webnovel

0292 หวนคืน

ตอนที่ 292 หวนคืน 

ในตอนนั้นเอง บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม จู่ๆ ก็บังเกิดเส้นแสงตัวอักษรกะพริบไหวขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ 

กู่ฉิงซานมองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม 

ปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยหลายบรรทัด ลอยเด่นอยู่ภายในนั้น 

“ภารกิจสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์แก่นทองคำก่อกำเนิดเสร็จสมบูรณ์” 

“คุณได้บรรลุภารกิจที่เจ็ดแล้ว และได้รับโอกาสในการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์สองขอบเขต” 

“คุณสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ชั่วคราว ดังนั้นคุณจึงได้รับสกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่” 

เส้นแสงตัวอักษรไม่กี่บรรทัดเหล่านี้ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ หลังจากที่กู่ฉิงซานอ่านมันจนหมด 

พร้อมด้วยเส้นแสงบรรทัดใหม่ปรากฏขึ้นมา 

“ภารกิจแห่งโชคชะตา การสู้รบขั้นแตกหักครึ่งหลัง” 

“คำอธิบายภารกิจ โชคชะตาของทุกสรรพสิ่งได้แปรเปลี่ยนไป พร้อมกับการที่โลกและบุคคลแยกจากกัน เปรียบดั่งลมที่โหมกระหน่ำ ก่อบังเกิดเมฆเปลี่ยนรูป” 

“วัตถุประสงค์ภารกิจ ในอนาคต อย่างน้อยที่สุดต้องคงสภาพโลกเทวะไว้ดังเดิม” 

“ภารกิจเสร็จสิ้นลงแล้ว” 

ยามเมื่อกู่ฉิงซานอ่านพวกมันจบ บรรทัดเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านทันใด 

พร้อมด้วยข้อความใหม่ที่ปรากฏขึ้นมาแทนที่ 

“คุณบรรลุภารกิจแห่งโชคชะตา การสู้รบขั้นแตกหัก (ครึ่งหลัง)” 

“ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับคุณที่สามารถได้รับ ‘สมญาเทพสงคราม’ มาไว้ในครอบครองได้อย่างสมบูรณ์ ในอนาคตหากเกิดการต่อสู้ขึ้น คุณสามารถใช้สมญาเทพสงครามได้ตามสะดวก” 

“คุณสามารถรักษาโลกเทวะให้คงสภาพเดิมเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถสังหารตัวการใหญ่ได้อีกด้วย” 

“กล่าวได้ว่าคุณทำได้ดีเกินกว่าเงื่อนไขที่ภารกิจกำหนด” 

“รางวัลเพิ่มเติมถูกเปิดใช้งาน” 

“รางวัลเพิ่มเติม เมื่อคุณกลับไปยังโลกจริง คุณจะสามารถย้อนกลับมาอีกครั้งได้ โดยที่ไม่มีจำกัดเวลาอีกต่อไป” 

“ผู้เล่นจะสามารถกลับสู่โลกจริงได้ในทันที” 

แล้วก็ตามด้วยอีกหลายบรรทัดแสงตัวอักษรสีแดงที่เด้งเตือนขึ้นมา 

“ภารกิจพิเศษปรากฏขึ้น” 

“ภารกิจพิเศษ หวูซานจะต้องตาย” 

“คำอธิบายภารกิจ โปรดทราบว่าในโลกใบใหม่ที่คุณไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิงนี้ ยังมีอีกหนึ่งผู้ฝึกยุทธที่ยังคงรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของโลกแห่งผู้ฝึกยุทธและโลกเทวะ” 

“จงสังหารชายผู้นี้เสีย แล้วจะไม่มีใครทราบถึงการดำรงอยู่ของโลกทั้งสองใบอีกต่อไป” 

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมสุดท้ายของทั้งสองโลก ขอให้ผู้เล่นให้ความสำคัญกับมันอย่างจริงจังด้วย” 

“วัตถุประสงค์ภารกิจ จงสังหารคนวงในเสีย ก่อนที่ความลับนี้จะล่วงรู้ถึงผู้อื่น” 

“รางวัลภารกิจ ผู้เล่นสามารถระบุภารกิจอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย ให้เสร็จสมบูรณ์ได้เลยในทันที” 

