webnovel

0187 พวกเราน่ะคือวายร้าย

ตอนที่ 187 พวกเราน่ะคือวายร้าย

ไม่กี่นาทีต่อมา

 สมองควอนตัมทั่วโลกก็สาดแสงสว่างขึ้นพร้อมกัน

 จอม่านแสงถูกฉายขึ้นและผู้คนก็ได้เห็นถึงโถงหอยุทธหวูเต๋าอันยิ่งใหญ่งดงาม

หุ่นรบขับเคลื่อนจำนวนมากบินวนไปมา ขณะที่นักสู้หวูเต๋าหลายร้อยคนคอยเฝ้าตรวจตราอยู่ทั่วทุกพื้นที่ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึงอย่างเต็มรูปแบบ

 ในบรรดาหวูเต๋า เกือบทั้งหมดสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจากสมองควอนตัมส่วนบุคคลของตน พวกเขาหยิบมันขึ้นมาดูและพบว่าฉากที่กำลังฉายนี้ คือสถานที่ที่พวกตนเฝ้าตรวจตราอยู่!

 ผู้คนจำนวนมากหันไปมองรอบๆ ด้วยความตื่นตัว พยายามที่จะค้นหาเจ้าเพชฌฆาตตัวตลก

 “ทุกคนจงฟัง ใครก็ตามที่สามารถสังหารเจ้าตัวตลกลงได้ ข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้าทั้งหมดสามารถเลือกสรรคัมภีร์หวูเต๋ากุ่ยชั่ง (หวนคืนไร้ลักษณ์) ในโถงหอยุทธแห่งนี้ได้ตามใจชอบ!” หลี่ไห่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ตะโกนออกมา

 “ขอรับ!”

 “จ้าวสำนักโปรดมั่นใจ!”

“เจ้าสัตว์ประหลาดนั่น พวกเราไม่หวาดเกรงมันหรอก”

  “ถ้ามันโผล่หัวมาเมื่อไหร่ ตัวมันเองนั่นแหละที่จะถูกฆ่า!”

 เหล่านักสู้หวูเต๋าส่งเสียงเฮลั่น คนแล้วคนเล่าตะโกนอย่างฮึกเหิม

 คัมภีร์หวูเต๋าแต่ละเล่มนั้น มักจะมิถูกเปิดเผยต่อคนนอกสำนัก หากมิใช่ศิษย์สายตรงของหอยุทธหวูเต๋าแห่งนี้ ย่อมมิอาจถูกสอนสั่งได้โดยง่าย

 ทว่าสิ่งล้ำค่าเช่นนั้น จ้าวสำนักกลับบอกว่าจะหยิบยื่นมันให้เป็นรางวัล เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เลือดลมของเหล่านักสู้เดือดพล่าน

 หลี่ไห่มองไปรอบๆ โถงหอยุทธ ในสายตาของเขา เห็นผู้คนมากมายเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้อันมากล้น

 นิ้วทั้งห้าของเขากำแน่น และสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของถุงมือโลหะ ทันใดนั้นความเชื่อมั่นในชัยชนะของตนก็ทะยานสูงขึ้นอย่างกะทันหัน

 ฝ่ายตรงข้าม มีเพียงตัวตลกโง่ๆ เพียงตนเดียว ทว่าฝ่ายเขา มีนักสู้หวูเต่านับร้อยไว้เตรียมรับมือ

 เช่นนี้มันคงมิอาจก่อปัญหาใดๆ ได้มากมายนัก และเขาก็จะสามารถฆ่าสังหารมันลงได้อย่างแน่นอน!

 ‘ฉันชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ ว่าของรางวัลพิเศษที่จะได้รับจากการฆ่าเจ้าตัวตลกที่กล่าวว่ามีคุณค่าเทียบเคียงได้กับเม็ดยาชีวิตนิรันดร์มันคือสิ่งใด’

ในตอนนั้นเอง

 เหนือโถงหวูเต๋า เบื้องบนท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป

 จู่ๆ ก็พลันเกิดเสียงหวีดของชั้นอากาศดังสนั่นขึ้นอย่างกะทันหัน

“มันมาแล้ว!”

  “เตรียมรับมือเร็วเข้า!”

