webnovel

0335 โครงกระดูกชุดคลุมดำ

ตอนที่ 335 โครงกระดูกชุดคลุมดำ

 ณ บริเวณแถบชานเมืองหลวง 

กู่ฉิงซานกับโครงกระดูกในชุดคลุมดำกำลังเผชิญหน้ากันกลางอากาศ 

แล้วในระหว่างนั้นเอง กู่ฉิงซานก็สังเกตเห็นว่ามีเส้นแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของเขา 

“ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว” 

“คุณได้หยุดแผนการขั้นต่อไปของจักรพรรดิฟูซี สถานการณ์ของโลกมนุษย์ยังคงมีเสถียรภาพและอัตราการแพร่กระจายของนรกเยือกแข็งเชื่องช้าลงเป็นอย่างมาก” 

“รางวัลภารกิจ: กำลังเสริมจากปรภพจะได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของโลก และพวกเขากำลังเร่งมือแล้วในขณะนี้” 

“คำอธิบาย: กำลังเสริมจากปรภพจะมายังโลกในเร็วๆ นี้ เพื่อร่วมต่อสู้กับนรกเยือกแข็งไปพร้อมกับคุณ” 

กู่ฉิงซานเกร็งกำปั้นของกำอย่างรุนแรง ความเชื่อมั่นกลับคืนมา ภายในจิตใจรู้สึกโล่งอก 

เขาบรรลุภารกิจแล้ว 

นี่แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่มนุษย์จำนวนมากได้ตกตายลง 

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือการที่องค์จักรพรรดิกลับเป็นคนที่ตายลงแทน สงครามจึงถูกยับยั้งลงในที่สุด 

ดูเหมือนว่าความพยายามอย่างสุดกำลังของหลายๆ คนเพื่อหมายจะหยุดยั้งภัยพิบัติในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่าแล้ว 

วิสัยทัศน์ของเขาเบนไปยังอีกฝ่าย 

และพบว่าโครงกระดูกชุดคลุมดำยังคงนั่งอยู่ที่นั่น และกำลังตั้งหัวกะโหลกว่างเปล่าของจักรพรรดิฟูซีลงบนพนักของแขนข้างหนึ่งบนบัลลังก์น้ำแข็ง 

ทันทีที่กะโหลกถูกวางลง น้ำแข็งค้างก็เข้าเกาะกุมมัน ปีนป่ายไปบนหัวกะโหลกและห่อหุ้มมันไว้รอบๆ 

บนบัลลังก์น้ำแข็ง บังเกิดสายลมเย็นวูบออกในทันใด 

โครงกระดูกในชุดคลุมดำลูบไล้ไปตามบัลลังก์ด้วยความพึงพอใจ แต่ขณะเดียวกันก็บ่นพึมพำว่า “สายเลือดแห่งข้า ในที่สุดเจ้าทุกคนก็เป็นของข้า ซึ่งนี่ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะปลอบประโลมจิตวิญญาณของพวกเจ้า” 

พวกเจ้า? 

ในเวลานั้นเอง กู่ฉิงซานก็พึ่งสังเกตเห็นว่าบนบัลลังก์น้ำแข็ง มีหลายสิบหัวกะโหลกถูกจัดวางเรียงรายไว้อย่างเรียบร้อย 

หากคิดตามที่โครงกระดูกในชุดดำกล่าว อย่าบอกนะว่า...หัวกะโหลกเหล่านั้นล้วนเป็นหัวของจักรพรรดิฟูซีในแต่ละรัชสมัยใช่หรือไม่!? 

หากสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง การกระทำเช่นนี้นับว่าโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง! 

กู่ฉิงซานมองไปยังโครงกระดูกชุดคลุมดำ ในดวงตาของเขาค่อยๆ ถูกปกคลุมด้วยความเย็นชา 

ในที่สุดโครงกระดูกก็เงยหน้าขึ้นกลับมามองกู่ฉิงซาน 

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่การที่เจ้าสามารถโค่นลูกหลานแห่งข้าลงได้ แน่นอนว่าเจ้าย่อมจะมีดีอยู่บ้าง” โครงกระดูกกล่าว 

ประโยคดังกล่าวนี้แม้จะดูธรรมดา แต่ยามที่ถูกเปล่งออกมาจากปากของเขา มันกลับให้ความรู้สึกแปลกๆ ที่ยากจะอธิบาย 

