webnovel

0301 ลอกคราบสู่นักดาบนิรันดร์

ตอนที่ 301 ลอกคราบสู่นักดาบนิรันดร์ 

เสียงฟ้าร้องบนท้องฟ้าเริ่มแน่นขนัดขึ้นเรื่อยๆ โทษทัณฑ์ฟาดผ่าลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่องจนพื้นเบื้องล่างตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นผง 

ทว่าเสียงยิ่งดัง กู่ฉิงซานก็ยิ่งปรับระดับเสียงหูฟังให้สูงขึ้น ดาบในมือทั้งฟาดทั้งฟัน เปล่งรังสีดาบออกมาและเหวี่ยง! สวนกลับขึ้นไปต้อนรับโทษทัณฑ์ที่ยังไม่ทันจะได้ฟาดผ่าลงมา! 

ฉากการต่อสู้อันดุเดือดครั้งใหญ่เช่นนี้ ดำเนินผ่านพ้นไปแล้วกว่าครึ่งวัน 

แต่ทัณฑ์สายฟ้าก็ยังมิได้สลายไป 

แต่กลับกลายเป็นเมฆฝนแทน ที่กระจัดกระจายหายไป  

จู่ๆ ฝนก็ได้หยุดตกลงอย่างกะทันหัน 

สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนกลับกลาย 

ตั้งแต่ช่วงต้นๆ กระทั่งถึงช่วงค่ำเมื่อวาน มันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย แต่ไฉนในช่วงเวลาที่เขากำลังก้าวข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ฝนจึงหยุดตกเล่า? 

ยามเมื่อฝนหยุดตก โลกทั้งใบจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่มิอาจคาดเดาได้ 

สัตว์ประหลาดชนิดใหม่ ภัยพิบัติประเภทใหม่จะปรากฏขึ้นและกลืนกินทุกสิ่งอย่างในอารยธรรมมนุษย์ 

แต่ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นมากที่สุดระหว่างกระบวนการรับโทษทัณฑ์ กู่ฉิงซานจึงไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นๆ 

กู่ฉิงซานขบกราม เหวี่ยงดาบออกไป ใช้ออกด้วยเทคนิคลับ 

วาดเงา! 

ร่างเงาดาบสีดำอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า มันเบ่งบานราวกับบุปผา กวาดกระจัดกระจายโจมตีเข้าใส่สายฟ้าที่ร่วงตกลงมากระทบมัน 

และนั่นทำให้กู่ฉิงซานมือว่าง และสามารถยกสมองควอนตัมส่วนบุคคลขึ้นมาได้ 

“เทพธิดากงเจิ้ง”  

“ฉันอยู่นี่ใต้เท้า” 

“ฝนจากทั่วทั้งโลกยังคงตกอยู่ใช่ไหม?” 

“มันหยุดลงทั้งหมดแล้ว” 

“รีบทำการระดมดาวเทียมจากทั่วทั้งโลกในทันที ไม่ว่าจะพบเจอความผิดปกติใดๆ ให้รีบฉายมันขึ้นบนจอม่านแสงของฉัน” 

“ใต้เท้า ทุกอย่างยังคงปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” 

กู่ฉิงซานตกใจ 

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น? 

นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? 

ในชีวิตก่อนหน้า ตราบใดที่ฝนหยุดตก ภัยพิบัติก็จะเกิดขึ้นตามมา 

“ตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเหรอ?” 

“ทุกอย่างยังคงปกติ” 

ระหว่างกล่าว ร่างเงาดาบก็เริ่มหมดลง ทัณฑ์สายฟ้าเริ่มเข้าถึงตัวเขาอีกครั้ง 

กู่ฉิงซานจำต้องรีบเก็บสมองควอนตัม และวาดรังสีดาบออกไปต้านรับมัน 

“บ้าจริง! ภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงนี้มันคืออะไรกันแน่นะ!” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างร้อนรน

แต่ไม่ว่ามันจะคืออะไร ในช่วงเวลานี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ไร้ซึ่งเม็ดฝนบนท้องฟ้า ทว่าทัณฑ์สายฟ้ากลับยิ่งทวีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 

ไร้ซึ่งลมและฝน มีเพียงทัณฑ์สายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง 

