับมาดูมีชีวิตชีวา สามารถปลดปล่อยกระแสน้ำออกมารอบตัวแลดูชุ่มฉ่ำได้ในที่สุด 

ดาบเช่าหยินเดิมทีเป็นดาบของเทพวิญญาณในยุคโบราณอันไกลโพ้น มันมีชีวิตข้ามผ่านวันคืนนานนับปี มาอยู่ในโลกเทวะอันกว้างใหญ่ที่เปลี่ยนไปจากในครั้งอดีตที่กลายเป็นแห้งแล้งไร้ที่สิ้นสุด 

ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้มาเห็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แบบนี้ เลยเป็นธรรมดาที่มันอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น 

เมื่อลองคิดถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานก็ปล่อยมันทำตามใจชอบ 

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

รถเหินเวหาได้มาถึงพื้นที่เป้าหมายแล้ว 

มองดูฉากบนจอม่านแสง กู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าวก็หันมาสบตากัน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

พื้นที่นี้จะแตกต่างจากน่านน้ำอื่นๆ พื้นผิวช่วงบนของทะเลได้ถูกแช่แข็งไปแล้ว 

ซางหยิงฮ่าวลุกขึ้นยืนและพูดว่า “งั้นตอนนี้ นายต้องการให้ฉันออกไปลุยกับนายเลยหรือเปล่า?” 

กู่ฉิงซานงึมงำ “อย่าพึ่งนะ ฉันรู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าพวกเรารวบรวมคนมามากกว่านี้” 

ซางหยิงฮ่าวตกใจและถามสวนกลับไป “แต่นายเป็นตัวตนสุดแกร่งนะ แถมยังเคยเอาชนะเขาได้แล้วด้วย เรื่องจำนวนคน ต่อให้เรียกมามากมายมันก็คงไม่มีประโยชน์หรอก เป็นภาระนายซะเปล่าๆ” 

“ฉันรู้ แต่การออกไปลุยแล้วฆ่าเขาเสียดื้อๆเลยมันก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน เพราะหลังจากนั้น สุดท้ายเขาก็จะจมลงสู่ห้วงหลับจำศีล และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งอยู่ดี” 

“แล้วถ้าอย่างนั้นนายต้องการจะทำอะไร?” ซางหยิงฮ่าวไม่เข้าใจ 

“เนื่องจากเขาคิดจะหลบหนี นั่นก็น่าจะพออธิบายได้ว่าเขาไม่ต้องการให้ใครเข้าไปยุ่ง ถูกไหม?” 

“อ่า...ถูก” 

“ฉันก็เลยคิดแผนจิตวิทยาอันหนึ่งขึ้นมา และแผนนี้ก็สำคัญมากๆ ซะด้วย เพราะมันจะช่วยให้พวกเราได้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปรภพจากปากของเขาเอง”

………………..………………..