webnovel

0029 ตระกูลซู

ตอนที่ 29 ตระกูลซู

อีกด้านหนึ่ง ณ เกาะกลางทะเลสาบ

ชายชราในชุดคลุมยาวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หัวโต๊ะ ได้เอ่ยสั่ง “พอแค่นั้นล่ะ ปิดจอม่านแสงลงได้”

ในเวลานี้สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีพึ่งสิ้นสุดลง ม่านแสงถูกกดสวิตช์ปิด และทั่วทั้งห้องโถงก็กลับมาสู่ความเงียบ

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา

“คุณพ่อ-” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มาดามซูเปิดปาก เขาต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง

ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นพ่อของซูเซี่ยเอ๋อ

“หยุดแค่นั้นล่ะ”

ชายชรายกมือขึ้นปรามอีกฝ่ายและกล่าว “เปิดเหตุการณ์ต่อสู้ให้ฉันดูอีกครั้ง”

“รับทราบ จะดำเนินการทันที”ใครบางคนกล่าวตอบ

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที จอม่านแสงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

กู่ฉิงซานเดินออกมาจากบาร์ ทั่วร่างของเขาท่วมท้นไปด้วยพลังวิญญาณ มันได้ดึงดูดความสนใจของชายชราทันที

“ห้าธาตุจำเพาะ พลังวิญญาณธาตุลม?” ใบหน้าของชายชราเผยให้เห็นถึงความสนใจ

จนกระทั่งเมื่อกู่ฉิงซานยิงลูกศรออกไปใส่รถลาดตระเวนของตำรวจ ชายชราก็กล่าวออกมาอย่างไม่ตั้งใจว่า “แต่พลังทำลายล้างระดับนี้ มันดูเหมือนจะเป็นพลังวิญญาณธาตุเหล็กซะมากกว่า น่าแปลกจริงๆ ”

พอม่านแสงฉายมาถึงตอนที่กู่ฉิงซานเริ่มใช้ระบำผันผวนยิงยอดปรมาจารย์นักสู้จนพรุนราวกับเม่น ชายชราก็ตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน

หนึ่งในตระกูลซูกล่าวอย่างลังเลว่า “นี่มันไม่เหมือนกับธาตุ เหล็ก ไม้ น้ำ ไฟ หรือดิน ทว่ามันก็ไม่ใช่ลม สายฟ้า แสง ความมืด และเสียงเช่นกัน บางทีเขาอาจจะไม่ใช่เฉาฟ่าน ผ่าเหล่า ที่สามารถปลุกธาตุทั้งห้าได้ แต่น่าจะเป็นหนึ่งในเทียนซวนประเภทที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”

เมื่อเทพนักสู้ซางซ่งหยางปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของผู้คนทั้งหมดก็พลันหนักอึ้ง

“กู่ฉิงซานท่านประธานาธิบดีต้องการพบเธอ”เสียงของเทพนักสู้กล่าวผ่านจอแสง และกระบวนการต่อสูู้ก็สิ้นสุดลง

ไม่มีใครในห้องโถงเอ่ยออกมา มันเงียบสงัดชนิดที่ว่าหากเข็มตกกระทบลงกับพื้นก็ยังได้ยิน

ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถาม “เป็นความคิดของใครที่ยืมมือของตระกูลไป่และตระกูลเนี่ยในการกำจัดเขา?”

สีหน้าของมาดามซูเปลี่ยนเป็นขาวซีด แต่สามีก็วางมือลงบนไหล่ของเธอและกล่าว “เป็นความคิดของพวกเราเอง”

ชายชราเหลือบมองไปยังลูกชายของตนก่อนจะหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา

ไม่นาน อุปกรณ์สื่อสารก็ได้เชื่อมต่อกับอีกฟากฝั่ง

“ท่านปู่ คิดอะไรอยู่ถึงได้โทรมาหาหนู ว่าแต่ท่านปู่สบายดีไหมคะ?” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“อ่า ปู่ก็แค่มีบางอย่างจะถามหลานน่ะ”

“เรื่องอะไรเหรอคะ?”

