webnovel

0015 ทางเลือก

ตอนที่ 15 ทางเลือก

ในหัวใจของกู่ฉิงซานยังคงไม่ยอมแพ้ เขาเอ่ยถามต่อ “แล้วภายในค่ายทหารล่ะ? ถึงแม้ว่าคนจะตายไปแล้ว แต่คลังแสงก็ยังคงอยู่ ข้างในไม่มีอาวุธหลงเหลืออยู่เลยเหรอ?”

จ้าวหลิวตอบกลับทันที “ฉันมีกุญแจสำรองของห้องยุทโธปกรณ์ แต่ฉันไม่ถนัดใช้อาวุธ ดังนั้นเลยไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน ทำไมเราไม่ลองเข้าไปดูด้วยกันล่ะ”

กู่ฉิงซานกล่าวด้วยยินดี “ตกลง”  

ทั้งสองเปิดประตูห้องยุทโธปกรณ์ จุดเทียนไขภายในเพิ่มความสว่างแล้วหันไปสำรวจรอบๆ

แถวของชั้นวางอาวุธมีเพียงความว่างเปล่า ชายทั้งสองเดินจากหน้าประตูไปจนสุดปลายทาง กลับพบเพียงอาวุธเคียวที่เสียหาย อันที่จริงมันเสียหายระดับที่เรียกว่าหักครึ่ง

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว ก่อนจะตรวจสอบผนังรอบทิศ และในที่สุดก็พบประตูลับที่ถูกล็อคอยู่

เบื้องหลังประตูลับ มักจะเป็นสถานที่ๆ เจ้าหน้าที่ทหารระดับอาวุโสใช้เก็บไอเท็มของพวกเขา

ตรงจุดนี้เหมือนกับในโลกก่อนหน้าของกู่ฉิงซาน

ในโลกก่อนหน้า เมื่อผู้เล่นพบเห็นฐานทหารถูกทิ้งร้าง สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำก็คือการมองหาสมบัติ หลังจากนั้นก็จะนำกลับมาและบอกเล่าถึงบริเวณที่มักจะมีสมบัติซ่อนไว้ หรือวิธีต่างๆ ในการค้นหาสมบัติ ส่งต่อความรู้จากประสบการณ์ที่พบเจอมาเป็นทอดๆ

ดังนั้น ในช่วงหลังๆ ของเกม อาชีพนักล่าสมบัติจึงถือกำเนิดขึ้น

กู่ฉิงซานมองประตูลับ และเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในหัวใจ

เขากล่าว “จากที่สังเกตดู นี่น่าจะเป็นประตูลับระดับสูง คิดว่าคงจะมีเพียงทหารระดับนายพลที่คอยปกป้องค่ายทหารแห่งนี้เท่านั้นที่มีกุญแจ”

จ้าวหลิวมองไปที่ประตูลับด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ท่านนายพลได้ตายลงระหว่างต่อสู้ตั้งนานแล้ว”

กู่ฉิงซานถาม “แล้วนายรู้ไหมว่าที่พักของเขาอยู่ตรงไหน?”

“แน่นอนฉันรู้”

“งั้นเราไปดูกัน”

ทั้งสองออกมาจากห้อง ก่อนจะไปยังที่พักของนายพลและรื้อค้นข้าวของเป็นเวลานาน จนในที่สุดมือของกู่ฉิงซานก็บังเอิญสัมผัสถูกกับลูกกุญแจ

กู่ฉิงซานกลับไปยังห้องยุทโธปกรณ์อีกครั้ง จากนั้นก็ไขเปิดประตูลับบนกำแพง และพบว่าภายในมีเพียงหนังสือเล่มเล็กๆ และแผ่นดิสก์ที่ดูสกปรกเท่านั้น

บนแผ่นดิสก์เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวมากมายและมีหลายส่วนที่หลุดลอก

“ดิสก์ค่ายกล?”

หัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม เขาเกือบจะตีลังกาม้วนตัวแต่ก็หยุดตัวเองไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยหยิบแผ่นดิสก์ขึ้นมา

“ดิสก์ค่ายกลระดับต่ำ เสียหาย มีไว้ใช้จัดเตรียมค่ายกลหลอนประสาทรูปแบบต่อเนื่อง”

“ต้องการสิบเจ็ดแต้มพลังวิญญาณ ในการเรียนรู้การจัดเตรียมค่ายกลหลอนประสาท ”

สิบเจ็ดแต้ม นี่มันเกินขีดจำกัดสูงสุด ของพลังวิญญาณของกู่ฉิงซานไปมากโข มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเรียนรู้

แต่ที่กู่ฉิงซานสนใจ ไม่ใช่เรื่องนี้

กู่ฉิงซานพลิกอีกด้านของดิสก์ค่ายกล ก่อนจะกดมันลงเบาๆ ตรงจุดศูนย์กลาง และดิสก์ค่ายกลก็เปิดออกอย่างฉับพลัน

ปรากฏก้อนแสงสีฟ้าอ่อนตกลงมาจากดิสก์ค่ายกล หล่นกระจายไปทั่วพื้น

กู่ฉิงซานกดลงบนดิสก์ค่ายกลอีกครั้ง และคราวนี้ก้อนแสงสีฟ้าจำนวนมากก็ตกลงมาบนพื้น

“ศิลาวิญญาณ!”

จ้าวหลิวกรีดร้อง กระโจนตัวลงบนพื้นและคว้าหยิบมันอย่างบ้าคลั่ง

หัวใจของกู่ฉิงซานก็แทบจะหล่นวูบ

แม้ว่าดิสก์ค่ายกลแผ่นนี้จะเสียหาย แต่ศิลาวิญญาณส่วนบนกลับแทบจะไม่ถูกใช้งานเลย แม้กระทั่งศิลาวิญญาณส่วนสำรองก็ยังไม่เคยถูกนำออกมาใช้

เกรงว่านายพลประจำค่ายแห่งนี้คงเสียชีวิตลงอย่างไม่คาดคิด และคนอื่นๆ ก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศิลาวิญญาณจึงถูกปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ใดๆ

นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์อย่างแท้จริง

พวกเขาช่วยกันหยิบศิลาวิญญาณทั้งหมด และนับรวมๆ กันแล้วมีมากถึง เจ็ดสิบห้าก้อน!

ด้วยเหตุนี้ ข่ายอาคมอำพรางของค่ายทหารจะคงอยู่ไปได้อีกหลายสิบวัน!

กู่ฉิงซานวางดิสก์ค่ายกลลง ก่อนจะเอื้อมหยิบหนังสือเล่มเล็กๆ แล้วเปิดมัน

“เทคนิคปราณปรับแต่งทางทหาร”

ขั้นหนึ่ง “ฉูจี”

ขั้นสอง “หยินเหมิน”

ขั้นสาม “เซาซ่าง”

ขั้นสี่ “ไท่หยิน”

ขั้นห้า “จ้ง”

ขั้นหก “หลิงซู”

ขั้นเจ็ด “เซินถัง”

ต้องการอย่างละหนึ่งแต้มพลังวิญญาณ ในการเรียนรู้ ขอบเขตสามขั้นแรก

ต้องการอย่างละสองแต้มพลังวิญญาณ ในการเรียนรู้ ขอบเขตขั้นสี่ถึงห้า

ต้องการสามแต้มพลังวิญญาณ ในการเรียนรู้ ขอบเขตขั้นหก

ต้องการหกแต้มพลังวิญญาณ ในการเรียนรู้ ขอบเขตขั้นเจ็ด

ที่กล่าวมานี้คือกระบวนการฝึกฝนวรยุทธของทางกองทัพ เป็นด่านทั้งหมดของเทคนิคปราณปรับแต่ง แม้เทคนิคปราณปรับแต่งทางทหารนี้จะเป็นเทคนิคลับ แต่มันก็เป็นเพียงเทคนิคลับระดับสามัญที่สุด ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกับเทคนิคลับที่พวกนิกายใหญ่ๆ หรือตระกูลชั้นสูงใช้ฝึกฝนวรยุทธได้