นั่นเพราะภายในเสียงของเขา มันแฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจยับยั้งลงได้ 

เหมือนกับว่า 

มันเป็นความปรารถนาที่กำลังรอคอยสูดกินอาหารอันโอชะอยู่ 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามกลับไป “ท่านคือผู้ก่อตั้งฟูซีใช่หรือไม่” 

“เจ้ารู้จักข้าด้วยกระนั้นหรือ โอ้ ลืมไปเลย ในโลกนี้ย่อมไม่มีผู้ใดไม่รู้จักข้าอยู่แล้วนี่นา” 

“ในอดีต ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เคยพ่ายแพ้เลย แต่สุดท้ายแล้วก็สิ้นพระชนม์ลงในที่สุด” กู่ฉิงซานพูดระลึกความทรงจำให้อีกฝ่าย 

พอกล่าวถึงประเด็นนี้ โครงกระดูกในชุดคลุมดำก็กระตุกไปเล็กน้อย 

นั่นคือช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของเขา 

โครงกระดูกชุดคลุมดำยกซิการ์ขึ้นมาคาบในปาก ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเอามันมาจากที่ไหน ก่อนจะจุดไฟ และสูดดมควันของมัน 

แสงไฟบนซิการ์ลุกพรึบ สักพักจึงมอดดับลง 

โครงกระดูกพ่นควันออกมา 

“รสชาติช่างยอดเยี่ยม” โครงกระดูกพึมพำ 

ฉากนี้ค่อนข้างดูตลก 

กู่ฉิงซานมองไปยังฝ่ายตรงข้าม และสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นสบายที่ส่งผ่านมาถึง 

คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ แต่เขาตระหนักถึงความจริงของเจ้าสิ่งนี้ดี

 หลังจากกินเลือดเนื้อของมนุษย์ไปแล้ว ในบางครั้ง คนตายจะสามารถสัมผัสและรู้สึกได้ถึงโลกใบนี้อีกครั้งในชั่วระยะเวลาสั้นๆ 

กี่คนแล้วที่ถูกมันกินไป? 

แล้วจิตวิญญาณของคนเหล่านั้นล่ะ? 

“ใช่ ในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถรับมือกับข้าได้” 

โครงกระดูกชุดคลุมดำพ่นควันออกมาอีกรอบ และถอนหายใจ “นี่แหละหนอคือความทุกข์ระทมที่มนุษย์ต้องแบกรับ! แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยเป็นถึงตัวตนสุดแกร่งที่ไร้ผู้ใดจะต่อกร แต่พอกาลเวลาเลื่อนผ่าน สุดท้ายแล้วก็ต้องตายจากไปเท่านั้น” 

“แล้วจิตวิญญาณที่ท่านสูดกลืนเข้าไปมันรสชาติเป็นอย่างไรเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างกะทันหัน 

โครงกระดูกชุดคลุมดำตกใจ 

คนเป็นที่ยังมีชีวิต จู่ๆ กลับมาเอ่ยถามแบบนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่? 

“คนตายน่ะไม่รับรู้ถึงรสชาติหรอก” โครงกระดูกชุดคลุมดำเอ่ยอย่างนุ่มนวล “แต่เมื่อจิตวิญญาณเข้าสู่ภายในปาก เจ้าจะสัมผัสได้ว่ามันกำลังดิ้นรน สัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังและไม่ยินยอม เมื่อกลืนกินมัน เจ้าก็จะรู้สึกได้ว่าพลังอำนาจในกายน่ะเพิ่มมากขึ้น” 

“พลังอำนาจนี้ช่างน่าทึ่งและชัดเจน มันจะบ่งบอกให้เจ้ารู้ได้ทันทีว่าตนเองได้แข็งแกร่งขึ้น” 

“การได้รับความแข็งแกร่งขึ้นนี่แหละ คือรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุด” 

โครงกระดูกชุดคลุมดำเปล่งเสียงหัวเราะออกมา 

กู่ฉิงซานฟังอย่างสงบ ก่อนจะกล่าวด้วยความหม่นหมองว่า “จิตวิญญาณที่ถูกกินโดยท่านมันจะไม่สลายไป หลังจากนั้นทุกคนจะเป็นอย่างไร ท่านก็พอจะทราบใช่หรือไม่” 

