webnovel

0135 ซางหยิงฮ่าว

ตอนที่ 135 ซางหยิงฮ่าว 

เมื่อความคิดชั่วร้ายในใจถูกเปิดโปง ซางหยิงฮ่าวก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และชวนเขาเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “ได้ยินมาว่าที่นี่มีสุราดี ขอฉันดื่มสักแก้วจะได้ไหม?” 

“เฮ้อ...งั้นตามฉันมา” กู่ฉิงซานกล่าว หันหลังเดินนำอีกฝ่ายไป 

ทั้งสองนั่งลง ยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนเบาๆ 

“มีเรื่องบางอย่างที่ฉันจำเป็นจะต้องเอ่ยออกมาตรงๆ” กูฉิงซานกล่าว 

“เอาล่ะ เอาล่ะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

ดูจากทัศนคติของกู่ฉิงซานในตอนนี้ บอกได้เลยว่าเรื่องน้องสาวของเขาจะต้องถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน มันคงจะดีกว่าถ้าเลือกที่จะรอดูสถานการณ์อีกสักพัก 

“ถ้าอย่างงั้นพอหมดแก้วนี้ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน ปัญหาในตอนนี้มันมีมากเกินไป อีกอย่างฉันก็เตรียมที่จะออกไปข้างนอกในเร็วๆ นี้ซะด้วย คงไม่สามารถอยู่พูดคุยกับนายนานๆ ได้” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ถ้าอย่างงั้นติดรถของฉันไปไหม แต่เหล้าของนายที่มันรสดีจริงๆ ขอฉันอีกแก้วก็แล้วกัน!” ซางหยิงฮ่าวไม่ยอมแพ้ 

กู่ฉิงซานมองดูเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะดึงกล่องเก็บเหล้าขึ้นมาจากใต้โต๊ะ 

“ฉันยกพวกมันทั้งหมดให้นายเลย ค่อยๆ ดื่มก็ได้ ตอนนี้ฉันขอตัวไปก่อนได้หรือยัง?” เขาชี้ไปที่กล่องสุราพลางกล่าว

 “ฮี่ฮี่ นายนี่มันใจดีจริงๆ แต่เรื่องคราวนี้น่ะมันไม่เกี่ยวกับเหล้าหรอก” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันหมายถึง สิ่งที่นายกำลังจะทำน่ะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม” 

“นายอยากจะช่วยฉันจริงๆ งั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานหรี่ตามองอีกฝ่าย 

“แน่นอนอยู่แล้ว นี่มันเป็นเรื่องธรรมดา ก็พวกเราน่ะเป็นหุ้นส่วนกัน สิ่งที่นายทำ ก็เป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำเหมือนกัน” ซางหยิงฮ่าวทุบอกตัวเอง 

ทันใดนั้นเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังออกมาจากสมองควอนตัม “ค้นพบร่องรอยของอีกฝ่ายแล้ว เริ่มทำการวางแผนเพื่อร่างเส้นทางติดต่อ” 

กู่ฉิงซานลุกขึ้นพร้อมกล่าว “ฉันจะออกไปแล้ว ถ้านายไม่ไปก็รอฉันอยู่ที่นี่ล่ะ เดี๋ยวก็กลับมา” 

ซางหยิงฮ่าวยกมือขึ้นรั้งและกล่าว “งั้นฉันจะไปกับนายด้วย ไม่ว่ามันจะเป็นภารกิจอะไร ต้องไปลุยกับพวกผีดิบนักฆ่าหรือไม่ ฉันก็สามารถร่วมต่อสู้กับนายได้” 

กู่ฉิงซานจ้องเขา “ทำไมนายถึงดื้อดึงแบบนี้ สิ่งที่ฉันกำลังจะทำอยู่มันอันตรายมากเลยนะ” 

“เพราะคำว่าหุ้นส่วนอย่างไรล่ะ ก็พวกเราน่ะเป็นหุ้นส่วนกัน” ซางหยิงฮ่าวเชิดหน้าขึ้น พยายามโน้มน้าวเขาด้วยลักษณะท่าทีของหัวหน้าสมาคมนักล่า “ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับภัยอันตรายขนาดไหนก็ตาม หากเป็นนายที่ลงมือออกหน้า ทุกอย่างย่อมคลี่คลายได้โดยง่าย” 

