ความเสียหายกระจายไปทั่ว พื้นสนามรบพังพินาศ ชิ้นส่วนอวัยวะปลิวว่อน ละอองเลือดฟุ้งไปบนอากาศ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง เปลวเพลิงโหมไหม้ สะเก็ดไฟบินไปมาราวกับมีชีวิต หิมะละลายกลางอากาศ น้ำขังระเหยเป็นไอ อุณหภูมิร้อนสูงจนหายใจลำบาก มีเสียงโหยหวนขอความช่วยเหลือดังขึ้นไม่หยุด
สนามรบแถบนี้กลายเป็นนรกในพริบตา
*****
โวแคนตื่นตะลึงกับภาพสุดสายตาตรงหน้า ถ้าเป็นบอสมอนสเตอร์ในชั้นลึกๆ เขาพอเข้าใจได้
แต่ถ้าเป็นอสูรที่ได้รับรายงานว่าพึ่งค้นพบได้ไม่นานทำได้ถึงขนาดนี้มันก็อันตรายเกินไป
แบบนี้ไม่รูปแบบกลายพันธุ์ก็กระหาย ยิ่งปล่อยให้มันรอดได้นานมันจะยิ่งวิวัฒนาการไม่หยุด
อันตรายเกินไปที่จะปล่อยไว้ ในอนาคตสกิลดาวตกของข้าอาจเป็นแค่ลูกบอลเพลิงสำหรับมัน
อยากยิงซ้ำไปอีกสักสองสามลูกให้แน่ใจ แต่เพราะไม่รู้ว่ามีอัศวินอยู่ในพื้นที่ด้วยไหม
ถ้าอัศวินได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ถึงจะเป็น [แรงค์ A] ก็ต้องรับผิดชอบหนัก
ยังไม่อยากเป็นหมาที่อาณาจักรล่ามโซ่ไว้ใช้งานแบบชี้เป็นชี้ตาย
ข้าจึงหันไปสั่งลูกกิลด์แทน
"ระดมกำลังไปยังจุดที่ข้ายิงล่าสุด ขอกำลังเสริมตามทางไปด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องฆ่าอสูรปลาตัวนั้นให้ได้"
*****
อสูรปลาเกล็ดใบมีดพลังงาน
ครั้งนี้ตัวข้าได้รับความเสียหายหนักสุดเท่าที่เคยได้รับมา
เกล็ดรอบตัวฉีกขาดเสียหายไปเกินครึ่ง เลือดไหลท่วมตัว หัวไหล่ขวาฉีกขาดจนแขนห้อยต่องแต่ง หน้าซีกซ้ายไปจนถึงปากแหว่งหาย
หางทั้งสี่เหลือแค่หางเดียว เท้าขวาขาดจนถึงเข่า
ข้าจึงต้องคลานไปทั่วสนามรบเหมือนอาหารขยะสองตัวนั่น
ต้องกินเพื่อวิวัฒนาการ
ข้าไล่กินอาหารทุกตัวที่ข้าเห็น โดยใช้หางอันสุดท้ายช่วยจิ้มเศษชิ้นส่วนที่อยู่ไกลมือมาป้อนใส่ปาก
แม้แต่คราบเลือดที่ซึมลงไปแล้วข้าก็กำดินส่วนนั้นกลืนลงไป
ไม่เลือกกิน ไม่มีวันตาย
โชคดีอีกอย่างที่อาหารมันกรีดร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด ข้าจึงไม่ต้องเสียเวลาหาเอง
