1 นับหนึ่งไม่ถึงเวกัส Ep.0

Nubnung ' s

โลกของพวกคุณเป็นแบบไหนโลกที่ขาวสะอาด โลกที่ดำมืด หรือโลกที่เป็นสีเทามีทั้งด้านร้ายและดี ถ้ามันเป็นสีเทาก็ถือว่าคุณเติบโตมาในโลกที่ดีมากเลยนะ แต่สำหรับโลกของผมมันเป็นสีดำ สีดำแบบมืดสนิท ผมเติบโตในโลกที่ถูกกำหนดให้อยู่แค่ในกำแพงของประเทศ vortiaring ประเทศแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของทวีปเอเชียประเทศที่ใครต่อใครก็บอกว่าเป็นประเทศที่น่าอยู่ น่ามาเที่ยว และน่ามาลงทุนมากที่สุด แต่สำหรับผมไม่เลย ที่นี่มันเป็นยิ่งกว่านรกของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้คนที่แสนไร้ค่า ประเทศที่รวมเป็นหนึ่งแต่กลับมีเจ้าเมืองถึงสี่คนเพื่อปกป้องเขตทั้งสี่เขตของประเทศ โดยตระกูลที่เป็นมหาอำนาจ ผู้ค้นพบประเทศและสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่นเกือบ 100 ปี ตระกูล 'รวีพงษ์พิพัฒน์' หรืออีกชื่อเรียกของตระกูลคือตระกูล 'หวง' ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้พวกเขาแบ่งการดูแลแต่ละเขตพื้นที่ได้อย่างลงตัว และดูแลมันอย่างดีจนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการก่ออาชญากรรมน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ในความจริงพวกเขาก็แค่สร้างภาพ เพราะอีกมุมหนึ่งของประเทศมีกำแพงสูงตั้งอยู่ มันคือเขตปกครองพิเศษที่ไม่ต่างจากคุกดี ๆ นี่เอง คนมีอำนาจ มีเงินเท่านั้นถึงจะได้ออกไปในขณะที่คนจนๆ คนไร้ค่าต้องดิ้นรนอยู่ให้ได้ภายในกำแพง ใครอยู่ไม่ได้ก็ต้องตาย โดยเฉพาะมนุษย์ส่วนมากที่เป็นโอเมก้า เพศรองที่อ่อนแอที่สุด แต่มันไม่ใช่สำหรับผม แต่คนเราทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ผมเองก็เช่นกัน ผมคือหนึ่งในโอเมก้าที่ต้องดิ้นรนหาทางรอดในทุกวัน 'นับหนึ่ง' คือชื่อของผม ชื่อที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นหน้าคนตั้งด้วยซ้ำ คนที่เก็บผมมาเลี้ยงเขาบอกผมเพียงแค่ว่า ผมถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเขาพร้อมกับสร้อยคอที่สลักชื่อว่านับหนึ่งเขาจึงตั้งชื่อนั้นเป็นชื่อของผม คนที่เก็บผมมาเลี้ยง หรือ คุณชาล์ว เขาเป็นคนที่มีพระคุณของผม เขาเป็นหนึ่งในมือปืนที่เก่งมากๆ และเขาก็สอนผมให้เป็นแบบเขามาตั้งแต่เด็ก ผมเรียนวิธีป้องกันตัว เรียนต่อสู้ และเรียนการยิงปืน เพื่อปกป้องตัวเองและปกปิดเพศรองว่าผมเป็นโอเมก้า เขาให้ผมฉีดยาระงับฟีโรโมนอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกคนเชื่อว่าผม เป็นเบต้าเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ใช่โอเมก้า แต่เรื่องที่ผมเป็นโอเมก้ามีแค่คุณชาล์วและ นิล เพื่อนสนิทคนเดียวของผมเท่านั้นที่รู้

ตลอดระยะเวลาที่อยู่มาจนอายุ 24 ปี ผมมักจะได้ภารกิจง่ายๆ ทั่วไปอย่างยิงพวกที่มีอำนาจหรือพวกเสี้ยนหนามของพวกตระกูลใหญ่ๆ หรือตามทวงหนี้ทั่วไปๆ อยู่เสมอ ไม่ค่อยจะได้งานใหญ่เหมือนนิลเท่าไหร่ เพราะคุณชาล์วบอกว่าผมยังอ่อนเกินไปที่จะรับภารกิจใหญ่ได้ นั่นมันทำให้ผมท้อ ท้อกับความฝันของตัวเอง ความฝันที่จะได้ออกไปจากกำแพงที่เหมือนนรกนี่สักที