เมื่ออ่านรายละเอียดทั้งหมดของภารกิจ กู่ฉิงซานก็พยักหน้ารับ 

นี่ก็นับว่าเป็นอีกสิ่งสำคัญที่คอยกวนใจเขา 

ในช่วงเวลาที่เขาสำรวจค่ายของศัตรู เขาได้สังหารสองผู้ฝึกยุทธแปลกหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจตราไป 

ในช่วงเวลาที่ถูกค้นวิญญาณ หนึ่งในสองผู้ฝึกยุทธได้ล่วงรู้ว่านายน้อยชุดคลุมม่วงยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทอยู่อีกคนหนึ่ง 

และผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทที่ว่า ก็ยังล่วงรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมด ทว่าเขายังมิได้ลงมายังโลกเทวะ 

และนามเรียกขานของคนผู้นั้นก็คือ หวูซาน 

ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ ทั้งหมดถูกสังหารลงจนหมดสิ้นแล้วโดยมารสวรรค์ 

กระทั่งนายน้อยชุดคลุมม่วงก็ยังถูกส่งไปยังโลกมารสวรรค์ และไม่ช้าก็เร็วเขาก็คงจะตกตาย 

ดังนั้นตอนนี้คนวงในจึงเหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือหวูซาน 

และถ้าหากนายน้อยชุดคลุมม่วงไม่ปรากฏตัวออกมาเสียที บิดาของเขาจะต้องเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน 

และในฐานะที่หวูซานเป็นคนสนิทของนายน้อยชุดคลุมม่วง แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นคนแรกๆ ที่ถูกเค้นสอบปากคำอย่างละเอียด 

เมื่อเวลานั้นมาถึง ความลับของโลกเทวะและโลกแห่งผู้ฝึกยุทธคงไม่อาจปิดซ่อนเอาไว้ได้อีกต่อไป 

และหากบิดาของนายน้อยสามารถก้าวผ่านโทษทัณฑ์สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตลมปราณจิต! 

เขาจะกลายเป็นการดำรงอยู่ของตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในโลก 

หากบิดาของนายน้อยคิดหมายจะลงมือกับทั้งสองโลก พวกกู่ฉิงซานคงไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้ต้านทาน 

กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา 

ฉันไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งต่างๆ มันจะเปลี่ยนแปลงไปจนซับซ้อนถึงขนาดนี้ 

แต่ก็นับว่าโชคยังดี ที่สุดท้าย ท่านอาจารย์ก็สามารถรอดชีวิตมาได้ในที่สุด 

ดังนั้น ทุกอย่างที่ทำนับว่าคุ้มค่าแล้ว 

เขากวาดสายตามองกระแสมิติอันเชี่ยวกรากรอบกาย ก่อนจะสลับไปมองสองหญิงงามที่อยู่ข้างๆ 

เบื้องหน้า จู่ๆ ก็พลันบังเกิดประตูที่ส่องประกายแสงเรืองรองปรากฏขึ้น 

ภายในประตูแสง ท่วมท้นไปด้วยพลังวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ เป่าสวนกลับมาในสายลม 

ช่างเป็นพลังวิญญาณที่หนาแน่น เสถียรและมั่นคง ราวกับว่ามีชีวิตเป็นของตัวเอง 

กู่ฉิงซานสูดกลิ่นอายของมันเข้าปอดถึงสองครั้ง ทั้งคนทั้งร่างรู้สึกโล่ง ปลอดโปร่งสบาย ผ่อนคลายลง 

“เอาเหอะ อย่างไรตอนนี้ก็ถือว่าฉันชนะแล้วล่ะนะ…” 

เขาบ่นงึมงำ 

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่จุดจบของโลกที่เขากำลังจะไปถึง ก็ดันใกล้จะมาถึงแล้ว 

เทพมารจะทำลายทุกสิ่งอย่าง 

และตัวเขาเอง จะต้องหาโอกาสที่จะได้เห็นด้วยตาตัวเองให้ได้ว่า แท้จริงแล้วเทพมารอันน่าสะพรึงกลัวที่ว่านั่นคือสิ่งใดกันแน่ 

แต่ก่อนอื่นเลย อย่างแรกที่จะต้องทำ คือค้นหาวิธีการที่จะมีชีวิตอยู่ ต้องรอดต่อไปให้ได้! 

ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังขบคิด เขาก็สังเกตเห็นว่าหญิงงามทั้งสองดูจะเริ่มประหม่าและกังวล 

“ข้าเกรงว่าเมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น มันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ เจ้าอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้และทำการสวมหน้ากากว่าเป็นเขา” หนานกงฉินรั่วกล่าวด้วยความกระวนกระวาย 

“หากเจ้าทำไม่ได้ดั่งที่พูด พวกเราจะทุ่มออกสุดกำลังเอง เจ้าก็จงคว้าโอกาสนั้นหลบหนีไปเสีย เข้าใจไหม” หยุนว่านเอ๋อกล่าว 

“ถูกต้อง ในเมื่อเจ้ามีสกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่อยู่กับตัว ข้ามั่นใจว่าเจ้าจักต้องใช้มันหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน” หนานกงฉินรั่วกล่าว 

กู่ฉิงซานมองไปยังทั้งสอบวูบหนึ่ง 

ในเวลานี้ สิ่งที่พวกเธอปรารถนาคือต้องการที่จะใช้ชีวิตของตนเพื่อชำระหนี้ที่ติดค้างเขา 

หญิงงามทั้งสองได้ผ่านประสบการณ์อันน่าเศร้ามามากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าพวกนางกลับยังคงสามารถรักษามโนธรรมในจิตใจเอาไว้ได้ คนเช่นนี้สมควรที่จะกล่าวชื่นชมและยกย่องจริงๆ 

และบุคคลเช่นนี้แล ที่ตัวกู่ฉิงซานคิดว่าเป็นตัวตนที่น่าเชื่อถือที่สุด และเหมาะสมจะเป็นพันธมิตรอยู่ข้างกายเขา 

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หวนกลับ” 

ช่วงเวลาพลันหยุดนิ่ง 

พร้อมปรากฏม่านรังสีแสงสว่างวาบ 

กู่ฉิงซานถอนตัวออกจากกระแสมิติเวลาอันเชี่ยวกรากในปัจจุบัน และถูกผลักดันออกไปอีกครั้งโดยพลังอำนาจของมิติเวลาที่ทรงพลังยิ่งกว่า 

… 

ฝน 

สายฝนเย็นฉ่ำ 

น้ำฝนและลูกเห็บขนาดเล็กร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าในยามค่ำคืน 

หากกล่าวอย่างชัดเจนสมควรบอกว่าแท้จริงแล้วช่วงเวลาที่เขาจากไปนั้นคือเวลากลางวัน แต่เมื่อกลับมาอีกครั้ง มันกลับกลายเป็นช่วงเย็น 

ทุกๆ วันในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ เวลาในโลกจริงจะผ่านพ้นไปเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น 

กู่ฉิงซานยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนอันหนาวเหน็บ เขาเอื้อมมือออกไปอังเม็ดฝนเบื้องหน้า 

เม็ดฝนเย็นเยียบ กัดกินจนลึกเข้าไปถึงกระดูก

เมื่อใดก็ตามที่เผ่ามารเริ่มบุกโจมตี ทั่วทั้งโลกก็จะบังเกิดฝน 

นี่เป็นสถานการณ์ปกติในวันสิ้นโลก 

หลังจากที่ฝนหยุดตกลงครั้งก่อน เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็ปรากฏขึ้นในโลกใบนี้ 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฝนน่ะหรือ? สงสัยกันล่ะซี? 

