webnovel

0132 หนทางสุดท้าย

ตอนที่ 132 หนทางสุดท้าย 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา 

กู่ฉิงซานและคนอื่นๆ ก็ได้รับฟังข้อสรุปการชันสูตรซากศพจากเทพธิดากงเจิ้ง 

“ผิวหนังชั้นนอกมีความทนทานต่อความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีด้วยอาวุธทางเทคโนโลยี” 

“อวัยวะภายในและกระดูกเกือบทั้งหมด มีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีด้วยเทคโนโลยีเช่นกัน” 

“จากการชันสูตร การใช้เลเซอร์ผ่าตัดไม่เป็นผล แต่เมื่อใช้มีดผ่าตัดในยุคก่อนหน้า ผลปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ดี” 

“ทดสอบให้สามมืออาชีพทำการโจมตี ผลลัพธ์ออกมาดี” 

“สรุป ยิ่งระดับการกลายพันธุ์ของมอนสเตอร์ซอมบี้สูงขึ้นมากเพียงใด การโจมตีมันด้วยอาวุธเทคโนโลยีก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพถดถอยลงเท่านั้น” 

“เอาล่ะยอดเยี่ยมมาก” กู่ฉิงซานยืนขึ้นและเอ่ยพึมพำ “ตอนนี้อาวุธเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมในยุคก่อน ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ตอนนี้กระบวนการพัฒนาเทคโนโลยีการต่อสู้ของเราจะต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม” 

“ขออภัยใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ช่วยขยายความได้หรือไม่ ที่บอกว่าต้องเปลี่ยนแปลงนั่นหมายความว่าอย่างไร” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว 

“จากที่มุ่งเน้นไปยังการโจมตี ปรับเปลี่ยนเป็นมุ่งเน้นในการช่วยเหลือเป็นหลัก” 

“โปรดอธิบายเพิ่มเติม” 

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าวต่อว่า “คุณได้ทำการวิเคราะห์วิดีโอการต่อสู้ของฉันเมื่อครู่รึยัง?” 

“ทำการวิเคราะห์แล้ว ผลรวมการวิเคราะห์ทั้งหมด 15356743 ครั้ง” 

“ถ้าอย่างนั้น คุณพอจะบอกฉันหน่อยได้ไหม ว่ามีกลยุทธ์ใดบ้างของคุณ ที่ดีกว่าที่ฉันพึ่งพูดไป มันมีอยู่ในการวิเคราะห์ที่ว่าหรือเปล่า?” 

“ไม่มี คำตอบของใต้เท้าผู้ทรงเกียรติช่างสมบูรณ์แบบ” 

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น “ผายลมเอง...” 

“เอาเถอะ ตอนนี้มีอยู่สองกลยุทธ์ ที่จะสามารถปรับปรุงให้มันส่งผลในเชิงรุกที่ยอดเยี่ยมได้” 

กู่ฉิงซานกล่าว “ใช่แล้ว หนึ่งคือการช่วยเหลือ ด้วยการคำนวณและประมวลผลอย่างรวดเร็วโดยระบบจักรกลที่เหนือล้ำจนมนุษย์ไม่อาจเทียบได้ เราจะมุ่งเน้นวัตถุประสงค์ไปยังการช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดและรวดเร็วที่สุด ในทำนองเดียวกันมันก็จะหมายถึงการลดจำนวนศัตรูของเราลงได้อย่างมหาศาล” 

“อีกหนึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการรับมือ ฉันคิดไว้ในหัวแล้ว แต่ขอลองเอาไปตัดสินอย่างรอบคอบดูก่อนอีกทีแล้วจะมาบอกนะ” 

“ว่าแต่ตอนนี้คนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในมณฑลไป่ซาหลงเหลืออีกเท่าไหร่?” 

“หมึ่งหมื่นเจ็ดพันหกร้อยสามสิยสี่คน” 

กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผีดิบนักฆ่าตนนั้นถึงได้กลายพันธุ์ได้รวดเร็วนัก ฉันจำได้ว่าแค่เฉพาะมณฑลไป่ซา ก็มีจำนวนผู้คนอาศัยอยู่กว่าหลายสิบล้านคนแล้ว ทว่าตอนนี้ในเมืองแทบจะไม่มีใครรอดชีวิตอยู่เลย” 

“มิใช่ การที่ผู้คนล้มตายลงไปเป็นจำนวนมากมายขนาดนี้ ไม่ใช่ฝีมือของเขา” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว 

