webnovel

0086 สถานะ

ตอนที่ 86 สถานะ

 “บัตรหยก คือสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตนของพวกเจ้า ด้วยบัตรหยกนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดในอาณาจักรร้อยบุปผา หรือกระทั่งภายในวังร้อยบุปผาแห่งนี้ พวกเจ้าก็สามารถเข้าออกได้อย่างสะดวก” นางเซียนไป่ฮั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 “คนในนิกายของเรามีค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงกฎเกณฑ์ใดๆ เจ้าสามารถฝึกฝนวรยุทธได้ตามสะดวก หากมีสิ่งใดสงสัยขอให้ไถ่ถามจากศิษย์พี่ใหญ่หรือศิษย์พี่รองของเจ้า แต่หากแม้กระทั่งทั้งสองก็ยังไม่อาจอธิบายให้เข้าใจได้จริงๆ เจ้าทั้งสองก็สามารถมาถามไถ่ข้าได้โดยตรง”

 “รับทราบ”

 “เจ้าค่ะ”

 กู่ฉิงซานกับซิวซิวได้รับบัตรยืนยันตัวตนตามลำดับ

 นางเซียนไป่กล่าว “ไป่หยิงเทียน ในวันนี้ซิวซิวก็นับได้ว่าย้ายมาอยู่กับพวกเราอย่างเป็นทางการแล้ว เจ้าจงไปจัดแจงที่พักให้แก่พวกเขาเสีย”

 “ผู้น้อยไม่ขัดข้อง”

 ห่านขาวเอ่ยคำหนึ่ง และกระพือปีกบินออกไป

 “ส่วนเจ้า เจ้าศิษย์ตัวร้าย” นางเซียนไป่เอ่ยปากอีกครั้ง

 “เชิญท่านอาจารย์โปรดสั่ง” ฉินเซี่ยวโหลวกล่าวพลางโค้งคำนับ

 “เจ้าจงนำฉิงซานเดินสำรวจโดยรอบ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของนิกายข้า และในช่วงบ่ายคล้อย จงนำเขาไปยังศิลาฟ้า จากนั้นเจ้าก็ไปทำหน้าที่ทดสอบรายการร้อยบุปผาแทนที่ศิษย์พี่ใหญ่”

 “ศิษย์ทราบแล้ว” 

 “ฉิงซาน ซิวซิว เจ้าจะสามารถเริ่มต้นฝึกฝนวรยุทธได้ในวันพรุ่ง อีกไม่ไกลการทดสอบประจำปีก็จะมาถึงแล้ว และเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเจ้าจะต้องผ่านการทดสอบและเปิดตัวต่อสายตาคนทั้งโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ”

 “เอาล่ะ ไปได้แล้ว”

 กู่ฉิงซานและซิวซิวพยักหน้า กล่าวด้วยพร้อมเพรียง “รับทราบ”

 ทั้งสามเดินออกจากวังร้อยบุปผา

 ระหว่างทางเดินบนพื้นหยกขาว กระเพาะของฉินเซี่ยวโหลวก็ส่งเสียงโครกคราก เขาเลยเอ่ยปากออกมา “ท้องข้า รู้สึกจะหิวนิดหน่อย”

 ดวงตาของซิวซิวเปล่งประกายทันที นางแลสายตาไปมองกู่ฉิงซานด้วยความคาดหวัง

 คลื่นลูกใหม่อย่างฉินเซี่ยวโหลว ผู้เรียนรู้หกศิลป์ได้อย่างแตกฉาน ซึ่งศาสตร์การปรุงอาหารก็เป็นหนึ่งในหกศิลป์เช่นกัน นั่นจึงหมายความว่า…

 อาหารวิญญาณที่ถูกปรุงโดยฉินเซี่ยวโหลว ไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของผู้ฝึกวรยุทธเท่านั้น แต่รสชาติและกลิ่นละมุนของมันก็ต้องยอดเยี่ยม อาจเรียกได้เลยว่าชั้นหนึ่ง!

 ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเซี่ยวโหลวนั้นถูกตั้งให้เป็นเป้าหมายในการผูกมิตรของผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งหมดต่างพยายามเลียแข้งเลียขาเขาเพื่อประจบประแจงอย่างหัวชนฝา

 ซิวซิวเอ่ยเสียงแผ่ว “ศิษย์พี่สอง วันนี้เราจะกินอะไรกันดี?”