โครงกะโหลกหยุดกึก 

เขาจ้องมองกู่ฉิงซานอย่างรอบคอบ 

เจ้าหนุ่มนี่วาจาช่างร้ายกาจ ไม่เพียงแต่จะสามารถเอาชนะลูกหลานของตนได้ แต่มันยังถึงขั้นป้องกันไม่ให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศ เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง 

ถ้าหากมีคนแบบนี้มาไว้ใช้งานภายใต้การบัญชาของเขา มันไม่เพียงแต่จะช่วยลดแรงต้านทานได้มหาศาล แต่ยังช่วยเร่งแผนการของตนให้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย 

โครงกระดูกชุดคลุมดำพอคิดได้ดังนั้น ก็ฝืนอดทนข่มกลั้นจากคำกล่าวของอีกฝ่ายเอาไว้ 

มันกล่าวอย่างช้าๆ “ในฐานะคนตายที่ไม่สามารถถูกย่อยสลายวิญญาณได้ ข้าจึงมิอาจปล่อยให้พวกเขาไป ดังนั้นจึงช่วยให้พวกเขายังมีชีวิต คงอยู่ตลอดไปภายในร่างกายข้า ช่วยเป็นพลังต่อสู้ให้แด่ข้า พลังอำนาจของพวกเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อข้า!” 

“ในฐานะคนตายที่ไม่สามารถถูกย่อยสลายวิญญาณได้อย่างงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามทันที “ดังนั้น หากคนตายไม่อาจถูกทำลายวิญญาณลงได้ แล้วสิ่งใดกันที่จะสามารถกลืนกินวิญญาณของพวกเขาได้อย่างแท้จริง?” 

เวลานี้ โครงกระดูกก็ยังจับจ้องเขาเช่นเดิม ทว่าท่าทีของมันกลับค่อยๆ จริงจังมากขึ้น 

เจ้าหนุ่มนี่มันคนฉลาด 

มันรู้ว่าอะไรคือส่วนสำคัญ และทุกคำถาม ช่างเปรียบเสมือนมีดที่กำลังกรีดแทงผู้ตอบ 

“มันไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือพวกเราได้มาถึงโลกแล้ว และนี่เป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปรภพ” โครงกระดูกชุดคลุมดำบอกปัด  

“ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...ถ้าอย่างงั้นแสดงว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับปรภพจริงๆ สินะ?” กู่ฉิงซานเค้นถามอีกรอบ 

โครงกระดูกส่ายหัวเบาๆและกล่าว “ข้าจะให้คำแนะนำกับเจ้าสักข้อสองข้อนะ” 

“เชิญชี้แนะ” 

“ประการแรกเลย คืออย่าถามเกี่ยวกับปรภพ เพราะมันจะทำลายความเชื่อมัน ศรัทธา และความหวังของเจ้าทั้งหมด” 

“แล้วประการที่สองล่ะ” กู่ฉิงซานตอบรับ ในหัวใจของเขาเริ่มจะใจเสีย 

ถ้าอีกฝ่ายไม่ตั้งใจที่จะบอกความจริงกับเขา เขาก็จะไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงของปรภพได้เลย 

“ประการที่สอง คือข้าจะให้สัญญาต่อเจ้าว่า หากเจ้ายินดีที่จะมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า ยามเมื่อนรกเยือกแข็งแพร่กระจายไปทั่วโลก ข้าจะเปลี่ยนเจ้าเป็นคนตายที่ทรงพลังที่สุดในนรกเยือกแข็งเอง” 

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “ขนาดเวลานี้ท่านยังกินลูกหลานตัวเองต่อหน้าข้าอย่างหน้าตาเฉย แล้วข้าจะกล้ารับใช้ท่านได้อย่างไร?” 

โครงกระดูกตอบ “ที่ข้าทำนับว่าเป็นเกียรติยศสำหรับพวกเขา” 

กู่ฉิงซาน “แต่พวกเขาไม่ได้สมัครใจ” 

“ลูกหลานที่ล้มเหลวย่อมไม่ควรค่าที่จะติดตามข้า” 

“เพราะเหตุใด?” 

โครงกระดูกกล่าวแผ่วเบาราวกระซิบ “เพราะไม่ว่าในโลกใบนี้หรือในปรภพ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถร่างกฎเพื่อทำการปกครองได้ นี่คือกฎแห่งธรรมชาติ พวกอ่อนแอก็ย่อมต้องตกเป็นเนื้อไว้ให้ผู้แข็งแกร่งขบเคี้ยว นี่มันผิดปกติตรงไหน?” 

