webnovel

0223 ของขวัญ

ตอนที่ 223 ของขวัญ

ท่ามกลางความว่างเปล่า จู่ๆ ก็ปรากฏโซ่ตรวนสีดำ พุ่งเข้าปะทะกับมือของเธออย่างแรง

พระสันตะปาปารีบชักมือกลับ และไม่คิดจะดึงไพ่อีกต่อไป

โซ่ตรวนสีดำหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ สลายไป

“ชีวิตก็เหมือนดั่งกล่องช็อกโกแลต ที่ไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้รับช็อกโกแลตรูปทรงใดจนกว่าจะเปิดมันสินะ...” พระสันตะปาปากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย

“ขีดจำกัดสูงสุดของไพ่คือสามใบ? ช่างมันเถิด แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

เธอมองไปยังไพ่ในมือของเธอ

ขอบไพ่ถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกสีดำ

ใจกลางไพ่เป็นภาพเสมือนของบุคคลคนหนึ่ง

สีหน้าท่าทีของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง สองมือยกขึ้นกุมหูในช่วงเวลาที่สีหน้าเผยถึงความเจ็บปวด ทว่ากลับเต้นแร้งเต้นกาด้วยความสุข ในยามที่สีหน้าเผยถึงความปีติยินดี

พระสันตะปาปาถือไพ่ใบนั้น และโยนมันไปทางกู่ฉิงซาน

แล้วไพ่หายไปอย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางความว่างเปล่า

กู่ฉิงซานที่กำลังทะยานอยู่กลางเวหา ทั้งคนทั้งร่างจู่ๆ ก็รู้สึกราวกับถูกอะไรบางอย่างกระชากไปมาอย่างกะทันหัน ตามด้วยชั้นหมอกสีดำที่ผุดออกอย่างรวดเร็วและโถมเข้าปกคลุม โอบรอบตัวเขาเอาไว้

“จบซะที” พระสันตะปาปากล่าว

ทว่าในวินาทีต่อมา จู่ๆ ร่างของกู่ฉิงซานก็เปล่งประกายแสงวาวโรจน์ออกมา

ในความว่างเปล่า ปรากฏภาพท้องฟ้าที่โปรยปรายไปด้วยสายฝน พื้นเบื้องล่างเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์และสรรพสัตว์ต่างๆ ตามมาด้วยร่างเงาของธรรมพิทักษ์ทั้งหกที่ในมือถืออาวุธแตกต่างกันออกไป

ธรรมพิทักษ์ทั้งหกวนเวียนอยู่รอบกายกู่ฉิงซาน ปากเอ่ยตะโกนก้องเป็นเสียงเดียวกัน “ฮ่า!”

หมอกดำที่ปกคลุมกู่ฉิงซานส่งเสียงครวญอันน่าสยดสยอง ก่อนจะแตกฮือกระจัดกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว มิอาจเห็นแม้กระทั่งรอยของพวกมันได้อีกเลย

และร่างของกู่ฉิงซานก็หายไปด้วยเช่นกัน

“เขาหายตัวไปอีกแล้ว? หรือว่านี่จะเป็นเทคนิคเทียนซวนประเภทมิติ?” พระสันตะปาปาเอ่ยด้วยความประหลาดใจ

ในขณะเดียวกัน ฮัทท์ที่กำลังยื่นโล่ใบใหญ่ออกมาปกปักเบื้องหน้า ก็ถอนหายใจโล่ง ปากเอ่ยกล่าว “ข้าได้พิพากษาแล้วว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในที่แห่งนี้...เป็นปีศาจร้าย ”

ฮัทท์เปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาคำหนึ่ง

เขาบังเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณแผ่นหลังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เจ็บปวดด้วยคมดาบ!

ความเจ็บปวดที่เกิดจากคมดาบนั้นไม่นับว่าเป็นอะไร ฮัทท์สามารถทนแบกรับมันได้ไหว แต่ปัญหาก็คือกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเข้ามาในร่างกายต่างหาก มันทำให้เขาชะงักงัน และสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปทันที

สายฟ้าเล่ยเดี๋ยน พลังศักดิ์สิทธิ์ ‘สูญสิ้นการควบคุม!’

“อ๊าาาา”

ฮัทท์ชักกระตุกอยู่กลางอากาศ

ประตูหลุมดำที่พึ่งถูกหล่อหลอมขึ้นได้ไม่นานด้วยหลุมดำขนาดเล็กน้อยใหญ่ พากันกระจัดกระจายออกไปและกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมของพวกมัน

‘สูญสิ้นการควบคุม’ สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามผงะได้หนึ่งวินาทีเท่านั้น

ทว่าหนึ่งวินาทีสำหรับกู่ฉิงซาน รู้ไหมว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง?