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น จ้องมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน 

เมฆฝนตกก่อตัวกันอย่างหนาแน่น และชัดเจนว่าในระยะเวลาอันสั้น มันจะไม่ยอมหยุดตกลงมาง่ายๆ แน่ๆ 

ดังนั้นนี่นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะหากฝนไม่หยุดตกลง นั่นหมายความว่าเผ่ามารจะยังคงไม่ปรากฏตัวขึ้น และทำให้เขาพอมีเวลาที่จะเร่งเตรียมการทุกสิ่งอย่างล่วงหน้าเพื่อวางแผนที่จะรับมือกับมัน 

ทันใดนั้นสมองควอนตัมในอ้อมแขนของเขาก็ส่องสว่างขึ้น 

“สวัสดียามเย็น ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ” 

“อุณหภูมิในปัจจุบันนี้ติดลบสามองศา ขณะที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีกระแสลมแรงอยู่ในระดับที่ห้า” 

“ลมและฝนส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ใต้เท้าโปรดระมัดระวังให้ดี และหากเป็นไปได้ขอจงหลีกเลี่ยงมัน” 

เทพธิดากงเจิ้งแจ้งเตือนเขาด้วยความห่วงใย 

กู่ฉิงซานกล่าว “เข้าใจแล้ว ว่าแต่ตอนนี้พวกเราคนอื่นๆ ล่ะ?” 

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “มิสเตอร์ซางหยิงฮ่าวกำลังวางแผนการลอบสังหารหนึ่งในคนของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ มิสเตอร์เหลียวฮังเลยถือโอกาสนี้พามิสเตอร์เย่เฟย์หยูไปดื่มกันที่เรนโบว์บาร์ในเมืองหลวง” 

“ไปดื่มกันอย่างนั้นเหรอ?” 

กู่ฉิงซานยิ้ม และเดินกลับขึ้นไปยังวิลล่าบนภูเขา 

แต่ใครจะรู้ จู่ๆ เทพธิดากงเจิ้งก็เอ่ยต่อทันทีว่า “คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ว่าในช่วงเวลาที่คุณไม่อยู่ ฉันได้รับสัญญาณจากเพลิงนางฟ้า” 

“สัญญาณอะไรเหรอ?” 

“มันเป็นสัญญาณที่คุณได้ทำการตั้งโปรแกรมเอาไว้ ในกรณีที่ว่าหากเกิดสถานการณ์ผิดปกติขึ้น ให้รีบทำการแจ้งเตือนทันที” 

ในสมองของกู่ฉิงซานพลันว่างเปล่า 

ซูเซี่ยเอ๋อ? 

เกิดอะไรขึ้นกับเธออย่างนั้นเหรอ!? 

“รบกวนช่วยบอกฉันถึงสถานการณ์ทั้งหมดที” กู่ฉิงซานกล่าว 

บังเกิดแสงสว่างสดใสขึ้นในท้องฟ้าเบื้องบน ร่อนตกลงเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน 

มันคือเกราะรบเพลิงนางฟ้า 

เพลิงนางฟ้าเปล่งเสียงออกมา “ใต้เท้า ซูเซี่ยเอ๋อได้เดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ และหลังจากนั้นก็สูญเสียการติดต่อไป” 

“แล้วคุณรู้จักสถานที่นั้นรึเปล่า” 

“สัญญาณขาดหายไปในบางจุดบริเวณขั้วโลกเหนือ” 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ!” 

ห้องคนขับบนเกราะรบเปิดออกทันที พร้อมกับร่างของกู่ฉิงซานที่วูบไหว ปีนขึ้นไปนั่งภายในอย่างฉับพลัน 

เกราะรบปิดตัวลง พร้อมกับสองปีกแสงที่กางออกในทันใด 

ปัง! เกราะรบเพลิงนางฟ้าทะยานตัวขึ้นสู่ชั้นอากาศ ระเบิดคลื่นโซนิคบูมอันรุนแรง และบินมุ่งตรงไปทางทิศเหนือ 

เหนือขึ้นไปในระดับความสูงบนท้องฟ้า 

ยิ่งมุ่งหน้าไปทางตอนเหนือมากเท่าไหร่ ระดับอุณหภูมิก็ยิ่งลดต่ำลงมากเท่านั้น 

บังเกิดเสียงหอนของสายลมแทรกผ่านใบหู พร้อมด้วยหิมะถาโถมลงมาจนแลคล้ายม่านหมอกสีขาว 

ทว่าเพลิงนางฟ้ากลับมุ่งหน้าต่อไปอย่างหาญกล้า มิหวาดเกรงแรงลมและหิมะ เร่งบินด้วยอัตราเร็วสูงสุด 

