webnovel

0257 เพรียกวิญญาณและวาดเงา

ตอนที่ 257 เพรียกวิญญาณและวาดเงา

กู่ฉิงซานถือดาบพิภพในมือ และอ่านคำอธิบายเพื่อจับใจความภารกิจอีกครั้ง

ประการแรก เนื่องจากมีคำอธิบายว่า ‘แผ่นฟ้าเบื้องบนที่กำลังจะถล่มลงมาในเร็วๆ นี้ และผืนดินเบื้องล่างกำลังจะล่มสลายลงในไม่ช้า’ การแจ้งเตือนเช่นนี้ ระบบได้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะมาถึง

จากนี้ไป โลกเทวะจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ประการที่สอง บอลผนึกเมื่อเปิดใช้เพียงครั้งเดียวมันจะหายไปทันทีโดยสมบูรณ์ ดังนั้นต้องคิดให้ดีๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนจะใช้งานมัน และยังต้องใช้งานในทันทีอีกด้วย

สิ่งที่กล่าวมานี้ ยากนักที่จะคาดเดาได้อย่างถูกต้องว่ามันคืออะไร

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ระบบ สิ่งที่อยู่ภายในบอลผนึกนี้คืออะไร?”

ติ๊ง!

ระบบตอบกลับมา “ระบบยังไม่อาจล่วงรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด ช่วงที่สร้างมันขึ้นมาห้วงเวลาค่อนข้างตกอยู่ในความโกลาหล ระบบจึงทำการดึงพลังส่วนหนึ่งไปใช้ในการปกป้องคุณระหว่างการข้ามผ่านมิติและห้วงเวลา และผลลัพธ์คือสามารถช่วยคุณได้สำเร็จ แต่กลับล้มเหลวในการรังสรรค์บอลผนึกให้สมบูรณ์”

“บอลผนึกเป็นเพียงตัวรักษาสถานะของพลัง แต่มันไม่ได้ถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์ คุณสามารถพยายามลองสัมผัสมัน และสังเกตดูได้ว่ามันคือสิ่งใด”

“เข้าใจแล้ว…” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างหมดหนทาง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายของชีวิตก่อนหน้า ยามเมื่อตนเองได้ก้าวมาถึงนักดาบนิรันดร์ ไอเท็มทุกอย่างที่เขาใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นไอเท็มระดับสูงทั้งสิ้น...

กู่ฉิงซานยกบอลผนึกขึ้น และวางมันลงเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง

บังเกิดแสงสว่างสองดวงที่สามารถมองเห็นได้ขึ้นจากภายในบอลผนึก

แรงขับเคลื่อนที่เหนี่ยวนำอยู่ในบอลผนึกสั่นไหวเล็กน้อยจากในอุ้งมือของกู่ฉิงซาน

เกิดแรงสั่นอีกหนึ่งตามติดกันมา ไล่ตามแรงสั่นก่อนหน้ามาอย่างไม่รู้จบ

“ที่แท้มันก็เป็น เพลงดาบเพรียกวัฏจักรวิญญาณ นี่เอง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์อะไรในโลกใบนี้…”

สีหน้าของกู่ฉิงซานเผยถึงความคะนึงหาในห้วงความทรงจำ แต่มันก็ยังแฝงไว้ซึ่งความแปลกใจระคนผิดหวัง

เทคนิคดาบนี้ไม่แข็งแกร่งนัก แต่ผลก็เนื่องเพราะมันเกี่ยวข้องกับกฎของโลก และสถานะอันแสนพิเศษของมันที่แตกต่างจากบรรดาเทคนิคดาบทั่วๆ ไป

เทคนิคดาบนี้โดยสิ้นเชิงแล้วมีสองเพลงดาบ

เพลงดาบแรกคือดาบเพรียกวิญญาณ มันจะสามารถใช้งานได้โดยใช้สิ่งของที่หลงเหลืออยู่จากคนตาย อัญเชิญวิญญาณของผู้ตายจากหกวิถีแห่งสังสารวัฏออกมาโจมตีศัตรูได้

