webnovel

0322 ใกล้เข้ามา

ตอนที่ 322 ใกล้เข้ามา

 ในห้วงจักรวาล

 สี่สิบแปดเรือรบประจัญบานแยกตัวออกจากกันเป็นสองกระบวนทัพ ตีวงวาดเป็นเส้นโค้งสองทิศทางตามแนวโลก มุ่งหน้าหวนคืนสู่ดวงดาวของตน 

ทะเลสาบน้ำแข็งลอยผ่านกองกระบวนทัพ หายเข้าไปในจักรวาลอันมืดมิด 

ใบหน้าที่นับไม่ถ้วนที่ถูกแช่อยู่ในทะเลสาบหันไปมองรอบๆ 

พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าตนจะได้หวนคืนจากนรกกลับมายังโลกอยู่ครั้ง ตอนแรกต่างก็ได้แต่เฝ้าฝันว่าหากหลุดออกไปได้จะทำอะไรต่อ 

ทว่าบัดนี้ ใบหน้าทั้งหมดแทบจะเป็นบ้า! 

พวกมันตะโกนสุดเสียง ขู่คำราม สบถสาปแช่ง และด่าทอด้วยถ้อยคำร้ายกาจอย่างไม่ขาดปาก 

มองไปยังทะเลสาบน้ำแข็งท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด คุณจะสามารถเห็นใบหน้านับไม่ถ้วนบนทะเลสาบกำลังอ้าปากพะงาบๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทว่าเนื่องด้วยที่แห่งนี้อยู่ในสภาพสุญญากาศ ถ้วยคำที่พวกมันพยายามเปล่งจึงไม่อาจหลุดรอดออกมาได้เลย 

ส่งผลให้ฉากนี้แลคล้ายกับละครใบ้เก่าๆ ช่างดูตลกไม่น้อย

 ทะเลสาบน้ำแข็งลอยล่องท่ามกลางห้วงจักรวาล เฝ้ารอคอยที่จะพบเผชิญกับชะตากรรมใหม่

 เมื่อถูกส่งลอยไปอยู่นาน ในที่สุดมันก็ถูกพบเจอโดยมอนสเตอร์เอกภพที่ตลอดทั้งเนื้อตัวปกคลุมไปด้วยดวงตา แต่ยังคงเหลือปากอันมโหฬารไว้เพียงหนึ่ง มันอ้าปากออก แลบลิ้นออกไปเลียเจ้าสิ่งแปลกใหม่นี้อย่างแผ่วเบา ‘ฟุ่บ!’ ตวัดเอาทะเลสาบน้ำแข็งที่หากเทียบกับขนาดตัวของมันแล้วเป็นเพียงจุดสีขาวเล็กๆ เข้ามาในปาก

 ต่อมรับรสของมันสัมผัสได้ถึงระเบิดไอเย็นแทรกผ่านเข้ามาบนปลายลิ้น มันกระตุกเล็กน้อย แต่ความรู้สึกที่ว่านี่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันหยุดชะงัก แต่กลับส่งผลให้ต่อมน้ำลายเริ่มทำงาน หลั่งเมือกเหลวออกมาเพื่อต้านทานไอเย็นอันรุนแรงนี้แทน 

มอนสเตอร์เอกภพกลั้วจุดเล็กๆ สีขาวบนลิ้นของมันหมุนไปหมุนมา เพลิดเพลินสนุกสนานไปกับสิ่งแปลกใหม่ตรงหน้า 

เมื่อผ่านพ้นไปถึงจุดหนึ่ง มันก็หยุดกึกลงทันที ดวงตานับไม่ถ้วนเปิดออก สาดส่องไปรอบๆ 

‘ยังมีอาหารอร่อยๆ หลงเหลืออยู่แถวนี้อีกบ้างไหมนะ?’ 

… 

วิลล่าบนหุบเขา 

มีการนำเสนอข่าวบนโทรทัศน์ 

ท่านประธานาธิบดีกำลังจับมือกับสมาชิกวุฒิสภาที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง 

บนใบหน้าของส.ส.ที่มีชื่อเสียงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทางด้านประธานาธิบดีกลับมิได้มีการแสดงออกใดๆทางสีหน้า ทั้งคนทั้งร่างแลดูเคร่งขรึมและหนักอึ้งเล็กน้อย 

ผู้บรรยายเริ่มกล่าวว่า “ในวันนี้ ท่านส.ส.แห่งมณฑลไป่ซาและท่านประธานาธิบดีได้ประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงร่วมกัน” 

