webnovel

0195 มิใช่ตัวจริง

ตอนที่ 195 มิใช่ตัวจริง

“นี่แกกำลังจะบอกว่ามันเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอ?” เหลียวฮังเบนสายตามาหันมาถาม

“แน่นอน เมื่อเขากลับมาสู่โลกของเรา เจ้าแมวดำก็น่าจะหาตัวเขาพบ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

หลายคนพอได้ฟังประโยคนี้ ทั้งหมดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งในคราวนี้เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ก็ยังไม่สามารถมีชัยเหนือพวกเขาดั่งที่มันจินตนาการเอาไว้ได้

“เทพธิดากงเจิ้ง รบกวนช่วยส่งซางหยิงฮ่าวลงไปซื้อพายสตรอว์เบอร์รีในเมืองให้หน่อยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ทราบแล้ว”

หลังจากที่ซางหยิงฮ่าวอุ้มเจ้าแมวดำออกไป กู่ฉิงซานก็หันมายังเย่เฟย์หยูนี่นิ่งเงียบอยู่นานและเอ่ยถาม

“นายเป็นอะไรไปอย่างนั้นเหรอ?”

เย่เฟย์หยู “จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าแม้ตัวเองจะครอบครองพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง แต่พอได้เห็นเจ้าหมอนั่นในสังเวียนแล้ว ฉันเลยคิดว่าตัวฉันเองยังคงขาดเทคนิคในการฆ่าที่ดูงดงามแบบนั้นอยู่ ขาดไปมากเสียด้วย”

กู่ฉิงซานตบลงบนบ่าเขาและกล่าว “นักฆ่าหลายคนมักจะเริ่มเรียนรู้ฝึกฝนเทคนิคการฆ่าตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก แต่นายพึ่งมาเริ่มเป็นหลังจากอายุล่วงเลยไปไกลแล้ว เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับพวกเขาได้”

“แต่เส้นทางแห่งวิวัฒนาการของนายยังอีกยาวไกล และในแง่ของความแข็งแกร่งที่แท้จริง นายก็นับว่าอยู่เหนือพวกเขาทั้งหมด เหนือกว่าชนิดที่ว่านำโด่งไปไกลเลยล่ะ”

เย่เฟย์หยูขบคิดก่อนจะกล่าว “ก็คล้ายๆ กับตอนครั้งแรกที่ฉันเจอกับนายใช่ไหม ด้วยความแข็งแกร่งของฉัน ฉันสมควรที่จะสามารถบดขยี้นายได้แท้ๆ แต่น่าแปลก ที่ไม่สามารถฆ่านายได้”

“แบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันควรที่จะต้องไปเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติมหรอกเหรอ” เขาถาม

“ไม่ต้องรีบร้อนไป ถ้าเรื่องนั้นขอให้รอไปก่อน เพราะฉันได้เตรียมของดีเอาไว้ให้นายแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

จู่ๆ เหลียวฮังก็เอ่ยปากออกมา “ถึงคราวนี้พวกเราอาจจะชนะ แต่ในระยะยาวหากเกมแห่งชีวิตนิรันดร์มันเปลี่ยนกฎการเล่นไปเรื่อยๆ แบบนั้นพวกเราไม่ใช่ว่าจะต้องไปตามเช็ดก้นให้มันเสียทุกครั้งหรอกเหรอ”

“ถูกต้องแล้วล่ะ ต่อให้แชมป์เปี้ยนถูกฆ่าตายเรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่สามารถหยุดความปรารถนาของมนุษย์ที่หมายจะครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ได้อยู่ดี”

“สำหรับพวกเรา ที่ทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่รอ” กู่ฉิงซานยกสองมือขึ้นกอดอก สีหน้าท่าทีนิ่งเฉย

“รออย่างนั้นเหรอ?” เหลียวฮังทวนคำ

“ใช่แล้วล่ะ การฆ่าแชมป์เปี้ยนเพียงอย่างเดียวมันไม่เพียงพอหรอก พวกเราต้องรอจนกว่ามันจะเผยจุดอ่อนออกมา” กู่ฉิงซานกล่าว

