ลาสวินฝืนเค้นพลังใช้สกิลลมสีดำกระแทกฮีลเลอร์ กับ เอลด้าขึ้นไปบนฟ้า
ส่วนตัวเธอก็ระเบิดลมสีดำดีดตัวออกไปด้านข้างได้ทันแบบเฉียดฉิว
แต่ตอนที่กุ้งแดงเดือดผ่านตัวเธอไป มันกลับตวัดฟางฟาดใส่ลาสวินปลิวไปกระแทกกับกลุ่มนักผจญภัยจนบาดเจ็บกันระนาว
ลาสวินส่ายหน้าเรียกสติแล้วสร้างลมดำขึ้นไปรับฮีลเลอร์ไว้ เพื่อให้ตกช้าลง แต่พอถึงตาของเอลด้าลมดำกับไม่ออกมา
เพราะพลังเวทเธอหมดแล้ว
ลาสวินจึงต้องรีบวิ่งทั้งที่ยังบาดเจ็บไปยังจุดที่เอลด้าตกลงมา
ในไม่กี่วินาทีก่อนหัวจะกระแทกพื้น ลาสวินก็เข้าโผกอดเอลด้าไว้แน่นแล้วพลิกตัวใช้หลังตัวเองลงกระแทกกับพื้นแทน
"อั่ก! แฮ่ก ๆ ๆ ทัน... พอดี..."
ลาสวินทั้งเจ็บและเหนื่อยจนแทบอยากจะหลับมันซะตรงนี้ แต่ก็ต้องแข็งใจลุกขึ้น เพราะมอนสเตอร์ลูกน้องของบอสกุ้งแดงเดือด กำลังแห่ตามนายของมันออกมาจากดันเจี้ยน
*****
เมื่อไม่มีใครขวางมันก็พุ่งซิกแซกหลบพวกตัวอันตรายที่สามารถฆ่าหรือหยุดมันได้ จนไปถึงแนวหลังสุดของนักผจญภัยได้สำเร็จ
โดยเส้นทางที่มันผ่านมีแต่ซากศพกับเลือดเป็นทางยาว มีนักผจญภัยเสียชีวิตเกือบหลักพัน
ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติดี กุ้งแดงเดือดก็เปิดเกราะหลังของมันออกแล้วยิงกุ้งหนามขึ้นไปบนฟ้ากว่า 50 ตัวแล้วปิดเกราะทันที
พวกกุ้งหนามที่ถูกยิงขึ้นไปทันทีที่ลืมตา มันก็ยิงหนามไปทั่วสนามรบ แนวหลังที่มีแต่คนงาน คนบาดเจ็บ หมอ ฮีลเลอร์และซัพพอร์ตที่ไม่ถนัดการต่อสู้ ติดอัมพาตกันคนแล้วคนเล่า
หลังยิงหนามเสร็จพวกกุ้งหนามที่ตกลงมาถึงพื้นก็เริ่มดีดตัวกระจายออกไปทุกทิศทาง
คนติดพิษอัมพาตจึงเริ่มมีจำนวนมากเกินกว่าที่ฮีลเลอร์หรือยาถอนพิษจะรับมือได้ทัน
การซัพพอตจากแนวหลังไม่ว่าจะเป็น เสบียง ยารักษา อาวุธ ข้อมูล กำลังคน จึงหยุดชะงักทันที เดือดร้อนฮีลเลอร์กับนักผจญภัยสายซัพจากกลางทัพต้องถอยร่นมาช่วยอย่างเร่งด่วน
