webnovel

0218 มันถึงเวลา

ตอนที่ 218 มันถึงเวลา

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ผมคือทหารของสหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง ชื่อว่าจางเหรินเจี๋ย” กู่ฉิงซานกล่าวทักทาย

“มันเป็นความจริงหรือ ที่เจ้ากับอีวานทำการสอนสั่งกัน?”

“คือเรื่องมันเป็นเช่นนี้”

“อ๊ะๆ อย่าพึ่งพูดนะ ขอให้ข้าเดาก่อน” พระคาร์ดินัลเผยรอยยิ้มตระหนักรู้

กู่ฉิงซานเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร แต่ยังไงซะเมื่อการกระทำของเขาจะช่วยถ่วงเวลาให้มันนานขึ้น กู่ฉิงซานก็ยินดีที่จะปล่อยผ่านไปอย่างเงียบๆ

เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

แล้วคาร์ดินัลก็เริ่มเปิดปากพูด

“ไอ้โง่เง่าหุนหันพลันแล่นคนนั้น คงเห็นว่าเจ้าสวมใส่เครื่องแบบทหาร เลยเข้ามาพูดคุยและยั่วยุจากนั้นก็เริ่มขอทำการสอนสั่งล่ะสิ”

คาร์ดินัลเอียงคอและชี้นิ้วไปยังกู่ฉิงซาน “ข้ากล่าวถูกไหม?”

กู่ฉิงซานนึกไม่ถึงเลยว่าบทสนทนาจะออกมาในรูปแบบนี้ เขาถึงกับเผยท่าทีแปลกๆ ออกมา

เขาแสร้งทำท่าทีเป็นทำอะไรไม่ถูก ปากเอ่ยกล่าว “ข้อสันนิษฐานของคุณ ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลย ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบไอ้สิ่งที่เรียกว่าการสอนสั่งเป็นอย่างมากจริงๆ”

“แน่นอน! เขาชมชอบการสอนสั่งสุดๆ แม้กระทั่งตัวข้า เขาก็ยังกล้าที่จะยั่วยุ” ประกายแห่งความโกรธวาวโรจน์ขึ้นในดวงตาของพระคาร์ดินัล

เขาเอ่ยต่อ “เพราะฉะนั้นหลังจากที่มันได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้า เจ้าเลยมิอาจต้านทานคำยั่วยุของมันได้ และตัดสินใจสู้กับมัน”

“ตรงตามที่คุณว่ามาทุกประการเลย” กู่ฉิงซานเห็นด้วย

“มันคิดว่าตัวมันจะทำลายความเชื่อมั่นในตัวเองของเจ้าลงโดยสมบูรณ์ แต่ใครจะรู้สุดท้ายกลับเป็นตัวมันเองที่ไปเตะของแข็งเข้า และถูกเจ้าส่งปลิวออกไป”

“เป็นเช่นนั้น”

“ข้าคงต้องบอกว่าเจ้าทำได้ดีทีเดียว เพราะข้าเกลียดไอ้โง่นั่นเข้าไส้เลยล่ะ” พระคาร์ดินัลถอนหายใจ

กู่ฉิงซานก้มลงมองสมองควอนตัม

“หนึ่งนาทีห้าสิบเก้าวินาที” บนสมองควอนตัมแสดงตัวเลขนับถอยหลังออกมา

“ข้าว่า ข้ากับเจ้าเหมาะสมที่จะเป็นสหายกันจริงๆ” พระคาร์ดินัลผายมือออก เอ่ยปากกล่าว

“ได้ยินแบบนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” กู่ฉิงซานกล่าวรับ

ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ ท่าทีและน้ำเสียงของพระคาร์ดินัลก็เปลี่ยนไป “แต่! ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม อย่างไรเสียอีวานก็เป็นคนของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์…คนของข้า เนื่องจากเจ้าเลือกที่จะจู่โจมเขา มันจึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ข้ามิอาจเป็นสหายกับเจ้าได้”

“ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ สำหรับเรื่องนี้” กู่ฉิงซานกล่าว

พระคาร์ดินัล “การที่ชื่อเสียงของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ต้องได้รับความเสื่อมเสียเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ ข้าจำต้องกู้คืนความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าสาวกศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าหวั่นเกรงเพียงใด”