“สถานการณ์ในปัจจุบันเปรียบเสมือนการเผชิญหน้าระหว่างสองกองทัพ ที่กำลังยื้อยุดกันอยู่ แต่ละฝ่ายต่างคอยมองหาจุดอ่อนของกันและกัน”

“หากอีกฝ่ายเผยช่องโหว่ออกมาเมื่อไหร่ พวกเราจะได้ใช้โอกาสนั้นลงมือจู่โจมอย่างเต็มกำลัง” เขาเอ่ยปากอย่างช้าๆ

เย่เฟย์หยูกับเหลียวฮังหันมามองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ

“นี่พวกเรา…ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มกำลังอีกอย่างงั้นเหรอ?” เย่เฟย์หยูถาม

“แน่นอนว่าไม่” สองตาของกู่ฉิงซานหรี่แคบลง แม้ว่าจะแลดูเกียจคร้าน ทว่ามันให้กลับความรู้สึกราวพยัคฆ์หมอบ ที่เฝ้ารอคอยจังหวะขย้ำเหยื่อ

เย่เฟย์หยูกับเหลียวฮังเหลือบมองกันวูบหนึ่ง

“จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเหมือนกับว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลย ที่เลือกกลับมาจากห้วงจักรวาล มามั่วสุมกับตัวตนแบบแก…”

ทั้งสามเฝ้ารออีกสักพัก สายตาจับจ้องไปยังแต่ละท่วงท่าของนักฆ่าผู้ใช้สายฟ้า ที่กำลังฝ่าวงล้อมต่อสู้ จนในที่สุด การแข่งขันในครั้งนี้ก็มาถึงบทสรุป

และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ซางหยิงฮ่าวอุ้มเจ้าแมวดำกลับมา

ทันใดนั้นเอง เสียงชราภาพก็กังวานขึ้นในจิตใจของทุกผู้คน

“มนุษย์ผู้เฝ้าสังเกตการณ์เอ๊ย บัดนี้เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ได้จบลงแล้ว”

“ราชาองค์ใหม่ของพวกเราได้ถือกำเนิดขึ้น และเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ราชาของเรา ทางเราจะทำการรักษาบาดแผลตามร่างกายให้เขาเสียก่อนเป็นอันดับแรก”

ทั้งหมดหลับตาลง สังเกตเหตุการณ์บนสังเวียน

ซากศพมนุษย์เกือบพันร่างเกลื่อนกลาด กระจายไปทั่ว แอ่งเลือดขนาดย่อมเจิ่งนอง ทว่าท่ามกลางพวกมัน หลงเหลือมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงยืนหยัดอยู่บนสังเวียน…ชายที่ในมือกุมกริชสีดำเอาไว้

เขาได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว ภาพที่เห็นช่างชวนสยองขวัญไม่น้อย แต่ถ้าหากคุณลองเพ่งมองอย่างรอบคอบ ก็จะพบว่าแม้ร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่ามันก็ไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ

บนใบหน้าเขา ถูกปกปิดด้วยหน้ากากหัวหมาป่า

ตามคำแนะนำของเสียงชรา เขาเดินเข้าไปในโลงศพ และเมื่อออกมา อาการบาดเจ็บทั้งหมดก็ถูกฟื้นฟูจนหายดีโดยสมบูรณ์

“นี่คือราชาของการแข่งขันท้าทายในรอบนี้ คนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่บนสังเวียน และเพื่อความปลอดภัย ชื่อของเขาจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ”

“เอาล่ะ! ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นได้มาถึงแล้ว”

“พวกเรามาลองดูกันว่าเขาจะได้รับสมบัติใดเป็นรางวัล!”

กล่องสมบัติสาดประกายเจิดจ้า ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า

ฉากดังกล่าวเคยปรากฏขึ้นมาแล้วสองครั้งก่อนหน้านี้ ชายคนนั้นจึงไม่รอฟังคำอธิบายใดๆ เดินตรงเข้าไปยังหีบสมบัติทันที

และหีบสมบัติก็ถูกเปิดออก

ภายในมีเม็ดยาสีดำและคู่รองเท้าบูตสีหมึก

ชายคนนั้นเอื้อมมือไปคว้าเม็ดยาสีดำและโยนเข้าปากโดยไม่ลังเล กัดกร้วมๆ สองสามครั้งจึงกลืนลงไป