กู่ฉิงซานจำต้องสงบสติอารมณ์ลง และยกดาบขึ้นต้านรับอีกครั้ง 

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ฝนเย็นฉ่ำก็โปรยปรายลงจากท้องฟ้า กินพื้นที่ขยายวงกว้างออกไปอย่างไม่รู้จบ 

ฝนตกลงมาแล้ว 

กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนราวกับท่อนไม้ ในหัวใจของเขายุบๆ พองๆ เต็มไม่เป็นความฉงน 

ฝนยังคงตก และตกลงมาอย่างต่อเนื่อง 

เม็ดฝนหนาแน่นกระทบตกลงกับพื้นโลก มันเริ่มถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน 

ลมหนาวพัดโชยเป็นระยะๆ ปริมาณน้ำฝนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 

เห็นได้ชัดว่าฝนหยุดตกลงมาแล้ว และตามความรู้ทั่วไปในชีวิตก่อนหน้า นั่นหมายถึงสัญญาณว่าภัยพิบัติกำลังจะมาถึง ทว่าในระยะเวลาอันสั้น จู่ๆ กลับมีฝนตกลงมาอีกครั้ง 

แม้กระทั่งลมฝนก็ยังกลับมา 

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตก่อนหน้า! 

หรือว่ามันจะเป็นภัยพิบัติที่เชื่อมโยงกับภัยพิบัติอื่นหรือเปล่านะ? 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานว้าวุ่นจนมันแทบจะไม่มีอยู่กับเนื้อกับตัว และทัณฑ์สายฟ้าก็ราวกับมีชีวิต  

มันฉวยโอกาสแทรกตัวผ่านรอยแยกท่ามกลางรังสีดาบนับไม่ถ้วนในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายพลั้งเผลอ  โถมเข้าใส่เขาอย่างแรง! 

เมื่อกู่ฉิงซานมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็พบว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะยกดาบขึ้นมาปัดป้อง 

ร่างเงาแทนที่! 

ทัณฑ์สายฟ้าฟาดผ่าลงไปยังพื้นโลก 

ปัง! 

ผิวทะเลทรายกระพือสูงขึ้น ราวกับคลื่นยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นไปพร้อมๆ กับสายฝน 

“หากไม่สามารถทุ่มเทสมาธิอยู่กับสายฟ้าได้ ฉันคงไม่รอดแน่ๆ ดูเหมือนว่าจะต้องทิ้งปัญหาเรื่องภัยพิบัติเอาไว้เบื้องหลังก่อนแล้ว” 

กู่ฉิงซานกล่าว เขารู้ดีว่าเวลานี้ตนไม่ควรที่จะสับสนแม้เพียงครึ่งนิ้ว 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้า เขาจำต้องปรับทัศนคติให้กลับมาถูกต้องและจริงจัง ห้ามว่อกแว่ก และถูกรบกวนโดยเจ้าสิ่งที่เรียกว่าภัยพิบัติอีกเด็ดขาด 

เขาตบลงในถุงสัมภาระ 

และเรียกเกราะรบสีทองอร่ามขึ้นมาสวมใส่บนร่างกายของเขา 

“เทพธิดากงเจิ้ง” 

“ฉันอยู่นี่” 

“ช่วยเปลี่ยนเป็น ‘เพลงร็อกแอนด์โรล’ด้วย” 

“ใต้เท้า ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายหรือ?” 

“ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องใช้เพลงที่มันกระตุ้นตัวเองน่ะ” 

“ทราบแล้ว” 

เสียงกรอง เบส ตามด้วยเสียงว๊ากคำรามดังแทรกผ่านรูหูเข้ามา 

กู่ฉิงซานกลืนเม็ดยาวิญญาณทรงเมล็ดข้าวลงไปหนึ่งเม็ด 

“ฉันยังไม่ว่างที่จะมามัวติดตามสถานการณ์ของโลกในตอนนี้ คุณจะต้องรับหน้าที่เฝ้าสังเกตมัน และแจ้งแก่ฉันทันทีหากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ฉันเข้าใจแล้ว” เทพธิดากงเจิ้งตอบรับ 

อีกหนึ่งทัณฑ์สายฟ้าฟาดตกลง ส่วนกู่ฉิงซานก็คว้าจับดาบในมือจนแม่นมั่น และเริ่มต้นทุ่มเต็มกำลังก้าวข้ามผ่านโทษทัณฑ์ในครั้งนี้ 