*****
เพราะพื้นที่ไม่มีน้ำ กุ้งแดงเดือดจึงไม่สามารถพุ่งตัวได้อีก มันไม่เลือกที่จะกลับเข้าเขตน้ำขัง แต่เลือกที่จะเดินเข้าเขตเมืองชั้นนอก
ระหว่างทางมันใช้สองมือที่แหลมเหมือนหอกเล่มยักษ์ทิ่มแทงฆ่าทุกสิ่งและทำลายทุกอย่างที่ขวางเส้นทางมัน พลางปล่อยกุ้งหนามออกมาเป็นระยะ
โชคดีที่ชาวบ้านอพยพไปหมดแล้ว จึงมีแต่บ้านเรือนที่เสียหาย
อัศวินที่คุมกำแพงเมืองชั้นใน จึงรีบสั่งเปิดประตูเมืองแล้วส่งทหารจากเมืองชั้นในไปกำจัดมัน
*****
นักผจญภัยบางส่วนได้รับคำสั่งให้ถอยกลับไปจัดการกุ้งแดงเดือดก็ต้องหยุดชะงักเพราะพื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด
เมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นฝูงปูตัวเท่าบ้านจำนวนมหาศาลวิ่งเข้ากรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
พวกมันคือลูกน้องของกุ้งแดงเดือดในชั้น 10
เส้นทางที่พวกฝูงปูวิ่งผ่านต่างราบเป็นหน้ากลอง
นักผจญภัยต่างมองหัวหน้ากิลด์ตัวเองว่าจะเอายังไงดี
แนวหลังก็ต้องไปช่วย แนวหน้าก็ต้องสู้
"ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!!!"
เสียงคำรามดังลั่นจนทุกคนได้สติ
"ตั้งกำแพงโล่ซะ!!! ฆ่าพวกมันให้หมด!!! แนวหลังข้าจัดการเอง!!!"
ทุกคนจึงตะโกนขานรับคำสั่งของไจเกียทันที
ส่วนไจเกียอุ้มเรเชลแล้ววิ่งไปถึงแนวหลังด้วยความเร็วเดียวกับกุ้งแดงเดือด
เมื่อถึงแนวหลัง ไจเกียใช้มือปิดหูให้เรเชลแล้วใช้สกิลคำรามออกมา ด้วยลดความรุนแรงของสกิลคำรามลง แต่ขนาดลดแล้วทั้งกุ้งหนามและนักผจญภัยที่โดนสกิลคำรามเข้าไปต่างหวาดกลัวจนช็อกหมดสติล้มลงไปตามๆ กัน
ส่วนพวกที่ทนไหวบางคนยังกลัวจนฉี่ราด
มีโรจาคนเดียวที่แกล้งหมดสติ
ไจเกียอุ้มเรเชลอีกครั้งแล้วกระโดดไปขวางทัพทหารที่อัศวินเมืองชั้นนอกส่งมาปราบกุ้งแดงเดือด พร้อมกับชี้ไปที่แนวหลังของนักผจญภัย
"ไปช่วยแนวหลังซะ!!! บอสตัวนี้ข้าจัดการเอง!!!"