ดาบที่สองคือดาบวัฏจักร ดาบนี้เอนอิงจากกฎแห่งกรรมหรือที่เรียกกันว่าการกระทำ พลังของมันจะมาจากความเสียหายทั้งหมดของวิญญาณที่ทำการโจมตีใส่ศัตรู

แต่น่าเสียดายที่ว่าวิญญาณคนตายจากหกวิถีนั้นไม่มีร่างกาย ฉะนั้นมันเลยไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่ศัตรูได้

ดังนั้น แม้เพลงดาบนี้ยากจะหลบเลี่ยง แต่พลังของมันก็ไม่ได้มากมายอะไร

ในชีวิตก่อนหน้า ดาบเพรียกวิญญาณและวัฏจักร ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับผู้ที่มีความสามารถพิเศษที่ทรงพลัง แต่ร่างกายกลับอ่อนแอ

ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธและโลกเทวะ , จิตเทวะและกายเนื้อของผู้ฝึกยุทธนั้นมีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเทคนิคดาบที่ว่านี้จึงไม่สมควรที่จะมีบทบาทใดๆ มากมายนัก

ในเวลานี้ ดาบพิภพในมือของเขาก็พลันสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังเอ่ยถามว่าเหตุใดจู่ๆ เขาถึงเงียบไป

“ตั้งแต่ที่เจ้าเลือกปลดผนึกพลัง ก็ขอจงโล่งใจเถอะ ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าสามารถทำได้” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “นิกายร้อยบุปผาของพวกเราจะต้องไม่มีผู้ใดตกตาย ข้าจะทุ่มทุกสิ่งที่มีเพื่อแปรเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมดนี้เอง!”

น้ำเสียงหนักแน่นของดาบพิภพดังกังวาน “เช่นนั้น ข้าจะขอร่วมหัวจมท้ายไปกับเจ้าด้วย!”

ณ ขณะนั้นเอง บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก็บังเกิดบรรทัดตัวอักษรแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาอีกหนึ่งชุด

“ผู้เล่นได้ยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตแก่นทองคำ ขีดจำกัดแต้มพลังวิญญาณขยายขึ้นเป็นหนึ่งร้อยแต้ม”

“แต้มพลังวิญญาณปัจจุบัน 10/100 ”

“ผู้เล่นสามารถเพิ่มพูนพื้นฐานวรยุทธให้สูงส่งขึ้น ตามหน่วยความทรงจำของผู้เล่น เทคนิคดาบที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกายและจิตเทวะ จะถูกแสดงขึ้นเบื้องล่าง ดังนี้”

“เทคนิคลับแห่งดาบ...วาดเงา”

“เนื่องจากผู้เล่นมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้เกี่ยวกับเทคนิคดาบทั้งหมด ดังนั้นพลังวิญญาณที่จำต้องจ่ายในการปลุกเทคนิคดาบจึงลดหลั่นลง”

“ปลุกเทคนิคลับแห่งดาบ...วาดเงา มีค่าใช้จ่ายสิบแต้มพลังวิญญาณ”

“ท่านต้องการปลุกเทคนิคลับแห่งดาบนี้หรือไม่?”

กู่ฉิงซานจ้องมองไปยังเทคนิคลับแห่งดาบนี้ ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์อันหลากหลาย

ในชีวิตก่อนหน้า ยามเมื่อสงครามใกล้ถึงจุดสิ้นสุด เขาถึงเพิ่งจะมาค้นพบเทคนิคลับนี้จากซากปรักหักพังโบราณ

และน่าเสียดายที่กว่าเขาจะพบมันก็สายเกินไปเสียแล้ว กว่ากู่ฉิงซานจะจดจำเนื้อหาของกระบวนท่าดาบนี้ได้ การต่อสู้ขั้นแตกหักก็มาถึงเสียก่อน จนไม่มีเวลาได้เผยแพร่มันออกไป

เทคนิคลับแห่งดาบนี้ หากในชีวิตก่อนหน้ายังพอมีเวลาเหลือ อนาคตของมันจะต้องเปล่งประกาย และมีผู้ใช้กันอย่างแพร่หลายอย่างแน่นอน