ปรากฏลวดลายสีแดงเข้มที่ดูงดงามหรูหราขึ้นใต้สองเท้าของเขา

นี่คือเทคนิคเทียนซวนอันลึกลับ พระวิญญาณบริสุทธิ์

คาร์ดินัลคิดด์ทะยานตัวขึ้น ทั้งคนทั้งร่างแปรเปลี่ยนเป็นภาพเงาลวงตา

เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสลด “แม้เจ้าจะทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจก็ตามที แต่ข้าเสียใจจริงๆ ที่จะต้องบอกว่า...จงทิ้งขาทั้งสองข้างของเจ้าไว้ที่นี่ซะ!”

คิดด์คว้าเอาแส้ยาวออกมา และตวัดมันไปยังทิศทางของกู่ฉิงซานด้วยเจตนาร้าย

“ในความเป็นจริงเราสามารถเปิดใจพูดคุยกันได้นะ เกี่ยวกับเรื่องไม่ดีอื่นๆ อีกมากมายของอีวาน” ระหว่างกล่าวกู่ฉิงซานก็ยกดาบพิภพออกมา ฟาดสวนกลับไปยังแส้ยาว

ทว่าแส้ยาวราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ มันเลื้อยผ่านดาบพิภพโดยตรง ฉีกอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว ตวัดไปยังกู่ฉิงซาน

เผี๊ยะ!

ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว เขาหลบการโจมตีอันคาดไม่ถึงนี้ได้ในพริบตา

“หืม?” คาร์ดินัลคิดด์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“เจ้าเคยมีประสบการณ์พบเห็นเทคนิคเทียนซวนของคริสตจักร มาก่อนแล้วอย่างนั้นสินะ?”

ขณะที่พูด แส้ยาวก็เลื้อยระบำราวกับงูพิษ โฉบโจมตีลงตามจุดสำคัญต่างๆ ของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานม้วนตัวหลบ ปลายดาบเกี่ยวขาเก้าอี้ และเหวี่ยงมันออกไป

เก้าอี้ลอยเคว้งกลางอากาศ วูบผ่านหน้าคิดด์โดยตรง ร่วงตกไปยังชั้นสอง

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว

นี่คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นถูกกระตุ้นตื่นโดยสมบูรณ์

‘พระวิญญาณบริสุทธิ์’ คือเทคนิคเทียนซวนอันลึกลับของคริสตจักร พลังของมันก็คือจะส่งผลให้ร่างกายและอาวุธของผู้ใช้กลายเป็นภาพลวงตา เป็นอิสระจากการโจมตีทั้งหมดในโลกแห่งความเป็นจริง

ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์’ กลับสามารถใช้ ทุกสิ่งของตนที่เป็นภาพลวงตา โจมตีศัตรูได้

หากกล่าวว่า ‘การไถ่บาป’ เป็นทักษะการต่อการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแล้วล่ะก็ ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์’ นับได้ว่าทรงพลังไม่แตกต่างกัน

ความเจริญรุ่งเรืองและเติบโตของคริสตจักร มักจะแปรผันอยู่กับเทคนิคเทียนซวนอันลึกล้ำที่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ยงคงกระพันพวกนี้

และผู้ศรัทธาที่ได้ครอบครองมัน ก็คือเหล่าสาวกศักดิ์สิทธิ์!

สาวกศักดิ์สิทธิ์จะได้รับการปลูกฝังฝึกฝนผ่านวิธีการลับตั้งแต่แรกเกิด จึงมีโอกาสสูงกว่าคนปกติที่จะสามารถปลุกเทคนิคเทียนซวนอันลึกลับเหล่านี้ได้

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นในกระบวนการนี้ ย่อมไม่พ้นน้ำยาปลุกเทียนซวนของราชวงศ์

คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ครอบครองต้นกล้าที่มีโอกาสปลุกเทคนิคเทียนซวนลึกลับได้ ส่วนราชวงศ์ก็ครอบครองสูตรน้ำยา ฉะนั้น นี่จึงเป็นที่มาของประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ในครั้งอดีต

ร่างของกู่ฉิงซานทะยานอยู่กลางฟ้า เขาทำการปรับเปลี่ยนสมญาไปเป็น ‘สิบห้าดาบ’

