webnovel

0273 ทัณฑ์สวรรค์ของขั้นร่างเทวะ

ตอนที่ 273 ทัณฑ์สวรรค์ของขั้นร่างเทวะ 

กู่ฉิงซานพอได้ยินเสียงของนางเซียนไป่ เขาก็ลืมตาแล้วผุดลุกขึ้น 

ปากเอ่ยกล่าวอย่างเด็ดขาด “ท่านอาจารย์ นี่คือเกราะรบเพลิงคำรนจากยุคโบราณ” 

เขาหันไปทางเกราะรบเพลิงคำรนแล้วกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านอาวุโส ส่วนทางด้านนี้คืออาจารย์ข้า นางเซียนไป่ฮัว เซี่ยเต๋าหลิง” 

ในช่วงชีวิตนี้ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกของกู่ฉิงซานที่ได้เป็นผู้กล่าวแนะนำตัวซึ่งกันและกันระหว่างหนึ่งเกราะรบกับหนึ่งผู้ฝึกยุทธ 

แต่ตัวเขาที่ได้ทำการแนะนำทั้งสองฝ่าย กลับรู้สึกว่านี่มันมิใช่เรื่องไร้สาระเลย 

นางเซียนไป่ฮั่วโค้งกายลง สองมือประสานคารวะ ปากเอ่ยกล่าวเล็กน้อย “ขอบพระคุณท่านมาก ที่ให้ข้ายืมสถานที่ในการตัดผ่านขอบเขต ขอบพระคุณอย่างสุดซึ้ง” 

เสียงของผู้หญิงดังออกมาจากเกราะรบเพลิงคำรน “เกี่ยวกับเรื่องการยกระดับของเจ้า ตัวเจ้าเองมีความมั่นใจมากเพียงใดกัน?” 

“ตราบใดที่ไม่มีใครรบกวนหรือคุกคามข้า ข้ามั่นใจว่าจะตัดผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน” นางเซียนไป่ฮั่วกล่าว 

“ยอดเยี่ยม เอาล่ะตอนนี้นายน้อยชุดคลุมม่วงมิได้อยู่ที่นี่ชั่วคราว เขาได้กลับไปยังโลกของตนเพื่อก้าวข้ามผ่านโทษทัณฑ์ในขอบเขตพันวิบัติ และช่วงปลายที่ใกล้จะจบลงก่อนข้ามผ่านนี้ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทัณฑ์สวรรค์รุนแรงมากที่สุด” 

เสียงผู้หญิงกล่าว “นอกเหนือจากเขา ในโลกใบนี้ก็หลงเหลือตัวตนอันทรงพลังอีกเพียงแค่หกขอบเขตประทับเทพเท่านั้น…  เจ้าหาญกล้าที่จะต่อกรกับทั้งหกหรือไม่?” 

นางเซียนไป่ฮั่วกล่าว “หลังจากที่ข้าตัดผ่านสำเร็จ ข้าจะสังหารพวกเขา สับสะบั้นมันจนแลคล้ายกับชิ้นแตงโมแล้วนำมาจัดเรียงใส่จานประเคนให้ท่าน” 

เสียงของผู้หญิงเอ่ยด้วยความพึงพอใจ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็พร้อมหยิบยื่นสถานที่ในการตัดผ่านให้เจ้าใช้สอย แต่ข้ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จำต้องอธิบาย” 

“เชิญกล่าว” 

“ตัวข้านั้นเป็นเกราะรบ มิได้เก่งกาจในด้านการโจมตี หากมีตัวตนที่ทรงพลังเหนือล้ำยิ่งกว่าขอบเขตประทับเทพมาที่นี่ ข้าก็มิอาจต่อกรกับมันได้” 

“หากมันเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริงๆ ข้าคงไม่สามารถต้านทานได้นานนัก และสุดท้ายคงทำได้เพียงหลบหนีไปด้วยตนเอง” 

หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น แล้วเกราะรบเพลิงคำรนหลบหนีไป นางเซียนไป่ฮั่วที่กำลังก้าวข้ามผ่านโทษทัณฑ์ก็จะตกอยู่ในอันตราย! 