สั่งเสร็จเธอก็ให้เรเชลเกาะหลังแล้วทำการเปลี่ยนร่างแขนกับขาของตัวเองเป็นของเสือโคร่งขนาดใหญ่แล้วไล่ตามกุ้งแดงเดือดไป
*****
แนวหน้าสลัม ฝั่งทหาร
กว่าจะจัดการพวกมอนสเตอร์หมดและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ทหารก็เสียชีวิตไปแล้วเกินครึ่งหมื่น ไม่มีปลาดาวเหลือรอดแล้วบนกำแพง
มีคำสั่งให้ถอยทัพให้พ้นเขตน้ำขังและทำการเคลียร์ขยะปล่อยให้น้ำไหลไปที่คลอง แต่ก็เกิดปัญหาน้ำระบายช้าเพราะคลองตันจากขยะสะสม จนปล่อยปัญหานี้ทิ้งไปก่อน
มีคำสั่งให้นักเวททั้งหมดที่มีขึ้นไปบนกำแพงเพื่อยิงถล่มใส่มอนสเตอร์ปู ก่อนขอกำลังเสริมมาเติมแนวหน้าเพิ่ม
อัศวินในเต็นท์บัญชาการเกิดความเครียดหนักจากคำสั่งที่ผิดพลาด
เขาตัดสินใจส่งต่ออำนาจบัญชาการให้อัศวินคนอื่น แล้วหยิบดาบเดินเข้าแนวหน้าให้มอนสเตอร์ฆ่าตายในสนามรบ เพื่อไม่ให้ครอบครัวถูกสั่งประหาร
*****
บนกำแพงเมืองทั้งสองฝั่ง
ลูกธนูไม่สามารถทำอะไรพวกปูได้แม้แต่น้อย
เดิมทีกระดองของมันก็หนามากอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีเพรียงเกาะอยู่เต็มไปหมด ทำให้การป้องกันมันแข็งแกร่งจนลูกธนูกระเด้งออกทุกครั้งที่ยิงลงไป
แม้จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นราดน้ำมันแล้วยิงธนูไฟ แต่เพรียงบนพลังก็ปล่อยน้ำออกมาดับจนแผนพังในพริบตา
ธนูหัวระเบิดอยู่ระหว่างการขนส่ง แต่จากการคาดการณ์น่าจะสิ้นเปลืองมากกว่าจะทำลายเพรียงและเจาะเปลือกเข้าไป จึงไม่ให้ใช้
พวกเขาจึงต้องให้นักเวททั้งหมดระดมยิงเวทลงพื้นเพื่อสร้างแรงระเบิดใส่ใต้ท้องมันและก็ได้ผล
แต่ด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาล ทำให้ดูเหมือนพวกมันไม่ลดลงเลยสักตัว
นักเวทจึงเริ่มหมดพลังไปทีละคน
*****
รองหัวหน้ากิลด์ [เวทกังวาน] ใช้พลังเวททั้งหมดสร้างเสาเถาวัลย์ขึ้นมาจากกำแพงฝั่งนึงไปถึงอีกฝั่งนึง โดยสร้างทั้งหมด 30 แถว แต่ละแถววางตำแหน่งแบบสลับฟันปลา
เสาเถาวัลย์แต่ละต้นมีความสูงครึ่งนึงของกำแพงเมือง
"ฉันต้อง... พักแล้ว..."
รองหัวหน้ากิลด์เอนหลังให้ลูกน้องช่วยประคองด้วยความอ่อนเพลียจนรู้สึกง่วง
*****
เมื่อเข้าระยะโจมตี เสาเถาวัลย์แถวหน้าสุดก็ทิ้งตัวลงฟาดอย่างรุนแรง พวกปูถึงกับเละเป็นซากติดพื้นในการฟาดเพียงครั้งเดียว
เมื่อเสาแถวแรกที่ฟาดลงไปกำลังยกตัวขึ้น แถวสองก็จะฟาดลงมา
เสียงทุบพื้นหนักๆ พร้อมกับเหล่าปูที่โดนบี้เละดังขึ้นเป็นจังหวะ เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากทหารบนกำแพงกับนักผจญภัย
ถึงจะโจมตีได้หนักและสลับกันโจมตี แต่พวกปูที่วิ่งใส่ไม่หยุดก็เข้าถึงแถวเสาเถาวัลย์ต้นแรกได้ พวกมันใช้ส่วนแหลมของก้ามฟันเฉือนไม่ก็ทิ่มแทงใส่เสาเถาวัลย์ตัวละครั้งสองครั้งแล้ววิ่งต่อไปข้างหน้าไม่หยุด
ถึงจะโดนเสาเถาวัลย์แถวหลังฟาดตายจนไม่มีตัวไหนหลุดไปได้
แต่ไม่นานเสาเถาวัลย์แถวแรกก็พังครืนหลังจากโดนตอดฐานไม่หยุดจนขาด
แต่ฝั่งมนุษย์ก็ยังยิ้มออกเพราะเสาเถาวัลย์ยังเหลือตั้ง 20 กว่าแถว พวกปูฝ่ามาไม่ได้แน่ๆ
หลังปูตัวสุดท้ายออกจากดันเจี้ยนพวกเขาก็เตรียมเฮ แต่แล้วมอนสเตอร์ชั้น 11 ก็ออกตามมาติดๆ
พวกมันเป็นเต่าที่ตัวใหญ่กว่าปูหลายเท่า แถมยังวิ่งเร็วเหมือนกับแรด
พวกมันวิ่งจนได้ระยะที่เร็วที่สุดแล้วกระโดดขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับหุบแขนขาและหัวเข้ากระดอง
และก่อนที่ร่างมันจะตกถึงพื้น มันก็ถีบแขนขาใส่พื้นอย่างรุนแรงแล้วเก็บแขนขากลับเข้ากระดองอีกครั้ง
แรงกระแทกมหาศาลส่งพวกมันลอยข้ามเสาเถาวัลย์ได้อย่างง่ายดาย จนทุกคนอ้าปากค้างและตะโกนคล้ายๆ กันว่า
"บ้าไปแล้วววววววววว!"