เนื่องจากใบหน้าของเขาถูกปกปิดเอาไว้ภายใต้หน้ากาก ดังนั้นผู้สังเกตการณ์จึงไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขาได้ ทว่ายังคงสามารถมองเห็นกำปั้นที่ถูกกำอย่างแรง และท่าทีที่แสดงออกอย่างการวิ่งวนไปรอบๆ สังเวียน ปากเอ่ยเสียงตะโกนแปลกๆ เพื่อระบายความตื่นเต้นในจิตใจออกมา

“เนื่องจากการแข่งขันท้าทายในครั้งนี้ ข้าจัดมันขึ้นมาอย่างตั้งใจ ตั้งใจมากที่สุด นับตั้งแต่ที่ได้เริ่มเกมมา ดังนั้นของรางวัลของเราในเกมนี้ จึงมีประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษ”

“แชมป์เปี้ยนเอ๊ย โปรดสงบใจลงก่อน แล้วหันมองมายังรองเท้าคู่นั้นดูซี”

มิใช่เพียงเขา แต่สายตาของผู้คนทั้งโลกก็ไปกองรวมกันอยู่ที่รองเท้าบูตที่มีลักษณะไม่ชัดเจน

ชายคนนั้นหันหลังกลับ และหยิบรองเท้าขึ้นมาในมือ เฝ้ามองมันอย่างรอบคอบ

“ราชาแห่งสมรภูมิผู้ทรงเกียรติเอ๊ย รองเท้าคู่นี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเจ้าโดยเฉพาะ”

“เมื่อใดก็ตามที่เจ้าใช้เทคนิคเทียนซวน มันก็จะสามารถห่อหุ้มร่างทั้งหมดของเจ้าได้”

“และมันสามารถแปรเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างอิสระตามใจนึก ทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจสังเกตถึงมันได้!”

เมื่อคำอธิบายเหล่านี้มันฟังดูเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ ผู้สังเกตการณ์หลายคนก็เริ่มรู้สึกสับสน

ทว่าสำหรับชายคนนั้น เมื่อเขาได้ฟัง ทั้งคนทั้งร่างก็พลันสั่นสะท้าน แม้กระทั่งมือที่ถือกุมรองเท้าก็ยังสั่นไหว

กู่ฉิงซานกับคนอื่นเฝ้าจับตามองเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงรู้ว่าเทคนิคเทียนซวนของอีกฝ่ายคืออะไร และเข้าใจแจ่มแจ้งว่ารองเท้าบูตสีดำเข้มคู่นี้มีค่าสำหรับเจ้าตัวมากขนาดไหน

เทคนิคเทียนซวนของนักฆ่าคนนี้ คล้ายคลึงกับเคลื่อนย้ายอากาศที่ว่างเปล่า สามารถสลับตำแหน่งของสิ่งที่ถูกโยนออกไปได้

นี่นับว่าเป็นหนึ่งในสกิลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับใช้ในการต่อสู้แล้ว

แต่ถ้าเขาสวมใส่รองเท้าบูตคู่นี้แล้วล่ะก็ ยามใดที่เขาเริ่มใช้เทคนิคเทียนซวนอีกครั้ง ไม่เพียงแต่อาวุธ แต่ทั้งคนทั้งร่างของเขาจะสามารถเคลื่อนผ่านมิติ ไปปรากฏตัวขึ้นในอีกตำแหน่งหนึ่งได้

นี่มันเกือบจะเทียบเคียงได้กับสกิลเทวะ ‘ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว’ เลย

อาจกล่าวได้ว่า รองเท้าคู่นี้ช่วยหนุนเสริมเทคนิคเทียนซวนของเขาให้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับสกิลเทวะได้เลยโดยตรง!

