webnovel

0236 ระหว่างชีวิตนิรันดร์กับเทพธิดา

ตอนที่ 236 ระหว่างชีวิตนิรันดร์กับเทพธิดา

หลิวชีหมานหันไปมองรอบๆ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นห้องน้ำสาธารณะ เธอรีบปรี่เข้าไปและปิดประตูตามทันที

เธอวาดมือออก สายตาจดจ้องอยู่แต่กับแหวนทองคำ จิตนึกคิดเริ่มฟุ้งซ่านเล็กน้อย

‘หากสัมผัสได้ว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย ก็สามารถเปิดใช้งานมันได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างนั้นสินะ…’

เธอปลุกเร้าพลังของธาตุทั้งห้า และส่งผ่านไปยังแหวนอย่างอ่อนโยนเพื่อทำการกระตุ้นมัน

แล้วทันใดนั้นเอง จู่ๆ ตัวแหวนก็สาดรังสีแสงสีทองออกมา แทบจะในวินาทีเดียวกัน ทั้งคนทั้งร่างของหลิวชีหมานก็หายตัวไป

ปุก!

เสียงของร่างหนึ่งตกลงมาจากกลางอากาศที่ว่างเปล่าอย่างนุ่มนวล

เธอถูกส่งกลับมายังสังเวียนเกมแห่งชีวิตนิรันดร์อีกครั้ง

ทว่าบนสังเวียนในเวลานี้ ไร้ซึ่งแสงสว่างจากโคมไฟ ไร้ซึ่งผู้คน ไร้ซึ่งสรรพเสียง เงียบงันราวกับว่าทุกสิ่งอย่างได้ตายลงไปแล้ว

หลิวชีหมานหันไปมองรอบๆ แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่าๆๆ ทุกอย่าง...ทุกอย่างมันไม่ใช่ความฝัน!”

“ฉันได้ครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์!”

“ครอบครองพลังวาร์ปที่สามารถใช้หลบหนีได้ตลอดเวลา!”

“กระทั่งธาตุดินที่ครอบครองก็ยังเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขั้นสี่ ‘เพรียกดารา’!”

“ในโลกนี้ไม่มีอะไรให้ฉันรู้สึกเสียใจหรือเสียดายอีกแล้ว!”

เธอวิ่งเต้นรอบสังเวียน หัวเราะคิกคักอย่างคนวิปริต และจำต้องใช้เวลาสักพักจึงจะสงบลง

ในเวลานั้นเอง เสียงชราภาพก็ดังขึ้นมาอย่างช้าๆ

“ดูนั่นสิ ที่แท้ก็เป็นแชมป์เปี้ยนของพวกเราที่มาเยี่ยมเยือนนี่เอง เป็นยังไง ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”

“ดีมากๆ เลย ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยรู้สึกมาในช่วงชีวิตนี้” หลิวชีหมานตอบอย่างตื่นเต้น

“ฉากการแสดงท่าทีของเจ้าเมื่อครู่ช่างเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับพวกเรายิ่งนัก หากข้าจะฉายมันในช่วงเปิดตัวเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งถัดไป ให้คนทั้งโลกได้เห็น เจ้าคิดว่ายังไง?” เสียงชราเอ่ยถาม

“ไม่นะ! ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นได้เห็นท่าทีน่าเกลียดๆ เมื่อกี้นี้ และที่สำคัญ ตอนนี้คุณควรจะส่งฉันกลับไปได้แล้ว” หลิวชีหมานคัดค้าน

“เข้าใจแล้ว พวกเราจะส่งเจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้แหละ” เสียงชราเอ่ย

และทั้งคนทั้งร่างของหลิวชีหมานก็หายวับไป

ความเงียบงันกลับคืนสู่สังเวียน

ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบดังลอดออกมาจากที่ใดสักแห่งหนึ่ง

“ช่างเป็นทาสที่ไม่รู้จักเชื่อฟัง…”

“ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคำขอของนาง จงใช้ฉากเมื่อครู่นี้ฉายออกไป เพื่อสร้างความไว้วางใจแก่พวกมนุษย์ จะได้ดึงดูดจิตวิญญาณของพวกมันมาได้มากขึ้น”

“ถูกต้องแล้ว นับตั้งแต่ที่ได้ชีวิตนิรันดร์ไป ชีวิตของนางก็มิใช่ของนางแล้วอีกต่อไป”

แต่ในวินาทีต่อมา เสียงสนทนาของทั้งสองก็ต้องหยุดลง

หลิวชีหมานปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในสังเวียน เธอหันไปมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น

“นี่มันเจ๋งไปเลย! พลังแบบนี้มันแทบจะเรียกได้เลยว่าเป็นพลังของพระเจ้า!” เธอกรีดร้อง

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถูกส่งกลับไปยังโลกจริงอีกครั้ง