“โอ๋? แล้วเขากลายพันธุ์ได้รวดเร็วขนาดนั้นอย่างไรกัน” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างสงสัย 

“เขาชื่นชอบที่จะสังหารพวกเดียวกัน แม้ว่าจะมีการสังหารมนุษย์ปะปนอยู่บ้าง แต่สัดส่วนดังกล่าวมีเพียงเล็กน้อยกว่ามาก” 

“ที่แท้วิธีนั้นก็เป็นตัวเร่งให้เขากลายพันธุ์ได้รวดเร็วขึ้นเช่นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว 

เทพธิดากงเจิ้ง “เนื่องจากการดำรงอยู่ของผีดิบนักฆ่า ทำให้กลยุทธ์การใช้หุ่นรบเข้ากู้สถานการณ์ในมณฑลไป่ซ่าล้มเหลว และสุดท้ายพลเมืองไป่ซาเกือบทั้งหมดจึงถูกฆ่า หลงเหลือทิ้งไว้แค่เพียงชื่อเท่านั้น” 

เทพธิดากงเจิ้งกล่าวต่อในทันใด “ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซาน เทพนักสู้ได้มาถึงแล้ว เขากำลังมองหาคุณอยู่” 

กู่ฉิงซานยืนขึ้น และออกไปจากห้องชันสูตร 

ทันทีที่เขาเดินออกมา เขาก็พบกันเทพนักสู้ซางซ่งหยางที่กำลังเดินลงจากรถเหินเวหาอย่างรวดเร็ว 

“เจ้ามอนสเตอร์ซอมบี้ล่ะ?” ซางซ่งหยางเอ่ยถาม 

“มันหนีไปแล้ว อันที่จริงต้องบอกว่าพอมันได้ยินชื่อของคุณ เลยเกิดอาการหวาดกลัวจนหนีไปต่างหาก” กู่ฉิงซานกล่าวตามตรง 

ทว่าสีหน้าของซางซ่งหยางดูจะไม่ผ่อนคลายลงเลย เขาส่ายหัวและถอนหายใจยาวออกมา “พวกมันกลายพันธุ์เร็วเกินไปแล้ว ชัดเจนแล้วว่าหากทำการฆ่าสังหาร พวกมันก็จะสามารถกลายพันธุ์ได้อย่างไม่หยุดยั้ง” 

“ใช่ นี่ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” กู่ฉิงซานกล่าว และเชิญเขาไปหาที่นั่งคุยกัน 

กู่ฉิงซานหยิบแก้วไวน์มาสองใบ เทเหล้าฤทธิ์แรงลงไป แก้วหนึ่งยื่นให้เทพนักสู้ จากนั้นทั้งสองก็ชนแก้วกันและดื่มทักทายตามมารยาท 

“สุราดี มาลองอีกแก้วเถอะครับ”  

มองไปยังคิ้วของซางซ่งหยางที่ขมวดมุ่น ดูเหมือนว่าเขายังมีความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ในใจ 

กู่ฉิงซานจึงเทเหล้าให้เขาอีกหนึ่งแก้ว 

“เหล้านี้ได้มาจากที่ไหนกัน? ดูเธอจะมีความสุขที่ได้ดื่มมันนะ” ซางซ่งหยางกล่าวถาม 

“ซูเซี่ยเอ๋อให้ผมมาน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

ซางซ่งหยางจดจำได้ในทันที “โอ้ ที่แท้ก็เป็นสาวน้อยคนนั้นน่ะเอง คนที่ได้รับเพลิงนางฟ้าไป” 

“ดีล่ะ ฉันก็มีข้อเสนอบางอย่างเหมือนกัน” ซางซ่งหยางขบคิดและกล่าว

 “เชิญชี้แนะ”  

“หลานสาวฉันเอง น้องสาวของซางหยิงฮ่าวน่ะ ฉันคิดว่าพวกเธอสองคนควรที่จะเริ่มทำความรู้จักกัน...” 

“ไม่ล่ะครับ ผมว่าอย่าดีกว่า!”  