 ฉินเซี่ยวโหลวจ้องมองเธอ ก่อนจะสลับไปมองกู่ฉิงซานและกล่าว “เนื่องจากศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าปากไม่ดี ทั้งๆที่วันนี้สมควรเป็นวันมงคล ดังนั้นพวกเราจะกินห่านย่างกัน”

 กู่ฉิงซานตระหนักได้ในทันทีว่าเหตุใดนางเซียนไป่จึงเรียกเขาว่า ศิษย์ตัวร้าย

 “แฮ่ๆ” สีหน้าของซิวซิวเริ่มกลับกลายเป็นแดงปลั่ง เธอกล่าว “วันนี้คือวันแห่งความสุข สุขที่สุดเลย ถ้าพี่กล้าจะปรุงห่านย่างจริงๆ ล่ะก็ ข้าจะไปบอกศิษย์พี่ใหญ่เดี๋ยวนี้ล่ะ” 

 “ไม่นะ น้องซิวซิว เจ้าอย่าไปบอกมันเชียว” ฉินเซี่ยวโหลวรีบเอ่ยจนลิ้นเกือบพัน

 กู่ฉิงซานกล่าวแทรกขึ้นในทันที “ได้ยินมาว่าน้ำยาวิญญาณในอาณาจักรร้อยบุปผาเป็นที่รู้จักกันดีในทั่วทุกสารทิศ ทำไมเราไม่เริ่มจากการกินมังสวิรัติที่ปรุงโดยมันกันก่อนล่ะ?”

 ฉินเซี่ยวโหลวรีบเออออตามทันที “น้องเล็กช่างทำการบ้านมาดีจริงๆ อาหารมังสวิรัติที่ปรุงโดยข้าน่ะยอดเยี่ยมที่สุดในโลก”

 “เอาล่ะ” เขาขบคิดเล็กน้อย “พวกเราจะนั่งเรือเมฆ ไปยังเขตแดนฉางซานที่ตั้งอยู่ข้างๆ อาณาจักรร้อยบุปผากัน ที่นั่นจัดจ้านไปด้วยย่านโคมแดง พวกเราสามารถนั่งฟังเพลงในขณะที่”

 ซิวซิวจ้องมองเขาด้วยเจตนาร้าย

 ฉินเซี่ยวโหลว เปลี่ยนรูปประโยคที่กำลังจะเอ่ยปากออกมาทันที “ไม่ เราอย่าไปที่นั่นกันจะดีกว่า พวกเราจะไปยังวัดไบ่จีในถนนทางตอนใต้ ที่นั่นมีวัตถุดิบสำเร็จรูปมากมายที่สามารถนำไปใช้ในการทำอาหารมังสวิรัติอยู่”

 อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่วายหันไปขยิบตาให้กู่ฉิงซาน บ่งบอกความนัยแฝงว่า ‘ไว้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวกันในโอกาสหน้า’

 ชายคนนี้ร้ายจริงๆ ในหัวใจของกู่ฉิงซานอดคิดไม่ได้

 ทั้งสามเดินออกจากวังร้อยบุปผา มุ่งตรงไปยังวัดไบ่จีทางทิศใต้

 ฉินเซี่ยวโหลววุ่นอยู่กับการปรุงอาหารมังสวิรัติ ส่วนซิวซิวก็ยังไม่คุ้นเคยกับกู่ฉิงซาน เมื่อต้องอยู่ด้วยกันเธอจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย สุดท้ายเลยลุกขึ้นไปเดินดูพระพุทธรูปในบริเวณโดยรอบ

 ในเวลานี้ กู่ฉิงซานที่นั่งอยู่เฉยๆ ก็เปิดหน้าต่างระบบเทพสงครามขึ้น

 ปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยขนาดเล็กร้อยเรียงขึ้นตัวอักษรบนหน้าต่าง

 “ภารกิจแห่งโชคชะตา สงครามแห่งโชคชะตา เสร็จสมบูรณ์”

 “คำอธิบายภารกิจ กงซุนซีและหนิงเยว่ฉานสามารถกลับคืนสู่อาณาเขตทางฝั่งมนุษยชาติได้อย่างปลอดภัย สามารถนำความลับเรื่องโลกอีกใบกลับไปแจ้งแก่เหล่าผู้ฝึกยุทธได้ ในขณะเดียวกันสายลับคนทรยศ จ้าวกระบี่ก็ได้ถูกสังหารลงโดยนางเซียนไป่ฮั่ว นำพาสถานการณ์ของมนุษยชาติไปสู่ประวัติศาสตร์ใหม่ที่ไม่เคยได้เกิดขึ้นมาก่อน”