และเสียงทั้งสองก็เริ่มกลับมาหารือกันอีกครั้ง

“เจ้าจะปล่อยให้นางใช้พลังของเราอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ?” เสียงหนึ่งเอ่ยถาม

“ไม่มีทางซะล่ะ! แต่มารดากระดูกโลหิตยังคงอยู่ในช่วงเติบใหญ่ ตัวมารดายังต้องการอาหารบำรุงอีกมาก ตอนนี้ก็จำยอมให้นางมนุษย์กระทำตามใจตัวเองไปก่อน อย่าลืมนะว่าเรื่องที่น่ากังวลจริงๆ ก็คือเจ้าตัวตลกที่น่ารังเกียจนั่นต่างหาก”

“นั่นสินะ พวกเราต้องยอมให้นังทาสผู้ไม่เชื่อฟังนี้ใช้พลังจากแหวนไปก่อน เพื่อที่จะรับรองความปลอดภัยของนาง ว่าจะไม่ถูกสังหารลงโดยตัวตลกนั่น”

และเสียงหารือก็จำต้องเงียบลง

เพราะร่างของหลิวชีหมานได้วาร์ปกลับมาบนสังเวียนอีกรอบ

หลิวชีหมานสับสันคอชายคนหนึ่งจนหมดสติ และลากเขาเข้ามาในมุมหนึ่งที่ไร้ซึ่งผู้คน

เธอเปิดกระเป๋าสะพายหลังของชายคนนั้น รื้อค้นข้าวของของอีกฝ่ายทีละชิ้น ทีละชิ้น

“บ๊ะ! ทำไมถึงไม่รู้จักพกของกินมาบ้างเลย สักชิ้นก็ไม่มี” เธอขมวดคิ้ว

เมื่อนำสมองควอนตัมส่วนบุคคลของอีกฝ่ายออกมา เธอก็พบว่ามันอยู่ในสถานะล็อก ไม่สามารถเข้าถึงในส่วนการใช้งานได้…และนั่นหมายความว่าเธอไม่สามารถขโมยเงินจากในสมองควอนตัมของเขาได้!

หลิวชีหมานขว้างสมองควอนตัมของอีกฝ่ายกระแทกลงกับพื้นด้วยความโกรธ

โดยที่เจ้าตัวไม่ทันสังเกตเลยว่า สมองควอนตัมที่ถูกล็อกเมื่อครู่ ได้ถูกปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจอม่านแสงจะไม่สว่างขึ้น ทว่ากระบวนการทั้งหมดในฉากนี้ ได้ถูกบันทึกและส่งข้อมูลของมันลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าเบื้องบน

ภายในเฉินเตี้ยนเฮ่า

ภาพบนจอม่านแสงนับพันนับหมื่นที่เลื่อนผ่านอย่างรวดเร็วพลันหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน

ตามด้วยเสียงของเทพธิดากงเจิ้งที่ดังขึ้น

“ระงับการเปิดใช้งานโปรแกรมเฝ้าระวังมนุษย์”

“บังเกิดความผิดปกติของสมองควอนตัมหมายเลขสามแสนห้าหมื่นสองพันเก้าร้อยเจ็ดสิบสี่ภาพวิดิโอที่ทำการบันทึกไว้ได้ถูกส่งมา เปรียบเทียบคลื่นสมองอันเป็นเอกลักษณ์ พบเค้าโครงใบหน้าบางส่วนที่ตรงตามเป้าหมาย”

“ทำการยืนยันเป้าหมาย”

“ทำการระดมกล้องเฝ้าระวังทั้งหมด และลอบติดตามเป้าหมายต่อไป”

“ตรวจพบว่าครั้งนี้เป้าหมายไม่ได้หายตัวไป และระยะเวลาในการคงอยู่ในโลกจริงยาวนานกว่าในช่วงสี่ครั้งก่อนหน้า”

“โปรแกรมส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์เริ่มเปิดใช้งานแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง

“เจอเป้าหมายแล้ว และพบว่าคราวนี้เธอไม่ได้ทำการวาร์ปหนีไปในทันที”

ซางหยิงฮ่าวลุกขึ้น และบี้มวลบุหรี่ที่สูบอยู่

“ตกลง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง พวกนายรอฟังข่าวจากฉันก็แล้วกัน”

“เหลียวฮัง ใช้เครื่องจัมป์ส่งเขาไปยังเมืองนั้นที” กู่ฉิงซานกล่าว

“จัดให้เลย!” เสียงของเหลียวฮังดังออกมาจากสมองควอนตัม

ซางหยิงฮ่าวยกเครื่องจัมป์ส่วนตัวของเขาขึ้นมากอด และหายวับไปต่อหน้ากู่ฉิงซานกับแอนนาอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้หลิวชีหมานรู้สึกหดหู่จริงๆ