นางเซียนไป่ฮั่วเงียบไปครู่หนึ่ง สักพักจึงเอ่ยปาก “ข้าเข้าใจแล้ว” 

เสียงผู้หญิงเอ่ยตักเตือน “เจ้าต้องการที่จะก้าวข้ามผ่านโทษทัณฑ์จริงๆ หรือ? แท้จริงแล้วด้วยพื้นฐานวรยุทธของเจ้า แน่นอนว่าย่อมสามารถซ่อนตัวในมิติว่างเปล่าอันเชี่ยวกราก เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระหว่างสองโลกก็ยังได้” 

“แต่นั่นก็จะหมายความว่าข้ามิอาจกลับไปยังโลกที่อาศัยอยู่ได้เช่นกัน และข้าก็ไม่ต้องการที่จะให้ใครมาแตะต้องมัน!” นางเซียนไป่ฮั่วกล่าว 

“หืม ข้าละชมชอบผู้ฝึกยุทธเช่นเจ้าจริงๆ เอาล่ะ ข้าขอมอบเทคนิคฝึกยุทธนี้ให้แก่เจ้า” 

ขณะที่เกราะรบกำลังกล่าว ก็พลันปรากฏใบหยกขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่าอย่างกะทันหัน มันลอยไปตกลงเบื้องหน้านางเซียนไป่ฮั่ว 

นางเซียนไป่ฮั่วรับใบหยกมา สายตาจดจ้องไปยังฝ่ายตรงข้าม 

เกราะรบเพลิงคำรนกล่าว “ข้าได้เฝ้าสังเกตการณ์ต่อสู้ของเจ้ามาก่อนแล้ว และนี่คือวิชาลับที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุดในโลกใบนี้” 

“ขอบพระคุณยิ่ง ข้าติดหนี้บุญคุณท่านครั้งหนึ่งแล้ว” นางเซียนไป่ฮั่วกล่าวอย่างจริงจัง 

เธอกวาดจิตสัมผัสเทวะลงไปในวิชาลับ และเริ่มจมลงสู่ห้วงสมาธิแห่งการตื่นรู้ 

ผ่านไปนาน 

“ช่างมหัศจรรย์ยิ่ง มันเหมือนกับที่ข้าคิด…แต่กลับละเอียดอ่อนยิ่งกว่ามาก” นางเซียนเอ่ยงึมงำ 

ในความเป็นจริง ด้วยคุณสมบัติและความตระหนักรู้ของนางเซียนไป่ นางสมควรที่จะสามารถยกระดับขึ้นสู่ขั้นถัดไปได้ตั้งนานแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ ขอบเขตสูงสุดที่สามารถยกระดับขึ้นไปได้คือประทับเทพเท่านั้น 

ด้วยกฎแห่งสวรรค์และโลก เปรียบดั่งโซ่ตรวนที่คอยผูกมัดเธอ 

ทว่าตอนนี้ ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านได้มาถึงแล้ว รังไหมที่จำศีลอยู่เนิ่นนาน บัดนี้เริ่มถูกแหวกออก เผยให้เห็นถึงทั้งร่างทั้งปีกของผีเสื้ออันงดงามที่อยู่ภายใน 

ท่ามกลางซากปรักหักพัง บังเกิดสายลมกรรโชก 

ในอากาศที่ว่างเปล่า แสงและเงาเริ่มวูบไหว ตลอดทั่วทั้งบริเวณพลันบังเกิดบอลแสงที่กะพริบไหวถี่ระรัว 

นี่คือทัณฑ์สายฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นโดยวิถีสวรรค์ ยามเมื่อมันสัมผัสได้ว่าผู้ฝึกยุทธกำลังตัดผ่านขอบเขต มันก็จะปรากฏขึ้นโดยตรงจากอากาศที่ว่างเปล่า 

ทัณฑ์สวรรค์แห่งร่างเทวะ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! 

