webnovel

0185 แชมเปี้ยนส์ชั้นยอด

ตอนที่ 185 แชมเปี้ยนส์ชั้นยอด

 “อีกแค่นิดเดียว ฉันต้องการอีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น…”

เย่เฟย์หยูกวาดลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตน หนึ่งฝ่ามือกางออกและโบกสะบัดมันอย่างแผ่วเบา

ปัง!

 บนพื้นดิน ผีดิบนักฆ่าอุดมไขมันที่พึ่งยืนหยัดขึ้นมาได้ ถูกเลือดสังหารที่อัดแน่นจนมีความหนากว่าสามเมตร ยิงเข้าใส่จนตัวมันกระเด็นลอยคว้างขึ้นไปบนท้องฟ้า

 ทว่ามันมิได้ลอยกระเด็นไปเปล่าๆ เลือดสังหารลอยล่องตามติดมันไปด้วย ก่อนจะครอบคลุมทั้งร่างของมัน จนแลดูคล้ายกับแอ่งน้ำที่มีปลาผีดิบแหวกว่ายอยู่ภายใน

 พุงของมันกระเพื่อมไปมา สองแขนตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่ง กำปั้นแล้วกำปั้นเล่า กระแทกเข้าใส่กำแพงกรงเลือดสังหาร ทว่ากลับไร้ผล

 หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ กรงเลือดสังหารที่อัดแน่นก็แยกตัวออกจากกัน

 ทว่ากลับไร้ซึ่งวี่แววร่างกายของผีดิบนักฆ่าอุดมไขมัน นั่นเพราะมันได้ถูกเลือดสังหารกัดกร่อนไปโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่อาจตรวจพบแม้ร่องรอยใดๆ ปรากฏให้เห็นแค่เพียงเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ยังเวียนวนอยู่กลางอากาศเท่านั้น

เย่เฟย์หยูอ้าปาก และเซลล์เม็ดเลือดแดงก็ถูกเขาดูดกลืน ไหลตรงเข้าสู่กระเพาะอาหาร

 แต่ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ๆ เขาก็พลันระเบิดเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง

 “เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 “ช่วยปกป้องฉันที ตอนนี้ฉันอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจพึ่งพาตัวเองได้ มันเป็นช่วงเวลาง่ายดายที่สุดที่จะถูกฆ่า” เย่เฟย์หยูรีบกล่าวอย่างยากลำบาก

 กู่ฉิงซานขบคิด จากนั้นก็ทำการเรียกยานรบประจัญบานมาทันที ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะกระโจนขึ้นไปบนจุดสูงสุดของยานรบ

 ในมือกุมดาบ สองตาสาดส่องไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง จิตสัมผัสเทวะถูกกวาดออกไป ขณะเดียวกันก็เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเย่เฟย์หยูอย่างใกล้ชิด

เย่เฟย์หยูระเบิดเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังสนั่น ดิ้นเร่าๆ ไปมาบนพื้น

ในร่างกายของเขา สามารถสังเกตเห็นได้ถึงเลือดสังหารที่กำลังสาดประกายแสงเรืองรองไหลเวียนไปมาตามส่วนต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

  “อา”

เย่เฟย์หยูอ้าปากคำรามอย่างปวดร้าว สองกำปั้นทุบตีลงบนพื้นอย่างคลุ้มคลั่ง

 พื้นดินค่อยๆ แตกร้าว เริ่มปรากฏแอ่งเว้าจากการถูกทุบตี และหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าบริเวณดังกล่าวคงจะกลายเป็นหลุมลึกในไม่ช้า ทว่าเย่เฟย์หยูกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำนี้ของตนเลยแม้แต่น้อย

 ผ่านไปไม่นานนัก สองปีกกระดูกเรียวแหลมก็สยายออก ก่อนที่มันจะหุบลงโอบล้อมรอบกายของเขา

 เสียงสะอื้นผสมปนเปกับเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด ดังลอดออกมาจากปีกกระดูก ทว่ายามนี้มันคอยบดบังร่างกายของเย่เฟย์หยู ทำให้ผู้ที่อยู่ภายนอกมิอาจจะตัดสินได้ว่าเขากำลังตกอยู่ในสภาวะใด

 ณ ขณะนี้ กู่ฉิงซานจึงพึ่งสังเกตเห็นว่าคู่ปีกกระดูกของเย่เฟย์หยู เริ่มที่จะมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกออกไปปรากฏขึ้น

กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะลงไป เพื่อที่จะสังเกตมันอย่างรอบคอบ