นักผจญภัย [แรงค์ A] ที่เหลือ นอกจากเลร่าที่เสียชีวิต ไจเกียไปแนวหลัง ลาสวินหมดพลังสู้ต่อ รองหัวหน้ากิลด์ [เวทกังวาน] พักฟื้นพลัง รวม 3 คนต่างขึ้นหน้าไปโจมตี
โวแคน จูเจอร์ นักผจญภัย [แรงค์ A] อาชีพ จอมเวท เจ้าของฉายา ทำลายล้าง หัวหน้ากิลด์ [ดวงดาว]
เป็นคนเปิดฉากโจมตีด้วยสกิลฝนดาวตก เป็นท่าวงกว้างที่สร้างก้อนหินติดไฟขนาดเท่ารถยนต์ยิงถล่มพวกเต่าจนเละไม่เหลือซาก
ในความจริงเขาสามารถยิงถล่มสร้างความเสียหายแบบสุ่มไปทั้งสนามรบหรือสร้างลูกใหญ่กวาดทิ้งทั้งสลัมก็ยังได้
แต่เพราะพวกมอนสเตอร์ยังออกมาไม่หมด เขาจึงอยากเก็บเสาเถาวัลย์เอาไว้ชะลอพวกมอนสเตอร์หลังจากนี้ จะได้มีเวลาพักฟื้นพลังไปในตัว
ฝนดาวตกทำให้พื้นเป็นหลุมขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนและสูบน้ำขังลงไปในหลุม ทำให้พื้นที่ได้เปรียบของพวกมันลดลง
ฝั่งทหารที่ตอนนี้ถอยร่นจนอยู่แนวเดียวกับนักผจญภัยและ เลือกที่จะเดินทัพไปพร้อมกันกับฝั่งนักผจญภัย
ทุกคนต่างฮึกเหิมและดีใจที่โวแคนอยู่ฝั่งเดียวกัน หากเป็นศัตรูคงน่ากลัวมาก
ไม่นานฝนดาวตกที่ถล่มใส่อย่างต่อเนื่องจนฆ่าพวกเต่าได้เกินครึ่งก็หยุดไป เพราะโวแคนพลังใกล้หมด ลูกกิลด์จึงพากลับกิลด์ตัวเองไปพักฟื้นพลัง
พวกเต่าที่เหลือจึงลอยตัวข้ามมาได้ เมื่อตกกระแทกพื้นแทนที่มันจะหยุด พวกมันกลับกลิ้งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
[แรงค์ A] สองคนที่เหลือจึงตกลงคุ้มกัน กันคนละฝั่ง
ฝั่งทหารมี ทีนอย นักผจญภัย [แรงค์ A] เจ้าของฉายา ไร้ระยะ หัวหน้ากิลด์ [บวก]
ทีนอยกำมีดเล่มเล็กจิ๋วเท่าเล็บออกมาจากกระเป๋าเต็มกำมือแล้วปาออกไป โดยให้นักเวทธาตุลมลูกกิลด์ของตัวเองใช้เวทลมพัดมันกระจายออกไปปักดักหน้าพวกมัน
เมื่อเขาเปิดใช้สกิล มีดเล่มเล็กก็ปกคลุมด้วยออร่าพลังเวทสีเหลืองอร่าม ก่อนจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัวเต่าในพริบตา