ครั้งนี้ข้าต้องกินเยอะกว่าครั้งก่อนหน้าหลายเท่าตัว เสียงในหัวเอาแต่พร่ำบอกว่ามันยังไม่พอ
เสียงโหยหวนในสนามรบค่อยๆ เงียบไป มีทั้งที่โดนข้ากินและกลัวข้าเจอตัวจนปิดปากเงียบและซ่อนตัว
ข้ามองไปยังตำแหน่งของเพื่อนต่างพันธุ์ ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นเหลือเพียงหลุมลึกกับเปลวเพลิงขนาดใหญ่
ไม่รอดสินะ อุตส่าห์ว่าจะชวนไปหาที่อยู่ในป่าใกล้ๆ กันหลังหนีออกไปได้
ข้าหันไปมองอีกตำแหน่งโดยแอบหวังเล็กน้อย แต่ก็ต้องผิดหวัง
เพราะเจ้าอาหารชั้นสูงตัวนั้นไร้รอยขีดข่วน มันเดินชิลอย่างไม่สะทกสะท้านผ่านเปลวเพลิงหน้าตาเฉย ที่มือขวาจิกหัวบอสอดีตเพื่อนลากไปแนวหลังกับมัน
ส่วนบอสอดีตเพื่อนอาการร่อแร่จนขัดขืนอะไรไม่ได้ บาดแผลสาหัสยิ่งกว่าข้าหลายเท่าตัว จากฝีมือของอาหารชั้นสูงกับเศษหินติดไฟ ยกเว้นแค่ใบหน้าที่เดียวที่ไม่เป็นอะไรเลย
แล้วข้าก็เสียวสันหลังไปทั้งตัว ความหวาดกลัวทำข้าหายใจไม่ออก เมื่ออาหารชั้นสูงตัวนั้นหยุดเดินแล้วหันมามองข้า
มันยกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังทิศทางนึง ข้ามองตามมือมันไปอย่างเชื่อฟัง
ตรงที่มันชี้ไปค่อนข้างไกล ตรงนั้นมีอาหารนอนกองกันมากมาย
แต่ที่อาหารชั้นสูงหมายถึงคงเป็นอาหารขยะสองตัว
ตัวนึงแน่นิ่งไม่ขยับ ส่วนอีกตัวเป็นอาหารสัตว์ที่เลือดท่วมตัว สภาพสาหัส กำลังพยายามตะโกนไม่หยุด แต่ไม่มีอาหารตัวไหนสนใจพวกมัน
กลับกันอาหารตัวอื่นรอบตัวมัน รวมทั้งอาหารน่ารำคาญที่ช่วยพาพวกอาหารขยะหนีไปจากข้า ถูกช่วยอย่างรวดเร็ว
ข้าหันกลับไปพยักหน้าไม่หยุดแล้วรีบคลานไปยังทิศนั้นทันที
คลานไปได้สักพักก็แอบเหลือบมองกลับไป อาหารชั้นสูงตัวนั้นไม่สนใจข้าแล้วลากหัวบอสอดีตเพื่อนต่อไปอย่างอารมณ์ดี
ข้าจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบคลานไปให้เร็วที่สุด แม้แต่ชิ้นส่วนอาหารที่ต้องอ้อมนิดหน่อยก็ไม่ไป
คลานไปได้สักพักข้าก็มองสำรวจสถานการณ์ในตอนนี้
ฝั่งอดีตเพื่อนเพราะแถวนี้อุณหภูมิร้อนสูงเกินไปจึงเลี่ยงอ้อมไปฆ่าพวกอาหารเส้นทางอื่น พวกอาหารจึงรับมือได้ง่ายขึ้น