 เห็นแค่เพียงบนกระดูกปีกของเย่เฟย์หยู กำลังค่อยๆ ปรากฏสัญลักษณ์อันลึกลับและรอยขีดข่วนบางอย่างขึ้น

สัญลักษณ์เหล่านี้สังเกตเห็นได้ค่อนข้างยาก แต่บางครั้งมันก็เปล่งแสงสดใสออกมาเล็กน้อย ส่งผลให้ร่างกายของเย่เฟย์หยูให้ความรู้สึกลึกลับจางๆ

 หลังจากที่เห็นมัน ความตึงเครียดในจิตใจของกู่ฉิงซานก็ค่อยๆ บรรเทาลง

 กระบวนการวิวัฒนาการนั้นค่อนข้างเจ็บปวด และตรงช่วงเวลานี้ไม่สมควรที่จะมีอะไรผิดพลาด ทว่าด้วยการดำรงอยู่ของเย่เฟย์หยู ที่เป็นถึงผีดิบนักฆ่าที่สามารถวิวัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงส่งผลให้เขากำลังจะก้าวไปสู่เส้นทางที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

 กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ แล้วคว้าจับเม็ดยารักษาที่แลดูคล้ายกับเม็ดข้าวออกมา

 มันคือ เม็ดยาฟื้นฟูวิญญาณ 

พลังวิญญาณคือกฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐานที่สุดของฟ้าดิน มันเป็นแหล่งที่มาของอำนาจอันบริสุทธิ์

 เม็ดยานี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ปราณและเลือดลม โดยทั่วไปแล้วจะมีเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธระดับสูงเท่านั้นที่จะสามารถใช้งานมันได้

 นี่คือเม็ดยาฟื้นฟูของนิกายร้อยบุปผา เป็นสิ่งที่ฉินเซี่ยวโหลวลงมือกลั่นมันด้วยตนเองเป็นการส่วนตัว หากมันถูกวางทิ้งไว้ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ ทุกคนที่พบเห็นคงต้องต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะแย่งชิงมันมา

  “ขั้นต่อไปก็...”

กู่ฉิงซานกุมเม็ดยาในกำมือ และขว้างมันออกไป

 เย่เฟย์หยูที่แต่เดิมถูกปกคลุมด้วยปีกกระดูก ไร้ซึ่งการขยับเคลื่อนไหว ทว่าหลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงเม็ดยาฟื้นฟูที่ลอยเข้ามา สองปีกก็พลันอ้าออกในทันใด

เผยให้เห็นถึงร่างผอมบางจนแทบจะเรียกได้ว่าหนังหุ้มกระดูก สองตาของเย่เฟย์หยูสาดประกายแดงฉานไปด้วยเลือดสังหาร เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมเจตนาฆ่าในจิตใจเอาไว้ได้แล้ว

เขาพรวดออกไป ง้างคอ กระโจนงับเม็ดยาคำหนึ่ง แล้วกลืนมันลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด แต่ด้วยการที่เย่เฟย์หยูสามารถวิวัฒนาการมาถึงจุดนี้ได้ นั่นหมายความว่าเขาย่อมต้องมีประสาทรับรู้ที่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดดีหรือเลวต่อตนเอง

 ยาวิญญาณรูปทรงเมล็ดข้าวถูกกลืนลงไปในท้อง หมอกเลือดที่ปกคลุมร่างกายของเย่เฟย์หยูก็ทวีความหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ

 ร่างที่ผอมแห้งของเขาค่อยๆ กลับมาอุดมสมบูรณ์ ความคลุ้มคลั่งในแววตาค่อยๆ สลายหายไป

 “ฉันเกือบจะสติหลุดไปแล้ว ขอบใจมากนะ” บนใบหน้าของเย่เฉยหยูเผยถึงความสำนึกคุณ

 ขณะกล่าว ชั้นหมอกสีแดงอ่อนสองชั้นก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา และเริ่มก่อร่างหมุนเป็นกระแสน้ำวน

 หมอกกระแสน้ำวนเหล่านี้ ไหลผ่านเข้าไปในหูของเย่เฟย์หยู

  “หู...? หูฉัน...” เย่เฟย์หยูยกสองมือขึ้นกุมมันและกล่าว

 กู่ฉิงซาน “หูมันทำไมงั้นเหรอ?”