“มันยากที่จะจินตนาการจริงๆ ว่า ชายผู้มีเกียรติทั้งสองที่ยืนอยู่บนปลายเข็มคนละฟาก จะสามารถหันหน้ามาสนทนากันได้อย่างเป็นมิตร” 

“ท่านส.ส. พูดติดตลกว่า เขาจะให้ความสนใจกับคำปราศรัยของท่านประธานาธิบดีคนต่อไป เพื่อตัดสินใจว่าจะสนับสนุนการเลือกตั้งให้ดำเนินต่อไปหรือไม่” 

“และท่านประธานาธิบดีก็แสดงความชื่นชมและเข้าใจถึงเรื่องนี้ดี” 

เหลียวฮังกำลังนั่งดูทีวี ขณะเดียวกันก็เติมเบียร์ลงในแก้วจนฟองล้นออกมา 

เขานั่งดูมันด้วยคู่ดวงตาดั่งปลาตาย จับจ้องไปยังประธานาธิบดีบนจอตาไม่กะพริบ 

“คราวนี้ไม่น่าจะใช่ร่างโคลน แบบนี้คงไม่ดีแน่ นี่มันเรื่องใหญ่เกินไป ฉันคงต้องคาบเรื่องนี้ไปบอกมันซะแล้ว” เขาบ่นงึมงำ 

เมื่อตัดสินใจได้ เหลียวฮังก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาและทำการเชื่อมต่อกับกู่ฉิงซาน 

“แกอยู่ไหนน่ะ?” 

“ชายแดนสาธารณรัฐฟูซี ฉันกับเย่เฟย์หยูกำลังจะกลับไป” กู่ฉิงซานกล่าว 

“รอไม่ไหวหรอก ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าตอนนี้ท่านประธานาธิบดีในทีวีน่ะ ไม่ใช่ร่างโคลน” 

“แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” 

“ใช้ตาดูก็รู้แล้ว! ร่างโคลนน่ะจะมีปัญหาบางอย่างกับความทรงจำ และมักจะหยุดชะงักเล็กน้อยเพื่อเค้นสมองคิด หากมองจากภายนอก คู่ดวงตาของเขาจะดูคล้ายกับคนไร้สติเป็นครั้งคราว ถึงในมุมมองของคนปกติ อาจจะเห็นว่าเขากำลังหยุดนิ่งเพราะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ แต่แค่มองฉันก็รู้แล้วว่านั่นคือการแสดงออกทางสรีรวิทยา มันเป็นการหยุดชะงักเพราะต้องใช้สมองขบคิดของมนุษย์” 

“แล้วคุณไปสังเกตเห็นมันได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานถาม 

เหลียวฮังเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบว่า “ในอดีตที่ผ่านมา ถังจุนทำให้ร่างโคลนที่มีความทรงจำให้ฉัน มันเลยดูแนบเนียน ดังนั้นฉันถึงหลบหนีเก้าตระกูลมาได้ และรู้เรื่องพวกนี้” 

เหลียวฮังเอ่ยต่อ “ฉันได้วิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลองของถังจุน และเมื่อรวมกับแผนการลอบสังหารประธานาธิบดีหลายครั้งหลายครา อาจพูดได้ว่าร่างโคลนของเจ้าประธานาธิบดีตอนนี้คงหมดเกลี้ยงไปแล้ว” 

“พอถังจุนตาย ประธานาธิบดีเลยไม่มีร่างโคลนที่มีความทรงจำอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงต้องออกมาด้วยตัวเอง” 

บังเกิดความเงียบขึ้นในช่องทางสื่อสาร 

หากเป็นในกรณีนี้ แล้วท่านประธานาธิบดีถูกลอบสังหารอีกครั้งแล้วล่ะก็...เขาก็จะตายจริงๆ 

“…โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวออกมาในที่สุด 

และเขาก็วางสายสนทนาไป 

ร่างจริงของท่านประธานาธิบดีปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าสาธารณะ 

ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิแห่งฟูซีได้ลักพาตัวถังจุนไป แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนมากมายรู้เกี่ยวกับเรื่องร่างโคลนของประธานาธิบดี 

ดังนั้นถ้าเขาคิดจะจัดการกับประธานาธิบดี เขาจะต้องทำให้รัฐบาลกลางตกอยู่ในความวุ่นวายเสียก่อน และฉวยโอกาสท่ามกลางสถานการณ์นั้นลงมืออย่างแน่นอน 

“เทพธิดากงเจิ้ง” กู่ฉิงซานเรียก 

“ใต้เท้า ฉันอยู่นี่” 

“เทพนักสู้ยังคงทำหน้าที่ปกป้องอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดีอยู่หรือเปล่า?” 