ไม่ว่าจะเป็นการช่วยชีวิต หรือฆ่าสังหาร นี่นับเป็นสกิลที่ทรงประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น ปากเอ่ยเสียงทะมึน “ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ฉันจะต้องไปกับนายด้วยแล้วซะแล้วสิ”

“ไม่ปฏิเสธน้ำใจ” เย่เฟย์หยูกล่าว

“นี่นับว่าเป็นความสามารถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้เห็นมาเลยนับตั้งแต่เจ้าเกมนี้เริ่มเปิดตัวขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันจะถึงขึ้นยอมกรีดเลือดตัวเองเพื่อรางวัลชิ้นนี้เลยทีเดียว” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ

เสียงชรากังวานขึ้น “เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ได้สิ้นสุดลงแล้ว”

“เราจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของแชมป์เปี้ยน เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าแมลงเหม็นไม่ให้มารบกวนชีวิตของเขา”

“และในตอนนี้ เราจะทำการส่งแชมป์เปี้ยนกลับคืนสู่โลกความจริงแบบสุ่ม แม้ทางเราจะไม่ทราบว่าเขาจะไปปรากฏตัวขึ้นในส่วนใดของโลก ทว่าพวกเราสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะต้องถูกส่งไปยังสถานที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน”

แล้วร่างของชายคนนั้นก็หายวับไปจากสังเวียน

“ยินดีต้อนรับทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วมเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งถัดไป”

“เกมนี้รับประกันความปลอดภัยส่วนตัวของแชมป์เปี้ยน และนั่นหมายความว่าเจ้าสามารถเข้าร่วมเล่นเกมนี้ได้โดยสะดวกใจ”

“หวังว่าเราจะได้พบกันในการแข่งขันท้าทายครั้งต่อไป”

เสียงชราหายไป

แสงสว่างเริ่มมืดสลัวลง

สังเวียนและศพเกือบพันคนมลายหายจากสายตาของทุกผู้คน

“เจ้าแมวดำว่าอย่างไรบ้าง?” กู่ฉิงซานถามทันที

ซางหยิงฮ่าวยกเจ้าแมวดำขึ้นมา เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “ที่รักจ๋า ตอนนี้เธอรู้แล้วหรือยังว่าคนคนนั้นอยู่ที่ไหน?”

แมวดำร้องหง่าวๆ อยู่สองสามครั้ง

“มันบอกว่าสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของชายคนนั้น” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

กู่ฉิงซานถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกและกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง ขอแผนที่โลก”

จอม่านแสงถูกฉายขึ้นพร้อมกับภาพแผนที่โลกทั้งใบปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของแมวดำ

แมวดำเหยียดอุ้งเท้าของมันออกไป เคลื่อนตามแนวแผนที่ ก่อนที่จะกดลงบนจุดจุดหนึ่งแล้วนิ่งไป

“ช่วยซูมให้ฉันหน่อยสิ” กู่ฉิงซานกล่าว

แผนที่ถูกซูมเข้าไปจนบริเวณดังกล่าวขยายใหญ่ขึ้น และแมวดำก็เลื่อนอุ้งเท้าของมันไปวางลงบนภูเขา กางมืออ้าหุบเพื่อขยายแผนที่เอง จนเจอแม่น้ำสายใหญ่รวมไปถึงเมืองอีกหลายสิบเมือง

เจ้าแมวดำเฝ้ามองอีกครั้ง ยื่นอุ้งเท้าออกไปและอ้าหุบขยายแผนที่

แผนที่ถูกขยายอีกครั้ง

คราวนี้หลงเหลือเพียงเมืองเดียว

อุ้งเท้าอ้าหุบ

แผนที่ถูกขยายจนใหญ่ขึ้น

ปรากฏตึกรามบ้านช่อง

อุ้งเท้าวาง แผนที่ถูกขยายอีกครั้ง

คราวนี้อุ้งเท้าถูกชักออก มิได้วางแนบลงบนแผนที่อีกต่อไป

เจ้าแมวส่งเสียงร้องเหมียวๆ

ทุกสายตาจับจ้องไปยังภาพบนแผนที่ และพบว่าสถานที่ดังกล่าวคือหอยุทธหวูเต๋า

ในช่วงที่วันสิ้นโลกได้มาถึง หอยุทธหวูเต๋านับว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด!

“ปรับเป็นมุมมองภาพวิดีโอจากดาวเทียม” กู่ฉิงซานกล่าว

และภาพจากดาวเทียมก็ปรากฏขึ้นมา

ปรากฏให้เห็นถึงพื้นที่กลางแจ้งที่มีเวทีนักสู้ตั้งอยู่ พร้อมกับสาวๆ หน้าตาน่ารักสดใสกว่าสิบคนกำลังวอร์มอัพ

ที่แห่งนี้คือหอยุทธแห่งสาธารณรัฐฟูซี

ในวันนี้ เป็นคลาสที่สอนวิธีการป้องกันตัวเองสำหรับสาวๆ

“แล้วโค้ชล่ะ?”