แต่มีพวกอดีตเพื่อนจากชั้นลึกชั้นนึงกำลังฉีดพ่นน้ำใส่เพื่อสร้างพื้นที่ได้เปรียบอีกครั้ง
ส่วนพวกอาหารสายซัพพอร์ตเริ่มเข้าพื้นที่มาช่วยเหลือพวกของมัน ทั้งรักษากับเก็บกู้ซากร่างเท่าที่ทำได้ แต่พวกมันไม่สนใจพวกอาหารขยะแม้แต่ตัวเดียว ปล่อยให้พวกอาหารขยะเอาตัวรอดกันเอง
ข้าคลานไปอีกสักพัก ประสาทสัมผัสกับลางสังหรณ์ก็เตือนข้าว่ามีอาหารหลายตัวกำลังเพ่งเล็งมาที่ข้า
มันมาจากปลายทางอีกด้านหนึ่ง ตรงนั้นมีพวกอาหารกลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาในพื้นที่ พวกนี้เป็นอาหารชั้นกลางสายต่อสู้ มันควานหาบางอย่างไปทั่ว
ข้าโชคดีที่สายตามองได้ไกลกว่าและพื้นที่ตอนนี้มีแต่เปลวไฟลุกไหม้ทำให้พวกมันมองหาตัวข้ายาก
ข้าเกิดความกลัวขึ้นมาจนตัดสินใจไม่ได้
หากข้าทำตามคำสั่งอาหารชั้นสูง ข้าอาจวิวัฒนาการไม่ทัน
แต่ถ้าไม่ทำตาม ข้าต้องถูกอาหารชั้นสูงฆ่าทิ้งแน่
ในสภาพแบบนี้เลือกทำตามคำสั่งที่ให้กินอาหารขยะสองตัวนั้นคงจะดีกว่า
ข้ามองกลับไปยังอาหารขยะที่เป็นเป้าหมายอีกครั้ง
นี่ก็ผ่านมานานแล้ว มีอาหารวิ่งผ่านมันไปมากมาย แต่ไม่ว่าอาหารสัตว์จะกราบขอร้องหรือตะโกนจนสำลักเลือดออกมาแค่ไหน ก็ไม่มีอาหารแม้แต่ตัวเดียวจะสนใจพวกมัน
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาช่วย งั้นข้าก็มีเวลาเหลือเฟือน่ะสิ
ข้าเปลี่ยนเส้นทางทันทีแล้วเริ่มไล่กินอาหารทุกอย่างที่หาได้
และหลังจากนั้นไม่นาน ข้าก็กินจนสามารถวิวัฒนาการได้
ความต้องการของข้านั้นแรงกล้า อยากแข็งแกร่งเหมือนอาหารชั้นสูงตัวนั้น
สติข้าหายไป ร่างกายทุกส่วนถูกบดย่อยเป็นของเหลวแล้วทำการสร้างขึ้นใหม่
*****
"มันต้องบาดเจ็บอยู่แน่ เพราะงั้นไม่ต้องกลัว!"
"นี่คือโอกาสที่จะได้เฉิดฉายของคนตัวเล็กอย่างพวกนาย!"
"ใครอยากมีประวัติเคยฆ่าอสูรติดตัวไปตลอดชีวิตก็รีบตามมา!"
"เกียรติยศ! เงินทอง! ชื่อเสียง! รอพวกแกอยู่!"
"สักวันพวกแกจะได้เล่าให้ลูกหลานฟังว่าเคยล่าอสูรมาแล้ว"
"ใครอยากดังจนกิลด์ใหญ่ต้องมาเชิญตัวก็ไปล่าด้วยกัน!"
"โอกาสเนื้อหอมในหมู่สาวๆ หนุ่มๆ มาแล้วนะเว้ย!"
"พวกเราหลายคนจะช่วยกันฆ่ามัน!"
"ใครอยากไปตามพวกเรามา!"