กู่ฉิงซานนิ่งคิดไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก “ถ้าอย่างงั้น นายมาด้วยก็ได้” 

“จัดไป! ว่าแต่พวกเราจะไปที่ไหนกัน แล้วนายกำลังจะทำอะไร?” ซางหยิงฮ่าวถามอย่างตื่นเต้น 

จู่ๆ เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้น “ซางหยิงฮ่าวไม่มีอำนาจที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่สมควรได้รับข้อมูลของผู้ติดต่อที่เป็นความลับสูงสุด ระดับ เอส”  

ซางหยิงฮ่าวกดปิดสมองควอนตัม หันหน้าไปมองกู่ฉิงซาน “เอาล่ะ ตอนนี้ตัวปัญหาก็หายไปแล้ว นายสามารถเล่าให้ฉันฟังได้เลยตอนนี้” 

“เอ่อ ฉันกำลังจะไปพบกับใครคนหนึ่งที่เคยเกือบจะฆ่าฉันมาแล้ว” กู่ฉิงซานคิด ก่อนจะตอบไปอย่างเรียบง่าย 

“รายละเอียดน้อยจัง นายไม่คิดจะบอกความจริงทั้งหมดให้ฉันฟังจริงๆ น่ะเหรอ?” ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างเจ็บปวด 

“นี่ฉันจำเป็นต้องมาคอยพิจารณาถึงความรู้สึกของทุกคนเลยรึอย่างไร” กู่ฉิงซานถอนหายใจ 

ถึงขณะนี้ สมองควอนตัมก็ได้ส่องสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังลอดออกมาจากภายใน “การติดต่อที่เป็นความลับสูงสุดระดับ ‘เอส’ ไม่สมควรที่จะแพร่กระจายออกไป พฤติกรรมดังกล่าวที่ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานแสดงออกมาช่างน่าชื่นชมยิ่ง” 

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ซางหยิงฮ่าวรู้สึกว่าเสียงของเทพธิดากงเจิ้งจะแฝงไว้ด้วยความสุขเล็กน้อย  

“เอาเถอะ แล้วฉันสามารถไปด้วยได้ไหม?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถามเทพธิดากงเจิ้ง 

“มีใครบางคนมาช่วยคอยเฝ้าระวังมันก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ” กู่ฉิงซานหันไปกล่าวกับเทพธิดา 

เทพธิดากงเจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “อนุญาตให้ซางหยิงฮ่าวมีส่วนร่วมในข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทว่าต้องร้องขอให้มิสเตอร์ซางหยิงฮ่าวตัดสินใจไปด้วยตัวเอง เทพธิดากงเจิ้งและใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยข้อมูลหรือชักชวนผู้อื่นให้ร่วมภารกิจได้” 

“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ฉันสามารถไปช่วยได้ใช่ไหม? ถ้าอย่างงั้นพวกเรากำลังจะไปสู้กับอะไรกัน?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถามอีกครั้ง 

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่มั่นใจ 

“นี่ยังต้องดูสถานการณ์กันอีกเหรอ เมื่อกี้นายบอกว่าเขาเป็นคนที่เกือบจะฆ่านายนี่!” 

“การต่อสู้ไม่สามารถแก้ทุกปัญหาบนโลกได้หรอกนะ” 

“นายนี่มัน…ไม่เลือดร้อนเอาเสียเลย” 

“ไม่เอาหน่า” กู่ฉิงซานคว้าตัวเขาและผลักออกไป “ตอนนี้ฉันมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องไปจัดการอยู่ นายก็ออกไปทักทายทุกคนก่อนก็แล้วกัน ไว้ฉันจะมาตามตัวนายทีหลัง” 

“ก็ได้ๆ” ซางหยิงฮ่าวก้าวออกประตูไปด้วยแววตาขุ่นเคือง 

หลังจากที่เขาได้จากไปแล้ว กู่ฉิงซานก็เดินไปปิดประตูและกลับมานั่งลงเบื้องหน้าโต๊ะของเขา “เทพธิดากงเจิ้ง” 

“ฉันกำลังฟังอยู่” 

“สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว นอกเหนือจากแผนการติดต่อ ฉันจะตระเตรียมไว้อีกแผนหนึ่ง” 