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ 

ในที่สุด ตลอดทั้งวันคืนที่ยาวนานก็ผ่านพ้นไป 

ช่วงเวลาที่กู่ฉิงซานเริ่มต้นทำการทะลวงคือกลางดึก 

ดังนั้นเมื่อเขาสามารถตัดผ่านมันมาได้สำเร็จ ตอนนี้จึงเป็นช่วงกลางดึกของอีกวัน 

เมฆที่เกิดจากโทษทัณฑ์ต่างพากันแยกตัวจากไปแล้ว 

หลงเหลือแค่ทิ้งไว้เพียงสายฝนเย็นฉ่ำที่ยังคงกระหน่ำลงสู่พื้นดินอย่างต่อเนื่อง 

กู่ฉิงซานหลับตาลงสักพัก และเริ่มสัมผัสถึงความแข็งแกร่งอันไร้ที่สิ้นสุดภายในร่างกาย 

ผ่านไปนาน เขาจึงเริ่มเปิดตาขึ้น 

นับจากนี้ไป เขาคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพ! 

ยามนี้ หากเขาต้องเผชิญหน้ากับพระสันตะปาปาอีกครั้ง กู่ฉิงซานก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งหนีอีกต่อไป! 

แม้ว่าอีกฝ่ายจะครอบครองเทคนิคเทียนซวนอันหลากหลาย แต่ทว่ากู่ฉิงซานคือผู้ฝึกดาบ! 

หนึ่งดาบ สะบั้นทำลายพันหมื่นกฎเกณฑ์! 

ทั้งสอง ต่างสามารถรับมือกันและกันได้ จากนั้นก็มาวัดกันว่าใครจะเจ๋งกว่ากัน 

กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ในจุดเดิม สูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง 

แต่อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณของเขากลับไม่ได้ไหลออกจากร่างกาย แต่หายเข้าไป มุ่งหน้าสู่ความว่างเปล่าแทน 

“เอ๋? แปลกจังหรือว่าเขายังคงได้รับบาดเจ็บอยู่กันนะ?” กู่ฉิงซานกล่าวกับตนเอง 

ตามปกติแล้ว หากเขาสามารถตัดผ่านไปยังขอบเขตต่อไปได้ ร่างยักษ์ที่อยู่มานานกว่าแสนปีจะต้องลากจิตเขาเข้าสู่ความว่างเปล่า 

แต่ด้วยการยกระดับในครั้งนี้ พอกู่ฉิงซานปรับตัวเตรียมเตรียมใจที่จะเผชิญกับมัน ดันปรากฏเหตุการณ์ในทิศทางตรงกันข้ามขึ้นแทนซะนี่ 

ครั้งสุดท้ายหลังจากที่ร่างยักษ์เผยความลับออกมา เขาก็ถูกฟาดผ่าลงมาอย่างแรงโดยทัณฑ์สายฟ้า 

มันดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บปวดอย่างรุนแรง และจนถึงขณะนี้ก็ยังมิอาจกระตุ้นพลังของตนเองเพื่อเรียกเขากลับไปได้ 

ในเวลานี้ ดูเหมือนว่ากู่ฉิงซานจะติดหนี้เขาอยู่ถึงสองครั้งแล้ว 

อีกฝ่ายไม่เพียงบอกความลับระหว่างสองโลกให้แก่เขา แต่ยังบอกกล่าว ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของนางเซียนไป่ฮั่วอีกด้วย 

การดำรงอยู่ของตัวตนเช่นนี้ แท้จริงแล้วเพราะเหตุใดกันจึงถูกจองจำไว้ในโลกใบเล็กๆ ไม่สามารถขยับกายได้แม้แต่น้อย 

ใครกันที่เป็นผู้จองจำเขา? 

กู่ฉิงซานส่ายหัว และรู้สึกว่าเขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะอาจเอื้อมรับรู้ถึงมัน 

ขณะที่เขากำลังคิด ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงที่ดังฟังชัด 

ติ๊ง! 