“นั่นสิทำไมเขาถึงยังไม่มาอีก?”

“ฉันมาลงเรียนคลาสนี้เพื่อรอที่จะพบกับเขาเลยนะ”

สาวๆ หลายคนกระซิบกระซาบ

“ต้องขออภัยด้วยนะ ที่ผมมาสาย”

ชายร่างผอมเพรียว เดินออกมาจากภายในหอยุทธ และเอ่ยขอโทษไปตลอดทาง

และเสียงกระซิบกระซาบก็หายไปทันที

“แต่สุดท้ายคุณก็มา”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ได้สายมากมายซะหน่อย”

“เขามาได้ไม่ถึงนาที เธอก็เริ่มอ่อยเหยื่อแล้วอย่างงั้นเหรอ?”

“บ้า ทำไมถึงพูดแบบนั้น...แต่ฉันได้ยินมาว่าโค้ชของเรายังโสดนะ”

บรรดาสาวๆ ที่แสนงดงาม จ้องมองไปยังการปรากฏตัวของชายหนึ่ง เริ่มเอ่ยปากซุบซิบกันอีกครั้งทันที

แมวดำเหยียดอุ้งมือของมันออกไป พร้อมกางเล็บแล้วชี้ไปยังชายหนุ่มบนหน้าจอ

“อ่าว สรุปแล้วเจ้าเกมแห่งชีวิตนิรันดร์มันไม่ได้สุ่มสถานที่กลับโลกให้เขาหรอกเหรอ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาเป็นครูฝึกหอยุทธหวูเต๋า แล้วทำไมตัวเขาถึงถูกส่งกลับไปยังหอยุทธ...ถูกส่งกลับไปยังที่อยู่อาศัยเดิมได้กันล่ะ” เย่เฟย์หยูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสับสน

ซางหยิงฮ่าวจ้องมองชายคนนั้นอยู่นาน โดยไม่ละสายตา

“ไม่หรอก ครูฝึกตัวจริง ดูท่าจะถูกเขาฆ่าตายไปแล้ว” ซางหยิงฮ่าวกล่าวด้วยแววตาที่เป็นประกาย

“นายหมายความว่า เจ้าหมอนี่เป็นตัวปลอม?” เย่เฟย์หยูกล่าวด้วยความประหลาดใจ

ซางหยิงฮ่าวพยักหน้า “คนคนนี้มีความเชี่ยวชาญในการปรับแต่งมวลกระดูก และเลียนเสียง เป็นนักฆ่าชั้นสูงเลยล่ะ”

พอได้ฟัง เย่เฟย์หยูก็ตกตะลึง

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไอ้หมอนี่ก็ระวังตัวมาก พอถูกส่งลงมายังโลกแบบสุ่มตำแหน่ง มันก็เสียบเข้าแทนที่คนอื่น แล้วแฝงตัวมาแทนทันที” เขาส่ายหัว

ภาพจากบนดาวเดียว เผยให้เห็นรอยยิ้มของชายคนนั้นที่กำลังบอกกล่าวขอโทษ “เอาล่ะ คลาสนี้เราจะมาเริ่มเรียนเพลงหมัดกัน”

“ดื่มนี่ก่อนสิคะโค้ช ท่าทีของคุณดูเหมือนจะรีบร้อนไปหน่อยนะ” ผู้หญิงคนหนึ่งยื่นขวดน้ำให้แก่เขา

“ขอบคุณนะครับ”

ชายคนนั้นยื่นมือซ้ายออกไปรับ แต่มิได้เปิดดื่มมัน เพียงนำลงไปวางมันข้างๆ ตัวเขา

แม้จะเห็นเช่นนั้น แต่หญิงสาวก็มิได้เอ่ยคำใด เพียงแค่เขายอมรับก็พอแล้ว และบางทีเขาอาจจะไม่อยากดื่มในตอนนี้ แต่สุดท้ายหลังเหนื่อยล้าจากการสอนอย่างไรก็ต้องดื่มอยู่ดี