สำหรับเขาอย่างน้อยเวลาแค่นี้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะฟาดฟันอีกสามเพลงดาบของ กระบวนท่าที่สี่ ‘สะบั้นต่อเนื่อง’ จนครบ

เกือบจะในทันที ดาบยาวในมือของกู่ฉิงซานก็จ้วงแหวกอากาศ ทิ่มแทงลงบนร่างฮัทท์ถึงสามครั้ง!

เจ็ดดาบได้ถูกฟาดฟันจนครบ ไม่มีพลาดพลั้ง!

การจะกระทำได้ถึงขนาดนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย ไม่เพียงฮัทท์จะเป็นถึงนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังมีโล่ที่ได้จากคำอวยพรของพระสันตะปาปาอยู่ในมืออีกด้วย

ทว่ากู่ฉิงซานกลับยังคงสามารถเชื่อมต่อกระบวนท่าทั้งเจ็ดเข้าด้วยกันได้!

บนดาบพิภพ เจ็ดแสงจรัสเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง มันเวียนว่ายฉวัดเฉวียนและส่งเสียงหอนฮูมๆ ดังออกมา

พระสันตะปาปาไม่อาจนั่งนิ่งดูดายอีกต่อไป เธอส่งเสียงฮึฮะเบาๆ และกล่าว “บาปของเจ้ามันหนักหนาเกินไป คงต้องเพิ่มโทษทัณฑ์ให้มากขึ้นอีกสักเล็กน้อย”

เธอดึงไพ่อีกใบออกมาอีกครั้ง

บนไพ่ เป็นรูปของชายนักสู้คนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีแดงหรูหรา

พระคาร์ดินัล คิดด์

ในหลายปีมานี้ ไม่มีผู้ใดเลยที่จะหลบหนีจากการปิดล้อมโจมตีของฮัทท์กับคิดด์ได้

พระสันตะปาปาถือไพ่ในมือ และกำลังจะโยนมันออกไป

แต่แล้วจู่ๆ กู่ฉิงซานก็หายตัวไปจากกลางอากาศ และปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเธออย่างกะทันหัน

ปราณดาบที่ดูราวกับ ‘สูญสิ้นการควบคุม’ กำลังไหลเชี่ยวเอ่อล้นออกมาจากร่างของเขา ก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนลมวนที่เย็นสบายอยู่รอบตัว

บนตัวของกู่ฉิงซานยามนี้เต็มไปด้วยท่วงทำนองอันมหัศจรรย์

นอกจากนี้ยังมีกระแสไฟฟ้าแปลบปลาบจางๆ ของ ‘สูญสิ้นการควบคุม’ เข้าไปปะปนอยู่กับปราณดาบท่ามกลางกระแสลมวนอีกด้วย และมันกำลังดูดซับแก่นแท้ของปราณดาบในกระแสลมวนที่ว่าอย่างต่อเนื่อง

ห้วงเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

ในขณะนี้ พึ่งผ่านพ้นไปเพียงครึ่งลมหายใจ ทางฝั่งฮัทท์ก็กำลังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ทางฝั่งพระสันตะปาปาก็พึ่งดึงไพ่ขึ้นมาในมือและกำลังเตรียมจะโยนมันออกไป

ส่วนกู่ฉิงซาน ขณะนี้ดาบในมือถูกกุมจนแน่น ทั้งกายใจเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว

สายตาของพระสันตะปาปาจ้องมองไปยังอีกฝ่าย และจู่ๆ ก็บังเกิดภาพนิมิตขึ้นในทันใด

ในนิมิตราวกับว่าโลกทั้งใบเลือกที่จะยืนหยัดอยู่ฟากเดียวกันกับเขา

ระหว่างกระบวนการทั้งหมด เธอดูเหมือนว่าจะเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง

“นี่มันลางร้าย...แบบนี้ไม่เข้าท่าแล้ว!”

