webnovel

ตอนที่ 49 หยุด

ความเสียหายกระจายไปทั่ว พื้นสนามรบพังพินาศ ชิ้นส่วนอวัยวะปลิวว่อน ละอองเลือดฟุ้งไปบนอากาศ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง เปลวเพลิงโหมไหม้ สะเก็ดไฟบินไปมาราวกับมีชีวิต หิมะละลายกลางอากาศ น้ำขังระเหยเป็นไอ อุณหภูมิร้อนสูงจนหายใจลำบาก มีเสียงโหยหวนขอความช่วยเหลือดังขึ้นไม่หยุด

สนามรบแถบนี้กลายเป็นนรกในพริบตา

*****

โวแคนตื่นตะลึงกับภาพสุดสายตาตรงหน้า ถ้าเป็นบอสมอนสเตอร์ในชั้นลึกๆ เขาพอเข้าใจได้

แต่ถ้าเป็นอสูรที่ได้รับรายงานว่าพึ่งค้นพบได้ไม่นานทำได้ถึงขนาดนี้มันก็อันตรายเกินไป

แบบนี้ไม่รูปแบบกลายพันธุ์ก็กระหาย ยิ่งปล่อยให้มันรอดได้นานมันจะยิ่งวิวัฒนาการไม่หยุด

อันตรายเกินไปที่จะปล่อยไว้ ในอนาคตสกิลดาวตกของข้าอาจเป็นแค่ลูกบอลเพลิงสำหรับมัน

อยากยิงซ้ำไปอีกสักสองสามลูกให้แน่ใจ แต่เพราะไม่รู้ว่ามีอัศวินอยู่ในพื้นที่ด้วยไหม

ถ้าอัศวินได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ถึงจะเป็น [แรงค์ A] ก็ต้องรับผิดชอบหนัก

ยังไม่อยากเป็นหมาที่อาณาจักรล่ามโซ่ไว้ใช้งานแบบชี้เป็นชี้ตาย

ข้าจึงหันไปสั่งลูกกิลด์แทน

"ระดมกำลังไปยังจุดที่ข้ายิงล่าสุด ขอกำลังเสริมตามทางไปด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องฆ่าอสูรปลาตัวนั้นให้ได้"

*****

อสูรปลาเกล็ดใบมีดพลังงาน

ครั้งนี้ตัวข้าได้รับความเสียหายหนักสุดเท่าที่เคยได้รับมา

เกล็ดรอบตัวฉีกขาดเสียหายไปเกินครึ่ง เลือดไหลท่วมตัว หัวไหล่ขวาฉีกขาดจนแขนห้อยต่องแต่ง หน้าซีกซ้ายไปจนถึงปากแหว่งหาย

หางทั้งสี่เหลือแค่หางเดียว เท้าขวาขาดจนถึงเข่า

ข้าจึงต้องคลานไปทั่วสนามรบเหมือนอาหารขยะสองตัวนั่น

ต้องกินเพื่อวิวัฒนาการ

ข้าไล่กินอาหารทุกตัวที่ข้าเห็น โดยใช้หางอันสุดท้ายช่วยจิ้มเศษชิ้นส่วนที่อยู่ไกลมือมาป้อนใส่ปาก

แม้แต่คราบเลือดที่ซึมลงไปแล้วข้าก็กำดินส่วนนั้นกลืนลงไป

ไม่เลือกกิน ไม่มีวันตาย

โชคดีอีกอย่างที่อาหารมันกรีดร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด ข้าจึงไม่ต้องเสียเวลาหาเอง

ครั้งนี้ข้าต้องกินเยอะกว่าครั้งก่อนหน้าหลายเท่าตัว เสียงในหัวเอาแต่พร่ำบอกว่ามันยังไม่พอ

เสียงโหยหวนในสนามรบค่อยๆ เงียบไป มีทั้งที่โดนข้ากินและกลัวข้าเจอตัวจนปิดปากเงียบและซ่อนตัว