เกราะรบเพลิงคำรนนำกู่ฉิงซานกับดาบเช่าหยินบินออกจากซากปรักหักพัง 

พวกเขาล่องลอยอยู่ท่ามกลางเจี้ยนไห่ ขณะที่คอยเพ่งความสนใจกับสถานการณ์ของนางเซียนไป่อย่างใกล้ชิด 

“พวกเราไม่อาจเข้าไปภายในนั้นได้ มิฉะนั้นทัณฑ์สวรรค์อาจจะเพิ่มพูนพลังของมันมากยิ่งขึ้น” เธอกล่าว 

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “แล้วทัณฑ์สวรรค์ของร่างเทวะเป็นแบบใดกัน? ใช่ยากเกินกว่าจะรับมือหรือไม่?” 

“ท่ามกลางการยกระดับขอบเขตใหญ่ทั้งหลาย ทัณฑ์สวรรค์แห่งร่างเทวะนับว่าอันตรายมากที่สุด ผู้ตัดผ่านจำต้องสงบเยือกเย็นเข้าไว้ในระหว่างกระบวนการ” เกราะรบกล่าว “จากผู้ฝึกยุทธหนึ่งร้อยคนในขอบเขตประทับเทพ จะมีเพียงห้าหรือหกคนเท่านั้นที่สามารถผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย” 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเต้นครึกโครม วิสัยทัศน์ของเขาจ้องมองลงไปยังเบื้องล่างชนิดตาไม่กะพริบ 

ท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า เริ่มผุดบอลสายฟ้าสีม่วงเรืองรองปรากฏขึ้น 

บอลสายฟ้าเหล่านี้ ลอยล่องอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากนั้นแต่ละลูกก็เริ่มพุ่งเข้าปะทะเข้ากับนางเซียนไป่ฮั่ว 

นางเซียนไป่ฮั่วยืนสงบนิ่งไม่ไหวติง และที่ขยับกลับมีเพียงปากที่อ้าออก เป่าพ่นลมหายใจไปยังทัณฑ์สายฟ้าสีม่วงเหล่านั้นอย่างแผ่วเบา 

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง บอลสายฟ้าก็มิอาจรักษารูปทรงของมันเอาไว้ได้อีกต่อไป มันแตกสลายกระจายเป็นฟอง พร้อมด้วยเสียงเปรี๊ยะๆ แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว 

กู่ฉิงซานที่เฝ้ามองถอนหายใจโล่งอก ปากเอ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิ “ด้วยความแข็งแกร่งของท่านอาจารย์ การตัดผ่านนี้สมควรจะไม่เกิดปัญหาใดๆ และเป็นไปอย่างราบรื่น” 

นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบเห็นกับคนที่สามารถจัดการกับทัณฑ์สวรรค์ได้ด้วยเพียงลมปากเท่านั้น 

“เรื่องนี้กล่าวได้ยาก เพราะว่านี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ยามเมื่อทัณฑ์สายฟ้าสลับสับเปลี่ยนกับทัณฑ์สายลม นางจะมิอาจผ่อนคลายลงได้เลย” เสียงผู้หญิงดังกึกก้อง 

ดาบเช่าหยินก็ผงกด้ามดาบลง แสดงท่าทีว่ามันก็เห็นด้วยเช่นกัน 

กู่ฉิงซานกล่าว “ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ นางแข็งแกร่งมากจริงๆ...นี่ข้ามิได้พูดเพียงแค่เฉพาะเรื่องเกี่ยวกับพื้นฐานวรยุทธ์...” 

ทันใดนั้นเอง ทัณฑ์สวรรค์ก็ราวกับกำลังโกรธเกรี้ยวนางเซียนไป่ฮั่ว ทัณฑ์สายฟ้านับสิบปรากฏขึ้นในพริบตา ทั้งหมดโยนร่างตนเองเข้าปะทะกับนางเซียนไป่พร้อมๆ กัน 

ส่วนนางเซียนไป่ฮั่วก็ทำแค่เพียงยื่นมือออกไปอย่างแผ่วเบา และคว้าจับทัณฑ์สายฟ้าทั้งสิบไว้ได้โดยสมบูรณ์ จากนั้นก็ทำการหลอมรวมมันทั้งสิบให้เป็นหนึ่งเดียว 

แล้วค่อยบีบมืออย่างแรง 

เปรี้ยง! 