หน้าต่างระบบเทพสงครามเด้งขึ้นมาพร้อมเสียงดัง 

“ตรวจพบว่าผู้เล่นสามารถยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตก้าวสู่เทพ” 

“ขีดจำกัดแต้มพลังวิญญาณของผู้เล่นเพิ่มขึ้นเป็น สามร้อนแต้ม” 

“ตอนนี้ผู้เล่นสามารถปลุก ‘บงการดาบ’ ได้แล้ว” 

“การปลุก บงการดาบ จำต้องจ่ายแต้มพลังวิญญาณ ห้าร้อยแต้ม ผู้เล่นต้องการปลดล็อกมันหรือไม่?” 

บงการดาบ คือรากฐานของนักดาบนิรันดร์ มันเป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่สุด และสำคัญที่สุดตราบใดที่คุณต้องการจะก้าวไปบนถนนแห่งนักดาบนิรันดร์ คุณก็จำเป็นต้องเรียนรู้มัน 

กู่ฉิงซาน “ปลุกมันได้เลย” 

“ผู้เล่นจ่าย ห้าร้อยแต้มพลังวิญญาณ บงการดาบ ได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว” 

“แต้มพลังวิญญาณคงเหลือ หกพันแปดร้อยสิบส่วนสามร้อย” 

“เนื่องจากผู้เล่นมีทักษะ บงการดาบ ดังนั้นเวลานี้จึงสามารถปลุกเทคนิคลับแห่งดาบ ‘ประทับดารา’ ให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว” 

“ปลุกเทคนิคลับแห่งดาบ ประทับดารา จำเป็นต้องจ่าย หนึ่งร้อยสิบแต้มพลังวิญญาณ” 

“ผู้เล่นต้องการจ่าย หนึ่งร้อยสิบแต้มพลังวิญญาณ เพื่อปลุกประทับดาราหรือไม่?” 

“ปลุกมันซะ” 

“แต้มพลังวิญญาณคงเหลือ หกพันเจ็ดร้อยส่วนสามร้อย” 

“เทคนิคลับแห่งดาบ ประทับดารา ได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว” 

เมื่อเขาสามารถปลุก ‘บงการดาบ’ กับ ‘ประทับดารา’ ขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของกู่ฉิงซานก็เพิ่มพูนขึ้น ทะยานเหนือล้ำขึ้นไปอีกระดับ 

ในช่วงชีวิตนี้ ในที่สุดเขาก็ได้กลับมายืนอยู่ในขอบเขตก้าวสู่เทพอีกครา และในไม่ช้า เขาก็จะผลักบานประตูกลับไปยังที่ที่เคยยืนอีกครั้ง! 

กู่ฉิงซานระลึกถึงชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านั้นเป็นเวลานาน 

แล้วจู่ๆ เขาก็เอื้อมมือออกไป จีบออกด้วยวิชาลับอย่างฉับพลัน 

บงการดาบ 

ดาบพิภพกลายเป็นกระแสแสง ร่ายรำไปมาในอากาศบนท้องฟ้า 

กู่ฉิงซานจีบออกด้วยสองมือ ใช้งานวิชาลับอีกครั้ง 

บนดาบพิภพสาดประกายระยับของรังสีดาบขึ้นในฉับพลัน มันราวกับดาวตกที่คั่นกลางอยู่บนท้องฟ้า และพุ่งวาบ! ตกลงมา 

เปรี้ยง! 

พื้นทะเลทรายเบื้องบนถูกตัดออกด้วยรังสีดาบ ก่อนกำเนิดหุบเหวลึกแตกระแหงกระจายออกไปเป็นห้าเส้นสาย 

รังสีดาบทั้งห้านี้ ดูเหมือนจะตัดลึกลงไปในผืนดินเบื้องล่าง เม็ดทรายมากมายร่วงหล่นลงไปในเหว ทว่าแม้จะร่วงโรยไปมากเท่าใด ก็ยังมิอาจถมมันลงจนเต็มได้ 

นี่คือเทคนิคลับแห่งดาบ ประทับดารา ที่จะต้องเปิดใช้งานโดยเริ่มต้นจาก บงการดาบ 

ณ จุดนี้ กู่ฉิงซานก็นับได้ว่าสามารถครอบครองเทคนิคลับแห่งดาบได้ถึงเจ็ดชนิดด้วยกันแล้ว นั่นก็คือ ฝ่าวารีเชี่ยว ตัดจันทรา เจ็ดดารามังกรแหวกธารา วาดเงา กลืนกินหวนกลับ บงการดาบ และประทับดารา 

มือของกู่ฉิงซานสลับแปรผันสัญลักษณ์

ดาบพิภพลอยล่องกลับมาตกลงในมือของเขา 

กู่ฉิงซานยืนถือดาบ สายตาเบนไปมองหุบเหวลึกทั้งห้าสาย 

ในที่สุด...ในที่สุดแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่เขาก็ได้ย่ำลงสู่เส้นทางแห่งนักดาบนิรันดร์แล้ว! 

