webnovel

0126 การถือกำเนิดของผีดิบนักฆ่า

ตอนที่ 126 การถือกำเนิดของผีดิบนักฆ่า

 

ณ ภายในห้องประชุมวุฒิสภา 

สถานที่ที่แต่เดิมมักจะกล่าวหารือกันอย่างมีชีวิตชีวาเหมือนดั่งเช่นปกติ บัดนี้ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายประธานาธิบดีหรือวุฒิสมาชิกต่างถกเถียงกันอย่างหนัก 

ทว่าเมื่อแสงจากสมองควอนตัมส่วนบุคคลของทั้งห้องสว่างวาบออกมาอย่างพร้อมเพรียง ทั้งหมดก็กลายเป็นโง่งม 

“เทพธิดากงเจิ้ง! ใครให้สิทธิ์คุณกระทำการโดยพลการแบบนี้! ” วุฒิสมาชิกคนหนึ่งตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด 

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งเอ่ยตอบอย่างสงบ “ในมุมมองของสถานการณ์วิกฤติและสภาวะเร่งด่วนที่ต้องแข่งกับเวลา ฉันคิดว่าเงื่อนไขในปัจจุบันสอดคล้องกับมาตราสิบเจ็ด ยี่สิบเอ็ด และสามสิบเจ็ด ของรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐรัฐบาลกลาง” 

ผู้คนที่ได้ฟังก็เริ่มนึกถึงข้อกฎหมายดังกล่าวนั้น ก่อนจะทยอยกันเข้าใจถึงความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด 

หลายคนมองไปยังชายชราหัวหงอก ทว่าแม้จะหงอก แต่ผมของเขากลับถูกหวีอยู่ทรงเป็นระเบียบ 

หลังจากที่ครุ่นคิดเป็นเวลานาน ชายชราก็ถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า “มาตราที่สิบเจ็ด ยี่สิบเอ็ด และสามสิบเจ็ด ของรัฐธรรมนูญล้วนสอดคล้องกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่เทพธิดากงเจิ้งจะละเลยมติหารือเรื่องดังกล่าวนี้ได้ และทำการตัดสินใจเองเลยโดยตรง” 

ในมาตรารัฐธรรมนูญ เขานับว่าเป็นผู้ที่สามารถตีความมันออกมาได้น่าเชื่อถือมากที่สุด หากมันเอ่ยออกมาจากปากเขาด้วยตัวเองแล้วละก็...

ผู้คนโดยรอบก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก 

นี่หมายความว่าอย่างน้อยก็ยังแสดงให้เห็นว่าเทพธิดากงเจิ้งไม่คิดจะละเมิดฝ่าฝืนกฎหรือการกระทำใดๆ ที่ขัดต่อความประสงค์ของมนุษยชาติ 

แต่ในไม่ช้า หลายคนในที่แห่งนี้ก็เริ่มเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมาอย่างไม่มีทางเลือก 

สาเหตุของรอยยิ้มอันขมขื่นก็เนื่องมาจาก ประการแรกรัฐธรรมนูญนั้นเป็นตัวแทนที่บ่งบอกถึงผลประโยชน์สูงสุดของรัฐบาลกลาง มันแทบจะไม่เคยถูกสั่นคลอนมาก่อนเลย แม้ว่ามันจะถูกเขียนขึ้นมาใหม่ก็ตาม แต่กระบวนการดังกล่าวค่อนข้างมีความซับซ้อน และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำเช่นนั้น 

ประการที่สองเทพธิดากงเจิ้งนั้นเป็นจักรกลที่ดำเนินการตามคำสั่งทางตรรกะทางวิทยาศาสตร์ และจะดำเนินการทันทีที่เธอได้ตัดสินใจลงไป 

สิ่งดังกล่าวนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ 

และนั่นหมายความว่าย่อมไม่มีใครจะสามารถตำหนิถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน 

ทันใดนั้น ประธานาธิบดีก็ลุกขึ้นและกล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เทพธิดากงเจิ้ง สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” 

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “โปรดมองดูด้วยตาของตนเอง” 

จอม่านแสงปรากฏขึ้นบนเวที 

“ในปัจจุบัน สามารถช่วยเหลือมนุษย์ที่ยังรอดชีวิตอยู่ได้ถึงห้าหมื่นเก้าพันแปดร้อยสิบสองคน และจำนวนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” 