 ผู้คนพากันตื่นตัว เบนสายตาไปยังน่านฟ้ารอบทิศทาง

 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำการจัดวางคนตรวจตราบนน่านฟ้าแล้วก็ตามที แต่สายตาของทุกคนก็มองเห็นได้แค่เพียงท้องฟ้าเบื้องล่างเท่านั้น ใครมันจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะบุกโจมตีมาจากทิศทางท้องฟ้าเบื้องบนของพวกเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ทั้งหมดรู้สึกตัวช้าไป

 แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวแล้วหรือไม่ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหยุดยั้ง

 ในเสี้ยววินาทีต่อมา เงาดำที่ลุกไหม้ก็ผุดทะลุลงมาจากเมฆเบื้องบน และร่วงตกลงสู่สำนักหอยุทธ

ทันใดนั้น จู่ๆ โลกทั้งใบก็พลันเงียบงัน

ผืนดินราวกับคลื่นทะเลม้วน อาคารหลายสิบชั้นถูกกวาดไปกองรวมกันจนแลดูคล้ายคลื่นก้อนมหึมา

เฉกเช่นเดียวกันกับพายุเฮอริเคนระดับสิบ คลื่นอากาศอัดกระแทกที่มองไม่เห็น พลิกม้วนตลบเหล่านักสู้หวู่เต๋าที่เฝ้าตรวจตราอยู่บนพื้นดินลอยละล่องกระจัดกระจายกันออกไปราวกับเป็นเพียงแผ่นกระดาษบางๆ

ตู้ม!

ในที่สุด เสียงระเบิดหนักทึบของบางสิ่งที่มีขนาดมหึมาที่ตกกระแทกลงกับพื้นดินก็ดังสะท้อนสะท้านไปทั่ว

 โถงสำนักหอยุทธถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผง อุณหภูมิสูงขึ้นจนเกิดการปะทุลุกไหม้ เปลวเพลิงคำราม เสาโลกันตร์พวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นฟ้า

 หลายสิบวินาทีต่อมา บรรพชนนักสู้หลายคนจึงได้สติ กัดฟันตรงไปยังจุดศูนย์กลางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จ้องมองลงไปยังพื้นโลก

 สำนักหอยุทธบัดนี้ได้หายไปแล้ว หลงเหลือทิ้งไว้เพียงหลุมบ่อขนาดใหญ่เบื้องล่างเท่านั้น

 หนึ่งในบรรพชนนักสู้กระโจนลงไปและกลับมาอย่างรวดเร็ว

 “มันคืออุกกาบาต” เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหม่นทะมึน

 “มันจะเป็นอุกกาบาตได้อย่างไร? นี่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือเปล่า” อีกคนกล่าวขึ้นด้วยความสับสน

 เหล่าบรรพชนนักสู้เหลือบมองกันแวบหนึ่ง และพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป

 “หลี่ไห่เล่า? หายไปไหนแล้ว” บางคนเอ่ยถามขึ้น

 “ชักจะได้กลิ่นตุๆ ซะแล้วสิ”

 พวกเขามองไปรอบๆ อย่างเร่งร้อน แล้วในที่สุดก็พบกับร่างไร้หัวร่างหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น เลือดสดๆ เอ่อล้นทะลักออกมาจากช่วงลำคอที่ฉีกขาด

“ผู้ใดก็ตามที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกกระผมลงโทษ”

บังเกิดเสียงแปลกๆ กังวานขึ้นบนท้องฟ้า

เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง ก็จะพบกับร่างร่างหนึ่งที่สวมใส่เกราะรบสีดำหมึก ลอยแช่อยู่กลางเวหาอย่างสงบ

“เจ้าเพชฌฆาตตัวตลก!” บางคนตะโกนออกมาคำหนึ่ง

 บนใบหน้าของตัวตลกยังคงแขวนไว้ซึ่งรอยยิ้มแข็งค้างเย็นชา หากมันเอ่ยมุกตลกอะไรออกมา คงไม่มีผู้ใดกล้าหัวเราะชอบใจ

  “เตือนแล้วเตือนอีกก็ยังไม่เชื่อ กระผมได้ย้ำเตือนไปถึงสองรอบแล้วนะว่าจงอย่าเข้าร่วมเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ช่างทำตัวเป็นเด็กไม่ดีจริงๆ”

 เพชฌฆาตตัวตลกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแปลกประหลาด

ในมือของเขา กำลังกุมหัวของคนคนหนึ่งที่มีเลือดหยดย้อยลงมาอยู่

 มันคือ หัวของหลี่ไห่

 สีหน้าของหลี่ไห่ ยังคงเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าก่อนที่ตัวเขาจะทันได้ตอบสนอง ตนเองก็ได้ตกตายลงไปเสียแล้ว

 ฉากอันน่าสยองขวัญนี้ ส่งผลให้มนุษยชาติที่อยู่เบื้องหลังจอม่านแสง รู้สึกราวกับว่าตนกำลังเกิดอาการพิการทางสมอง

 นั่นคือเพชฌฆาตตัวตลกจริงๆ

 มันได้ฆ่าผู้ที่ได้รับรางวัลแห่งชีวิตนิรันดร์ไปอีกคนแล้ว!

 หลี่ไห่เป็นถึงบรรพชนนักสู้ขั้นสูง ประกอบด้วยถุงมือโลหะที่เสริมพลังกายและธาตุทั้งห้า สุดท้ายก็ยังถูกฆ่าตายในกระบวนท่าเดียวกระนั้นหรือ?

 เหล่ามืออาชีพมากมายรู้สึกว่าพวกตนกำลังฝันไป

 บรรพชนนักสู้หลายคนกระโจนขึ้นไป หมายที่จะจัดการกับตัวตลก ฟาดมันให้ลงมาจูบกับพื้น

แต่ใครจะรู้ ความว่องไวของตัวตลกกลับเหนือยิ่งกว่า พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถไล่ตามได้ทันและต้องเป็นฝ่ายเกือบลงไปจูบกับพื้นแทน บางคนถึงขั้นโดนมันอ้อมหลังมาเตะตูดด้วยความรังเกียจ ราวกับกำลังเตะลงไปยังกองอึที่แห้งกรัง

“นี่พวกคุณอยากจะตายตามมันไปจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

 เพชฌฆาตตัวตลกเอ่ยถามด้วยความใครรู้

มันถือหัวของหลี่ไห่แกว่งไปมา ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม ปากเอ่ยกล่าวด้วยความสุข ทว่าผู้ที่ได้รับฟังกลับอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ

 พวกเขามิใช่คนโง่

 อีกฝ่ายสามารถอ้อมมาเตะตูดพวกเขาทั้งๆ ที่ตนเองยังยืนอยู่กลางอากาศได้ อีกความหมายหนึ่งก็คือ ย่อมเป็นธรรมดาที่มันจะสามารถเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกเขาได้โดยง่าย

 นี่ไม่ถูกต้อง ครั้งก่อนที่มันปรากฏตัวออกมา เพชฌฆาตตัวตลกมิได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!

 ในหัวใจของเหล่าบรรพชนนักสู้เริ่มบังเกิดความหวาดกลัวเข้ากัดกิน ทั้งหมดเผลอชักฝีเท้าถอยกลับไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

เพชฌฆาตตัวตลกเฝ้ารอดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าที่จะย่างกรายเข้ามา มันก็เริ่มเผยท่าทีพึงพอใจ

 มันก้มหัวโค้งคำนับ ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข

 “สวัสดีขอรับทุกท่าน กระผมคนเดิม ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพวกท่านนั่นเอง วันนี้ก็เป็นอีกเช่นเคยที่กระผมได้มาเก็บเกี่ยวชีวิตของผู้ที่ทำให้ทุกท่านเกิดความหวาดกลัว”

 “ทุกท่านสามารถเรียกกระผมว่า เพชฌฆาตตัวตลก”

 “เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มการพิพากษากันเลยจะดีกว่า”

 “หลี่ไห่ ฆาตกรผู้สังหารคนบริสุทธิ์นับร้อยนับพันในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์เอ๊ย ความผิดบาปของแกช่างร้ายแรงนัก มันมิอาจลบล้างได้ นอกเสียจากถูกตัดสินโทษประหารชีวิต…เริ่มดำเนินการทันที!”