นี่มันก็ผ่านไปนานกว่าสิบชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่เธอได้เข้าร่วมแข่งขันท้าทายในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ และเธอก็ได้ใช้พลังงานออกไปเป็นจำนวนมาก แต่จนถึงตอนนี้ กลับยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเธอเลย

ความจริงแล้วในแง่ของสภาวะร่างกาย ต่อให้ไม่ได้กินอะไรไปอีกวันหรือสองวัน มันก็ไม่ได้ส่งผลร้ายใดๆ ต่อตัวเธอ

แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันเธอถึงรู้สึกหิว

เป็นความรู้สึกหิวที่เสียดลึกเข้าไปถึงไขกระดูก

แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาแล้ว เงินธนบัตรมันเป็นได้กลายเป็นเพียงกระดาษไร้ค่า ไม่มีใครใช้งานมันอีกต่อไปแล้ว

ทุกคนจับจ่ายซื้อขายด้วยสมองควอนตัม

หากทำสมองควอนตัมหายหรือลืมพกมันมา ผู้คนก็ยังสามารถใช้จ่ายด้วยการใช้มือเปล่ายืนยันตัวตนได้อยู่ดี

เพราะคลื่นสมองของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป เหมือนดั่งเช่นลายนิ้วมือ

ผู้คนจะเดินไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์ จากนั้นก็จะถูกสแกนสมองควอนตัมของแต่ละคน แล้วจากนั้นก็จะทำการสแกนคุณคลื่นสมองของพวกเขาที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละส่วนบุคคลอีกครั้ง การชำระเงินก็จะถือว่าเสร็จสมบูรณ์

ตัวธนาคารจะทำการหักแต้มเครดิตโดยตรงจากปลายทาง

ช่วงที่ผ่านมา หลิวชีหมานมักจะนำสมองควอนตัมส่วนบุคคลของตนเองไปทำการดัดแปลงและทำการจับจ่ายซื้อขายในตลาดมืดอยู่เสมอ แต่หลังจากที่ชนะการแข่งขันท้าทาย และได้กลายมาเป็นแชมป์เปี้ยนที่มีชีวิตนิรันดร์ เธอก็ไม่ลังเลเลยที่จะโยนมันทิ้งไป

นั่นเพราะการใช้จ่ายในตลาดมืด เธอจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในแต่ละครั้ง ข้อมูลส่วนบุคคลของเธอจะรั่วไหลออกไปมากขนาดไหน

แถมยังมีพวกแฮ็กเกอร์ไร้ยางอายที่รู้วิธีการเจาะระบบเข้ามาในทางประตูหลังของสมองควอนตัมอีก

ตามปกติเธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจเกี่ยวกับมัน แต่ตอนนี้ตัวเธอได้กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลกไปแล้ว

ดังนั้นหากเธอยังคงดึงดันที่จะเก็บสมองควอนตัมของตนเองเอาไว้และใช้งานมัน ไม่นานเธอย่อมต้องถูกค้นพบโดยกองกำลังต่างๆ อย่างแน่นอน

แม้ว่าจะมีแหวนเคลื่อนย้ายที่สามารถวาร์ปได้อย่างต่อเนื่องก็ตามที แต่เมื่อสมองควอนตัมถูกเจาะระบบเข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว มันย่อมต้องถูกเจาะเข้ามาได้อีกครั้งอย่างง่ายดายเป็นธรรมดา

และนั่นหมายความว่า เธอจะต้องถูกตามล่าอย่างไม่หยุดยั้ง โดนล่าไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งเวลาเข้าห้องน้ำหรือนอนหลับพักผ่อนก็ยังไม่มี

นอกจากนี้ ในโลกบ้าๆ ใบนี้ยังมีพวกเทคนิคเทียนซวนอันแปลกประหลาดอีก อาจจะมีบางคนที่สามารถค้นหาร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ของเธอพบก็เป็นได้

‘หรือว่าฉันจะตัดสินใจขโมยอาหารไปเลยดีไหม?’

‘ไร้สาระ ฉันเป็นถึงมืออาชีพ เป็นผู้ใช้ธาตุทั้งห้าขั้นสี่เชียวนะ เป็นถึงผู้ครอบครองชีวิตนิรันดร์ มันจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อความอยู่รอด ต่อให้ครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วในอนาคตเล่า?’