“เรื่องของคนที่เรียกว่ากู่ฉิงซาน หลานคิดอย่างไรกับการเป็นเพื่อนกับเขา”

“อ๊าาา ท่านปู่คิดอะไรอยู่ถึงได้ถามถึงเรื่องนี้เนี่ย”

“เอ่อ ก็เขาเป็นเพื่อนของหลานปู่ ปู่ก็ต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับตัวเขาเป็นธรรมดา ถ้าหลานไม่พูด ปู่จะเป็นคนไปตรวจสอบด้วยตัวเองนะ”

“ไม่นะ อย่าไป! แบบนั้นไม่ดีแน่ หนูจะบอกเอง”

แม้ตัวของซูเซี่ยเอ๋อจะบิดไปมา แต่สมองของเธอก็ยังคงมีสติแจ่มชัด

ท่านปู่เป็นถึงผู้นำตระกูลซู แต่เขาถึงกลับโทรมาถามเป็นการส่วนตัว มันควรจะเป็นการดีที่สุดถ้าตอบไปตามความจริง

“เขา…เขาเป็นคนขยัน ทำงานหนัก และมีพรสวรรค์มาก”

“ตัวอย่างเช่น?”

“ในเรื่องการวิจัยหุ่นรบ อาา ในคลาสฝึกฝนระบบอาวุธหุ่นรบเคยเกิดปัญหาขึ้น ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าเล็งเป้ามาที่เรา ในตอนนั้นทุกคนต่างกรีดร้องและวิ่งหนี มีเพียงเขาที่รีบวิ่งตรงขึ้นไปเกราะรบ และตะโกนสั่งว่านั่นมันคนธรรมดานะ! ”

“ปู่ก็รู้นี่ว่าหุ่นรบมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนธรรมดา ดังนั้นเมื่อมันได้ยินคำตะโกนสั่งเพียงสั้นๆ สองคำ หุ่นรบก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง มันเบนปากกระบอกปืนขึ้นไปด้านบน ก่อนที่ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าจะลั่นเป็นเส้นแสงทะลวงไปถึงชั้นเมฆ”

“หนูเริ่มรู้สึกสนใจในตัวเขานับตั้งแต่ตอนนั้น ต่อมาก็พบว่าเขากำลังทำโครงงานเล็กๆ เกี่ยวกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายด้วยตัวเอง ความประทับใจที่หนูมีต่อเขาก็เลยมากยิ่งขึ้น”

ชายชราฟังถึงจุดนี้เลยกล่าว “ดีมาก ปู่หวังว่าหลานกับเขาจะเข้ากันได้ดี ไว้ปู่จะโทรหาหลานอีกครั้งนะ”

เขาวางอุปกรณ์สื่อสารลง และเอ่ยสั่ง “ตรวจสอบสถานะโครงงานวิจัยหุ่นรบของกู่ฉิงซาน ฉันจำได้ว่ามีใครเคยบอกว่าเขาเป็นพนักงานของแผนกวิจัยหุ่นรบกังเตี๋ย”

“เขาถูกไล่ออกแล้ว” มีบางคนกระซิบกล่าวจากเบื้องหลัง

“เอ๋? เหตุผลล่ะ?” ชายชราหันหน้ากลับมาและเอ่ยด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม

เมื่อเขาตะโกนถามถึงเหตุผล แม้จะไม่แสดงถึงความโกรธใดๆ แต่ด้วยศักดิ์ของผู้นำตระกูล มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่กระซิบบอกรู้สึกหวาดกลัว อีกฝ่ายจึงเบนสายตาไปยังมาดามซู

มาดามซูก้มหัวลงและกล่าว “ฉันเป็นคนไล่เขาออกเอง ฉันไม่ต้องการให้เจ้าเด็กกู่นั่นใช้บริษัทของตระกูลซูเป็นบันไดปีนป่ายขึ้นมาเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเซี่ยเอ๋อ”

“ปีนป่าย?”คิ้วของชายชราขมวดเข้าหากันจนรวมเป็นเส้นตรง ในปากขยับมุบมิบ

ในเวลานั้นเอง คนที่รับผิดชอบในการสอบสวนก็เอ่ยกล่าวรายงานอย่างสุภาพ “น่าแปลก ระดับอำนาจของผมไม่เพียงพอที่จะเข้าถึงไฟล์ส่วนบุคคลของเขา”

ชายชรากล่าว “เขาไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทของเรา เป็นธรรมดาที่คุณจะไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลของเขาได้ ลองใหม่อีกรอบซิ คราวนี้ใช้ระดับอำนาจพลเมืองของฉัน”

ชายชราลุกขึ้นและก้าวตรงไปแนบฝ่ามือลงบนสมองควอนตัม

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฐานข้อมูลส่วนบุคคลของรัฐบาลกลาง ใต้เท้าซูซิงเฉาที่น่านับถือ”

“ร้องขอการเข้าถึงงานวิจัยส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกู่ฉิงซาน เพศชาย อายุราวๆ สิบเจ็ดปี ที่พำนักภายใต้เขตอำนาจของฉัน มณฑลฉางหนิง”

ทันใดนั้นม่านแสงก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยแถบเส้นตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่

“ระดับสูงสุด เป็นความลับสุดยอด”

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน “ขออภัยอำนาจของคุณไม่เพียงพอที่จะทำการร้องขอ ทว่าด้วยสถานะที่น่านับถือของคุณ เราขอแนะนำให้คุณติดต่อกับกู่ฉิงซานโดยตรงเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม”

“ฉันเนี่ยนะมีอำนาจไม่เพียงพอ?”