“ฮ่าฮ่า เอาเถอะ ฉันก็แค่อยากพูดในสิ่งที่คิดก็เท่านั้นเอง สำหรับฉันแค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว” ซางซ่งหยางยกเหล้าขึ้นมาจิบและกล่าว 

“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือครับ” กู่ฉิงซานถาม 

“ก็เรื่องผีดิบนักฆ่านั่นแหละ พวกมันมีสติปัญญาดีเยี่ยม และมักจะแอบเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ของพวกเราอย่างลับๆ หากยังปล่อยทิ้งไว้นานต่อไป มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะจัดการในภายหลัง” 

ซางซ่งหยางบัดนี้เผยถึงท่าทีที่เต็มไปด้วยความกังวล 

“เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาหรอกครับ” กู่ฉิงซานกล่าว “ผมคิดว่าสำหรับผีดิบนักฆ่านั้น การกลายพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงจะช่วยให้พวกมันฟื้นคืนอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ แต่นั่นนับว่าหาได้ยากยิ่ง และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดขึ้น” 

“อารมณ์ความรู้สึก?” ซางซ่งหยางส่งเสียงฮึฮะ “นรกเถอะ ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูด หากพวกผีดิบนักฆ่าพากันกลายพันธุ์จนสมบูรณ์ขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วสร้างอารยธรรมขึ้นมาหรอกหรือ” 

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่หรอก” 

“อ๋า? แล้วสรุปมันเป็นอย่างไรกันแน่? ถ้าเธอเต็มใจที่จะอธิบาย ฉันก็ยินดีที่จะได้รับฟังความเห็นในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง” ซางซ่งหยางกล่าว 

“ตามลักษณะนิสัยของพวกมัน หากไม่มีวัตถุอื่นๆ ให้ล่าสังหาร ท้ายที่สุดพวกมันก็ยินดีที่จะหันมาเข่นฆ่าพวกเดียวกันเอง” 

“และนั่นทำให้ผมสามารถคิดวิธีการที่จะกำจัดพวกมันขึ้นมาได้” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ลองว่ามาสิ” 

“คำใบ้ก็คือ ‘เทคโนโลยีจัมป์ระหว่างดวงดาว’” 

ซางซ่งหยางขบคิดถึงสิ่งที่ได้ยินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่มั่นใจว่า “เธอกำลังจะบอกว่า ให้ใช้เทคโนโลยีนั้นส่งพวกมันออกไปนอกโลกอย่างงั้นเหรอ?” 

“นั่นมันค่อนข้างจะสิ้นเปลืองเวลามากเกินไป ทางที่ดีที่สุดคือจับพวกมันส่งข้ามพื้นที่ไปไว้ในมหาสมุทรก็น่าจะเพียงพอแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว 

ซางซ่งหยางตบเข่าตัวเองและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ให้ตายสิ! ฉันคิดไม่ถึงได้อย่างไร” 

เขาพร่ำบ่นอย่างตื่นเต้น “มอนสเตอร์ในมหาสมุทรค่อยๆ ทวีจำนวนที่มากขึ้น พลังอำนาจของพวกมันก็ทวีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน หากเราส่งพวกผีดิบนักฆ่าออกไป ให้ซอมบี้และอสูรแห่งท้องทะเลต่อสู้และกัดกินกันเอง พอถึงเวลานั้นไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะต้องตกตายลงในที่สุด” 

“นั่นจะช่วยทำให้มอนสเตอร์แห่งท้องทะเลลดจำนวนลงเป็นอย่างมาก” 

เขาไตร่ตรองครู่หนึ่งจึงเอ่ย “แต่ถ้าเธอต้องการจะทำการเคลื่อนย้ายผีดิบนักฆ่าด้วยเทคโนโลยีจัมป์ เธอก็จำเป็นที่จะต้องปรับแต่งให้มันใช้งานได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น ถึงจะสามารถบรรลุกลยุทธ์นี้ได้” 

กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก ก่อนเอ่ย “ผมจะลองหาทางแก้ปัญหานี้เอง” 

ในเวลานั้นเอง เทพธิดากงเจิ้งก็เปล่งเสียงออกมา “ใต้เท้าเทพนักสู้ผู้ทรงเกียรติ ตอนนี้เราสามารถค้นพบร่องรอยของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว โปรดริเริ่มทำการโจมตีโดยเร็ว” 

กระดูกหนามแหลมคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง 

ผีดิบนักฆ่ากำลังสยายปีกโบยบินอย่างรวดเร็ว ในสถานที่ที่รายล้อมไปด้วยทะเลทรายแห้งแล้ง 