ระหว่างทางมีหลายคนพูดปลุกใจจนดึงดูดหลายคนเข้ามาร่วมด้วยกันเรื่อยๆ จนเป็นกลุ่มใหญ่
ซึ่งเป็นแผนของรองหัวหน้ากิลด์ [ผู้พิชิต] เธอทำการว่าจ้างพวกนักกวีกับพวกพูดปลุกใจเก่งจากแนวหลังหลายคน
มาช่วยขายฝันเพื่อระดมพวกแรงค์ต่ำไปเป็นแนวหน้าให้เยอะที่สุด
ต่อให้อสูรจะบาดเจ็บยังไงมันก็ยังเป็นอสูร ยังมีความอันตรายอยู่ดี
เพราะงั้นการเสียเงินเล็กน้อยเพื่อให้คนของกิลด์ตัวเองปลอดภัยจึงคุ้มค่านัก
พวก [แรงค์ F] กับ [แรงค์ E] จึงติดกับแล้วมารวมตัวกันยังกับแมลงวัน มีกระทั่งพวกสายซัพพอร์ตแต่หวังอยากดังตามมาด้วย
[แรงค์ D] ที่ยังไม่มีกิลด์ ส่วนใหญ่เลือกเข้าร่วมหมด มี [แรงค์ C] บ้างประปราย
[แรงค์ B] มีแค่คนของกิลด์ผู้พิชิตกับกิลด์พันธมิตรส่งมาช่วย นอกนั้นต้องไปช่วย [แรงค์ A]
ส่วน [แรงค์ A] นอกจากคนที่ไม่สามารถสู้ต่อได้กับไจเกียที่อยู่ใกล้อสูรที่สุดแต่ไม่สนใจ ก็ไม่มีใครว่างเลยสักคน
ลาสวินกับรองหัวหน้ากิลด์ [เวทกังวาน] ที่ฟื้นพลังได้ก็เริ่มสู้ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตัวเอง
เนื่องจากมอนสเตอร์ชั้นลึกลงไปออกมาไม่หยุด แต่ละชั้นก็ยิ่งทวีจำนวนกับความโหดร้ายป่าเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาแต่ละคนแค่จัดการมอนสเตอร์ในพื้นที่ที่พวกเขารับผิดชอบไม่ให้หลุดออกจากกำแพงกับเข้าไปในเมืองก็แทบไม่ว่างแล้ว
เรื่องอสูรพวกเขาส่วนใหญ่จึงต้องบอกปัดให้แรงค์ต่ำกว่านั้นช่วยจัดการ
เมื่อถึงพื้นที่ความเสียหาย พวกนักกวีกับพวกพูดปลุกใจก็ถอนตัวออกไป
"กระจายไปให้ทั่ว! เจอตัวอะไรแปลกๆ ฆ่าให้หมด!"
ทุกคนส่งเสียงเฮก่อนกระจายตัวกันออกไป
*****
คาลิก้า เนฮิว
เหตุการณ์ก่อนหน้า หลังกำแพงเมืองแตกจากการโจมตีของบอสนางเงือก
เมื่อวิ่งเต็มฝีเท้าไม่นานก็ถึงประตูเมือง
ประตูเมืองตอนนี้ปิดไปแล้ว ด้านหน้าประตูมีทหารยืนเรียงล้อมประตูเป็นครึ่งวงกลมถึงหลักพัน
พวกเขาตั้งกำแพงโล่กับหอกเตรียมพร้อมรับการโจมตีตลอดเวลา
เมื่อถึงแถวหลังสุดฉันก็เข้าไปคุยกับทหารคนนึง
"ขอโทษนะคะ ขอผ่านเข้าเมืองได้มั้ย"
ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน ทหารหลายคนที่ได้ยินเสียงต่างหันมามองฉัน
"ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ"
"ดาเนียค่ะ เอ๊ย... ดาเนียนั่นแหละค่ะ"
หทารทำหน้างงที่ฉันไม่แน่ใจชื่อตัวเอง ฉันคงรีบร้อนเกินไป รู้งี้น่าจะอ้างชื่อฟอร์ซิเทียซะก็ดี
"ขอทราบตระกูลด้วยครับ"
"ไม่มีค่ะ"
"เป็นประชาชนหรือนักผจญภัยครับ"
"นักผจญภัยค่ะ ฉันต้องรีบเข้าไปในสลัม ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหมคะ"
"ขอดูบัตรนักผจญภัยด้วยครับ"
ฉันทำเป็นค้นหารอบตัว
"น่าจะทำหายในดันเจี้ยนค่ะ"
ทหารต่างมองหน้ากันก่อนที่อีกคนจะพูดออกมา
"จริงๆ มีคำสั่งไม่ให้ใครเข้าออกแล้วครับ แต่เดี๋ยวจะลองไปถามหัวหน้าดูให้ครับ"
"ขอบคุณมากค่ะ ช่วยหน่อยนะคะ"
สำหรับฉันตอนนี้แม้แต่วินาทีเดียวก็ยาวนานเหมือน 1 วัน
ทหารน้ำแข็งครึ่งนึงที่ส่งไปพาเอลด้ากลับมาก็หายไปเลย ฉันจึงยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม
ผ่านไป 5 นาที ทหารคนนั้นถึงเดินกลับมา
"ท่านบอกว่า ถ้าไม่มีคำสั่งของอัศวินหรือบัตรนักผจญภัยยืนยันว่าเป็นคนของกิลด์ใหญ่หรือ [แรงค์ C] ขึ้นไป ก็ไม่สามารถให้ผ่านได้ครับ ถ้าอยากเข้าสลัมให้เข้าตรงนู้นแทนครับ"
แล้วทหารก็ชี้ไปที่สนามรบตรงที่กำแพงเมืองพัง
ตรงนั้นไม่ใช่แค่ไกล แต่ฉันต้องเสียเวลาฝ่าพวกมอนสเตอร์เข้าไปอีก
"แต่...!"