บนใบหน้าของประธานาธิบดีมิได้แสดงถึงรอยยิ้มแย้มใดๆ 

เขาจ้องมองไปยังนักการเมืองหลายคนที่อยู่เบื้องล่าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากทำการอนุมัติกันไปตั้งแต่ตอนแรกๆ ก็คงจะสามารถช่วยเหลือผู้คนบริสุทธิ์ได้มากกว่านี้” 

“แล้วคุณได้คิดถึงปัญหาที่จะตามมาหลังจากนี้หรือเปล่า? หากทุกคนมีเกราะรบขับเคลื่อนไว้ใช้งาน แบบนั้นพวกเขาก็จะสามารถฆ่าใครก็ได้น่ะสิ ฆ่าคน! ฆ่าใครๆ ก็ได้!”สมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งผุดลุกขึ้นและตะโกนลั่น 

“ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันนี้ ผมเชื่อว่าสิ่งแรกที่ผู้คนจะทำก็คือ ใช้อาวุธที่ได้รับมาปกป้องตนเอง” ประธานาธิบดีตอบกลับอย่างสู้ไม่ถอย 

วุฒิสมาชิกที่อยู่ฝ่ายค้านกล่าวเถียงหัวชนฝา “นั่นก็ใช่! เขาย่อมต้องใช้อาวุธเพื่อปกป้องตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกก็จริง ทว่าแล้วจากนั้นเล่า? หลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้มันในการปล้นสะดมอาหาร ปล้นบ้าน ฉุดคร่าผู้หญิง เริ่มรวมกลุ่มก่อตั้งกองกำลัง สุดท้ายก็จะหันมาต่อต้านรัฐบาลกับเหล่าชนชั้นสูงไม่ใช่รึไง! แล้วแบบนั้นที่แห่งนี้จะยังถูกเรียกว่าเป็นประเทศได้อีกหรือ!?” 

ประธานาธิบดีถอนหายใจและมองเขา “การที่เราคิดว่าพวกเขานั้นชั่วร้ายทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้เกิดขึ้น และเลือกที่จะทอดทิ้งความหวังในการอยู่รอดของพวกเขา หากเป็นครอบครัวของคุณที่โดน คุณจะสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ น่ะหรือ?” 

สีหน้าของวุฒิสมาชิกแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขากระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะ และหันหลังเดินออกจากประตูไป 

ณ มณฑลไป่ซา 

ใจกลางมือที่ครั้งอดีตเคยคึกคัก บัดนี้ทุกสถานที่เต็มไปด้วยซอมบี้ผีดิบและผีดิบนักฆ่า กระจายตัวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง 

ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงของอุปกรณ์สื่อสารก็พลันดังขึ้น 

ชายคนนั้นก้มลงมองอุปกรณ์สื่อสารและก็พบว่าชื่อที่ปรากฏขึ้นมาช่างแสนจะคุ้นเคย 

ชื่อนี้ส่งผลให้เขารู้สึกถึงกระแสอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกาย ความสุขล้นอันนับไม่ถ้วนและความทรงจำดีๆ อันน่าประทับใจมากมายหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขา 

อารมณ์ความรู้สึกนับไม่ถ้วนวาบผ่านเข้ามาในแววตา ทว่าสุดท้ายมันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด 

ชายคนนั้นจ้องมองไปยังอุปกรณ์สื่อสาร ถอนหายใจเฮือกใหญ่และกดปุ่มรับสาย 

“เราเลิกกันเถอะ” ฝ่ายตรงข้ามกล่าว 

“เหตุผลล่ะ” เขาถาม ทว่ากลับไม่แสดงถึงความประหลาดใจใดๆ 

“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยที่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว และฉันยังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป” หญิงสาวกล่าว 

“ฉัน...พอจะทำ…” เขาเอ่ยอย่าลังเล 

“นายน่ะเหรอพอจะทำอะไรได้?” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูจะมีอารมณ์คุกรุ่นมากขึ้น “ไม่ นายไม่สามารถทำได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่สามารถปกป้องชีวิตฉันได้คือพวกชนชั้นสูงเท่านั้น!” 

“เธอหมายถึงเขา? ไม่นะ เธอยังไม่รู้จักเขาดีพอ อย่าบอกนะว่าตอนนี้เธออยู่กับ...” 