“มันกำลังตรงไปยังเมืองอื่นอย่างงั้นสินะ? เอาเถอะแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน สถานที่รกร้างที่มันกำลังเดินทางอยู่ในตอนนี้ เหมาะสมที่จะใช้ต่อสู้ที่สุดแล้ว” ซางซ่งหยางวางแก้วไวน์ลง การจะเติมสุราลงเต็มแก้ว แล้วยกมันกระดกรวดเดียวหมด

“นี่คือหนึ่งในผีดิบนักฆ่าที่มีอัตราการกลายพันธุ์ได้รวดเร็วที่สุด หากนับตามความเร็วในการกลายพันธุ์ของอีกฝ่าย เขายังมิใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่หากคิดจะฆ่าสังหารเขาให้ได้โดยสมบูรณ์โอกาสความสำเร็จในขณะนี้คือ 49.432512%” 

“นี่มันน้อยกว่าครึ่ง? ถ้าอย่างนั้นฉันสมควรทำอย่างไรดี” 

“ทางกองทัพกำลังอยู่ในขั้นตอนการระดมพล และจะถูกส่งไปล้อมกรอบอีกฝ่าย” 

“โอเค ถ้าอย่างงั้นฉันจะล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน” 

ซางซ่งหยางกล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน 

เขาตบลงบนไหล่ของกู่ฉิงซานและกล่าว “ซางหยิงฮ่าวจะมาหาเธอในภายหลัง เขาอยากจะขอบคุณเธอที่รีบเตือน จนสามารถช่วยชีวิตน้องสาวของเขาเอาไว้ได้” 

“คุณสุภาพเกินไปแล้ว อันที่จริงอย่าบอกนะว่าการกระทำแบบนี้จะมีความหมายอื่นแอบแฝงอีก” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ฮ่าๆๆ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของพวกเด็กน่ะ ฉันไม่ออกหน้ามาจัดการด้วยตัวเองหรอก” ซางซ่งหยางหัวเราะลั่น 

… 

ท่ามกลางทะเลทราย 

ชายหนุ่มเผลอยกมือขึ้นขยับกรอบแว่นตาตามปกติ แต่ก็พบว่าเขามิได้สวมใส่มันอีกแล้ว 

‘เทพนักสู้ ซางซ่งหยาง’ 

ชื่อนี้มันน่าหวาดกลัวเกินไปสำหรับเขา 

การที่สามารถกลายพันธุ์มาจนถึงระดับนี้ได้ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องครอบครองลางสังหรณ์ที่ไม่ธรรมดา 

เขารู้สึกได้ว่าตัวเขายังมิใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย 

หากเทพนักสู้มาปรากฏตัวขึ้นจริงๆ แล้วเขาจะยังพอมีทางรอดอยู่หรือไม่? 

ชายหนุ่มหันไปมองพื้นที่โดยรอบที่ว่างเปล่า ก่อนที่สายตาของเขาจะหยุดลงในจุดที่ไกลออกไป 

ปรากฏผีดิบนักฆ่าเจ็ดถึงแปดตนที่มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป พวกมันค่อยๆ ตีวงเข้าล้อมรอบตัวเขาอย่างระมัดระวัง 

“ครอบครองแค่เพียงพลังอันน้อยนิดเช่นนี้ แต่ยังกล้าที่จะเสนอหน้ามาหาเรื่องฉันอย่างงั้นหรือ” ชายหนุ่มเย้ยหยัน 

“มีปากก็พูดไปเถอะ” ผีดิบนักฆ่าที่ใบหน้าไร้ซึ่งดวงตา ปรากฏให้เห็นแค่เพียงเขาเรียวแหลมเอ่ยปากกล่าว “เทพนักสู้ต้องการจะสังหารแก และเขาก็กำลังมุ่งตรงมายังที่นี่ ต่อให้พวกเราไม่สามารถเอาชนะแกได้ แต่อย่างน้อยเราก็สามารถยื้อเวลาแกไม่ให้หลบหนีไปได้ไกลเกินไป” 

“ใช่แล้ว! แกน่ะฆ่าพวกเดียวกันไปตั้งมากมาย แต่กลับฆ่าพวกมนุษย์ไปเพียงน้อยนิด พวกเราได้ตัดสินและยอมรับกันแล้วว่า แกน่ะมันเป็นพวกกลายพันธุ์ที่ล้มเหลว!” ผีดิบนักฆ่าอีกตนที่ทั้งโครงหน้าเต็มไปด้วยคมเขี้ยวกล่าวขึ้น 

“เทพนักสู้ต้องการจะฆ่าฉัน แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับพวกแก?” สองแขนยกขึ้นกอดอก ปากเอ่ยถาม 