ซูซิงเฉาที่เป็นถึงหัวหน้าตระกูลซูเบิกตากว้าง เขากวาดสายตาอ่านเส้นแสงสีแดงอีกรอบอย่างรวดเร็ว

“คุณพ่อ นี่มันจะต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาด อำนาจของคุณพ่อเป็นรองแค่เพียงประธานาธิบดีกับหัวหน้าผู้บัญชาการกองทัพทั้งสามเหล่าเท่านั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คุณพ่อจะไม่สามารถตรวจสอบไฟล์ของเด็กยากไร้คนหนึ่งได้”

“ไม่ เทพธิดากงเจิ้งไม่มีทางผิดพลาดในเรื่องระดับต่ำเช่นนี้”ซูซิงเฉาคว้าอุปกรณ์สื่อสารและโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง

“สวัสดี ตาแก่ซู เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม?” ปลายสายเอ่ยกลับมาด้วยเสียงที่ดูสงบและมั่นคง

“เทพนักสู้ซาง ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะรบกวนนาย”

“อย่าลังเลที่จะพูด ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด”

“กู่ฉิงซาน”

“ขอโทษด้วยตาแก่ซู เรื่องนี้ฉันคงไม่สามารถบอกอะไรนายได้ เพราะสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขามันร้ายแรงเกินไป ฉันต้องขอโทษจริงๆ ”

ซูซิงเฉาวางอุปกรณ์สื่อสารลงอย่างเงียบๆ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “เจ้ากบเฒ่าเจ้าเล่ห์ เขาจะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ ”

เหลียวมองไปยัง ‘ระดับสูงสุด ความลับสุดยอด’ ที่ลอยเด่นบนจอม่านแสง ซูซิงเฉาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน

ทันใดนั้น จู่ๆ เขาก็ตบลงบนโต๊ะและกล่าว “รีบรวบรวมเงิน หนึ่งพันล้าน จากนั้นก็โอนไปให้หน่วยวิจัยของรัฐบาลกลาง บอกไปว่าบริจาคมันให้แก่กู่ฉิงซาน พวกเราต้องเตรียมพร้อมที่จะติดตามเรื่องนี้”

คนที่รับผิดชอบในการดำเนินงานกล่าว “รับทราบ โปรดยืนยันการอนุมัติ”

“ฉันอนุมัติ”

“ทำการเชื่อมต่อกับหน่วยงานวิจัยของเอ๋? ถูกขัดขวาง?”

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลังจากเกิดปัญหาแล้วก็ตามมาด้วยปัญหาเล่า ซูซิงเฉาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปยังม่านจอแสง

บรรทัดตัวอักษรปรากฏขึ้นบนม่านแสง “นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป การระดมทุนวิจัยส่วนบุคคลของกู่ฉิงซานจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยเทพธิดากงเจิ้ง โดยจะไม่มีการรับบริจาคในรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น”

ดวงตาของซูซิงเฉาหรี่แคบลงอย่างฉับพลัน เขากล่าวอย่างลังเล “ถ้าอย่างงั้นฉันจะบริจาคให้แก่เขาโดยตรง เพื่อช่วยสมทบทุนในด้านการศึกษา”

คนรับผิดชอบปาดเหงื่อและพรมมือของเขาลงอย่างรวดเร็ว

“ถูกปฏิเสธโดยระบบ!” เขาอุทานออกมา

การบริจาคถูกปฏิเสธ? ถูกปฏิเสธได้อย่างไร ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย

ตัวแทนระดับสูงทั้งหมดในห้องโถงยื่นคอของพวกเขาเพื่อต้องการจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นบนหน้าจอ

เห็นเพียงแค่เส้นแสงอีกบรรทัดปรากฏขึ้น

“นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลของพลเมืองกู่ฉิงซาน จะอยู่ในความรับผิดชอบของเทพธิดากงเจิ้งและประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลางเพียงผู้เดียว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแทรกแซงได้”

ซูซิงเฉาใบ้กินเป็นเวลานาน

บรรยากาศเช่นนี้ทำให้ทุกคนไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา ทำได้เพียงแค่ตั้งใจรอคำสั่งจากผู้นำตระกูลอย่างสงบ

“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ที่ตัวตนที่ถูกจัดว่ามีอำนาจอยู่ในระดับสูงสุด เป็นความลับสุดยอดพึ่งจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลซูของเรา”ซูซิงเฉาส่ายหัว

มาดามซูไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกไปดี แต่สุดท้ายเธอก็แย้งออกมา “ฉันก็แค่กลัวว่าเด็กยากไร้คนนั้นจะมาพัวพันกับซูเซี่ยเอ๋อของพวกเรา คิดว่าเขาเป็นเพียงกบที่ต้องการก้าวกระโดดในทีเดียวทะยานขึ้นสู่สวรรค์”

“สารเลว!”