“ใช่ อย่างที่นายคิดนั่นแหละ ลาก่อน” 

อุปกรณ์สื่อสารถูกตัดการเชื่อมต่อไป 

สรรพสิ่งจมลงสู่ความเงียบงัน 

ทว่าไม่นาน อุปกรณ์สื่อสารของชายคนนั้นก็สว่างขึ้นอีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม เบอร์ที่โทรมามิใช่เบอร์เดิม แต่เป็นอีกหมายเลขหนึ่ง 

“แม่ ทางฝั่งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถาม 

ปลายสายร่ายยาวสวนกลับมาเป็นเวลานาน 

พอได้ฟัง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะผ่อนคลายลงและกล่าว “โชคดีจริงๆ ที่หุ่นรบปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ผมต้องการที่จะขอบคุณเทพธิดากงเจิ้งจริงๆ สำหรับน้ำใจที่ได้ช่วยชีวิตของแม่เอาไว้” 

“ชนชั้นสูง? ไม่...ไม่มีทางจะเป็นพวกเขาไปได้ แน่นอนว่าต้องเป็นเทพธิดากงเจิ้ง” 

“นั่นสินะ ส่วนผมอยากจะบอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ทางฝั่งนี้ปลอดภัยดีมาก” 

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่ผมจะต้องบอกแม่” 

“อย่ากังวลไป ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์น่ะ” 

“ก็แบบว่า...แม่อาจจะติดต่อผมไม่ได้สักพักหนึ่งนะ” 

“เพราะ” 

ชายคนนั้นพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะปรับน้ำเสียงให้ดูมีความสุข 

“เพราะผมได้รับการว่าจ้างโดยหน่วยงานลับของรัฐบาลกลางอย่างไรล่ะ!” 

“ใช่แล้ว ลูกชายของแม่น่ะสุดยอดที่สุดเลย!” 

“เงินเดือน? แน่นอนว่าเงินเดือนก็ดี ที่พักก็ดี แถมยังมีรถรับส่ง แต่ข้อเสียของมันคือจะมันจะไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้โดยง่าย 

“เอาล่ะ ด้วยสถานการณ์ของรัฐบาลกลางในตอนนี้ มันเลวร้ายเกินไป ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างเข้มงวด เลยยากที่จะติดต่อกับแม่ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ฝากข้อความทิ้งไว้ได้นะ ถ้ามีเวลาผมจะติดต่อกลับไป” 

“แฟนสาวน่ะเหรอ...พวกเราแยกทางกันแล้ว แต่แม่ไม่ต้องกังวลนะ ไว้ผมกลับไปที่บ้าน ผมจะพาสาวที่สวยยิ่งกว่าไปเปิดตัวให้แม่ได้เห็นเอง” 

“ใช่แล้ว ตอนนี้รัฐบาลกลางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก พวกเขาขาดแคลนผู้คนไปทั่วทุกพื้นที่ นั่นจึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมได้รับงานนี้ เงื่อนไขหลายๆ อย่างของพวกเขาก็ค่อนข้างลงตัว แม่ไม่จำเป็นต้องกังวลนะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” 

“อืม ผมจะเก็บเงินให้ได้มากๆ แล้วจะเอาไปให้แม่ใช้มันได้อย่างสบายใจ” 

“เดือนหนึ่งผมหาเงินได้เยอะมากๆ เลย เงินที่พึ่งโอนไปแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก” 

“อ้อแม่ไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้เผื่อผมหรอก” 

“...ถ้าแม่ยังดื้อดึงจะเก็บมันเอาไว้ ผมจะไม่พาแฟนกลับไปนะ!” 

“ใช่แล้ว แม่สามารถใช้เงินพวกนั้นตามใจตัวเองได้เลย ได้ตามต้องการ ถ้าแบบนั้นผมถึงจะได้ไปทำงานด้วยความโล่งใจ” 

“ไม่เอาน่าแม่ หยุดพูดเถอะ หัวหน้าของผมก็อยู่ที่นี่นะ” 

“อื้อ” 

“อื้อ” 

“ดูแลตัวเองด้วยนะ” 

ชายคนนั้นปิดสมองควอนตัมของเขาห้วงอารมณ์ค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ 

ดีแล้วล่ะ จากนี้ไปก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว 

รอบด้านไร้ซึ่งแรงลมใดๆ แสงที่สาดส่องลงมาจากฟากฟ้าก็สว่างพอเหมาะ ส่งผลให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้อย่างชัดเจน 