“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกรุณาอธิบายให้ฉันเข้าใจด้วย” 

“แผนนี้ถูกเรียกว่า ‘ฆ่ามันซะ’ เอาล่ะ ตอนนี้ก็เปิดแผนที่ให้ฉันดูหน่อย” 

“รับทราบแล้ว” 

เสียงของหญิงจักรกลกล่าวตอบรับ แผนที่ตัวเมืองถูกฉายขึ้นปรากฏเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน 

กู่ฉิงซานเฝ้าดูแผนที่และเริ่มต้นวางแผนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว 

“ห่างจากจุดนัดพบ ออกไปราวๆ สิบกิโลเมตร ให้ทำการระดมพลหุ่นรบขับเคลื่อน ประจำตำแหน่งเอาไว้ และค่อยหลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ” 

“ห่างจากจุดนับพบออกไปราวๆ สามสิบกิโลเมตร ขอให้คุณทำการระดมคนของกองทัพและเหล่ามืออาชีพมายังตำแหน่งนี้ พร้อมด้วยสองนายพลเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดต่อสู้ขึ้นจากทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ” 

“อย่าเปิดเผยความจริงของภารกิจให้พวกเขาได้ล่วงรู้ สั่งให้พวกเขารักษาระยะห่างระหว่างพวกเราจนกว่าจะได้รับคำสั่งใหม่หรือภารกิจจะเสร็จสิ้น” 

“หากล้มเหลวในการสื่อสาร ฉันและซางหยิงฮ่าวก็จะเข้าสู่สภาวะต่อสู้ เกราะรบขับเคลื่อนจะต้องมาถึงภายในหนึ่งนาที ส่วนสองนายพลจะต้องมาถึงพื้นที่ต่อสู้ภายในสองนาที เพื่อเริ่มทำการปิดล้อมสังหารผีดิบนักฆ่า” 

“นอกจากนี้ฉันต้องการให้คุณเตรียม ‘ข้อมูลภาพ’ ที่ตอนนี้ได้ถูกส่งไปทางสมองควอนตัมส่วนบุคคลเรียบร้อยแล้ว สามารถเปิดใช้งานมันได้เลยตลอดเวลา” 

“รับทราบแล้ว” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ คุณช่างตระเตรียมแผนการมาเป็นอย่างดี ทว่าฉันมีคำถาม” 

“เชิญกล่าว” 

“ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนี้” 

“หากเป็นก่อนหน้านี้ แม้ว่าการติดต่อจะล้มเหลว แต่คุณก็ยังสามารถพยายามลองเกลี้ยกล่อมเขาได้อีกในครั้งที่สอง” 

“ก็สำหรับตอนนี้น่ะนะ” กู่ฉิงซานถอนหายใจ “ฉันจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของ ‘อนาคตหุ้นส่วน’ด้วยน่ะสิ” 

“กลับกลายเป็นเช่นนี้นี่เอง” 

สิบห้านาทีต่อมา 

รถเหินเวหาขนาดเล็กก็ร่อนลงในชานเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไป 

ซางหยิงฮ่าวกระโดดลงจากรถและหันไปมองรอบๆ 

มันคือสนามบาสเกตบอลกลางแจ้ง ที่ตามพื้นสนามประปรายไปด้วยกองเลือดขนาดย่อม 

มีซากร่างช่วงบนครึ่งหนึ่งแขวนอยู่บนห่วงบาสเกตบอล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของร่างกำลังปีนขึ้นเพื่อหลบหนี แต่สุดท้ายก็ยังถูกฉีกกระชากเนื้อหนังและโดนสังหารลงในที่สุดอยู่ดี 

ลูกบาสแห้งกรังตกอยู่ในพงหญ้านอกสนาม มันถูกปกคลุมไปด้วยสีดำเลือด พร้อมด้วยแมลงวันนับไม่ถ้วนกำลังบินวนรอบๆ 

“แล้วพวกเรามาทำอะไรกันที่นี่?” ซางหยิงฮ่าวถาม 

ทันใดนั้นเอง ปากของเขาก็หุบลง 

ปรากฏชายหนุ่มที่ดูแสนจะธรรมดาคนหนึ่งเดิน ช่วงครึ่งตัวของเขาเกรอะกรังไปด้วยคราบเลือด กำลังเดินอยู่ภายนอกสนาม 