“พวกเราน่ะไม่ต้องการที่จะอยู่ใต้เงามืดแห่งความตายของแก พวกเราไม่ต้องการ!” ผีดิบนักฆ่าตัวยักษ์ตะโกนก้อง 

พวกเขาทั้งหมดค่อยๆ ล้อมกรอบตัวชายหนุ่มอย่างช้าๆ 

“ในเมื่อพวกแกต้องการจะตาย...” ชายหนุ่มที่กำลังจะเคลื่อนไหว ทว่าจู่ๆ เขากลับชะงักงันไปอย่างฉับพลัน 

เขาหยิบสมองควอนตัมส่วนบุคคลออกมาจากอ้อมแขน และเปิดดูข้อความเบื้องต้น 

สสารของเลือดสังหารที่ติดตรึงอยู่บนปีกยังคงแพร่กระจายและห่อหุ้มอยู่รอบตัวเขา ทว่าในแววตาสีแดงเลือดกลับปรากฏถึงร่องรอยจางๆ ของความอบอุ่นที่ดูลึกซึ้ง 

ภาพอันแสนจะผ่าเหล่าอย่างสุดขีดนี้ ส่งผลให้กลุ่มผีดิบนักฆ่านิ่งค้างไป 

“แม้กระทั่งอุปกรณ์สื่อสารของมนุษย์มันก็ยังไม่คิดจะทอดทิ้ง!” นักฆ่าตนหนึ่งกล่าว 

“ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นพวกเรา แต่ก็ไม่ได้เป็นมนุษย์เช่นกัน แกมันเป็นตัวตนที่ไม่สมควรที่จะอยู่บนโลกใบนี้” 

“มาเถอะเหล่าพี่น้อง ไม่ต้องมัวไปเสียดายชีวิต ยื้อเขาไว้ที่นี่ให้นานที่สุดก็เพียงพอแล้ว!” 

… 

เมื่อเทพนักสู้ได้จากไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ เทพธิดากงเจิ้งก็ประกาศแจ้งเตือนทันที 

“ตรวจพบอสูรแห่งท้องทะเลเริ่มย่างกรายขึ้นมาบนพื้นดิน!” 

“ณ ชายฝั่งทางตะวันออก อยู่ห่างออกไปแปดร้อยเก้าสิบไมล์จากท้องทะเล สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดหนึ่ง” 

“ณ ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันห้าสิบเจ็ดไมล์จากท้องทะเล สิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดสอง” 

“ณ ชายฝั่งทางใต้ อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันแปดร้อยยี่สิบเอ็ดไมล์จากท้องทะเล ปรากฏสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดสามสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดสี่” 

“จากการตรวจสอบโดยดาวเทียมเฝ้าระวัง พบว่ามอนสเตอร์แห่งท้องทะเลทั้งสี่นี้เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ทราบชนิด และไม่มีข้อมูลใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องกับมันมาก่อนเลย” 

“ประธานาธิบดีได้ลงนามในข้อกฎหมายบังคับการฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว เริ่มทำการระดมพลเหล่ามืออาชีพ…” 

กู่ฉิงซานจ้องมองดูภาพอันคลุมเครือบนจอม่านแสง ปากพะงาบๆ แต่มิได้เอ่ยกล่าวคำใดออกมาอยู่เนิ่นนาน 

เดิมทีแล้วหลังจากที่มอนสเตอร์แห่งท้องทะเลปรากฏตัวขึ้น จำเป็นต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าพวกมันจะเบนความสนใจขึ้นมาบนผืนดิน 

ส่วนหนึ่งก็เพราะ พวกมันยังไม่ได้เริ่มกลายพันธุ์  ฉะนั้นจึงไม่อาจอยู่รอดบนผืนดินได้อย่างยาวนานได้ 

ทว่าเมื่อช่วงเวลาที่พวกมันกลายพันธุ์ได้มาถึง มนุษยชาติจะต้องต่อสู้กับอสูรแห่งท้องทะเลอย่างสุดกำลังเพื่อแก่งแย่งชิงพื้นที่อยู่อาศัย! 

ทว่าตอนนี้ อสูรแห่งท้องทะเลมันกลับขึ้นมาบนพื้นดินเร็วเกินไปแล้ว!! 