เต่าที่กลิ้งชนล้วนตัวขาดเป็นสองซีก
ส่วนเต่าที่หลบหลีกรอดมาได้ ทีนอยก็ใช้พลังกับดาบของตัวเองยืดความยาวของตัวดาบออกไปหลายกิโลเมตร
เมื่อฟันออกไป มันก็ตัดทุกสิ่งที่ระยะดาบไปถึงขาดในพริบตา แม้แต่กระดองแข็งที่นักเวทระดับกลางบางคนยังทำความเสียหายไม่ได้ก็ขาดราวกับหั่นเนย
ส่วนฝั่งนักผจญภัยมี มิวมิน นักผจญภัย [แรงค์ A] เจ้าของฉายา อสูรก้มกราบ หัวหน้ากิลด์ [ผู้พิชิต]
เธอเปิดใช้สกิลแล้วยกมือขึ้นทำท่าหยุด เต่าทุกตัวที่กลิ้งเข้ามาอย่างน่ากลัวจนฝุ่นตลบ ต่างชนเข้ากับกำแพงล่องหนอย่างรุนแรงจนกระดองถึงกับแตกร้าว
พวกมันยังไม่ทันตั้งตัว เพื่อนที่กลิ้งตามมาทีหลังก็ชนอัดพวกมันเข้ากับกำแพง
หลังโดนชนทับกันเป็นทอดๆ ตัวหน้าสุดก็ถูกอัดเละเป็นซาก
เธอยืนหาวปล่อยพวกมันฆ่ากันเองสักพักถึงหยุดสกิลเพราะซากศพที่ทับถมกันเยอะจะกลายเป็นเบาะให้พวกตัวหลัง
เธอจึงรอให้พวกมันชนซากเพื่อนออกมา แล้วเปิดใช้งานใหม่อีกครั้ง
ส่วนสาเหตุที่มิวมินไม่ได้ใช้สกิลหยุดกุ้งแดงเดือด เธออ้างกับทุกคนว่าตอบสนองไม่ทัน
ส่วนความเป็นจริงเพราะกิลด์เธอเป็นพันธมิตรกับกิลด์ไจเกีย ไจเกียได้ฝากคนส่งข้อความมาแล้วว่าไม่ต้องจัดการบอสตัวนั้น
มิวมินเลยปล่อยผ่านแลกกับค่าตอบแทนเป็นดันเจี้ยนฟาร์ม 10 แห่งของไจเกีย
*****
ใช้เวลาไม่นานไจเกียก็กระโดดขึ้นเหยียบหลังกุ้งแดงเดือด
มันพยายามจะสะบัดเธอออก แต่ไจเกียใช้กรงเล็บเจาะเข้าไปในเปลือกแล้วงัดเปิดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย
กุ้งแดงเดือดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันเร่งการผลิตกุ้งหนามเพื่อยิงใส่ไจเกีย
ส่วนไจเกียแค่ง้างหมัดต่อยลงไปกลางหลัง แค่หมัดเดียวอวัยวะภายในทั้งหมดก็เละเป็นของเหลวแล้วไหลทะลักออกมาตามช่องว่างของร่างกาย
กุ้งแดงเดือดจึงตายในการโจมตีเดียว
หลังให้เรเชลใช้เวททำความสะอาดด้านใน ไจเกียก็ให้เรเชลเข้าไปซ่อนแล้วปิดเปลือกอีกครั้ง ก่อนกระโดดกลับไปแนวหน้า