ใบหน้าของเขาซีดเซียว ทุกย่างก้าวกะโผลกกะเผลก  ทว่าด้วยแว่นกันแดดสีดำที่วางทับไว้บนจมูกทำให้ไม่อาจเห็นคู่ดวงตาของเขาได้ชัดเจนนัก 

ซางหยิงฮ่าวมองไปยังกู่ฉิงซาน เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าหน้าอก เตรียมจะคว้าจับอะไรบางอย่าง 

กู่ฉิงซานรีบคว้ามือของเขาอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าการกระทำนี้จะเป็นการกระตุ้นอีกฝ่าย 

ซางหยิงฮ่าวเห็นดังนั้น ในหัวใจของเขาตระหนักได้ถึงบางสิ่ง อาวุธที่อยู่ในกำมือก็ถูกผละออก  

แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่เป็นการมาเพื่อต่อสู้ แต่เป็นการมาเพื่อพบกับคนผู้นี้ต่างหาก 

ซางหยิงฮ่าวจดจ้องไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม 

‘นี่นายกำลังตามหาคนที่ได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวอย่างนี้น่ะเหรอ?’ 

กู่ฉิงซานผู้นี้ แม้บุคลิกจะดูเป็นมิตร แต่ในความเป็นจริงสายตาของเขาแหลมคมพิถีพิถันไม่เลวเลย 

ชายหนุ่มคนนี้น่ะเหรอที่เกือบจะฆ่ากู่ฉิงซานได้? แต่ถ้ามองดูจากท่าทีภายนอก ก็ดูคล้ายพวกมืออาชีพอยู่เหมือนกัน 

เขาพึมพำกับตัวเองอย่างลับๆ ขณะที่ทางด้านกู่ฉิงซานกำลังเอ่ยทักทาย 

“โปรดรอสักเดี๋ยวจะได้ไหม” กู่ฉิงซานกล่าว 

ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า เงยหน้าขึ้น มองมายังทั้งสอง 

“เป็นนายอีกแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว 

เขาลังเล ราวกับกำลังคิดว่าตนสมควรจะทำอะไรดี 

ในตอนนั้นเอง กู่ฉิงซานก็ได้เอ่ยปากอีกครั้ง “ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอกนะ” 

เขาผายมือ ทำท่าทีราวกับว่าตนมิได้พกพาอาวุธใดๆ ติดตัวมา 

“โห? ถ้าอย่างนั้นพอจะบอกได้ไหมว่านายพบตัวฉันได้อย่างไร?” ขนาดคนในกองทัพก็ยังไม่แม้กระทั่งเอะใจถึงตัวตนของฉันเลย” ชายหนุ่มกล่าว 

ที่แท้เขาก็สงสัยในเรื่องนี้นี่เอง กู่ฉิงซานงึมงำ 

กู่ฉิงซานตอบไปตามตรง “เพราะว่านายยังคงพกสมองควอนตัมติดตัวอยู่” 

“แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่นายสามารถหาตัวฉันพบ” ชายคนนั้นถาม 

กู่ฉิงซานดีดนิ้ว 

สมองควอนตัมของชายหนุ่มพลันสว่างวาบ 

“สวัสดี อดีตพลเมืองเย่เฟย์หยูแห่งรัฐบาลกลาง ฉันคือเทพธิดากงเจิ้ง” เสียงดังตอบสนองออกมาจากสมองควอนตัมส่วนบุคคล 

กู่ฉิงซานดีดนิ้วอีกครั้ง 

และแสงสว่างบนสมองควอนตัมของเย่เฟย์หยูก็ดับลง 

ซางหยิงฮ่าวอ้าปากกว้าง ไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้เป็นเวลานาน 

เย่เฟย์หยูก็รู้สึกประหลาดใจจนลืมเอ่ยปากออกมาเช่นกัน 

ที่ทั้งสองอึ้งไปมันก็ไม่แปลกหรอก เพราะพวกเขารู้ซึ้งดีถึงความหมายอันลึกล้ำของการกระทำที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ 

เพราะนี่คือสิ่งที่แม้กระทั่งตัวประธานาธิบดีเองก็ยังไม่สามารถกระทำได้! 