ไพ่ใบใหญ่ปรากฏขึ้นมาเบื้องหลังเธออย่างฉับพลัน

มันคือไพ่สีทอง ที่บนไพ่เป็นรูปของนางฟ้า ในมือถือคทาไม้เท้า กำลังร่อนลงมาจากสรวงสวรรค์

และพริบตาที่ไพ่สีทองปรากฏขึ้น โซ่ตรวนสีดำก็หลุดลอกออกจากร่างกายของพระสันตะปาปา แตกสลายไปในชั้นอากาศบางๆ ทันที

เพียงเสี้ยววินาที พระสันตะปาปาก็ได้กำจัดผนึกแห่งโชคชะตาและเป็นอิสระจากมันแล้วโดยสมบูรณ์

สองมือของเธอประกบเข้าหากัน และไพ่สีทองก็ร่วงหล่นลงมาลอยเด่นอยู่เหนือหัวเบื้องหลังเธอพอดิบพอดี

แสงศักดิ์สิทธิ์งดงามและยิ่งใหญ่ เปล่งประกายออกมาจากร่างกายเธอ

กำแพงพิสุทธิ์แห่งทวยเทพ!

ช่วงเวลาเดียวกัน ปราณดาบที่เวียนวนพันรอบกายของกู่ฉิงซานก็มลายหายไป

เลือดทะลักออกมาจากทุกรูขุมขนรอบตัวเขา กล้ามเนื้อเริ่มปริแตกฉีกขาด ภายใต้แรงกดดันที่มองไม่เห็น บังเกิดความเจ็บปวดนับพันหมื่นราวกับตกตาย

“ฮู่ว!”

ทั้งร่างกายสาดหมอกเลือดออกมาอย่างรุนแรง เปลี่ยนกู่ฉิงซานให้กลายเป็นมนุษย์เลือดในทันทีทันใด

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านและกำลังจะล้มลง

แต่ตอนนี้ คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด และเขามิอาจผ่อนปรนได้ มิฉะนั้นแล้วความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็จะสูญสลายไปทั้งหมด!

กู่ฉิงซานขบฟันแน่น สองมือกระชับด้ามดาบ ฟาดสะบั้นออกไปยังเบื้องหน้า

ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว

ประกายสายฟ้าระเบิดออก สาดสะท้อนแสงและเงา กระจายไปทั่วทั้งห้อง

เจ็ดดารามังกรแหวกธารา!

เจ็ดแสงจรัสทั้งหมดที่เวียนว่ายอยู่บนใบดาบหายวับไปอย่างฉับพลัน

มันถูกแทนที่ด้วยหัวมังกรขนาดยักษ์ที่แลดูดุร้าย แปลบปลาบไปด้วยสายฟ้าสีเงิน

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง หัวมังกรก็ผุดออกมาจากใบดาบ ปากอ้ากว้างและงับทั้งคนทั้งร่างของพระสันตะปาปาเข้าไปในคราเดียว

ถัดจากหัวมังกร ร่างกายที่คดเคี้ยวของมันก็เริ่มปรากฏขึ้น สัดส่วนต่างๆ ถูกหลอมรวมขึ้นจากรัศมีดาบและสายฟ้า ทะยานออกมาจากดาบพิภพ

มังกรสายฟ้า!

มังกรสายฟ้างับเข้าใส่พระสันตะปาปา พุ่งขึ้นไปเบื้องบน ทำลายชั้นหลังคา ทะยานขึ้นไปสู่ฟากฟ้า

ฮัทท์ยังคงผงะอยู่กลางอากาศ และโดนลูกหลงของมังกรสายฟ้า ทั้งคนทั้งร่างแปรเปลี่ยนเป็นภาพติดตา ถูกกวาดหายไปอย่างไร้ร่องรอย

มองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไร้ที่สิ้นสุด ปรากฏร่างของมังกรที่แปลบปลาบไปด้วยประกายสายฟ้า ในปากของมันงับบางสิ่งที่เปล่งแสงสีขาวนวลสดใส แหวกว่ายไปมาอย่างไม่รู้จบ

มังกรสายฟ้าดูเหมือนจะต้องการกลืนกินแสงสีขาวนวลเข้าไปในท้องของตน แต่ไม่ว่ามันจะทำอย่างไร กลุ่มแสงนั้นก็ยังคงติดตรึงอยู่ภายในปากของมัน มิมีทีท่าว่าจะยอมถูกเขมือบลงไปง่ายๆ

หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจต่อมา แสงสีขาวนวลก็เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์อันร้อนแรง

ไม่สิ ต้องบอกว่าแสงสีขาวที่ว่านั่นเปล่งประกายจนสามารถเข้ามาแทนที่ดวงอาทิตย์ได้เลยต่างหาก

ชั่วเวลานี้ ทั่วเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกลับกลายจากเที่ยงคืนอันมืดมิด เป็นเที่ยงวันในยามเช้าอันสดใส