ข้ามองไปยังตำแหน่งของเพื่อนต่างพันธุ์ ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นเหลือเพียงหลุมลึกกับเปลวเพลิงขนาดใหญ่

ไม่รอดสินะ อุตส่าห์ว่าจะชวนไปหาที่อยู่ในป่าใกล้ๆ กันหลังหนีออกไปได้

ข้าหันไปมองอีกตำแหน่งโดยแอบหวังเล็กน้อย แต่ก็ต้องผิดหวัง

เพราะเจ้าอาหารชั้นสูงตัวนั้นไร้รอยขีดข่วน มันเดินชิลอย่างไม่สะทกสะท้านผ่านเปลวเพลิงหน้าตาเฉย ที่มือขวาจิกหัวบอสอดีตเพื่อนลากไปแนวหลังกับมัน

ส่วนบอสอดีตเพื่อนอาการร่อแร่จนขัดขืนอะไรไม่ได้ บาดแผลสาหัสยิ่งกว่าข้าหลายเท่าตัว จากฝีมือของอาหารชั้นสูงกับเศษหินติดไฟ ยกเว้นแค่ใบหน้าที่เดียวที่ไม่เป็นอะไรเลย

แล้วข้าก็เสียวสันหลังไปทั้งตัว ความหวาดกลัวทำข้าหายใจไม่ออก เมื่ออาหารชั้นสูงตัวนั้นหยุดเดินแล้วหันมามองข้า

มันยกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังทิศทางนึง ข้ามองตามมือมันไปอย่างเชื่อฟัง

ตรงที่มันชี้ไปค่อนข้างไกล ตรงนั้นมีอาหารนอนกองกันมากมาย

แต่ที่อาหารชั้นสูงหมายถึงคงเป็นอาหารขยะสองตัว

ตัวนึงแน่นิ่งไม่ขยับ ส่วนอีกตัวเป็นอาหารสัตว์ที่เลือดท่วมตัว สภาพสาหัส กำลังพยายามตะโกนไม่หยุด แต่ไม่มีอาหารตัวไหนสนใจพวกมัน

กลับกันอาหารตัวอื่นรอบตัวมัน รวมทั้งอาหารน่ารำคาญที่ช่วยพาพวกอาหารขยะหนีไปจากข้า ถูกช่วยอย่างรวดเร็ว

ข้าหันกลับไปพยักหน้าไม่หยุดแล้วรีบคลานไปยังทิศนั้นทันที

คลานไปได้สักพักก็แอบเหลือบมองกลับไป อาหารชั้นสูงตัวนั้นไม่สนใจข้าแล้วลากหัวบอสอดีตเพื่อนต่อไปอย่างอารมณ์ดี

ข้าจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบคลานไปให้เร็วที่สุด แม้แต่ชิ้นส่วนอาหารที่ต้องอ้อมนิดหน่อยก็ไม่ไป

คลานไปได้สักพักข้าก็มองสำรวจสถานการณ์ในตอนนี้

ฝั่งอดีตเพื่อนเพราะแถวนี้อุณหภูมิร้อนสูงเกินไปจึงเลี่ยงอ้อมไปฆ่าพวกอาหารเส้นทางอื่น พวกอาหารจึงรับมือได้ง่ายขึ้น

แต่มีพวกอดีตเพื่อนจากชั้นลึกชั้นนึงกำลังฉีดพ่นน้ำใส่เพื่อสร้างพื้นที่ได้เปรียบอีกครั้ง

ส่วนพวกอาหารสายซัพพอร์ตเริ่มเข้าพื้นที่มาช่วยเหลือพวกของมัน ทั้งรักษากับเก็บกู้ซากร่างเท่าที่ทำได้ แต่พวกมันไม่สนใจพวกอาหารขยะแม้แต่ตัวเดียว ปล่อยให้พวกอาหารขยะเอาตัวรอดกันเอง

ข้าคลานไปอีกสักพัก ประสาทสัมผัสกับลางสังหรณ์ก็เตือนข้าว่ามีอาหารหลายตัวกำลังเพ่งเล็งมาที่ข้า