ชายในชุดคลุมดำพรมนิ้วกระดูกของเขาลงบนพนักบัลลังก์ด้วยความตื่นเต้น บังเกิดหมอกสีเทาฟุ้งกระจายออกมา 

“ข้าได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับนรกเยือกแข็ง ในที่ที่มีจิตวิญญาณอันยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วน และพวกมันจะเป็นขั้นบันไดให้ข้าแกร่งขึ้น แกร่งขึ้นทีละน้อย” 

“และเจ้าในฐานะมนุษย์ หากติดตามข้า เจ้าจะได้รับรางวัลอย่างที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อนในชีวิต!” 

“แต่ถ้าไม่แล้วละก็...” 

โครงกระดูกชุดคลุมดำยกดาบน้ำแข็งในมือของเขาขึ้น 

เผยถึงเจตนาคุกคามอย่างชัดเจน 

“โห? ตอนแรกก็สังเกตเห็นอยู่หรอกแต่ยังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าท่านเป็นผู้ฝึกดาบเหมือนกันจริงๆ ด้วย!” ในแววตาของกู่ฉิงซานเปล่งประกายสดใส 

เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที 

เพราะนี่หมายความว่าในปรภพ...ก็มีการดำรงอยู่ของสกิลดาบด้วยใช่หรือไม่? 

นี่เป็นสิ่งที่กู่ฉิงซานไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน! 

เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เลย ทว่าสองดาบก็ปรากฏออกมาลอยนิ่งอยู่เงียบๆ กลางอากาศ หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ประกบแนบชิดอยู่ข้างกายเขา 

โครงกระดูกชุดคลุมดำนิ่งเงียบไป และเอ่ยด้วยความมืดมนว่า “การกระทำเจ้ามันไม่ต่างจากฆ่าตัวตายโดยแท้...จงอย่าตำหนิข้าที่ไม่เตือนก็แล้วกัน!” 

แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน 

พร้อมกับบัลลังก์น้ำแข็งที่สลายไป แปรสภาพเป็นกลุ่มหมอกละอองน้ำทันที 

ทว่าหมอกเหล่านี้ยังคงลอยล่อง เวียนว่ายคล้ายสายลมอยู่รอบมือของโครงกระดูกชุดคลุมดำ แล้วค่อยโอบเข้าปกคลุมดาบน้ำแข็ง 

“จงรับรู้ถึงความสิ้นหวังซะ” 

โครงกระดูกชุดคลุมดำเอ่ยเสียงกระซิบ 

และดาบน้ำแข็งในมือก็พลันหวีดร้องโหยหวน 

ท่ามกลางเสียงหวีดร้องโหยหวน มันผสมปนเปไปด้วยความเจ็บปวด สาปแช่ง ร่ำไห้ อ้อนวอน กรีดร้อง และคร่ำครวญในเวลาเดียวกัน 

เสียงเหล่านี้เติมเต็มความว่างเปล่าในชั้นอากาศทั้งหมด ส่งผลให้ผู้ที่รับฟังรู้สึกราวกับตกนรก 

ดวงตาของกู่ฉิงซานมืดมนลง ราวกับว่าเขากำลังถูกดึงดูดเข้าไปในสถานที่สยองขวัญบางแห่ง 

แต่แล้วในวินาทีต่อมา ประกายแสงเรืองรองก็สาดออกมาจากตัวเขา 

ในความว่างเปล่า บนผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยฝนคะนอง พลันบังเกิดภาพของสัตว์ป่าและหมู่มวลบุปผาหลากสีสัน พร้อมด้วยร่างเงาหกธรรมพิทักษ์ที่ในมือถืออาวุธต่างๆ ปรากฏตัวขึ้น 

หกธรรมพิทักษ์รายล้อมรอบกายกู่ฉิงซานและเปล่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกัน “ฮ่า!” 

จิตวิญญาณของกู่ฉิงซานสั่นไหว สติฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง

 นี่คือเทคนิคของนิกายพุทธะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการใช้รับมือกับมารร้าย หนุนเสริมด้วยตัวกู่ฉิงซานที่มีระดับขอบเขตสูงขึ้น ทำให้พลังอำนาจของ ‘เทคนิคลับการปกปักของทวยเทพ’ สามารถสำแดงพลังของมันออกมาได้มากยิ่งขึ้น!

………………..………………..