แต่ด้วยในช่วงเวลาปัจจุบันที่เขาถูกส่งข้ามมานี้ ความทรงจำทั้งหมดถูกปิดผนึก ทำให้ไม่สามารถระลึกถึงเทคนิคลับแห่งดาบได้ จำต้องใช้พลังวิญญาณในการปลุกมันให้ตื่นขึ้น

อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณสามารถหาได้จากการฆ่าสังหารศัตรู

กู่ฉิงซานจ้องมองลงไปยังดาบพิภพในมือ และทันใดนั้นความรู้สึกห้าวหาญก็ทะยานออกมาจากทุกรูขุมขนของเขา

ตัวเขากำลังก้าวเดิน ก้าวเดินไปบนเส้นทางที่เสาะแสวงหาความแข็งแกร่งอย่างไม่รู้จบ จากนั้น ก็ค่อยๆ ก้าวข้ามผ่านตัวตนของเขาในชีวิตก่อนหน้า เหนือล้ำยิ่งกว่าในอดีต

“ฉันต้องการปลุกเทคนิคลับนี้” กู่ฉิงซานกล่าว

“ผู้เล่นจ่ายสิบแต้มพลังวิญญาณ เทคนิคลับแห่งดาบ...วาดเงา ได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว”

ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันกู่ฉิงซานจึงสามารถครอบครองเทคนิคลับแห่งดาบทั้งหมดสี่เทคนิคแล้วโดยสิ้นเชิง อันประกอบไปด้วย ฝ่าวารีเชี่ยว ตัดจันทรา เจ็ดดารามังกรแหวกธารา และวาดเงา!

กู่ฉิงซานกระชับดาบพิภพ แล้วเดินไปยังเบื้องหน้าของผนังหินลาวาที่ตัวดาบแตกหักปักคาอยู่

เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก็ยังมิได้วาดดาบออกไป

“วางใจเถอะ” เสียงของดาบพิภพดังก้องในจิตใจของเขา “ข้าสามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าต้องใช้ออกด้วยพลังเท่าใดและทำการควบคุมมันได้ ฉะนั้นที่แห่งนี้จะไม่พังทลายลงอย่างแน่นอน”

“ได้ยินเช่นนั้น ข้าก็โล่งใจ” กู่ฉิงซานผ่อนคลายลง

หากทุกๆ การจู่โจมของเขา คือการกระแทกอย่างแรงด้วยน้ำหนักแปดหมื่นเจ็ดพันสามร้อยเจ็ดสิบล้านจิน โดยไม่ว่าจะออกแรงหนักหรือเบา เพียงแค่ใช้ดาบนี้ ถ้ำลาวาคงมิแคล้วถล่มลงมาเป็นแน่

และหลังจากนี้ไปในอนาคต กระบวนท่าทักษะดาบบางทักษะที่ดูจะเป็นอันตราย เขาก็คงจะไม่กล้าใช้มันอีก

เดชะบุญที่ดาบพิภพมีจิตวิญญาณ และสามารถสื่อสารกับภายในจิตใจของเขาได้ มันจึงตระหนักได้ถึงสิ่งที่กู่ฉิงซานต้องการ

กู่ฉิงซานกระชับดาบพิภพในมือ และเคาะเบาๆ ลงบนผนังหินลาวาอย่างอ่อนโยน

ผนังถ้ำปริร้าวและพังทลายลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันดาบหักที่ถูกตบจนทิ่มปักบนผนังก็สะบัดตัว และหลุดรอดออกมา

ดาบยาวที่แตกหักสั่นไหว และหมุนวนไปมารอบกายกู่ฉิงซาน

“ไม่ต้องรีบร้อนไป การกระทำของท่านทำให้ข้ารู้สึกเวียนหัว” กู่ฉิงซานกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น

แต่ใครจะรู้ว่าผลลัพธ์กลับเป็นตรงกันข้าม ดาบหักกลับหมุนวนถี่รัวขึ้น

“เออๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างหมดหนทาง

ผู้ฝึกยุทธระดับแก่นทองคำขั้นต้น สามารถเดินเหินอากาศได้อย่างอิสระตามแต่ใจที่พวกเขาต้องการ