“น่าสนใจดีนี่” แววตาของเย่เฟย์หยูเปล่งประกาย “ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนึ่งในความลับสุดยอดของนายสินะ ถ้าอย่างงั้นนายมาบอกเรื่องนี้กับฉันเพราะอะไร?” 

“ฉันกับเพื่อนต้องการหุ้นส่วนเพิ่มขึ้นอีกสักคน และฉันก็คิดว่านายเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว” กู่ฉิงซานผายมือออก กล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย 

เวลานี้เย่เฟย์หยูตะตกลึงไปอย่างแท้จริง 

“ฮ่าๆ หุ้นส่วนอย่างงั้นเหรอ?” เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง 

นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ยินคำนี้? 

จุดประสงค์ของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ไม่มีคนปกติที่ไหนจะมีความคิดแบบนี้หรอก 

เย่เฟย์หยูส่ายหัวและกล่าวเย้ยหยัน “ถึงฉันจะบ้า แต่ก็บ้าแค่ร่างกาย แต่นายน่ะเชื้อบ้ามันลุกลามไปถึงสมองแล้ว” 

ซางหยิงฮ่าวผ่อนคลายจิตใจของเขาลง และรู้สึกว่าเขาเริ่มที่จะเข้าใจถึงเจตนาของการพบปะกันในครั้งนี้แล้ว และกำลังตั้งใจขบคิดอย่างเต็มที่ 

อย่างแรกเลยก็คือ กู่ฉิงซานต้องการที่จะดึงดูดชายคนนี้เข้ามาเป็นพวกจริงๆ 

อย่างที่สอง ชายคนนี้จะต้องเป็นบุคคลที่มีค่ามากอย่างแน่นอน 

อย่างที่สาม ที่เขาบอกว่าร่างกายของตนเองนั้นบ้า…อาจจะหมายถึงว่าตัวเขามีสถานะเป็นผู้ใช้เทคนิคเทียนซวนที่อยู่ขั้นสี่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจควบคุมก็เป็นได้ 

ดีจริงๆ นี่มันคุ้มค่ามากๆ ที่ฉันได้ติดตามมา 

“หวังว่าน้องเย่คงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงกระจ่างใส เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม “ถึงหุ้นส่วนของฉันเขาเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เขาก็เป็นพันธมิตรที่ดีจริงๆ หากเพื่อนๆ เดือดร้อนอะไร แล้วเขาพอจะช่วยได้ เขาก็จะช่วยอย่างแน่นอน” 

“ถ้าเขาคิดว่านายเหมาะสมที่จะเป็นหุ้นส่วนของพวกเรา นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ของนายต้องยอดเยี่ยมมากๆ จนทำให้เขาประทับใจได้” 

“น้องเย่สามารถวางใจได้เลย” ซางหยิงฮ่าวยิ้มและพูดต่อ “ตราบใดที่นายมาเป็นหุ้นส่วนกับพวกเรา สิทธิประโยชน์มากมายนับไม่ถ้วนก็จะส่งตรงถึงมือนาย นับจากนี้ไป ช่วงชีวิตของนายจะรุ่งโรจน์ไปจนถึงจุดสูงสุด” 

บังเกิดความเงียบอันน่าแปลกประหลาดขึ้น 

ทว่าซางหยิงฮ่าวยังคงรักษารอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรอยู่บนใบหน้า และพยายามไม่ทำตัวกระตือรือร้นให้มากเกินไป 

เขาพึงพอใจกับผลงานการแสดงของเขาในครั้งนี้มาก และภายในจิตใจก็พาลคิดไปถึงคำตอบที่กำลังจะได้รับ 

ทั้งกู่ฉิงซานและเย่เฟย์หยูต่างพากันจ้องมองเขาเป็นสายตาเดียว 

สีหน้าของกู่ฉิงซานแปลกไปเล็กน้อย ทว่าหากมองดูๆ จะเห็นว่ามันกำลังเผยถึงร่องรอยความรู้สึกยกย่อง 

คู่ดวงตาของเย่เฟย์หยูจ้องมองอีกฝ่ายผ่านเลนส์แว่นกันแดด  ภายในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

........................................