สำหรับศัตรูอย่าง “พระวิญญาณบริสุทธิ์” นี้ นับว่าเป็นดวงซวยของกู่ฉิงซานจริงๆ ที่พบเจอ มันเป็นอะไรที่ผู้ฝึกดาบต่อกรด้วยยาก

มีเพียงแค่ทักษะพิเศษของสมญาสิบห้าดาบ ‘คลื่นสั่นสะเทือน ’เท่านั้นที่สามารถส่งผลต่อศัตรูคนนี้ได้

เนื่องเพราะความสามารถของคลื่นสั่นสะเทือนก็คือ ในระหว่างกระบวนการโจมตี เขาจะสามารถสร้างความเสียหายแก่จิตเทวะของศัตรูได้

นี่คือทักษะพิเศษเพียงหนึ่งเดียวที่มิใช่ทักษะโจมตีทางกายภาพของเขา

เวลานี้กู่ฉิงซานยังไม่แกร่งมากพอ ยังมิได้ก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งนักดาบนิรันดร์ จึงยังไม่อาจครอบครองพลังที่สามารถสับสะบั้นได้ทุกสรรพสิ่งได้

“ผมไม่ได้ทำร้ายอีวานจนได้รับบาดเจ็บเสียหน่อย แล้วทำไมคุณถึงยังต้องการขาทั้งสองของผมอีก?” กู่ฉิงซานกล่าว

“ฮ่าๆๆ เจ้าอาจจะไม่รู้ก็ได้นะ ว่าทางคริสตจักรน่ะไม่อนุญาตให้ผู้ศรัทธาคนใดก็ตามล้มเหลว หลังจากนี้ เจ้าอีวานคงจะถูกลงโทษอย่างหนักในภายหลังอย่างแน่นอน” คาร์ดินัลคิดด์โบกมือ และเหวี่ยงแส้ลอบโจมตีโดยมิให้อีกฝ่ายทันได้ตั้งตัว

ฟุบ!

กู่ฉิงซานวูบตัวหลบ หันปลายคมดาบแทงสวบเข้าใส่คิดด์ ทว่าคิดด์กลับไม่แม้กระทั่งจะชายตามองมัน “การโจมตีแบบนี้น่ะไม่มีทาง”

คำเอ่ยของเขาขาดห้วงไปอย่างกะทันหัน

ดาบยาวยังคงทิ่มแทงอยู่ในอากาศที่ว่างเปล่า ทว่าสีหน้าของคาร์ดินัลคิดด์กลับเผยถึงร่องรอยของความเจ็บปวดเล็กน้อย

จิตใต้สำนึกของเขาสั่งการให้มือยกขึ้นมาอังจมูกโดยไม่รู้ตัว

แล้วก็พบว่ามีเลือดไหลออกมา

“นี่แกสามารถทำร้ายข้าได้?” เขาก้มลงมองเลือดที่ติดอยู่บนนิ้วมือ เอ่ยปากกล่าวราวกับคนไร้สติ

ตามด้วยรังสีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่จู่ๆ ก็เปล่งประกายเจิดจ้า ปะทุขึ้นมาจากทั้งร่างของเขา

ทันใดนั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น

“ครบเวลาที่กำหนดแล้ว จะเริ่มต้นทำการจัมป์ในไม่ช้า แต่ยิ่งไปกว่านั้น ใต้เท้าโปรดระวังตัวด้วย”

“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะคราวนี้?”

“สาวกศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ได้ทราบข่าวแล้ว พวกเขากำลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามาที่นี่ นอกจากนี้กองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรหน่วยอื่นๆ ก็เริ่มที่จะรวมตัวกัน และเตรียมยกพลมาในไม่ช้า”

“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว”

สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนเป็นหม่นทะมึน

ขณะที่ใบหน้าของคาร์ดินัลเริ่มเขียวคล้ำ ปากเอ่ยตะโกน “นั่นแกกำลังพูดอยู่กับใครกัน!”

และทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียง ‘คลิก’ เล็กน้อยออกมาจากห้องจัดแสดงในชั้นสาม

“วิ้ง!”