เขาเตะลงบนขาซ้ายของตนเบาๆ ก่อนจะกลับมาลุกขึ้นยืน เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น 

เข่าซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถชน จนมันเกิดปัญหา นั่นทำให้เขาต้องถูกไล่ออกจากงาน แฟนทิ้ง เหลือไว้เพียงเงินเก็บก้อนสุดท้าย 

น่าเสียดายที่รถที่พุ่งชนเขานั้นเป็นรถของชนชั้นสูง แถมคนที่ชนยังไร้ซึ่งความเมตตา ไม่อย่างนั้นอย่างน้อยเขาก็คงจะได้รับเงินชดเชยมากกว่านี้ 

ไม่อย่างนั้นชีวิตก็คงจะไม่ยากลำบากเช่นนี้ 

‘ทว่า...โชคดีที่ตอนนี้เข่าของฉันหายดีแล้ว!’ 

สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อย่างสมบูรณ์!! 

เขายกมือขึ้น ขยับแว่นตาที่มักจะสวมใส่ด้วยความเคยชินอย่างไม่รู้ตัว 

แต่เขากลับพบว่ายามสวมใส่มัน ภาพตรงหน้าของเขากลับเบลอ...ดูเหมือนว่ามิใช่แค่เพียงเข่าที่ถูกฟื้นฟูจนหายดี แต่สภาพสายตาก็ยังถูกฟื้นฟูจนกลับมามองเห็นได้อย่างปกติเช่นกัน แว่นที่สวมใส่นี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไปแล้ว 

แน่นอนว่าเมื่อมีข้อดี มันก็ย่อมต้องมีข้อเสีย 

วิสัยทัศน์ที่พึ่งกลับมาคมชัด บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยสีแดงสดของเลือด ความปรารถนาทั้งมวลในร่างกายของเขาได้สลายหายไป หลงเหลือแค่ความคิดเพียงหนึ่งเดียว 

ฆ่าสังหาร! 

ชายคนนั้นก้มลงมองกองซากศพที่ซ้อนทับกันจากหลายร้อยหลายพันร่าง ที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ก่อนจะมองไกลออกไป 

อีกด้านหนึ่งของเมือง ก็ปรากฏกองภูเขาขนาดใหญ่เฉกเช่นเดียวกัน 

ภูเขาลูกนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับภูเขาของเขา แต่ขณะเดียวกันมันก็แตกต่าง 

สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือ ภูเขานี้ถูกสร้างขึ้นจากกองซากศพที่ซ้อนทับๆ กันนับร้อยๆ ชั้น 

ส่วนความแตกต่างก็คือ ภูเขาลูกนั้นดูราวกับว่ามีชีวิต มันพ่นหมอกสีเหลืองออกมาเป็นระยะๆ 

“ต้องการที่จะแข่งกับฉันอย่างงั้นเหรอ?” 

ชายคนนั้นกล่าวพลางแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของเขา ราวกับปฏิกิริยาเมื่อตนได้พบเห็นของว่างในยามบ่าย 

ทันใดนั้นสองแท่งโครงกระดูกขนาดใหญ่ก็ทะลุโผล่ออกมาจากแผ่นหลังของเขา 

ดวงตาสีแดงเลือดสาดประกายคลุ้มคลั่งและดุร้าย 

“ไม่ยอม! ยอมไม่ได้เด็ดขาด! สิ่งมีชีวิตทั้งเมืองนี้เป็นของฉัน! มันต้องตกเป็นของฉันทั้งหมด!” 

ชายคนนั้นคำรามอย่างบ้าคลั่ง ตามร่างกายปรากฏรอยเส้นเลือดสีแดงแพร่กระจายไปทั่ว 

เมื่อเขาคำราม โลกทั้งใบก็เงียบงันลง ราวกับว่าสรรพชีวิตทั้งมวลกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวและสั่นเทาอย่างเงียบๆ 

วินาทีต่อมา เขาก็ย่ำกระทืบลงบนกองซากศพ โจนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ตามทิศทางที่กระโจนผ่าน ทิ้งไว้เพียงเส้นแสงสีแดงที่เกิดจากละอองเลือด พุ่งตรงไปยังภูเขาซากศพของอีกฝ่าย

........................................