ระหว่างทางไจเกียแจ้งกับทหารว่าเธอบาดเจ็บสาหัสอาจจะไม่รอดชีวิต เลยทิ้งเธอไว้ในตัวกุ้งแดงเดือดเพื่อไม่ให้เป็นภาระ
เพื่อไม่ให้เรเชลโดนโทษขัดกฎอัยการศึก
เรเชลรู้ว่าไจเกียทำแบบนี้เพื่อปกป้องเธอ
ไจเกียน่าจะคาดการณ์แล้วว่าในสนามรบอันตรายเกินไป ประจวบกับบอสมอนสเตอร์โผล่ออกมา
เธอจึงเลือกปล่อยให้มันผ่านไป ทั้งที่สามารถเข้าไปฆ่ามันทิ้งก่อนถึงแนวหน้านักผจญภัยได้ด้วยซ้ำ
ส่วน [แรงค์ A] คนอื่นการโจมตีกว้างเกินไปจึงได้แต่ปล่อยผ่าน
มี [แรงค์ A] คนนึงที่หยุดได้แน่ๆ แต่ไจเกียก็ให้คนส่งข้อความไปบอกไม่ให้ทำพร้อมกับยกบางอย่างที่ทำให้มิวมินยอมตกลง
ส่วนทำไมถึงพาเรเชลมาอยู่ในตัวมอนสเตอร์ เพราะมอนสเตอร์จะไม่ยุ่งกับซากพวกเดียวกันเอง
หากหยุดยั้งมอนสเตอร์ไว้ไม่ได้ เรเชลที่อยู่ในซากบอสมอนสเตอร์ก็จะปลอดภัยที่สุด
และมีอีกเรื่องที่ทำให้เรเชลโกรธแค้นไจเกียมาก
ไจเกียรู้นานแล้วว่าน้องสาวคาลิก้าโดนคนของกิลด์ [หมีคลั่ง] จับไปทรมานจากคนที่มาส่งข่าวคนนึง
แต่ไจเกียก็ไม่คิดเข้าไปช่วยแม้แต่น้อยเพราะจงใจปล่อยให้เด็กคนนั้นตาย
เรเชลรู้ดีว่า มันเป็นแผนซื้อใจคาลิก้า
หากถูกคนฆ่า ไจเกียจะทำเป็นอาสาไปลากตัวคนทำมาให้คาลิก้าตัดสินลงโทษ
หากถูกมอนสเตอร์ฆ่าไจเกียก็จะไปล่าพวกมันมากองตรงหน้าเธอหรือพาเธอไปฆ่าพวกมันเองกับมือ
จนคาลิก้าพอใจและจมอยู่ความเศร้า ไจเกียก็จะเข้าไปปลอบ ก่อนชักชวนให้เข้ามาอยู่ในกิลด์
โดยใช้จุดอ่อนเรื่องพี่สาว บอกคาลิก้าไปว่าพอมีทางหาอีลิกเซอร์มาให้ได้
แค่นี้คาลิก้าก็กลายเป็นของเล่นรอวันพังโดยไม่มีโอกาสเห็นพี่สาวฟื้นขึ้นมาได้อีกเลย
พอเรเชลจะทำท่าขอร้องให้ไปช่วย ไจเกียก็ส่งสายข่มขู่ทันที
การข่มขู่ที่บอกเป็นนัยว่าหากยังขอร้องอีก ไจเกียจะลงมือฆ่าเด็กคนนั้นอย่างโหดเหี้ยมแล้วค่อยหาแพะมารับแทน
เรเชลจึงได้แต่ร้องไห้สมเพชในความอ่อนแอของตัวเองที่ไม่มีความกล้าต่อต้านหรือหนีไปจากไจเกีย