มันคือเสียงของเครื่องจักร

คาร์ดินัลคิดด์ช็อกจนนิ่งงันไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักได้ว่าสิ่งต่างๆ มิใช่เป็นเหมือนดั่งที่เขาคิด

กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไป ข้ามผ่านผนังห้องจัดแสดง

ในห้องไม่มีใครหลงเหลืออยู่อีกแล้ว

องค์ราชาได้แตกสลายหายไปจากโลกใบนี้ ส่วนแอนนาก็ถูกจัมป์กลับไปยังป้อมปราการระหว่างดวงดาว เฉินเตี้ยนเฮ่า

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ พร้อมด้วยชุดเกราะชั้นนายพลลอยออกมา ตามด้วยใช้จิตสัมผัสเทวะดึงดูดพวกมันมาสวมทับเข้ากับร่างกายอย่างรวดเร็ว

หน้ากากเงินเข้าปกคลุมใบหน้าของเขา สายตาสาดประกายคมกล้าไปยังพระคาร์ดินัลคิดด์

“ถึงเวลาที่จะต้องจากกันแล้ว แต่ผมคงต้องขอเก็บขาทั้งสองข้างนี้เอาไว้ก่อน เอาไว้ถ้าได้สู้กันอีกครั้ง คุณค่อยมาทวงคืนมันในครั้งต่อไปนะ” เขากล่าว

“นี่แกคิดจะทำอะไร” คิดด์มองฉากเบื้องหน้าอย่างโง่งม เอ่ยปากกล่าวราวกับท่อนไม้

ไม่เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันจะแตกต่างไปจากที่เขาคิด แต่ชายคนนี้ ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นนายทหารธรรมดาๆ ของรัฐบาลกลางเลย

กู่ฉิงซานหันหลังกลับ และทะยานตรงออกไปยังหน้าต่างตรงสุดปลายทางเดิน

“ระยำ! กล้าหันหลังให้ข้าอย่างนั้นหรือ!” คิดด์ได้สติกลับคืน เขาตะโกนด้วยความโกรธ กวัดแกว่งแส้ยาวออกไป

กู่ฉิงซานไม่สนใจเขา ที่ทำก็แค่เพียงวิ่งตรงไปทางหน้าต่าง

แส้ยาวกวาดผ่านจนบังเกิดสายลมเย็นสดชื่น มันปะทะเข้ากับชุดเกราะนายพลอย่างต่อเนื่อง จนบังเกิดเสียง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ที่ฟังดูคมชัด ดังสะท้อนไปทั่ว

นอกเหนือความเร็วที่ลดลงเล็กน้อยของกู่ฉิงซานแล้ว การโจมตีเหล่านี้มิได้มีความหมายใดๆ เลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเกราะรบชั้นนายพล

แสงสีทองอร่ามทะยานออกมาจากบานหน้าต่าง ก่อนที่ทั้งคนทั้งเกราะจะบินห่างออกไปหลายร้อยเมตรภายใต้ดวงดาราที่พร่างพราวเปล่งประกายอยู่เต็มท้องฟ้า ร่วงตกไปในจุดที่ไกลออกไป

“เจ้านั่นมันบินได้…” คาร์ดินัลคิดด์จ้องมองดูฉากนี้ด้วยความเฉื่อยชา

เพียงลำพัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามได้ทัน แต่...

ทันใดนั้นคาร์ดินัลก็นึกขึ้นได้ถึงบางสิ่งก่อนหน้านี้ และรีบวิ่งตรงไปยังประตูห้องที่พึ่งได้ยินเสียงจักรกลบางอย่างขึ้น

เขาไม่เสียเวลายื่นมือไปเปิดประตู แส้ถูกฟาดสะบัดออกไป กระชากประตูหลุดออกมาทันที

เขาวิ่งเข้าไปในห้อง และกวาดสายตามองไปรอบๆ

ทั้งหมดยังคงอยู่ในสภาพปกติ

คาร์ดินัลเดินวนไปรอบๆ ก่อนที่วิสัยทัศน์ของเขาจะตกลงบนผนัง

เขาจำได้ว่า ครั้งหนึ่งที่เคยมาที่นี่ มันควรจะมีรูปภาพแขวนอยู่บนนั้น ทว่า

ขณะนี้บนผนังว่างเปล่า

รูปภาพใบนั้นได้หายไปแล้ว

............................................................