มันมาจากปลายทางอีกด้านหนึ่ง ตรงนั้นมีพวกอาหารกลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาในพื้นที่ พวกนี้เป็นอาหารชั้นกลางสายต่อสู้ มันควานหาบางอย่างไปทั่ว

ข้าโชคดีที่สายตามองได้ไกลกว่าและพื้นที่ตอนนี้มีแต่เปลวไฟลุกไหม้ทำให้พวกมันมองหาตัวข้ายาก

ข้าเกิดความกลัวขึ้นมาจนตัดสินใจไม่ได้

หากข้าทำตามคำสั่งอาหารชั้นสูง ข้าอาจวิวัฒนาการไม่ทัน

แต่ถ้าไม่ทำตาม ข้าต้องถูกอาหารชั้นสูงฆ่าทิ้งแน่

ในสภาพแบบนี้เลือกทำตามคำสั่งที่ให้กินอาหารขยะสองตัวนั้นคงจะดีกว่า

ข้ามองกลับไปยังอาหารขยะที่เป็นเป้าหมายอีกครั้ง

นี่ก็ผ่านมานานแล้ว มีอาหารวิ่งผ่านมันไปมากมาย แต่ไม่ว่าอาหารสัตว์จะกราบขอร้องหรือตะโกนจนสำลักเลือดออกมาแค่ไหน ก็ไม่มีอาหารแม้แต่ตัวเดียวจะสนใจพวกมัน

ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาช่วย งั้นข้าก็มีเวลาเหลือเฟือน่ะสิ

ข้าเปลี่ยนเส้นทางทันทีแล้วเริ่มไล่กินอาหารทุกอย่างที่หาได้

และหลังจากนั้นไม่นาน ข้าก็กินจนสามารถวิวัฒนาการได้

ความต้องการของข้านั้นแรงกล้า อยากแข็งแกร่งเหมือนอาหารชั้นสูงตัวนั้น

สติข้าหายไป ร่างกายทุกส่วนถูกบดย่อยเป็นของเหลวแล้วทำการสร้างขึ้นใหม่

*****

"มันต้องบาดเจ็บอยู่แน่ เพราะงั้นไม่ต้องกลัว!"

"นี่คือโอกาสที่จะได้เฉิดฉายของคนตัวเล็กอย่างพวกนาย!"

"ใครอยากมีประวัติเคยฆ่าอสูรติดตัวไปตลอดชีวิตก็รีบตามมา!"

"เกียรติยศ! เงินทอง! ชื่อเสียง! รอพวกแกอยู่!"

"สักวันพวกแกจะได้เล่าให้ลูกหลานฟังว่าเคยล่าอสูรมาแล้ว"

"ใครอยากดังจนกิลด์ใหญ่ต้องมาเชิญตัวก็ไปล่าด้วยกัน!"

"โอกาสเนื้อหอมในหมู่สาวๆ หนุ่มๆ มาแล้วนะเว้ย!"

"พวกเราหลายคนจะช่วยกันฆ่ามัน!"

"ใครอยากไปตามพวกเรามา!"

ระหว่างทางมีหลายคนพูดปลุกใจจนดึงดูดหลายคนเข้ามาร่วมด้วยกันเรื่อยๆ จนเป็นกลุ่มใหญ่

ซึ่งเป็นแผนของรองหัวหน้ากิลด์ [ผู้พิชิต] เธอทำการว่าจ้างพวกนักกวีกับพวกพูดปลุกใจเก่งจากแนวหลังหลายคน

มาช่วยขายฝันเพื่อระดมพวกแรงค์ต่ำไปเป็นแนวหน้าให้เยอะที่สุด

ต่อให้อสูรจะบาดเจ็บยังไงมันก็ยังเป็นอสูร ยังมีความอันตรายอยู่ดี

เพราะงั้นการเสียเงินเล็กน้อยเพื่อให้คนของกิลด์ตัวเองปลอดภัยจึงคุ้มค่านัก

พวก [แรงค์ F] กับ [แรงค์ E] จึงติดกับแล้วมารวมตัวกันยังกับแมลงวัน มีกระทั่งพวกสายซัพพอร์ตแต่หวังอยากดังตามมาด้วย