ผู้ชายคนนั้นเดินมาเบื้องหน้าบรรดาสาวๆ ก่อนจะถอดเสื้อโค้ตออก และเริ่มแสดงท่วงท่าเพลงหมัดของเขาให้ดู

รอยสักขนาดใหญ่ได้หายไปแล้ว ไม่พบกระทั่งร่องรอยของมันบนแขนของเขา

ผิวสีทองแดง มองแวบแรกคล้ายสีของดวงตะวัน หยาดเหงื่อที่กระเซ็นออกมา คล้ายสายฝนที่ร่วงโรย

นี่มันค่อนข้างจะแตกต่างไปจากรูปลักษณ์และตัวตนของแชมป์เปี้ยนในสังเวียนคนล่าสุดอย่างสิ้นเชิง

สาวๆ จับจ้องไปยังท่วงท่าเพลงหมัดของโค้ช และเริ่มที่จะลงมือปฏิบัติตามการเคลื่อนไหวของเขา

ผู้ชายคนนั้นกวาดสายตาผ่านฝูงชน และไม่พบว่ามีความผิดปกติใดๆ

เขาพยักหน้าเล็กน้อย เล็กน้อยจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นถึงมัน

“เอาล่ะ อันดับแรกพวกเราต้องเรียนรู้ถึงวิธีการเคลื่อนไหวของเพลงหมัดกันก่อน ผมจะสาธิตมันให้ดู จากนั้นพวกเราจะทำไปพร้อมๆ กันนะ”

ชายคนนั้นเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ฝึกสอนอย่างเป็นทางการ

ท่ามกลางห้วงจักรวาล

ภายในเฉินเตี้ยนเฮ่า

“น่าจะยืนยันได้แน่นอนแล้วว่าเป็นเขา ต่อไปพวกเราก็เริ่มลงมือกันเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ขอให้ฉันเป็นคนฆ่ามันด้วยตัวเองนะ ประสาทหูของฉันจะได้วิวัฒนาการซะที” เย่เฟย์หยูกล่าว

กู่ฉิงซานเอ่ยเตือนอย่างจริงจัง “ตั้งแต่แรกเริ่ม นายต้องทุ่มลงมืออย่างเต็มกำลัง โอกาสมีเพียงครั้งเดียว มิฉะนั้นถ้าเขารอดจากการโจมตีของนายไปได้ เขาจะหลบหนีไปทันที นายต้องรู้นะว่าความว่องไวของเขาสามารถเพิ่มสูงขึ้นได้โดยการใช้พลังธาตุสายฟ้า พวกเราอาจจะไล่จับเขาไม่ทัน”

“อ่าว แล้วนายล่ะจะทำอะไร?”

“ฉันจะรอลอบจู่โจมระลอกสอง แต่ถ้าฉันยื่นมือเข้าไปแทรก ฉันคิดว่าคงไม่อาจปล่อยให้นายเป็นคนเก็บเกี่ยวชีวิตเขาด้วยตัวเองได้”

“ตกลง เข้าใจแล้ว ถ้าฉันลงมือเต็มกำลังแล้วมันยังรอด ชีวิตมัน นายก็เอาไปได้เลย”

“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ คุณต้องการให้มีการถ่ายทอดสดไหม?” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

“ไม่ล่ะ อย่าพึ่งถ่ายทอดสด เอาไว้รอจนกว่าพวกเราจะสามารถประสบความสำเร็จในการฆ่าเขาจริงๆ ซะก่อน มันก็คงไม่สายเกินไปหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

กู่ฉิงซานกับเย่เฟย์หยูก็ได้เดินทางมาถึงจุดหมาย

ทั้งสองยืนอยู่บนอาคารสูงตรงข้ามกับหอยุทธ ขณะที่เกราะรบถูกสวมใส่เรียบร้อยแล้ว

ในเวลานี้ คลาสเรียนเพลงหมัดได้สิ้นสุดลงแล้ว นักเรียนแยกย้ายกันไป หลงเหลือเพียงชายคนนั้นที่ยังยืนอยู่บนเวทีหวูเต๋า และเฝ้ารอให้นักเรียนคลาสต่อไป เข้ามาเรียนต่อ