“เขาได้รับข้อความของฉันแล้ว และตอนนี้กำลังนั่งอยู่ภายในทำเนียบ” 

“งั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย” 

หากมีเทพนักสู้ซางซ่งหยางคอยคุ้มครองเป็นการส่วนตัว ตราบใดที่ท่านประธานาธิบดีไม่ได้ออกไปข้างนอก ก็ไม่สมควรที่จะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นกับเขาอย่างน้อยก็ในระยะเวลาสั้นๆ 

กู่ฉิงซานคิดอยู่สักพักหนึ่ง แต่เย่เฟย์หยูก็บินมาใกล้ๆ และขัดจังหวะเขาเสียก่อน 

“มีอะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“ฉันคิดว่านายคงอยากจะดูข้างล่างนี่” เย่เฟย์หยูกล่าว 

กู่ฉิงซานก้มหัวลงมอง 

ท่ามกลางป่าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด หลายตำแหน่งถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งค้างสีขาว 

น้ำแข็งค้างเหล่านั้นค่อยๆ แพร่กระจายไปรอบๆ ด้วยอัตราเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 

ความเร็วในการแพร่กระจายแบบนี้ ได้รวดเร็วเกินกว่าปรากฏการณ์เยือกแข็งตามปกติไปแล้วโดยสมบูรณ์ 

แต่นับว่าโชคยังดี ที่บริเวณนี้เป็นพรมแดนเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศ ดังนั้นจึงไม่มีใครอาศัยอยู่ มันจึงไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นในสังคมมนุษย์ 

เย่เฟย์หยูที่บินอยู่ข้างๆ ตะโกนถามว่า “แล้วถ้าโลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง พวกเราสมควรจะทำอย่างไรดี?” 

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “ฉันก็กำลังคิดเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่เหมือนกัน” 

ในชีวิตก่อนหน้า มนุษย์ก็ไม่สามารถค้นพบวิธีที่จะจัดการกับมันเช่นกัน 

อาจกล่าวได้ว่าเพราะมัน มนุษยชาติจึงได้สูญสิ้นลง 

ณ วิลล่าบนหุบเขา

 เมื่อกู่ฉิงซานมาถึง เขาก็พบกับเหลียวฮังที่กำลังถือหนังสืออยู่ และอ่านมันอย่างจริงจัง 

“นั่นคุณกำลังอ่านอะไรอยู่น่ะ” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“ก็แค่สาขาการวิจัยใหม่ๆ” เหลียวฮังปิดหนังสือและวางลง 

บนหน้าปก มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า ‘ทฤษฎีพันธุศาสตร์’ 

กู่ฉิงซานเหลือบมองมัน และนั่งลงตรงข้ามกับเหลียวฮัง 

“คุณก็ทำการศึกษาเรื่องนี้อยู่ด้วยเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“ก็แค่อยากจะระลึกถึงเพื่อนเก่าที่ตายไปแล้ว” เหลียวฮังตอบ 

“คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการตายของเพื่อนคุณ?” กู่ฉิงซานถาม 

เหลียวฮัง “ฉันไม่เข้าใจน่ะ” 

“ตรงส่วนไหนกันที่คุณไม่เข้าใจ?” 

“เจ้าถังจุนน่ะนะ ตามสถานการณ์ปกติแล้ว มันจะมีมืออาชีพคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็กลับถูกลักพาตัวไป” เหลียวฮังกล่าวอย่างสับสน 

“อย่างไรก็เถอะ พอมันได้รับการช่วยเหลือ มันก็รีบวิ่งแจ้นไปพบกับประธานาธิบดีทันที แต่หลังจากที่มาถึงทำเนียบ เมื่อพบเขา มันก็ดันตายลงอย่างกะทันหันซะงั้น” 

“ดังนั้น ดร.ถังจุนเลยแทบจะไม่มีเวลาได้ทันพูดคุยอะไรกับท่านประธานาธิบดีสินะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

“คนที่อยู่ด้วยในเวลานั้นมีไม่มากนัก เลยไม่มีใครได้ทันทำการบันทึกอะไรเอาไว้” เหลียวฮังเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสลด 

กู่ฉิงซานขบคิด ก่อนจะกล่าว “สำหรับเรื่องนี้ ฉันมีอีกความคิดเห็นหนึ่ง” 

“ว่ามาสิ” 

“การตายของถังจุน น่าจะเป็นฝีมือขององค์จักรพรรดิฟูซี” 

“จักรพรรดิฟูซี?” เหลียวฮังยืดหลังตรง ยกสองแขนขึ้นกอดอก “ทำไมถึงคิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้?” 