[แรงค์ D] ที่ยังไม่มีกิลด์ ส่วนใหญ่เลือกเข้าร่วมหมด มี [แรงค์ C] บ้างประปราย

[แรงค์ B] มีแค่คนของกิลด์ผู้พิชิตกับกิลด์พันธมิตรส่งมาช่วย นอกนั้นต้องไปช่วย [แรงค์ A]

ส่วน [แรงค์ A] นอกจากคนที่ไม่สามารถสู้ต่อได้กับไจเกียที่อยู่ใกล้อสูรที่สุดแต่ไม่สนใจ ก็ไม่มีใครว่างเลยสักคน

ลาสวินกับรองหัวหน้ากิลด์ [เวทกังวาน] ที่ฟื้นพลังได้ก็เริ่มสู้ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตัวเอง

เนื่องจากมอนสเตอร์ชั้นลึกลงไปออกมาไม่หยุด แต่ละชั้นก็ยิ่งทวีจำนวนกับความโหดร้ายป่าเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาแต่ละคนแค่จัดการมอนสเตอร์ในพื้นที่ที่พวกเขารับผิดชอบไม่ให้หลุดออกจากกำแพงกับเข้าไปในเมืองก็แทบไม่ว่างแล้ว

เรื่องอสูรพวกเขาส่วนใหญ่จึงต้องบอกปัดให้แรงค์ต่ำกว่านั้นช่วยจัดการ

เมื่อถึงพื้นที่ความเสียหาย พวกนักกวีกับพวกพูดปลุกใจก็ถอนตัวออกไป

"กระจายไปให้ทั่ว! เจอตัวอะไรแปลกๆ ฆ่าให้หมด!"

ทุกคนส่งเสียงเฮก่อนกระจายตัวกันออกไป

*****

คาลิก้า เนฮิว

เหตุการณ์ก่อนหน้า หลังกำแพงเมืองแตกจากการโจมตีของบอสนางเงือก

เมื่อวิ่งเต็มฝีเท้าไม่นานก็ถึงประตูเมือง

ประตูเมืองตอนนี้ปิดไปแล้ว ด้านหน้าประตูมีทหารยืนเรียงล้อมประตูเป็นครึ่งวงกลมถึงหลักพัน

พวกเขาตั้งกำแพงโล่กับหอกเตรียมพร้อมรับการโจมตีตลอดเวลา

เมื่อถึงแถวหลังสุดฉันก็เข้าไปคุยกับทหารคนนึง

"ขอโทษนะคะ ขอผ่านเข้าเมืองได้มั้ย"

ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน ทหารหลายคนที่ได้ยินเสียงต่างหันมามองฉัน

"ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ"

"ดาเนียค่ะ เอ๊ย... ดาเนียนั่นแหละค่ะ"

หทารทำหน้างงที่ฉันไม่แน่ใจชื่อตัวเอง ฉันคงรีบร้อนเกินไป รู้งี้น่าจะอ้างชื่อฟอร์ซิเทียซะก็ดี

"ขอทราบตระกูลด้วยครับ"

"ไม่มีค่ะ"

"เป็นประชาชนหรือนักผจญภัยครับ"

"นักผจญภัยค่ะ ฉันต้องรีบเข้าไปในสลัม ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหมคะ"

"ขอดูบัตรนักผจญภัยด้วยครับ"

ฉันทำเป็นค้นหารอบตัว

"น่าจะทำหายในดันเจี้ยนค่ะ"

ทหารต่างมองหน้ากันก่อนที่อีกคนจะพูดออกมา

"จริงๆ มีคำสั่งไม่ให้ใครเข้าออกแล้วครับ แต่เดี๋ยวจะลองไปถามหัวหน้าดูให้ครับ"