 ตัวตลกยกหัวในมือของมันขึ้นมาดู ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะนิ่งค้างไปอยู่ครู่หนึ่ง

 “อ๊ะ ทุกท่าน กระผมต้องขออภัยจริงๆ กระผมเผลอฆ่ามันไปก่อนจะทันได้ตัดสินโทษประหารซะแล้ว ฮ่าๆๆ”

 ตัวตลกใช้มือข้างหนึ่งแกว่งไกวหัวของหลี่ไห่ไปมา ขณะที่มืออีกข้างกุมท้องหัวเราะจนตัวงอหงายอยู่กลางอากาศ

 ผ่านไปสักพักจึงหยุด

“เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ แกกำลังเฝ้าดูอยู่รึเปล่า?”

ตัวตลกยื่นหัวของหลี่ไห่ไปใกล้กับหน้าจอ จนหัวเกือบจะทะลุออกมาจากจอม่านแสงอยู่แล้ว มันบดบังใบหน้าเปื้อนยิ้มของตนเองซะเกือบมิด

 “แกเห็นนี่ไหม? ในจอนี้มีอยู่สองหัวล่ะ”

 “แต่หัวข้างหน้าดันลงนรกไปซะแล้ว แต่หัวข้างหลังยังมีชีวิตอยู่สุขสบายดีนะ”

 ระหว่างกล่าว ตัวตลกก็ค่อยๆ เลื่อนหน้าตนโผล่ออกมาจากข้างหลังหัวหลี่ไห่ เผยถึงรอยยิ้มเย็นชาอันน่าขนลุก

“ดูนี่สิ นักรบผู้กล้าหาญ แชมเปี้ยนส์ในสังเวียนของแก ดูสภาพของมันในตอนนี้สิ คราวนี้แกยังกล้าจะเรียกฉันว่าแมลงเหม็นอยู่อีกไหม?”

  “โปรดจงจดจำเอาไว้ ภาพของชายที่ได้ครอบครองชีวิตนิรันดร์อันรุ่งโรจน์ สุดท้ายหัวของเขาก็อยู่ที่นี่”

 เพชฌฆาตตัวตลกหัวเราะคำหนึ่งและเอ่ยปากต่อ “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โปรดจดจำไว้ให้มั่น ว่าหากพวกท่านเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์แล้วละก็…ต่อให้ท่านชนะ โชคชะตาที่พวกท่านจะได้รับนั่นก็คือ…!”

ตัวตลกโยนหัวของหลี่ไห่ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ตะโกนกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

“ความตาย!”

สิ้นคำกล่าวนี้ ทั้งคนทั้งร่างของเพชฌฆาตตัวตลกก็เหินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า หายลับเข้าไปในชั้นเมฆ

เมื่อร่างของมันหายไป สมองควอนตัมทั่วทั้งโลกก็ค่อยๆ ทยอยดับแสงลง

ในเวลานี้ ผู้คนในโลกตกอยู่ในความเงียบ ที่ไม่อาจเอ่ยพรรณนาได้

 ท่ามกลางห้วงจักรวาล

 ภายในเฉินเตี้ยนเฮ่า

“การแสดงในครั้งนี้มันยอดเยี่ยมไปเลยนะ แต่ฉันคิดว่าบางทีพวกเราอาจจะดูเหมือนเป็นวายร้ายไปแล้วรึเปล่า” ซางหยิงฮ่าวมองไปยังเย่เฟย์หยูและกล่าว

“หลังจากภัยพิบัตินี้จบลง ฉันว่าแกน่าจะไปทำงานที่โรงละครนะ รับรองเลยว่าจะต้องได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน” เหลียวฮังยกนิ้วโป้งให้

 เย่เฟย์หยูถอดหมวกเกราะตัวตลกออก ครุ่นคิดสักพัก และเอ่ยปากออกมา “ดูเหมือนว่าเวลาที่สวมเจ้าหมวกเกราะนี่ มันจะทำให้ฉันสามารถปลดปล่อยเจตนาฆ่าที่อดกลั้นเอาไว้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์”

 ทันใดนั้นเขาก็ได้สติกลับคืน และหันไปกล่าวกับกู่ฉิงซาน “ฉันนึกว่าเมื่อมาติดตามนายแล้ว ฉันจะต้องยับยั้งตนเองตลอดเวลา จนไม่อาจวิวัฒนาการ ไม่อาจฆ่าสังหารใครได้ซะอีก”

 “แล้วผลลัพธ์ที่ได้จากการติดตามมาล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 “กลายเป็นว่าฉันฟันกำไรซะคุ้มเลยน่ะสิ”

........................................