ซูซิงเฉาระเบิดเสียงคำรามลั่นราวฟ้าผ่าออกมาอย่างฉับพลัน ฝ่ามือตบฉาดลงบนใบหน้าของมาดามซูจนเธอลอยกระเด็นออกไป

และเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาอีกว่า “ลองใช้สมองอันน้อยนิดของเธอคิดดูซิ? ว่ามันกี่ปีมาแล้วที่ทางรัฐบาลกลางไม่ได้ปรากฏงานวิจัยที่เป็นระดับสูงสุด ความลับสุดยอดขึ้นมา ครั้งสุดท้ายมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? อะไรคืองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับนั้น เคยตรวจสอบมันดูบ้างไหม!?”

“ฉันจะบอกเธอให้นะ ครั้งสุดท้ายมันคือเมื่อสามสิบปีก่อน เป็นเทคโนโลยีจั๊มป์ระหว่างดวงดาว มันเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก!”

“เด็กยากไร้? ทะยานขึ้นสู่สวรรค์!?” ความโกรธเกรี้ยวของซูซิงเฉาดูไม่มีทีท่าว่าจะลดลง “ประธานาธิบดียังต้องออกหน้าด้วยตัวเองเพื่อปกป้องเขา แม้กระทั่งเทพนักสู้ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยข้อมูล ส่วนเทพธิดากงเจิ้ง? เทพธิดากงเจิ้งถึงกับยอมมอบเงินภาษีเพื่อใช้สนับสนุนเขาโดยตรง!”

เขาจ้องมองไปยังมาดามซูที่กำลังร่ำไห้ด้วยความตื่นตระหนก “ตัวตนแบบนี้ แกยังกลัวว่าจะเข้ามาพัวพันกับลูกสาวของแก? แถมยังบอกว่ากลัวเขาคิดจะปีนป่าย? ไร้สาระ! แหกตาของแกดู เห็นไหมว่าตอนนี้เป็นฉันต่างหากที่ไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปหาเขาได้!”

“คุณพ่อ เสี่ยวหลิงเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักลูกสาวของสุดหัวใจ เธอแค่ไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ…” สามีของมาดามซูก้าวออกมาด้านหน้าและกล่าวอธิบายเพื่อโน้ามน้าวอีกฝ่าย

ความโกรธเกรี้ยวของซูซิงเฉาดูจะสลายไปเล็กน้อย ทว่าดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความผิดหวัง “รักลูกสาวสุดหัวใจ? เหอะ รักลูกสาวสุดหัวใจจนถึงขั้นต้องฆ่าแกงกัน? ส่งนักฆ่าที่ไม่แม้แต่จะรู้วิธีเอาชนะอีกฝ่ายออกไป? ไม่รู้รึไงว่าการฆ่าคนมันจะเป็นการทำลายโชคลาภของเรา แถมเป้าหมายที่ถูกสั่งฆ่ายังเป็นหัวใจสำคัญที่จะยกระดับรากฐานของตระกูลซูเราอีกด้วย!”

เขาส่ายหัวและกล่าว “หากเทียบกับเธอแล้ว ลูกสาวของเธอดูจะฉลาดกว่าเธอตั้งหมื่นเท่า!”

ซูซิงเฉานวดหน้าผากด้วยความอ่อนล้า ก่อนเอ่ยสั่ง “นับจากนี้ไป ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของซูเซี่ยเอ๋อ ห้ามยุยงหรือเติมเชื้อไฟใดๆ โดยเจตนา ยกเว้นว่าจะเบื่อชีวิตตัวเองแล้ว… ”

“นอกจากนี้ เรื่องการแต่งงานกับตระกูลไป่ ระงับไว้ก่อนชั่วคราว ไม่ต้องตอบรับข้อเสนอใดๆ ”

“รับทราบ”

“ฉันต้องการจะไปเยี่ยมหลานสาวของฉันที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง”

“นี่…รับทราบ”

.......................................