“…ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอน่ะ ฉันรู้สึกว่าประสาทหูของฉันมันกำลังจะวิวัฒขึ้นไปอีกขั้น แต่ฉันจำเป็นที่จะต้องฆ่าสังหารมากกว่านี้” เย่เฟย์หยูกล่าว

กู่ฉิงซานถึงกับพูดไม่ออก

นี่ขนาดเขาปล่อยให้เย่เฟย์หยูเป็นคนฆ่าซอมบี้ชั้นยอดไปตั้งมากมาย แต่มันก็ยังไม่เพียงพอกระนั้นหรือ

เขาสังเกตพลังงานที่ไหลบ่าออกมาจากเย่เฟย์หยูอย่างรอบคอบ และค้นพบว่าอีกฝ่ายดูจะแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

“วางใจเถอะ ฉันยกระดับไปอีกขั้นได้สำเร็จแล้ว” เย่เฟย์หยูสังเกตเห็นถึงสีหน้าของอีกฝ่าย จึงเอ่ยปากออกมา

พอได้ยินแบบนั้นกู่ฉิงซานก็โล่งใจ

ก่อนจะปิดตาทั้งสองลง เพื่อสังเกตการณ์สังเวียนเกมแห่งชีวิตนิรันดร์

 ทุกหย่อมหญ้าเกลื่อนไปด้วยเลือดและซากศพ

 สมกับที่เป็นพวกมืออาชีพ การฆ่าสังหารช่างโหดเหี้ยม แตกต่างจากเกมในรอบก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดงก่ำ แลดูจะไม่แยแสสิ่งใดแล้วราวกับคนบ้า รับรู้เพียงแค่ว่าจะต้องใช้อาวุธในมือของตน จ้วงทะลวงเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายให้ได้เท่านั้น

กู่ฉิงซานเริ่มนับจำนวนผู้เล่นที่หลงเหลือ และลืมตากลับมา “ดูท่ามันจะสายเกินไปแล้ว ที่จะฟาร์มเพื่อวิวัฒนาการประสาทหูของนาย พวกเราคงต้องรีบกลับกันแล้วล่ะ”

  “มันเกือบจะจบเกมแล้วอย่างงั้นเหรอ?”

 “ถูกต้อง นายจะต้องเผชิญกับคู่ต่อกรที่ทรงพลัง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่อาจพ่ายแพ้ได้” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบา

 “อีกฝ่ายเก่งมากเลยอย่างงั้นเหรอ?”

 “นี่เป็นการแข่งขันท้าทายชั้นยอด เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ย่อมต้องเตรียมมอบอาวุธล้ำค่าสำหรับผู้ชนะอย่างแน่นอน ฉันเดาว่าระดับพลังต่อสู้ของแชมเปี้ยนส์อาจจะก้าวขึ้นไปถึงขั้นเทพนักสู้เลยก็เป็นได้”

 เมื่อกู่ฉิงซานกับเย่เฟย์หยูกลับไปถึงเฉินเตี้ยนเฮ่า เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในรอบที่สองก็เกือบที่จะจบลงพอดิบพอดี

 บนสังเวียน หลงเหลือมืออาชีพที่ยังยืนหยัดอยู่เพียงสามคนเท่านั้น

 และสองในสาม มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน

 ฝ่ายที่มีหน้าตาผิดแผกไปเพียงหนึ่งเดียว คือชายร่างใหญ่ที่แม้จะดูบึกบึน ทว่าบัดนี้นอนแผ่อยู่บนพื้น ปากอ้าหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

 ปรากฏเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาตามหลุมลึกที่เจาะทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขา รูม่านตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีจางๆ อย่างช้าๆ

  “ช่วยฆ่าฉัน…ให้หายจากการทรมานแบบนี้ที…” เขาพยายามเอ่ยปากเป็นระยะๆ

 ตรงข้ามเขา เป็นสองพี่น้องที่สวมชุดคลุมนักสู้หวูเต๋า

 “น้องชาย จงจัดการให้เขาไปสบายเถอะ” พี่ชายนักสู้กล่าว

 “เข้าใจแล้ว...” น้องชายเอ่ยรับ

 เมื่อเขาเดินมาถึงข้างกายอีกฝ่าย แฝดคนน้องก็ง้างมือขึ้น กำปั้นเกร็งแน่น เตรียมจะทุบลงไปบนหัวของชายร่างใหญ่เพื่อปลิดชีวิตเขา

 หนึ่งหมัดถูกหวดสวนออกไป…ทว่ากลับเป็นหมัดที่หวดย้อนกลับไปทางเบื้องหลัง!

ปัง!