ความตื่นเต้นในช่วงแรกเริ่มได้จากไปแล้ว หลิวชีหมานเริ่มกลับมามีสตินึกคิดได้มากขึ้น

เธอลูบแหวนบนนิ้วมือ และตัดสินใจใช้มันอีกครั้ง จากนั้นก็ให้เสียงชราส่งตัวเองกลับมายังโลกจริงในสถานที่อื่นอีกที

เมื่อถูกส่งกลับมาอีกรอบ แน่นอนว่าสถานที่ที่ถูกส่งกลับมาย่อมเป็นแบบสุ่ม ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเธอในตอนนี้ก็คือยานพาหนะขนส่งที่จะใช้ในการเดินทาง

เธอลดหมวกลงมาปิดบังใบหน้า และมองหาสถานที่ที่จะมียานพาหนะให้ขโมยไปตลอดทาง จนพบกับลานจอดรถเหินเวหาขนาดใหญ่

เธอเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ตามจุดบอดของกล้องเฝ้าระวัง แนบชิดติดผนังในมุมมืด ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

พลังของธาตุทั้งห้าในกายเธอถูกเตรียมเอาไว้พร้อมอยู่ตลอดเวลา

หากมีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น หลิวชีหมานก็จะกระตุ้นแหวนและวาร์ปหนีออกไปจากที่นี่ทันที

ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ สายตาขอเธอก็หันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเปิดประตูรถเหินเวหา แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปข้างใน

ชายคนนั้นยืนอยู่หน้าประตูรถเหินเวหา ในมือถือสมองควอนตัม ดูเหมือนว่าเขาพูดคุยกับใครบางคนอยู่

“ผมก็แค่คิดว่าหากผมมาที่นี่ด้วยตัวเองมันจะดูจริงใจมากขึ้นก็เท่านั้นเอง

“…ในรอบนี้ผมจะต้องไปฟังผลสรุปการผ่าตัดจากผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเอง”

“…ใช่แล้วล่ะ วันนี้ผมกำลังจะไปโรงพยาบาลในเมืองหลวง โอ้ แค่นี้ก่อนนะ ผมต้องไปแล้วล่ะ...”

หลิวชีหมานลังเลเพียงเสี้ยววินาที และเริ่มเคลื่อนไหวทันที

มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ชายคนนั้นวางสายพอดิบพอดี สันคอของเขาถูกเคาะด้วยด้ามมีดจนสลบเหมือด จากนั้นก็ถูกลากเข้าไปในรถเหินเวหา

กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ และจุดลงมือก็เป็นจุดบอดของกล้องวงจรปิด นั่นหมายความว่าย่อมไม่มีทางถูกตรวจเจอโดยใครอย่างแน่นอน

แม้กระทั่งตัวชายคนนี้ ก่อนที่จะทันได้สลบไป เกรงว่าเขายังไม่แม้แต่จะมองเห็นว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นด้วยซ้ำ

ไม่มีเลือด ไม่มีเสียงกรีดร้อง และจอภาพในกล้องวงจรปิดของลานจอดรถก็ไม่พบเจอกับความผิดปกติใดๆ

นี่แหละคือการเคลื่อนไหวของมืออาชีพ เป็นการเคลื่อนไหวแบบลอบสังหารที่สมบูรณ์แบบ!

หลิวชีหมานปิดประตูรถเหินเวหา

เธอกำลังจะฆ่าชายคนนั้น แต่ดันได้ยินถึงเสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ของตัวรถดังออกมาเสียก่อน

“ตามบันทึกประจำวันของคุณ ขอแจ้งเตือนว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องไปพบกับผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลเมืองหลวง”

มือที่กุมมีดของหลิวชีหมานหยุดค้างลงกลางอากาศ

เธอคลำตามตัวของชายคนนั้นและหยิบเอาสมองควอนตัมส่วนบุคคลของอีกฝ่ายออกมา

โชคยังดีที่อีกฝ่ายพึ่งวางสายไป ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามากพอที่จะปิดมัน

หลิวชีหมานลากหัวข้อบัตรสุขภาพส่วนบุคคลของชายคนนั้นออกมาอ่าน

‘มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจมาเป็นเวลายาวนานกว่าสิบปีแล้ว’

‘เข้ารับการรักษากับโรงพยาบาลเป็นร้อยๆ ครั้ง และทำการผ่าตัดไปแล้วสองครั้ง’

หลิวชีหมานถกแขนเสื้อของชายคนนั้นขึ้นมาและพบกับสร้อยข้อมือที่มักจะสวมให้ผู้ป่วยในทางการแพทย์

สร้อยข้อมือทางการแพทย์จะช่วยตรวจสอบข้อมูลหัวใจของชายคนนี้ตลอดเวลา มันมีหน้าที่ทำการประสานกับศูนย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งบุคลากรทางแพทย์มาให้การช่วยเหลือ

ถ้าหากถอดสร้อยข้อมือนี้ออกหรือสังหารอีกฝ่ายลงในทันที ศูนย์ฉุกเฉินก็จะได้รับการแจ้งเตือน และอาจวินิจฉัยว่าเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นกับหัวใจของชายคนนี้

และหุ่นยนต์ช่วยเหลือก็จะมายังที่นี่อย่างรวดเร็ว

‘ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะทำอย่างไรดี?’ หลิวชีหมานคิด

.....................................................