ทัณฑ์สายฟ้าแตกกระจัดกระจาย กระเจิงออกไปทุกทิศทาง

ทัณฑ์สายฟ้าบัดนี้แลดูจะเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความผิดหวัง มันนิ่งงันไปครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดว่าวิธีต่อกรกับอีกฝ่าย 

อย่างรวดเร็ว ครานี้สายฟ้าสีแดงเข้มเริ่มปรากฏขึ้น 

เมื่อกู่ฉิงซานได้เห็นสายฟ้านี้ สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย จนถึงขั้นลืมหายใจ 

เกราะรบเพลิงคำรนกับดาบเช่าหยินเลือกที่จะเงียบ ไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆ อีกต่อไป 

เนื่องเพราะสายฟ้าชนิดนี้มันน่าหวาดกลัวเกิดกว่าที่จะปริปากอธิบาย 

มันคือหนึ่งในทัณฑ์สายฟ้าที่ทรงพลังมากที่สุด มันเป็นสายฟ้าที่สังหารได้กระทั่งจิตเทวะ! 

เมื่อสิ่งมีชีวิตถูกโจมตีด้วยสายฟ้าชนิดนี้ ร่างจิตเทวะก็จะดับสูญลงอย่างสิ้นเชิง และจะไม่มีโอกาสเกิดใหม่ขึ้นอีกเลย! 

สีหน้าของนางเซียนไป่ฮั่วยังคงผ่อนคลาย และเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มรูปแบบ 

อย่างไรก็ตาม สายฟ้าสีแดงเข้มแท้จริงแล้วกลับยังคงหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ยังมิยอมฟาดผ่าลงมา 

ทันใดนั้น สายฟ้าที่ทำลายล้างได้แม้กระทั่งจิตเทวะก็ปรากฏขึ้นอีกหนึ่งจากความว่างเปล่า 

จากนั้นก็ปรากฏเพิ่มขึ้นอีก หนึ่ง

สอง 

สาม 

และ สิบ 

สายฟ้าที่สลายได้กระทั่งจิตเทวะหลอมรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างเงียบๆ แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรสายฟ้าที่เวียนว่ายอยู่บนอากาศ ก่อนจะโฉบดำดิ่งลึกลงไปทางนางเซียนไป่ฮั่วอย่างดุดัน! 

นางเซียนไป่ฮั่วมิได้ถอยหลังกลับ พลังแห่งหวนคืนไร้ลักษณ์ถูกควบรวมไว้บนฝ่ามือ และปัง! ถูกฟาดกระแทกออกไปด้วยเจตนาร้าย ตะปบเข้าเต็มหัวของมังกรสายฟ้า 

สวรรค์ล่มสลาย!

มังกรสายฟ้าที่ดับสูญได้กระทั่งจิตเทวะ ถูกฟาดตบด้วยฝ่ามือนี้ ทั้งตัวมันพลันสาดประกายแสงสีแดงเข้ม ก่อนจะแตกกระจายไปทั่วชั้นอากาศในพริบตา 

ทว่าไม่นาน แสงสีแดงเหล่านั้นก็บินกลับไปเหนืออากาศเบื้องบน และหลอมรวมตัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง 

สายฟ้าที่ดับสูญกระทั่งจิตเทวะได้ปรากฏร่างขึ้นอีกครา 

ทัณฑ์สายฟ้าสีแดงที่ปรากฏขึ้นใหม่อยู่เรื่อยๆ ถูกควบรวมเข้ากับแสงสีแดงเหล่านี้ และแปรเปลี่ยนรูปทรงเป็นมือขนาดใหญ่ 

มันคือมือใหญ่ที่เกิดจากสายฟ้าที่ดับสูญได้กระทั่งจิตเทวะ แถมคราวนี้ยังครอบครองภูมิปัญญาทางจิต และเป้าประสงค์เพียงอย่างเดียวของมันก็คือการฆ่าสังหารคนที่คิดก้าวข้ามผ่านโทษทัณฑ์เท่านั้น! 