ปรากฏซึ่งเสียงหนักทึบ

 พี่ชายและน้องชายต่างถอยไปคนละหนึ่งก้าว

 “พี่ชายที่เคารพรัก ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องเป็นคนแบบนี้” น้องชายเอ่ยปากกล่าวด้วยความเกลียดชัง

  “ไม่เอาน่า เพื่อที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์ นายจะต้องยอมเพื่อฉันสิ”พี่ชายกล่าว

 ร่างของทั้งสองวูบไหว เพลงหมัดและเพลงเตะโถมจู่โจมเข้าใส่กัน

 หนึ่งคนถอย หนึ่งคนรุก สลับกันไปมา ร่างของทั้งสองทุ่มจู่โจมอย่างดุดันและโหดร้าย บัดนี้เห็นแค่เพียงภาพติดตา

 หลังจากนั้นครู่หนึ่ง น้องชายก็ถอยกลับมาหนึ่งก้าว สองมือประสานกันแลดูคล้ายกับค้อนปอนด์ พลังของหวนคืนไร้ลักษณ์ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน

 “เอาไปกินซะ!”

 เขาตะโกนคำหนึ่ง ง้างกำปั้นค้อนปอนด์ทุบไปยังพี่ชาย ส่งทั้งคนทั้งร่างของอีกฝ่ายกระแทกกระดอนกระเด็นออกไปหลายเมตร

 พี่ชายกระอักเลือดคำโต กลิ้งหลุนๆ อยู่นานบนพื้น แม้สุดท้ายจะตั้งหลักได้ ทว่ากลับแทบจะยืนหยัดขึ้นมาไม่ไหว

 “แก-ทำไมแกถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!” พี่ชายเอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 “พี่ชายที่เคารพ จริงๆ แล้วผมออมมือปล่อยให้ชนะพี่มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ตัวเลยอย่างงั้นเหรอ” น้องชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

 “ทำไม? ทำไมถึงปล่อยให้ฉันชนะกัน?” พี่ชายถามด้วยความสับสน

 “เพราะมันรู้สึกสนุกดีน่ะสิ ที่ได้เห็นพี่ใช้เทคนิคเงอะงะเหล่านั้นทุกวี่วัน คอยเฝ้ามองคนที่ไม่อาจตระหนักได้ถึงแก่นแท้ของกระบวนท่า นี่มันช่างเป็นอะไรที่น่าขบขันจริงๆ” น้องชายกล่าว

“พี่ชาย ชีวิตนิรันดร์น่ะจะต้องตกเป็นของฉัน ส่วนพี่ก็ตายซะเถอะ!”

 ร่างของน้องชายแปรเปลี่ยนพร่ามัวเป็นเงาพยัคฆ์ กระโจนเข้าหาพี่ชายของเขา

 ในตอนนั้นเอง ระหว่างกลางอากาศที่เขากำลังกระโจน ตรงเอวเขาจู่ๆ ก็พลันสัมผัสเข้าเกมเส้นด้ายสีทอง และถูกมันตัดสะบั้นจนแยกร่างของเขาออกเป็นสองส่วน

เลือดไหลทะลักออกมาจากเอว ขณะที่ครึ่งร่างส่วนหนึ่งลอยคว้าน บินไกลออกไป

ในสายตาของน้องชาย ปรากฏซึ่งความสับสนอันลึกล้ำ

อย่างไรก็ตาม มิทันได้ไขข้อสงสัย สีหน้าของเขาก็แข็งค้างไปโดยสมบูรณ์

ความตายมาถึงอย่างกะทันหันเกินไป รวดเร็วจนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตกตายได้อย่างไร วินาทีต่อมา วิสัยทัศน์ของเขาก็จมลงสู่ห้วงความมืดมิดเสียแล้ว

 เส้นบางๆ ที่เรืองแสงสีทอง ขึงรายล้อมอยู่รอบกายของฝาแฝดคนพี่ จนเขาไม่อาจขยับกายเคลื่อนไหวได้

 ธาตุทองจากธาตุทั้งห้า

แท้จริงแล้วมันกลับกลายเป็นว่า เขาไม่เพียงเป็นนักสู้หวูเต๋า แต่ยังเป็นมืออาชีพผู้ที่เชี่ยวชาญในธาตุทั้งห้าอย่างลึกล้ำอีกด้วย

“น้องชาย ตั้งแต่เด็กจนโต ตลอดมานายน่ะคิดผิดมาโดยตลอด ไม่เคยจะตั้งใจฟังสิ่งที่พี่สอนเลย”

“ดังนั้น สุดท้ายนายเลยตกตายลงด้วยวิธีการนี้”

พี่ชายถอนหายใจ เผยสีหน้าขมขื่นออกมา

 เขาตรงไปยังอีกคนหนึ่งที่หลงเหลืออยู่

 ประกายแสงสีทองกะพริบส่องประกาย

 พร้อมกับหัวของหนึ่งในสองผู้เล่นคนสุดท้าย หลุดออกจากบ่า

........................................