จังหวะที่จะเถียงกลับไป ประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมกับเสียงตะโกน
"ทุกหน่วยไปเสริมกำลังที่นอกกำแพงเมือง!"
"ย้ำคำสั่งท่านอัศวิน! ทุกหน่วยไปเสริมกำลังที่นอกกำแพงเมือง!"
เสียงคำสั่งมาจากชายผมสีเงิน หน้าตาดีที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองเหนือประตู เขาสวมชุดเกราะหรูหราต่างกับคนอื่นลิบลับ ก่อนที่ทหารส่วนตัวของเขาจะทวนคำสั่งเสียงดังอีกรอบ
"รับทราบคำสั่ง! ทุกหน่วยแปรขบวน! เสริมกำลังที่นอกกำแพงเมืองตามคำสั่งท่านอัศวิน!"
คำสั่งของอัศวินคนนั้นเพียงประโยคเดียว ทำให้หัวหน้ากองทหารต่างขานรับและรีบสั่งให้ทหารแปรขบวนแล้วเดินทัพทันที
ฉันจึงฉวยโอกาสวิ่งอ้อมแถวเพื่อรีบเข้าไปในประตู
แต่พอประตูเปิดออกจนสุดทหารจำนวนมหาศาลก็เดินทัพออกมาไม่หยุด จนไม่มีช่องว่างให้แทรกเข้าไป
"ขอโทษนะคะ ขอทางสักเล็กน้อยให้ฉันเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ"
มีคนมอง แต่ไม่มีใครหยุดให้ ฉันลองรวบรวมพลังดูแล้วมองที่ทางเข้าออกประตูเมืองอีกครั้ง
น่าจะไหว คงไหวแหละ
ฉันก้าวถอยหลังเพื่อสร้างระยะก่อนออกวิ่งเต็มฝีเท้า ทุกเท้าที่เหยียบลงไปจมลงไปในดิน ฝุ่นฟุ้งกระจาย
เสียงตึงตังทำให้ทหารแถวนั้นหันมามอง
จนใกล้จะชนกับทหารที่ออกมา ฉันก็ออกแรงถีบพื้นลอยข้ามหัวพวกทหารไปที่ประตูเมือง
เมื่อถึงประตูฉันก็ถีบเท้าใส่อีกครั้งจนพุ่งเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ
แต่พอเท้าฉันถึงพื้น ยังไม่ทันออกวิ่ง อัศวินผมสีเงินที่อยู่บนกำแพงคนนั้นก็ลอยตัวลงมาขวางทางหน้าฉันด้วยเวทลม
"หยุด จงบอกชื่อกับตระกูลของเธอมา"
แล้วทหารส่วนตัวของเขาก็ลอยตามลงมาล้อมรอบฉันกว่าสามสิบคน ทั้งหมดเป็นทหารหญิงที่ท่าทางดูแข็งแกร่ง