นั่นหมายความว่าตอนนี้ กู่ฉิงซานสามารถลอยไปหยิบดาบที่อยู่ท่ามกลางทะเลสาบลาวาได้แล้ว

กู่ฉิงซานกลับมายังทะเลสาบลาวาอีกครั้ง สองเท้าค่อยๆ กระโดดขึ้นเบาๆ และเริ่มทะยานตัวบินข้ามฟากไป

เขาบินไปยังใจกลางทะเลสาบลาวา ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ พร้อมกับดาบพิภพในมือที่เคาะลงบนพื้นดินที่ดาบยาวปักแน่นอยู่อย่างแผ่วเบา

เคร้ง!

พอหลุดรอดออกมา ตัวดาบยาวที่แดงฉานเนื่องจากถูกความร้อนระอุจากลาวาก็บินไปยังอีกฝั่งของทะเลสาบทันที

บังเกิดเสียงดังแกร๊ง ดาบสีแดงทิ้งตัวกระแทกลงกับพื้น ราวกับว่ามันเพิ่งใช้พลังงานทั้งหมดที่มีออกไป นอนแน่นิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ เป็นเวลานาน

ดาบยาวที่แตกหักค่อยๆ ร่อนลงไปข้างๆ ดาบอีกเล่ม ขยับกายไปมาอย่างอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังร้องเรียกอีกฝ่าย

ผ่านไปสักพัก ดาบที่ถูกแผดเผาจนแดงก่ำก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้น แล้วหันกลับมามองกู่ฉิงซาน

มันโน้มด้ามดาบไปยังทิศทางของเขา แสดงท่าทีผงกหัวเล็กน้อย

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพไป นี่มันใช้ความพยายามเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาจ้องมองไปยังหน้าต่างสถานะในส่วนภารกิจของเขา

“ชื่อภารกิจ...ความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น”

“คำอธิบายภารกิจ...ช่วยเหลือดาบยาว แสดงพลังออกมาให้ได้มากที่สุด จนได้รับความโปรดปรานจากมัน”

“วัตถุประสงค์ภารกิจ...ตอบสนองตามความต้องการของดาบยาว”

“คำอธิบาย...การเริ่มต้นที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง โปรดจงพยายามให้ดียิ่งกว่านี้ในครั้งต่อๆ ไป!”

“(บรรลุเงื่อนไข...ยังไม่เสร็จสมบูรณ์)”

‘อะไรนะ? นี่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์อีกเหรอ?’

เห็นได้ชัดว่าฉันได้ช่วยชีวิตดาบเล่มนั้นได้แล้วนี่นา?

ทันทีที่กู่ฉิงซานหันกลับมา เขาก็พบว่าดาบสองเล่มกำลังบินใกล้เข้ามาและหมุนวนอยู่รอบกายเขา

“หยุดหมุนไปๆ มาๆ ได้ไหม…ข้าเวียนหัว…”

“ว่ายังนะ ยังต้องการให้ช่วยอีกอย่างนั้นหรือ เข้าใจแล้ว ข้าจะช่วยเอง…”

กู่ฉิงซานจำต้องบินข้ามทะเลสาบอีกครั้ง เพื่อที่จะมุ่งหน้าลึกลงไปในถ้ำต่อไป

อุณหภูมิรอบตัวเริ่มร้อนรุ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

อากาศเริ่มผันผวนและบิดเบี้ยว จนวิสัยทัศน์ของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว เขากวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปเพื่อสำรวจเส้นทางเบื้องหน้า

ไม่รู้ว่าทำไม จิตสัมผัสเทวะถึงสามารถปลดปล่อยออกไปได้เพียงในระยะแค่สิบเมตรเท่านั้น

ถ้ำแห่งนี้ยิ่งลึกก็ยิ่งทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจ

ด้วยความว่องไวของกู่ฉิงซานในระดับแก่นทองคำ ส่งผลให้เขาเดินทางเพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็มาถึงปากถ้ำต่อไปได้ในที่สุด

ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนานจริงๆ

สองดาบยาวลอยพูดคุยกันอยู่หน้าปากถ้ำ แม้จะเพียงแค่ล่องลอยอยู่อย่างเงียบๆ แต่กู่ฉิงซานกลับรู้สึกได้ว่าพวกมันกำลังลังเจอยู่อย่างเห็นได้ชัด

ด้านนอกปากทางออกถ้ำ เต็มไปด้วยหมอกทะมึนที่กะพริบไหวไปด้วยสีแดงเข้ม

“มาถึงแล้วสินะ? ฮู่ว…ในที่สุดมันก็มาถึงซะที”

กู่ฉิงซานผ่อนลมหายใจยาว ก้าวหลายก้าวตรงไปยังปากทางออกถ้ำ

ทว่าเพียงจ้องมองไปยังภายนอกปากถ้ำ สีหน้าของเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนฉับพลัน

“นี่มัน...”

บังเกิดลมกรรโชกร้อนแรงพุ่งขึ้นออกมาจากพื้นดิน จนเสื้อผ้าหน้าผมของกู่ฉิงซานกระพือขึ้นไปด้านบน

ใบหน้าของกู่ฉิงซานถูกแต่งแต้มไปด้วยความดุดัน

เนื่องเพราะเหนือขึ้นไปนอกปากถ้ำ บัดนี้ปรากฏซึ่งหน้าผาชันที่ไร้ซึ่งปลายยอด

ส่วนด้านล่างก็เป็นหน้าผาลึก เต็มไปด้วยลาวาที่กำลังเดือดปุดๆ ครอบคลุมทุกพื้นที่ พวกมันกำลังไหลลึกลงไปใต้พิภพเบื้องล่าง

กู่ฉิงซานจ้องมองดูลาวาที่หยดย้อยลงอยู่เป็นเวลานาน

เขาเอ่ยปากกล่าวออกมา “นี่มันไม่ถูกต้อง”

มันไม่ถูกต้อง เพราะลาวานั้นสมควรที่จะเป็นไม่มีชีวิต ไร้สมองนึกคิด ทว่าเวลานี้มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนผิดปกติคล้ายดั่งธารน้ำที่หมุนวนไปมา ราวกับตัวมันเองเป็นจิตวิญญาณธรรมชาติที่มีสตินึกคิด

ทันทีที่พบเห็นช่องว่าง ลาวาทั้งหมดจะวิ่งเข้าไป และพยายามหลอมละลายมันทันที

ซึ่งลาวาโดยปกติแล้ว จะไม่เป็นแบบนี้

ผืนดินค่อยๆ ถูกหลอมละลายอย่างต่อเนื่องโดยลาวาที่ค่อยๆ จมลึกลงไปในพื้นดิน

เมื่อดาบยาวทั้งสองเห็นว่ากู่ฉิงซานได้มาถึงปากถ้ำแล้ว มันก็บินข้ามผ่านหน้าผาไปพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวเข้าไปในความว่างเปล่าอันมืดมิด

กู่ฉิงซานชะงักงัน เขาทำได้แต่เพียงจ้องมองไปยังสองดาบยาวที่บินจากไป ขณะเดียวกัน ดาบพิภพในมือเขาก็สั่นเล็กน้อย คล้ายกับกำลังกระตุ้นเตือนเขา

“เข้าใจแล้ว”

กู่ฉิงซานกระโจนขึ้น และเหินอากาศข้ามผ่านธารลาวาเบื้องล่างไป

สองดาบยาวลอยลำนำหน้ากู่ฉิงซานอยู่นาน ทว่าเนื่องด้วยความว่องไวในการเหินอากาศของเขา ไม่นานนักก็ไล่ตามอีกฝ่ายจนทัน

ในที่สุดก็มาถึงอีกปลายฟากหนึ่งของหน้าผา

ที่นี่เต็มไปด้วยหลุมบ่ออันเกิดจากการหลอมละลายของลาวา และตรงกลางปากถ้ำ ก็เป็นเส้นทางเล็กๆ คดเคี้ยว ลึกลงไปยังผืนดินเบื้องล่าง