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น “ใต้เท้า รอบบริเวณขั้วโลกเหนือนั้นเต็มไปด้วยสัญญาณรบกวนที่ไม่รู้จัก ส่งผลให้เพลิงนางฟ้าไม่สามารถเข้าไปได้ใกล้มากกว่านี้” 

“ถ้านั้นก็เปิดประตูออกซะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

“แต่ใต้เท้า ภายนอกในเวลานี้สูงเหนือระดับน้ำทะเล หนึ่งหมื่นเมตร…” 

“ไม่เป็นไรหรอก เปิดประตูเถอะ” 

ประตูห้องโดยสารของเพลิงนางฟ้าเปิดออก 

ตามด้วยกู่ฉิงซานที่กระโจนออกมา และลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าสูงท่ามกลางพายุหิมะที่โหมกระหน่ำ 

ร่างกายของเขาปะทุไปด้วยพลังวิญญาณ มันช่วยขับไล่ไอเย็นและหิมะในระยะหนึ่งเมตรรอบตัวออกไป 

“จงไปเฝ้ารอยังดาวเทียมที่ใกล้กับวงโคจรของโลกมากที่สุด ส่วนฉันจะมุ่งหน้าต่อไปเอง” กู่ฉิงซานหันไปกล่าวกับเพลิงนางฟ้า 

“รับคำสั่ง ใต้เท้า” 

เพลิงนางฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสง ทะยานตัวหายลับไปในฟากฟ้า 

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ และเรียกเรือเหาะของตนเองออกมา 

เขาขี่เรือเหาะบินต่อไปยังวงกลมขั้วโลกเหนือ 

“ทำไมเธอถึงต้องมาในสถานที่แบบนี้กันนะ?” กู่ฉิงซานงึมงำด้วยความสงสัย 

“มิสซูเซี่ยเอ๋อได้กลายเป็นจ้าวมณฑลแห่งตระกูลซูแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องมายังขั้วโลกเหนือ เพื่อรับพิธีกรรมสืบทอดของเก้าตระกูลใหญ่” เทพธิดากล่าว 

“เธอน่ะเหรอเป็นจ้าวมณฑล?” กู่ฉิงซานตกใจ “ถ้าเป็นไปตามที่คุณบอก นี่คือสิ่งที่ผู้เข้ารับตำแหน่งจ้าวมณฑลจะต้องเผชิญใช่ไหม?” 

“นั่นเป็นความจริง” เทพธิดากล่าว 

กู่ฉิงซานผ่อนคลายลงเล็กน้อย…แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

เพราะแม้ว่านี่อาจจะดูเหมือนเป็นประเพณีการสืบทอดมรดกของเก้าตระกูลใหญ่ แต่ทว่าการที่ซูเซี่ยเอ๋อขาดการติดต่อไปก็ยังเป็นเรื่องจริงอยู่ดี 

“คุณช่วยฉันตรวจสอบพิธีสืบทอดของเก้าตระกูลใหญ่หน่อยจะได้ไหม ว่ามีจ้าวมณฑลคนไหนเคยเป็นอะไร…ฉันหมายถึงว่าเคยเกิดอุบัติเหตุใดๆ ที่ไม่คาดคิดกับพวกเขาขึ้นในช่วงระหว่างการรับสืบทอดขึ้นบ้างรึเปล่า?” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ขั้นตอนในการตรวจสอบข้อมูลของจ้าวมณฑล กระบวนการของมันค่อนข้างยุ่งยาก และจำเป็นต้องใช้เวลาสักพัก” เทพธิดากล่าว 

“ไม่เป็นไร คุณรีบตรวจสอบมันเถอะ ฉันอยากจะรู้ผล ยิ่งเร็วยิ่งดี” 

กู่ฉิงซานรอมาชั่วขณะหนึ่ง แต่เทพธิดาก็ยังไม่เอ่ยตอบ พอยิ่งคิดเขาก็ยิ่งใจร้อน 

ยิ่งฟุ้งซ่านเกี่ยวกับมัน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะลงไปดูสถานการณ์ด้วยตนเองก่อน 

เรือเหาะกลายเป็นกระแสแสง บินข้ามผ่านสายลมและหิมะ ล่องลอยมุ่งหน้าไปยังขั้วโลกเหนือ

........................................