อย่างไรก็ตาม แต่ละด่านของเทคนิคปราณปรับแต่งนี้ก็ยังมีข้อดีของมันอยู่ นั่นคือเป็นตัววางรากฐานเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อใช้เตรียมทะลวงสู่ขอบเขตระดับก่อตั้งในภายหลัง และผู้ที่เรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ก็มีอยู่ทั่วไป ดังนั้นการที่กู่ฉิงซานพบหนังสือ ‘เทคนิคปราณปรับแต่งทางทหาร’ เล่มนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจใดๆ

พอท่านง่วง ก็มีคนส่งหมอนมาให้ นี่มันเยี่ยมจริงๆ แต่การเพิ่มระดับในแต่ละด่านของมันดูเหมือนจะไม่ต้องใช้ค่าประสบการณ์?

ใช้พลังวิญญาณมันจะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ?

กู่ฉิงซานย้ายความคิด ก่อนที่หน้าต่างระบบเทพสงครามจะปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเส้นแสงหิ่งห้อยที่มีคำอธิบายเล็กๆ

“กระบวนการฝึกฝนฉบับสมบูรณ์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว หน้าต่างระบบเทพสงครามพร้อมใช้งาน”

“ตั้งแต่นี้ไป ผู้เล่นสามารถเลือกใช้พลังวิญญาณแทนค่าประสบการณ์ในการอัปเลเวลได้”

“ทว่าพลังวิญญาณจะถูกผูกขาดทันทีเมื่อท่านใช้มันในการอัปเลเวล กล่าวอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ ท่านจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปใช้ค่าประสบการณ์ในการอัปเลเวลได้อีกต่อไป…โปรดเลือกอย่างระมัดระวัง”

ดูเหมือนว่ากระบวนการอัปเลเวลของมัน จะเหมือนกับกระบวนการเรียนรู้สกิล ซึ่งต้องการเพียงพลังวิญญาณเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ พลังวิญญาณก็จะกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าเดิม

กู่ฉิงซานจ้องมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม และจมสู่ห้วงความคิด

“จริงๆ แล้วพลังวิญญาณคืออะไรกันแน่?”เขาถาม

หน้าต่างเทพสงครามตอบ “คือพลังรากฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล มีต้นกำเนิดมาจากจิตวิญญาณ”

คำว่า ‘รากฐาน’ และ ‘ต้นกำเนิด’ สองคำนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในเกม และมักจะเป็นตัวแทนของบางสิ่งที่ทรงพลังสุดขีด

กู่ฉิงซานมุ่งความสนใจไปที่มันทันที

นับตั้งแต่ที่เขาเข้าไปในเกมจนถึงช่วงท้ายเกม ในการอัปเลเวลแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้แต้มค่าประสบการณ์ ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่สำหรับผู้เล่นเป็นอย่างมาก

แต่สำหรับพลังวิญญาณ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นพลังระดับสูง หากเลือกใช้พลังวิญญาณในการอัปเลเวล ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงพันธนาการจากสิ่งที่เรียกว่าค่าประสบการณ์ได้ ทว่าไม่มีใครรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตามผู้เล่นชั้นยอดมากมาย ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครไปถึงระดับพลังสูงสุดของโลก และค่าประสบการณ์ก็เป็นหนึ่งในตัวร้ายอันฉกาจที่คอยฉุดรั้ง

ทว่าหากคุณถูกส่งย้อนเวลากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง คุณจะยังต้องการที่จะกระทำความผิดพลาดซ้ำสองหรือไม่?