ผู้คนต่างแหงนหน้าขึ้นมองดูฉากอันตระการตานี้ด้วยความประหลาดใจ

ลมหายใจต่อมา มังกรสายฟ้าก็กรีดร้องด้วยความไม่ยินยอม มันแตกสลาย กระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้า

กลุ่มก้อนแสงสีขาวชะลอแสงเจิดจ้าของมันลงจากกลางอากาศ ก่อนจะปรากฏให้เห็นถึงร่างของพระสันตะปาปา

ชุดคลุมของพระสันตะปาปาขาดวิ่น มันเสียหายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผ้าคลุมบนใบหน้าของเธอ มันถึงขั้นสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลุมลึกในดวงตาทั้งสองจ้องมองจากท้องฟ้าเบื้องบน ลงไปยังตึกคณะละครสัตว์เบื้องล่าง

“ถึงขั้นทำให้ข้าต้องงัดกำแพงพิสุทธิ์แห่งทวยเทพออกมา เจ้าเด็กนี่มันบ้าจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

“…ในโลกใบนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสกิลดาบที่สูงส่งเช่นนี้ดำรงอยู่”

เธอเอ่ยรำพึง

ท่ามกลางความว่างเปล่า ไพ่หลายสิบใบบินออกมา และตกอยู่ในมือของเธอ

“น่าสนใจดีนี่ ตอนนี้โซ่ตรวนแห่งโชคชะตาไม่ได้ผูกมัดข้าอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปข้าจะต้องทำให้เจ้าประสบพบเจอกับความทุกข์ทรมานที่ยิ่งกว่าตกตายเอง”

“ข้าจะกักตัวเจ้าไว้ และขุดคุ้ยความลับของเจ้า แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จะขุดออกมาให้หมด จากนั้นจึงจะปล่อยให้เจ้าตกตายอย่างน่าเวทนา”

พลังศักดิ์สิทธิ์สีนวลแพร่กระจายออกจากร่างกายเธอ และโอบอุ้มรอบกายเธออีกครั้งอย่างสมบูรณ์

พระสันตะปาปาเบนสายตาไปยังตำแหน่งที่หมาย แปรเปลี่ยนทั้งคนทั้งร่างของตนเองเป็นกระแสแสง พุ่งลงไปยังคณะละครสัตว์

ร่างของพระสันตะปาปาปรากฏตัวขึ้น สาดสายตามองไปยังกู่ฉิงซาน

เห็นแค่เพียงทั้งร่างของกู่ฉิงซานที่ท่วมไปด้วยเลือด กำลังเอนตัวพิงผนัง มิอาจขยับเขยื้อนตัวได้

บนผนังดูเหมือนว่าจะมีเครื่องจักรอะไรบางอย่างถูกติดตั้งเอาไว้อยู่ ทว่ากู่ฉิงซานได้ใช้ร่างของตนบดบังอย่างแข็งกร้าวจนมิสามารถมองเห็นได้ว่ามันคือสิ่งใด สัมผัสได้เพียงกลิ่นเหล็ก และน้ำมันเหลวที่ใช้ซ่อมบำรุงเท่านั้น

กู่ฉิงซานพ่นฟองเลือดออกมา และหันไปเอ่ยกับสมเด็จพระสันตะปาปาว่า “ผมมีของขวัญเล็กน้อย สำหรับคุณ”

และจู่ๆ ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็หายวับไปอย่างฉับพลัน

เบื้องหน้าของพระสันตะปาปา ปรากฏให้เห็นถึงชุดเครื่องจักรที่ดูซับซ้อนถูกฝังเอาไว้ในผนัง

จนกระทั่งเมื่อครู่ ปรากฏเสียง ‘ติ๊ก’ ‘ติ๊ก’ ดังออกมาจากมันอย่างต่อเนื่อง

พระสันตะปาปาก้าวไปยังเบื้องหน้า และเห็นว่าบนจอแสดงผล ปรากฏตัวเลขสีแดงสดกำลังนับถอยหลังอยู่

“สอง”

“หนึ่ง”

“ศูนย์”

วินาทีต่อมา เสียงระเบิดอึกทึกก็ดังสะท้อนสะท้านวาดผ่านขึ้นไปถึงบนท้องฟ้า

ทั่วอาคารคณะละครสัตว์ ทั้งหมดถูกกวาดทำลายล้างด้วยคลื่นกระแทกอันรุนแรง เมฆยักษ์สีดำผสมปนเปไปกับเปลวเพลิงสีทมิฬพวยพุ่งขึ้นไปบนชั้นฟ้า

...........................................................