กู่ฉิงซานร่อนลง คิดจะใช้เท้าย่างเดิน ทว่าทันใดนั้นเอง เขาก็ต้องชักฝีเท้ากลับขึ้นไปกลางเวหา สายตาสาดส่องไปยังปากถ้ำลาวาอย่างระมัดระวัง

เขาสัมผัสกับผนังด้านนอกหน้าผา จากนั้นก็ควบคุมกลุ่มแสงรอบกายให้ส่องสว่างขึ้น

พริบตานั้นพลันปรากฏผนังผาอันใหญ่โตทว่ากลับมีสภาพที่ดูบิดเบี้ยวขึ้นเบื้องหน้าเขา

พื้นผิวผนังมีร่องรอยของสีเทาจางๆ ที่เกิดจากลาวา มันไหลหยดย้อยลงมาจากพื้นดินเบื้องบน กลายเป็นรอยรูปทรงกระบอกคดเคี้ยวยาวลงไปเบื้องล่าง

นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อลาวาไหลผ่านชั้นผิวของหิน

ความเป็นจริงอันน่าทึ่งบังเกิดขึ้นในกลางใจของกู่ฉิงซาน

ลาวาเหล่านี้แท้จริงแล้ว ต้นกำเนิดของมันหยดย้อยลงมาจากพื้นผิวดินเบื้องบน แล้วกัดกร่อนลึกลงมาถึงพื้นดินใต้พิภพเบื้องล่าง!

“ดูท่าว่าจะไม่ผิดพลาดแล้ว ธารลาวาทั้งหมดที่ข้าพบเจอมาเมื่อครู่ แท้จริงแล้วคือฝนเพลิงที่แทรกตัวลงมาจากพื้นดินเบื้องบน ลงมาจนถึงที่นี่อย่างนั้นสินะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

สองดาบยาวส่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นพร้อมกัน

“มันคือฝนเพลิงจริงๆ ด้วย…ว่าแต่นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน…” กู่ฉิงซานเอ่ยงึมงำ

โดยปกติแล้วลาวามักจะเย็นลงอย่างรวดเร็วยามที่มิได้อยู่ควบรวมกันอย่างหนาแน่น แต่ลาวาเหล่านี้ แม้จะหยดย้อยลงในรูปแบบของฝนเพลิง กัดกร่อนลงมาเบื้องล่าง ทว่ามันกลับยังคงไว้ซึ่งความร้อน แผดเผาผ่านชั้นผิว และกัดเซาะลึกลงมาใต้ดินอย่างต่อเนื่องได้

ลาวาเหล่านี้ที่พวกมันยังสามารถรักษาอุณหภูมิของตนเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง มีเพียงแค่วิญญาณธรรมชาติหรือถูกเสริมอำนาจโดยพลังวิญญาณเท่านั้นที่สามารถทำได้

แต่ใครกันเล่าที่จะสามารถดลบันดาลจนก่อให้เกิดฝนเพลิงอันน่าสยดสยองเช่นนี้ขึ้นมาได้?

ต้องรู้นะว่าฝนเพลิงบนท้องฟ้า มิเคยหยุดนิ่ง อย่างมากที่สุดก็แค่หายวับไปชั่วขณะหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่พลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธมิอาจจ่ายออกเพื่อรังสรรค์มันขึ้นมาได้

ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้ แม้ว่าจะเป็นตัวตนอันน่าเกรงขามอย่างสามปราชญ์ก็ตามที พวกเขาก็มิอาจบรรลุการกระทำเช่นนี้ได้!

กู่ฉิงซานขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กลับเห็นว่าสองดาบยาวกำลังโฉบมาบินวนรอบตัวเขาไม่หยุด

“เข้าใจแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

เขาจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในจิตใจ และก้าวเข้าสู่ปากถ้ำลาวาอีกครั้งพร้อมกับสองดาบยาวที่บินนำไป

ช่วงระยะเวลาการเดินทางที่ยาวนานและยากลำเบิกเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

......................................................