เพียงแต่กระบวนท่านี้เป็นเพียงกุญแจที่นำสู่การเริ่มต้นเท่านั้น! 

สำหรับตัวตนที่ถูกเรียกว่านักดาบนิรันดร์ เพียงนึกคิดในจิตใจ ก็สามารถควบคุมดาบนับพันให้เคลื่อนไหวได้ 

ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ มีผู้ฝึกดาบที่อยู่ในขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลายมากมาย ที่ไม่สามารถยกระดับขึ้นสู่นักดาบนิรันดร์ได้ 

ในประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งเคยปรากฏถึงผู้ฝึกดาบในขอบเขตประทับเทพขึ้นเช่นกัน ทว่าสุดท้ายเขาก็ไม่อาจก้าวขึ้นสู่นักดาบนิรันดร์ได้ 

ดังนั้นพื้นฐานวรยุทธ์จึงนับว่าไม่ใช่ปัญหา 

มีเพียงเฉพาะความรอบรู้และเข้าใจในระดับสูงเกี่ยวกับสกิลดาบเท่านั้น จึงจะสามารถควบคุมดาบและก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่งและลอกคราบตัวตนเดิมๆ ออก แล้วทะยานขึ้นสู่ขั้นนักดาบนิรันดร์ 

การจะเป็นนักดาบนิรันดร์ จำต้องครอบครองพรสวรรค์โดยธรรมชาติ เข้าใจถึงข้อมูลในเชิงลึก ลึกไปถึงรากกระดูก ต้องมีทั้งโอกาส และความพยายามอย่างหนัก ขยันขันแข็ง สิ่งเหล่านี้นับว่าขาดไม่ได้ 

ตลอดทั้งโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ มีผู้เล่นหลายพันล้านคน ทว่านักดาบนิรันดร์กลับมีเพียงน้อยนิด แค่สิบคนเท่านั้น 

แต่น้อยครั้งนัก ที่นักดาบนิรันดร์จะใช้พลังอำนาจของพวกเขา 

เนื่องเพราะสกิลดาบของพวกเขานั้นทรงพลังมากเกินไป แต่ในเวลาเดียวกันมันก็สูบกลืนพลังวิญญาณอย่างมหาศาลเช่นกัน 

มันจึงได้รับการอนุมานว่า การต่อสู้สำหรับนักดาบนิรันดร์ในหนึ่งนาที อย่างน้อยจำเป็นต้องใช้ออกด้วยพลังวิญญาณทั้งหมดที่ขอบเขตประทับเทพมี! 

แต่ในเกม แต้มประสบการณ์ที่จะใช้ยกระดับไปสู่ขอบเขตประทับเทพนั้นมากมายเกินไป 

จึงไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถยกระดับไปยังขอบเขตประทับเทพได้เลย 

ดังนั้น บ่อยครั้งที่แม้แต่นักดาบนิรันดร์จะสามารถระเบิดพลังอันทรงพลานุภาพออกมาได้ แต่มันก็เพียงไม่กี่พริบตาเท่านั้น 

จากนั้น พวกเขาก็จะไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงไว้ต่อสู้อีกเลย 

ครอบครองสกิลดาบที่ทรงประสิทธิภาพอย่างถึงสุดขีดอย่างชัดเจน แต่กลับไร้ซึ่งพลังวิญญาณมากพอที่จะใช้สนับสนุน สำหรับนักดาบนิรันดร์แล้ว นี่นับว่าเป็นความรู้สึกไร้อำนาจ และน่าหงุดหงิดจนแทบบ้า 

ในชีวิตก่อนหน้า เหล่านักดาบนิรันดร์จึงมักจะถูกเรียกว่าเป็น ‘จุดสิ้นสุดของผู้ฝึกดาบ’

........................................