"ขอบคุณมากค่ะ ช่วยหน่อยนะคะ"

สำหรับฉันตอนนี้แม้แต่วินาทีเดียวก็ยาวนานเหมือน 1 วัน

ทหารน้ำแข็งครึ่งนึงที่ส่งไปพาเอลด้ากลับมาก็หายไปเลย ฉันจึงยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม

ผ่านไป 5 นาที ทหารคนนั้นถึงเดินกลับมา

"ท่านบอกว่า ถ้าไม่มีคำสั่งของอัศวินหรือบัตรนักผจญภัยยืนยันว่าเป็นคนของกิลด์ใหญ่หรือ [แรงค์ C] ขึ้นไป ก็ไม่สามารถให้ผ่านได้ครับ ถ้าอยากเข้าสลัมให้เข้าตรงนู้นแทนครับ"

แล้วทหารก็ชี้ไปที่สนามรบตรงที่กำแพงเมืองพัง

ตรงนั้นไม่ใช่แค่ไกล แต่ฉันต้องเสียเวลาฝ่าพวกมอนสเตอร์เข้าไปอีก

"แต่...!"

จังหวะที่จะเถียงกลับไป ประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมกับเสียงตะโกน

"ทุกหน่วยไปเสริมกำลังที่นอกกำแพงเมือง!"

"ย้ำคำสั่งท่านอัศวิน! ทุกหน่วยไปเสริมกำลังที่นอกกำแพงเมือง!"

เสียงคำสั่งมาจากชายผมสีเงิน หน้าตาดีที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองเหนือประตู เขาสวมชุดเกราะหรูหราต่างกับคนอื่นลิบลับ ก่อนที่ทหารส่วนตัวของเขาจะทวนคำสั่งเสียงดังอีกรอบ

"รับทราบคำสั่ง! ทุกหน่วยแปรขบวน! เสริมกำลังที่นอกกำแพงเมืองตามคำสั่งท่านอัศวิน!"

คำสั่งของอัศวินคนนั้นเพียงประโยคเดียว ทำให้หัวหน้ากองทหารต่างขานรับและรีบสั่งให้ทหารแปรขบวนแล้วเดินทัพทันที

ฉันจึงฉวยโอกาสวิ่งอ้อมแถวเพื่อรีบเข้าไปในประตู

แต่พอประตูเปิดออกจนสุดทหารจำนวนมหาศาลก็เดินทัพออกมาไม่หยุด จนไม่มีช่องว่างให้แทรกเข้าไป

"ขอโทษนะคะ ขอทางสักเล็กน้อยให้ฉันเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ"

มีคนมอง แต่ไม่มีใครหยุดให้ ฉันลองรวบรวมพลังดูแล้วมองที่ทางเข้าออกประตูเมืองอีกครั้ง

น่าจะไหว คงไหวแหละ

ฉันก้าวถอยหลังเพื่อสร้างระยะก่อนออกวิ่งเต็มฝีเท้า ทุกเท้าที่เหยียบลงไปจมลงไปในดิน ฝุ่นฟุ้งกระจาย

เสียงตึงตังทำให้ทหารแถวนั้นหันมามอง

จนใกล้จะชนกับทหารที่ออกมา ฉันก็ออกแรงถีบพื้นลอยข้ามหัวพวกทหารไปที่ประตูเมือง

เมื่อถึงประตูฉันก็ถีบเท้าใส่อีกครั้งจนพุ่งเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ

แต่พอเท้าฉันถึงพื้น ยังไม่ทันออกวิ่ง อัศวินผมสีเงินที่อยู่บนกำแพงคนนั้นก็ลอยตัวลงมาขวางทางหน้าฉันด้วยเวทลม

"หยุด จงบอกชื่อกับตระกูลของเธอมา"

แล้วทหารส่วนตัวของเขาก็ลอยตามลงมาล้อมรอบฉันกว่าสามสิบคน ทั้งหมดเป็นทหารหญิงที่ท่าทางดูแข็งแกร่ง