อสูรแห่งท้องทะเลทรงพลังถึงขั้นสามารถทำลายเมืองเมืองหนึ่งได้เลย กล่าวได้ว่าหากไม่ส่งเหล่ามืออาชีพออกไป ย่อมไม่มีทางจะหยุดมันได้อย่างแน่นอน 

หากต้องสู้กับอสูรแห่งท้องทะเลที่มีความสูงมากกว่าสิบเมตร และมีเพียงเหล่ามืออาชีพเท่านั้นที่จะต่อกรกับมันได้ จำนวนผู้เสียชีวิตคงเพิ่มขึ้นมหาศาล 

นับว่าโชคยังดีที่อสูรแห่งท้องทะเลยังคงอยู่ในสภาวะสับสน และยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าตนต้องกระทำสิ่งใดกันแน่ 

ตราบใดที่อสูรแห่งท้องทะเลยังกลายพันธุ์จนสามารถอยู่บนผืนดินโดยสมบูรณ์ไม่ได้ มนุษยชาติน่าจะกัดฟันทนรออีกสักพักหนึ่ง 

แต่การที่หวังอะไรลมๆ แล้งท่ามกลางความว่างเปล่าเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่ดีเลย 

กู่ฉิงซานขบคิดอยู่นาน และในที่สุดเขาก็ป้อนข้อมูลหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวระบุพิกัดลงในสมองควอนตัมส่วนบุคคล 

“นี่มันพิกัดระหว่างดวงดาวใช่หรือไม่?” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยถาม 

“ใช่แล้ว รบกวนช่วยเริ่มทำการค้นหาหน่อยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ทราบแล้ว ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ” 

หลังจากผ่านพ้นไปราวๆ ยี่สิบนาที 

“ตรวจพบสัญญาณผิดปกติ” 

“พยายามติดต่อกับเขา” 

“อีกฝ่ายไม่ทำการตอบรับกลับมา” 

“บอกเขาไปว่า...” กู่ฉิงซานกล่าว “หากไม่อยากถูกทำลายล้างโดยป้อมปราการดวงดาว ก็ขอให้รีบส่งสัญญาณตอบรับกลับมา” 

“ทราบแล้ว ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ” 

หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่ง 

เสียงคำรามที่แฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นก็ดังกึกก้องออกมาจากสมองควอนตัม 

“บัดซบ! บัดซบ! นี่แกพบตัวฉันได้อย่างไรกัน?” เสียงที่ฟังดูชราภาพคำรามออกมา 

กู่ฉิงซานกล่าว “เมื่อสามสิบปีก่อน ในเมืองที่คุณเสียชีวิตลง มีอีกคดีหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นก็คือ คดีของนักศึกษาสาวในมหาวิทยาลัยกว่าเจ็ดคนได้หายตัวไป” 

“แล้วนั่นมันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน!” เสียงชรายิ่งทวีความดุร้ายเพิ่มมากขึ้น 

“นั่นสินะ แต่พอคุณตาย พวกเธอทั้งหมดก็หายตัวไป” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเยือกเย็น “ผมจำได้ว่าพวกเธอดูเหมือนว่าเป็นผู้ที่นับถือคุณอย่างคลั่งไคล้” 

ปลายสายเงียบงันไป 

ผ่านไปเนิ่นนาน ปลายสายจึงเริ่มเอ่ยออกมาอีกครั้ง “แกต้องการอะไร?” 

กู่ฉิงซานกล่าว “ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจเลยก็แล้วกันนะมิสเตอร์เหลียว ผมไม่ได้มีความสนใจในเรื่องการใช้ร่างโคลนหลอกลวงพวกเก้าตระกูลใหญ่เหมือนอย่างคุณหรอกนะ” 

“และผมก็ไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของคุณเช่นกัน” 

“บอกตรงๆ ว่าการที่คุณยังสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่จากนอกโลกภายในอวกาศได้ ผมคิดว่านั่นคือปาฏิหาริย์เดียวของมนุษยชาติโดยแท้” 

“ทว่าตอนนี้วันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงแล้ว ผมต้องการเทคโนโลยีจัมป์ระหว่างดวงดาวรุ่นใหม่ล่าสุดของคุณ เพื่อช่วยเหลือเราให้ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปได้” 

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ มันก็ผ่านมาตั้งสามสิบปีแล้ว แน่นอนว่าคุณย่อมไม่มีทางอยู่เฉยๆ จะต้องประสบผลสำเร็จในการวิจัยผลลัพธ์ใหม่ๆ ของมันอยู่แล้ว ใช่ไหม?”

........................................