 “รางวัลภารกิจ พลังศักดิ์สิทธิ์ของระบบเทพสงคราม”

 “คุณต้องการที่จะรับรางวัลเลยหรือไม่”

 กู่ฉิงซานตอบสวนกลับไปโดยไร้ซึ่งความลังเล “รับ”

 บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เนื้อหาทั้งหมดพลันหายวับไปโดยสมบูรณ์ จากนั้นวงกลมรูเล็ตก็ปรากฏขึ้นมาแทน

 ภายในรูเล็ต ประกอบไปด้วยช่องลึกห้าช่อง พวกมันถูกตกแต่งสลักด้วยลวดลายและรูปแบบที่ดูซับซ้อน

 ทั้งหมดต่างเรืองแสงหิ่งห้อยร้อยเรียงเป็นตัวอักษรขนาดเล็ก

 “ภายในสี่สิบแปดชั่วโมง ร้องขอให้ผู้เล่นค้นหาไอเท็มที่ตรงกับความต้องการของรูปแบบ และนำมันมาใส่ตรงช่องว่างพวกนี้”

 “หลังจากผ่านพ้นไปสี่สิบแปดชั่วโมง ไม่ว่าผู้เล่นจะสะสมไอเท็มได้ครบทั้งห้าชิ้นหรือไม่ ระบบเทพสงครามก็ยังคงจะทำการกลั่นพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี”

 “ยิ่งรวบรวมไอเท็มได้ตรงตามรูปแบบในช่องว่างได้รวดเร็ว และสมบูรณ์แบบมากขึ้นเท่าไหร่ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่สกัดออกมาก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น”

 “เริ่มทำการจับเวลา”

 กู่ฉิงซานมองไปยังคำอธิบาย และยกมือขึ้นถูคางตัวเองเบาๆ

 ไม่ว่าจะสามารถรวบรวมไอเท็มทั้งห้าชนิดได้หรือไม่ เขาก็ยังสามารถกลั่นพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อยู่ดี

 อย่างไรก็ตาม หากเติมเต็มไอเท็มไปอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์  และไอเท็มที่ใส่ลงไปเป็นระดับสูง มันก็จะยิ่งช่วยให้สามารถสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นได้

 มีเวลาเพียงแค่สี่สิบแปดชั่วโมง

 กู่ฉิงซานต้องการจะทำเวลาให้เร็วที่สุด เขาจึงหันไปมองรูปแบบทั้งห้า

 รูปแบบแรก คือหนึ่งในมอนสเตอร์ที่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของมันได้ มันกำลังคุกเข่าลงกัดกินศพบนพื้น

 รูปแบบที่สองคือบันไดหินอันคดเคี้ยวซึ่งไม่อาจมองเห็นปลายทางที่อยู่ในส่วนลึกของมันได้

 รูปแบบที่สามคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และมีดาวเคราะห์มากมายกำลังถูกปกคลุมด้วยร่างของมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ 

 กู่ฉิงซานเผยถึงท่าทีครุ่นคิดและกล่าว “รูปแบบนี้มัน… ”

 เขาก้มลงมองและเห็นว่ารูปแบบที่สี่คือฉากร่างของคนตายที่ได้รับการฟื้นคืนชีวิต ทว่ารูปแบบที่ห้ากลับเป็นเพียงเมฆทึบที่มีแขน ขายื่นออกมาจากมัน

 นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์ฮุ่นหลวน และสายพันธุ์เหวยจี สายพันธุ์เหวยจีมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าประเภทของปฐมบทแห่งความโกลาหล

 และรามสูรไร้พักตร์ก็เป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ประเภทดังกล่าวเช่นกัน

 ตอนนี้ จู่ๆ หัวใจของกู่ฉิงซานก็กระตุกวูบเล็กน้อย

 นั่นเพราะเขาได้ถูกส่งย้อนกลับมาจากในวันสิ้นโลก ดังนั้นจึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเหล่ามอนสเตอร์ต่างๆ

 หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงไม่มีทางรู้ว่าทั้งห้ารูปแบบที่เผยออกมานี้หมายถึงอะไร