“คลาสเพลงหมัดก็จบลงแล้ว พวกเราจะเอาอย่างไรต่อดี”

“นายบุกเข้าไปตรงๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง” กู่ฉิงซานกล่าว

“ฉันคิดว่านายกำลังวางแผนอะไรบางอย่างไว้สินะ” เย่เฟย์หยูกล่าว

“ลางสังหรณ์ของชายคนนั้นแข็งแกร่งมาก ถ้านายใช้อุบายหรือเล่ห์เหลี่ยมใดๆ เขาก็จะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติและวิ่งหนีไปทันที” กู่ฉิงซานกล่าว

“มองดูท่าทีของเขาในตอนนี้สิ เห็นหรือเปล่าว่ามันเริ่มกระสับกระส่ายแล้ว”

“เขาเริ่มที่จะตระหนักได้แล้ว ว่าพวกเราอยู่ที่นี่”

“นอกจากนี้ การต่อสู้สมควรจะจบลงในหนึ่งนาที หากใช้เวลามากกว่านั้น หน่วยพิทักษ์ของหอยุทธหวูเต๋าก็จะเริ่มตอบสนอง และนั่นย่อมเป็นการดึงดูดความสนใจจากพวกทางการของฟูซี แล้วมันจะเป็นปัญหาตามมา” กู่ฉิงซานกล่าว

“ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”

สิ้นคำกล่าว มวลเลือดสังหารขนาดใหญ่ของเย่เฟย์หยูก็ฉีกอากาศ พุ่งตกลงไปยังเวทีหวูเต๋ากลางแจ้งในทันใด

ตูม!

ประกายเลือดสังหารพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ระเบิดทำลายทั้งเวทีกลางแจ้ง เปลี่ยนทั้งหมดให้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง

ร่างเงาดำกระโจนออกมาจากเลือดสังหาร ทิ้งตัวลงบนถนน

ชายคนนั้นหันไปมองรอบๆ ก่อนจะสาดสายตาไปยังจุดจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว

สาดสายตาไปยังคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในมุมสูง

คนที่มีรอยยิ้มแข็งกระด้างฉาบไว้อยู่บนใบหน้า เกราะรบสีดำหมึก และปีกหลังสีทะมึน

“เพชฌฆาตตัวตลก!” ชายคนนั้นคำรามเสียงต่ำ

เขากระโจนขึ้นไป และพุ่งเข้าใส่เย่เฟย์หยูทันที

“มีความกล้าไม่เลว” เย่เฟย์หยูที่ทั้งร่างท่วมท้นไปด้วยเลือดสังหาร ก็เลือกที่จะพุ่งไปยังชายคนนั้นอย่างสุดกำลังเช่นกัน

ชายคนนั้นหายวับไปในทันใด พร้อมปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเบื้องหลังเย่เฟย์หยู และจ้วงกริชเข้าใส่

เย่เฟย์หยูราวกับรับรู้ได้ล่วงหน้า เขาเอี้ยวตัวกลับไปคว้ากริช

และทันใดนั้นกริชก็หายวับไปในอากาศที่ว่างเปล่าราวกับมันไม่เคยมีตัวตน แต่กลับทิ้งปลายแหลมลงมาจากเบื้องบน เล็งเข้าใส่หัว เตรียมทิ่มลึกลงไปในสมองของเย่เฟย์หยู

ซึ่งสมองนั้นแตกต่างจากอวัยวะส่วนอื่น และเย่เฟย์หยูก็ไม่เต็มใจที่จะรับการโจมตีในครั้งนี้

เขาเอี้ยวตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ทะยานตัวขึ้นไปบนอากาศเพื่อหลบเลี่ยง

ยามที่เย่เฟย์หยูถอยห่างไปออก บนร่างกายของชายคนนั้นก็บังเกิดประกายไฟขึ้นเล็กน้อย

นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสายเร่งความเร็วของธาตุสายฟ้า

ร่างของชายคนนั้นวูบไหว ความปราดเปรียวของทั้งคนทั้งร่างพุ่งสูงขึ้นทันใด พริบตาเดียวก็หลงเหลือทิ้งไว้เพียงภาพติดตา พรวดดิ่งลงไปยังอีกทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่แรกเริ่ม เดิมทีชายคนนี้มิได้ตั้งใจจะต่อสู้อยู่แล้ว

ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับย่านใจกลางเมืองที่มีผู้คนจอแจ ขอเพียงหลบซ่อนตัวอยู่ภายในอาคารหลังใหญ่ที่ผู้คนพลุกพล่าน เจ้าตัวตลกก็ไม่มีทางหาตัวเขาพบแล้ว

เว้นเสียแต่ว่าเจ้าตัวตลกยังคงเลือกที่จะไล่ล่า

แต่หากเป็นในกรณีดังกล่าว ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น และกองกำลังรบของฟูซี รวมถึงผู้ทรงอิทธิพลต่างๆ ก็จะเริ่มเคลื่อนไหว

เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าตัวตลกก็ต้องรับมือและติดพันอยู่กับหุ่นรบของสาธารณรัฐฟูซี และตัวเขาก็จะสามารถล่าถอยจากไปได้อย่างเงียบๆ

ขณะที่ชายคนนั้นขบคิดแผนการอันสมบูรณ์แบบในหัว จู่ๆ ก็ปรากฏดาบยาวขึ้นในวิสัยทัศน์ของเขา

ดาบยาวหวดใกล้เข้ามาเป็นแนวนอน

และช่วงเวลาที่ดาบยาวถูกหวดเข้ามา ก็ช่างเป็นเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ มันปรากฏขึ้นในยามที่เขากำลังจะทิ้งตัวลงบนพื้น ซึ่งนั่นหมายความว่า ‘มันมิอาจหลบเลี่ยงได้’

ดาบเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นมุมองศาที่ตี ความเร็ว ช่วงเวลา ล้วนถูกตระเตรียมการมาอย่างดี ไม่ว่าเขาจะเลือกตอบสนองเช่นไร ก็มิอาจเล็ดลอดจากคมดาบนี้ไปได้

และมันเป็นดาบที่มีน้ำหนักกระแทกถึงหกหมื่นจิน!

ต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว!

ในช่วงเวลาเส้นแบ่งระหว่างชีวิตและความตาย ชายคนนั้นตะคอกคำหนึ่ง พร้อมกับรองเท้าที่สวมใส่เปล่งประกายแสงสดใส

และทั้งคนทั้งร่างก็หายวับไป ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในจุดที่ห่างออกไปหลายสิบเมตร

ทว่าตอนนี้ เขากลับไม่มีเวลามามัวแสดงความยินดีกับตนเอง เพราะคมดาบที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ยังคงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนแทบจะประชิดตัวเขาแล้ว

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”

สีหน้าของชายคนนั้นแปรเปลี่ยน

เขาไม่อาจขบคิดได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้พลังของรองเท้าบูตเคลื่อนที่แหวกมิติ เพื่อหลบเลี่ยงคมดาบมาโผล่ในอีกจุดหนึ่งแล้วแท้ๆ ทว่าเพราะเหตุใดคมดาบนี้จึงยังคงปรากฏอยู่ในวิสัยทัศน์ของตน?

แม้กระทั่งเทพนักสู้ ก็ยังมิอาจครอบครองความว่องไวเช่นนี้ได้

ดาบยาวยังคงใกล้เข้ามา ราวกับเงามฤตยูที่คืบคลานตามติด

ชายคนนั้นกัดฟันกรอด และพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะฉีกมิติออกไปยังพื้นที่อื่นอีกครั้ง

คราวนี้เขาเปลี่ยนไปอีกทิศทางหนึ่ง และปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งที่ห่างจากจุดเดิมไปหลายสิบเมตร

ทว่า! ดาบเล่มนั้นกลับยังคงปรากฏขึ้นในสายตาของเขา!

ดวงตาของชายคนนั้นเบิกกว้าง ขณะที่ทั้งสมองและร่างกายของเขากำลังคิดจะทำการบางอย่าง จู่ๆ ความเร็วของคมดาบที่ฟาดผ่านก็ทวีความว่องไวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ประกายคมกล้าจากใบดาบกะพริบผ่าน

หัวของชายคนนั้น กระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า

ร่างไร้หัวยังคงสับฝีเท้าออกไปอีกสองสามก้าว ก่อนจะทิ้งตัวลงและไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ อีกตลอดกาล…

............................................................