มือสายฟ้าส่งกลิ่นอายทำลายล้างอันมิอาจต้านทานออกไป และวูบ! ฉีกอากาศเข้าไปคว้าจับนางเซียนไป่ฮั่ว 

ทว่าร่างของนางเซียนกลับเปล่งประกาย และหายวับไปจากจุดนั้นในฉับพลัน 

แต่มือสายฟ้าก็หายวับตามติดไปเช่นกัน ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับนางเซียนไป่ฮั่ว และคว้าจับนาง 

ปง! 

ร่างนางเซียนไป่ที่ถูกบีบจนระเบิดคากำปั้นของมือสายฟ้า แปรสภาพเป็นเพียงหมอกวิญญาณ 

แท้จริงแล้วนั่นคือร่างอวตาร! 

“ทัณฑ์สายฟ้าที่สามารถแปรเปลี่ยนรูปทรงได้เช่นนี้ ข้ามิเคยพบเห็นมาก่อนเลย” นางเซียนไป่ฮั่วที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของลานซากปรักหักพัง เอ่ยปากกล่าวพลางจ้องมองไปยังมือสายฟ้า 

กู่ฉิงซานเฝ้ามองด้วยจิตใจที่ตื่นตระหนก หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเต้นครึกโครมอีกครั้ง 

นั่นเพราะเมื่อมือสายฟ้ารู้ตัวว่าโจมตีพลาด มันก็ลอยล่องอยู่กลางอากาศอย่างช้าๆ  

ในวินาทีต่อมา แสงสีแดงจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง 

แสงสีแดง แสงแล้วแสงเล่าที่ปรากฏขึ้นต่างพากันแห่แหนเข้าไปหลอมรวมเข้าด้วยกันกับมือสายฟ้า 

มือสายฟ้าบัดนี้ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น แปรเปลี่ยนรูปทรงให้กลายเป็นแขนอวบหนา 

ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มก้อนแสงสีแดง ค่อยรวมตัวกันอีกครั้ง และก่อรูปเป็นแส้ยาว 

แขนยักษ์คว้าจับแส้ และฟาดสะบัดมันด้วยเจตนาร้ายตรงไปยังนางเซียนไป่ฮั่ว 

ปง! 

ทั้งคนทั้งร่างของนางเซียนไป่เปล่งประกายวูบไหว และนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปรากฏรอยร้าวแตกลึกบนพื้นดินที่เกิดจากแส้สายฟ้า 

อย่างไรก็ตามร่างของนางเซียนไป่ฮั่วมิได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ มันกะพริบไหวเป็นเงาแลคล้ายผีเสื้อที่กำลังร่ายรำไปทั่วซากปรักหักพัง คอยหลบเลี่ยงการปะทะที่เกิดขึ้น 

นั่นเพราะยามที่แส้สายฟ้าฟาดตกลงมา จะปรากฏแสงสีแดงนับไม่ถ้วน แตกกระจายตัวจากแรงปะทะและถูกยิงออกไปทุกทิศทาง 

แม้ว่าแสงเหล่านี้จะมีขนาดเล็ก ทว่ามันกลับครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่อย่างการดับสูญของจิตเทวะ! 

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตราบใดที่หนึ่งแสงกระแทกเข้าใส่แม้เพียงเล็กน้อย ร่างของคนผู้นั้นก็จะดับสูญลงในทันที! 

กล่าวยังไม่ทันขาดคำ แส้สายฟ้าที่สองก็ถูกหวดลงมาอีกแล้ว 

นางเซียนไป่ฮั่วยืดหลังตรง และร่ายระบำหลบเลี่ยงการจู่โจมของแส้สายฟ้าอีกครา 

แส้ที่ถูกเหวี่ยงลง ยามเมื่อมันปะทะกับพื้นดินจนสั่นไหว มันก็ปลดปล่อยแสงสีแดงจำนวนมากออกมาด้วย 

เหล่าแสงยิงกระจัดกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนตนให้เห็นแค่เพียงจุดดาวเล็กๆ กระเจิงไปทั่วบริเวณแบบสุ่ม ปกคลุมพื้นที่โดยรอบซากปรักหักพังอย่างแน่นหนา ชนิดที่ว่าไม่ยินยอมอนุญาตให้เป้าหมายของมันหลบเลี่ยง!

........................................