 รูปแบบทั้งห้าบ่งบอกถึงประเภทของมอนสเตอร์ที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างโลก และถูกแบ่งออกเป็นห้าประเภท

 มันถูกแบ่งออกเป็น สายพันธุ์ฮุ่นหลวน กลียุค สายพันธุ์เฉินหยวน หุบเหว สายพันธุ์หยูโซว เอกภพ สายพันธุ์หวงฉวน โลกเบื้องล่าง และสุดท้ายสายพันธุ์เหวยจี ไร้ที่มา

 สรุปแล้ว ดูเหมือนว่าช่องว่างทั้งห้านี้จะต้องถูกเติมเต็มด้วยชิ้นส่วนของร่างกายของเผ่ามารสายพันธุ์ทั้งห้าใช่หรือไม่?

 กู่ฉิงซานฉุกคิดบางอย่างขึ้นในจิตใจ

 และคิ้วของเขาก็ย่นเข้าหากันจนหน้ามุ่ย

 เวลากระชั้นชิดแบบนี้ แล้วฉันจะไปหาเผ่ามารทั้งห้าสายพันธุ์ได้จากที่ไหนกัน?

 ขณะที่กำลังครุ่นคิดนั้นเอง ใครบางคนก็ตบลงบนไหล่ของเขา

 “มัวคิดอะไรอยู่เล่า สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ” ฉินเซี่ยวโหลววางถาดอาหารลงและกล่าว

 “อา...ข้าก็แค่สงสัยว่าจะมีที่ไหนบ้าง ที่พอจะหาพวกชิ้นส่วนของเผ่ามารได้ ”

 สีหน้าของฉินเซี่ยวโหลวดูมืดทะมึนลง และเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าจะแนะนำอะไรให้เจ้าสักหน่อยนะ เจ้าพวกของเหล่านั้นน่ะมันรสชาติค่อนข้างจะเลวร้าย…”

 มองไปยังท่าทีที่อีกฝ่ายเผยออกมา ดูเหมือนว่ากู่ฉิงซานจะต้องรีบอธิบายเสียแล้ว

 “ไม่ได้จะเอามากิน แต่จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น”

 รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเซี่ยวโหลวทันที “ข้าก็นึกว่าอะไรซะอีก ดูเหมือนเจ้าจะกังวลมากเกินไปนะ นี่แสดงว่าเจ้ายังไม่เข้าใจถึงสถานะของตนเลยล่ะสิ”

 “สถานะ?” กู่ฉิงซานเอ่ย

 “ถูกต้อง” ฉินเซี่ยวโหลวเชิดหน้าอกตนและกล่าว “เจ้าเป็นถึงคนของนิกายร้อยบุปผา เป็นศิษย์ของหนึ่งในไตรภาคี ทั่วทั้งอาณาจักรนี้มีอาจารย์เราเป็นเจ้าของ ไม่ว่าทรัพยากรใดก็ตามที่จะใช้ฝึกฝน เจ้าคิดหรือว่าพวกเราจะไม่สามารถนำเอามาใช้ได้?”

 เขากล่าว “ครึ่งหนึ่งของคลังเก็บของอยู่ในการควบคุมของข้า ไว้หลังจากอิ่มหนำกับอาหารมื้อนี้ ข้าจะพาเจ้าไปเอง อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไปได้เลย”

 กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “เช่นนั้นท่านอาจารย์จะไม่ตำหนิหรือ?”

 ฉินเซี่ยวโหลวหันมาจ้องเขาและกล่าว “นางไม่ใส่ใจหรอกว่าเจ้าจะหยิบฉวยอะไรไป ทว่าในการทดสอบประจำปีที่กำลังจะมาถึงนี้ จงอย่าทำให้นางเสียหน้าก็แล้วกัน”

 หัวใจของกู่ฉิงซานเกือบร่วงลงตาตุ่ม เขากล่าว “นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว”

 “การทดสอบประจำปีนี่มันยากมากเลยเหรอ?” เสียงเล็กๆ ของเด็กสาวที่ยังไม่ทันจะบรรลุนิติภาวะได้ดังขึ้น

 ทั้งสองหันไปตามเสียง และพบว่าซิวซิวได้กลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ขณะนี้จมูกของเธอกำลังส่งเสียงฟุดฟิดๆ สองมือขยุกขยิกเตรียมจะคว้าจับอาหารเบื้องหน้า พร้อมกระโจนเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ

 ........................................