มันคงจะดีกว่าถ้าเลือกที่จะเดิมพันครั้งใหญ่

กู่ฉิงซานคิดเล็กน้อย และตัดสินใจว่าจะเลือกใช้พลังวิญญาณในการอัปเลเวล

“ผู้เล่นเลือกที่จะใช้พลังวิญญาณ และก้าวไปอีกขั้นหนึ่งบนเส้นทางแห่งเทพสงคราม โปรดพยายามต่อไปอย่าลดละ”

พร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาของระบบดังขึ้น ในหน้าต่างตัวละครของกู่ฉิงซาน ตรงคำว่า ‘ค่าประสบการณ์’ ก็พลันหายไปโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงแค่คำว่า ‘แต้มพลังวิญญาณ’

กู่ฉิงซานจ้องมองหน้าต่างเทพสงครามอย่างเงียบๆ ก่อนจะเก็บหนังสือเล่มเล็กในมือแนบกับลำตัว

ทั้งสองออกจากห้องยุทโธปกรณ์ ก่อนจะเดินกลับไปยังที่พัก จ้าวหลิวดูจะมีความสุขมาก เพราะเขายิ้มจนปากฉีกถึงใบหูไปตลอดทาง

ทั้งสองแยกย้ายกันกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง กู่ฉิงซานปิดประตู ก่อนจะนั่งบนเตียงและวางหนังสือเทคนิคปราณปรับแต่งทางทหารลงบนเข่า

กู่ฉิงซานได้ทะลวงระดับฉูจี หยินเหมิน เซาจ่าง ระดับปราณปรับแต่งหนึ่ง สอง สาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงข้ามสองระดับข้ามสามขอบเขตนี้โดยตรง และมองไปยังขอบเขตขั้นสี่และขั้นห้า

ในช่วงเวลานี้ การใช้เทคนิคลับมันคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฝึกฝน หากต้องการเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง ต้องการเพิ่มขีดจำกัดของพลังวิญญาณ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

กู่ฉิงซาน แม้จะไม่ใช่คนที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด แต่ตรงจุดนี้เขาไม่ลังเลใจเลย

“ฉันขอเลือกเรียนรู้ขอบเขตขั้นสี่ไท่หยิน ”

“เริ่มกระบวนการเรียนรู้ ใช้งานสองแต้มพลังวิญญาณ แต้มพลังวิญญาณปัจจุบันสองส่วนห้า”

กระแสความร้อนเอ่อล้นออกมาจากหนังสือเล่มเล็ก และไหลบ่าเข้าสู่ทะเลแห่งความรู้ของกู่ฉิงซาน

หลังจากนั้นเพียงหนึ่งลมหายใจ พลังวิญญาณก็ได้ทะลวงเข้าสู่ด่านชั้นถัดไป ปราณและเลือดเกิดกระบวนการไหลเวียนเข้าสู่หัวใจของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานปิดตาลง และทำการเคลื่อนย้ายพลังวิญญาณอย่างเงียบๆ เพื่อทำการสำรวจร่างกาย

เขาดูเหมือนกับผู้ฝึกยุทธปราณปรับแต่งขั้นสี่ กู่ฉิงซานหันไปรอบๆ และทบทวนกระบวนการที่พึ่งเกิดอีกครั้ง

แม้ว่าเทคนิคปราณปรับแต่งทางทหารจะเป็นเพียงเทคนิคลับที่สามัญที่สุด แต่กระบวนการอัปเลเวลของมันก็ไร้ข้อผิดพลาด และไม่ได้ก่อให้เกิดธาตุไฟเข้าแทรกจนเข้าสู่วิถีมาร ดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะฝึกฝนมันได้อย่างสบายใจ

พลังวิญญาณหมุนวนอยู่ในด่านที่พึ่งทะลวง จู่ๆ ก็หดตัวอย่างรุนแรง ก่อนจะขยายตัวขึ้นอย่างฉับพลัน!

กู่ฉิงซานทะลวงเข้าสู่ด่าน ‘ไท่หยิน’ ปราณปรับแต่งขั้นสี่ โดยสมบูรณ์แล้ว

กู่ฉิงซานใช้จิตสัมผัสสำรวจภายในร่างกาย และพบว่าพลังวิญญาณในตันเถียนค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่ก่อนมันเป็นเพียงทรงกลมเล็กๆ ทว่าเวลานี้มันดูเหมือนมันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน

.......................................