จนกระทั่งในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างผม

"นี่คือเป้าหมายของแก"

คุณชาล์วยื่นรูปผู้ชายคนหนึ่งมาให้ผมทันทีที่ผมเข้าไปในห้องทำงานเขา ผมหยิบรูปขึ้นมาดูชัดๆ ใบหน้าหล่อที่สวมแว่นทรงสี่เหลี่ยมสีดำกับผมหน้าม้าที่ถูกเซตจนปิดจะถึงตาแต่ก็ยังคงปกปิดใบหน้าหล่อได้ไม่มิด แต่เขาดูไม่มีพิษมีภัยเลยสักนิด ว่าแต่เขาเป็นใคร

"เขาคือ เวนิส วชิรวัฒน์ รวีพงษ์พิพัฒน์ ทายาทอันดับที่ 5 ของผู้นำประเทศ"

หนึ่งในทายาทของผู้นำประเทศและเจ้าของประเทศแห่งนี้สินะ ถ้าเขาเป็นเป้าหมายของผม นี่ก็นับเป็นเป้าหมายแรกที่ใหญ่ที่สุดของผมเลยหรือเปล่า ผมจ้องมองรูปของผู้ชายผิวขาวใบหน้าติดไปทางลูกครึ่ง ดวงตาเรียวคม จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวได้อย่างลงตัว เขาดูดีมากจริง ๆ แม้แต่แว่นสายตาทรงสี่เหลี่ยมที่เขาใส่อยู่ก็ไม่อาจบดบังใบหน้าหล่อได้เลย แต่ผมจะฆ่าเขาได้ยังไงในเมื่อผมไม่มีใบอนุญาตออกนอกพื้นที่กำแพง แต่เหมือนคุณชาล์วจะอ่านความคิดของผมออกถึงได้พูดขึ้น

"อีกไม่นานเขาจะอายุ 27 ปี และจะมีพิธีแต่งตั้งเขาเป็นเจ้าเมืองฝั่งเหนือ"

"นี่เป็นเอกสารที่นายจ้างเตรียมมาให้แกแล้ว พรุ่งนี้เตรียมออกนอกกำแพง แกมีเวลาแค่หนึ่งเดือนนี้รู้เอาไว้ด้วย"

คุณชาล์วบอกพร้อมกับเลื่อนซองสีน้ำตาลมาตรงหน้าผม ผมอ่านดูมันอย่างละเอียดมีการปลอบแปลงหนังสือ ประวัติและใบอนุญาตออกจากกำแพงทั้งหมด

"ฮาเปอร์ ปิยะพัฒน์ แสงนิรันด์..."

ผมอ่านชื่อที่อยู่ในใบเอกสารด้วยความงง ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าเป็นใบหน้าผม แต่ทำไม

"ชื่อปลอมแกไง" ผมพยักหน้าเข้าใจทันที จำได้ว่านิลมันก็เคยบอกว่าเวลาออกไปนอกกำแพงต้องใช้ชื่อปลอม

"ทำให้เขารัก และยิงเขาทิ้งซะ นี่คือสิ่งที่นายจ้างกำชับมา"

"แล้วทำไมต้องเป็นผม"

"นายจ้างเขาบอกว่าแกตรงสเปกคุณเวนิสมั้ง"

ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผลผมก็ต้องแกล้งเข้าใจ เพราะนิลมันบอกผมว่าคนตรงหน้าไม่ชอบให้ถามเยอะ แต่ผมจะทำให้เขารักได้ยังไงภายในหนึ่งเดือน มันยากเกินไปหรือเปล่า

"ขอให้ทำให้สำเร็จ เพราะค่าตอบแทนมันจะทำให้ความฝันแกเป็นจริงอย่างแน่นอน"

คุณชาล์วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำให้ตาผมลุกวาวออกมา เพราะเขารู้ความฝันของผมดี

ความฝันที่จะออกไปจากกำแพงที่เหมือนนรกนี่

แค่ต้องฆ่าเขา แค่ฆ่าเวนิสให้ได้ก็พอ

TBC.

avataravatar
Next chapter