กู่ฉิงซานกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงเสียก่อน 

พร้อมกับเย่เฟย์หยูที่วิ่งเข้ามา 

“มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น!” เขาลดเสียงลง สีหน้าท่าทีดูเหมือนกำลังหวาดกลัวเล็กน้อย 

ทั้งกู่ฉิงซานและเหลียวฮังลุกขึ้นยืนพร้อมกัน 

“เกิดอะไรขึ้น?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“หลิวชิจุนบอกว่าตัวเธอกำลังจะแตกสลายลงในไม่ช้า” เย่เฟย์หยูโพล่งออกมา 

“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน...” กู่ฉิงซานเอ่ยออกไปโดยไม่รู้ตัว 

หลิวชิจุนคือแฟนเก่าของเย่เฟย์หยู และตอนนี้เป็นวิญญาณคนตาย หรือเรียกสั้นๆ ว่าผี และกำลังอยู่ร่วมกันกับเย่เฟย์หยู 

โดยปกติแล้ว การดำรงอยู่ของวิญญาณคนตาย สมควรที่จะสามารถอยู่ได้เป็นเวลายาวนานมากๆ 

เสียงของทั้งสองพึ่งจะตกลง ก็บังเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า 

ดาบพิภพมีความคิดริเริ่มที่จะปรากฏร่างออกมาด้วยตนเอง 

ตามด้วยเสียงอันหนักแน่นดั่งขุนเขาดังขึ้นจากมัน “นี่มันพลังหยิน! เป็นฝีมือของปีศาจจากปรภพ!” 

ฟุ่บ! 

ดาบพิภพสั่นไหว ก่อนจะหายวับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว 

กู่ฉิงซานเคลื่อนกายตามไปพร้อมกับดาบพิภพ มุ่งตรงไปยังห้องของเย่เฟย์หยู 

ป้ายหลุมศพถูกวางอยู่ตรงกลางห้อง 

ทันใดนั้นแสงสวรรค์จากในร่างของกู่ฉิงซานก็ถูกขับเคลื่อน พร้อมกับการปรากฏกายของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนป้ายหลุมศพด้วยใบหน้าที่ดูเย็นเยียบ 

รูปร่างของเธอค่อยๆ ผอมบางลงเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะแตกสลายลงในไม่ช้า 

และในอากาศที่ว่างเปล่า ปรากฏสายลมเย็นฉ่ำพัดโชยไปมา 

ดาบพิภพวาดตนจนเห็นเป็นเส้นโค้งในกลางอากาศ และตัดลงในความว่างเปล่าอย่างรุนแรง 

บังเกิดเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดและขมขื่นหวีดดังขึ้น 

เลือดสีดำสาดกระเซ็นออกมาจากความว่างเปล่า แต่ทว่ากลับไม่มีร่างใดๆ ปรากฏให้เห็น 

เสียงของดาบพิภพก้องกังวานขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นปีศาจร้ายหรือผีร้ายก็ตาม หากอยู่เบื้องหน้าข้า พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้มาก่อความวุ่นวายในโลกเบื้องหน้าเด็ดขาด!” 

ฉัวะ! 

คลื่นลมที่มองไม่เห็นแพร่กระจายออกมาจากดาบพิภพ ส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วทั้งห้อง 

ลมหมุนวนกระโชกแรง ราวกับกำลังจับตรึงอะไรบางอย่าง 

แล้วทันทีหลังจากนั้น ดาบพิภพก็วูบไหว ทิ่มแทงออกไปยังทิศทางหนึ่งในอากาศที่ว่างเปล่าด้วยเจตนาร้าย! 

ในเสี้ยววินาที สายลมที่พัดกระพือก็สลายหายไป 

เสียงทั้งหมดพลันเงียบสงัดลง ในความว่างเปล่าไร้ซึ่งเสียงใดๆ หวีดออกมาอีกต่อไป 

ดาบพิภพลอยล่องกลับมาตกลงข้างกายกับกู่ฉิงซาน

………………..………………..