webnovel

ONMYOJI องเมียวจิ

แนะนำตัวละคร อวี้ อันฉี (อัลฟ่า) (184 ซม. / 74 กก.) นักเรียนแลกเปลี่ยนจากจีนที่ต้องมาอาศัยอยู่กับตระกูลอาคาวะ ถูกคุณปู่ (อาคาวะคนปู่บังคับให้เรียกเพื่อความสนิทสนม) ฝากฝังให้ต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ชิโนบุ และ แบล็ก อาคาวะ ชิโนบุ (182 ซม. / 67 กก.) ทายาทตระกูลอาคาวะที่มีชื่อเสียงเป็นตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ในเกียวโต เพราะชีวิตผูกพันอยู่กับเรื่องภูตผีมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่ค่อยจะกลัวอะไรเหมือนคนอื่นเขาสักเท่าไร อาคาวะ แบล็ก (179 ซม. / 72 กก.) เด็กหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีที่ตัวติดกับชิโนบุตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ยังยิ้มได้ ยกเว้นเวลาที่โกรธมากจริง ๆ เจ้าตัวมักจะคอยอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้อัลฟ่าฟังอยู่เสมอ

LyLyAiAi · LGBT+
Not enough ratings
34 Chs

07 - นูราริเฮียง

- นูราริเฮียง -

"ชิโนบุ แบล็ก มาอยู่ด้วยกันไหม"

คำชวนที่ได้รับทำให้เจ้าของชื่อทั้งสองคนที่กำลังกวาดมองไปรอบห้อง เลื่อนสายตากลับมายังเจ้าของเสียงในทันที แบล็กส่งยิ้มไปให้บาง ๆ ขณะที่ชิโนบุกระพริบตาปริบ ๆ อยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะตอบกลับไปโดยไม่จำเป็นต้องหันมาปรึกษากันเลยแม้แต่น้อย

"อือ"

"เอาสิ พวกฉันอยู่ด้วย"

คำตอบรับที่ได้มาจากชิโนบุและแบล็กทำให้คิระชิมะส่งยิ้มกว้างจนตาหยีกลับไป ก่อนจะหันไปสะกิดเพื่อนข้าง ๆ แล้วพากันลุกมาหาแบล็กและชิโนบุทันที

เด็กหนุ่มสี่คนนั่งจับกลุ่มกันอยู่ที่หลังห้องตรงโต๊ะของแบล็กและชิโนบุ ในขณะที่ภายในห้องก็ยังคงเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงพูดคุยชักชวนเข้ากลุ่มของนักเรียนคนอื่น เนื่องจากวิชานี้อาจารย์สั่งให้จับกลุ่มกันสี่คนเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสี่คู่หันมองกันไปมาก่อนที่ต่างคนจะส่งยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ เพราะพวกเขาทั้งหมดก็ถือว่าค่อนข้างคุ้นเคยกันดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการทำงาน

แน่นอนว่าแบล็ก ชิโนบุ และคิระชิมะ สามคนนี้เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ส่วนสมาชิกอีกคนในกลุ่มอย่างฮารุอิ นี่ก็ถือเป็นเพื่อนร่วมห้อง 1 ใน 4 คน ที่ชิโนบุคุยด้วยมากที่สุด แถมเจ้าตัวยังเป็นเพื่อนสนิทกับคิระชิมะด้วย

"งานนี้ส่วนใหญ่ต้องทำด้วยกัน แบ่งไปทำแยกไม่ได้ด้วยสิ"

คำพูดของฮารุอิทำให้อีกสามคนที่เหลือพยักหน้ารับ ก่อนจะพากันหันไปมองหน้าคิระชิมะที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเคาะปากกาเล่นกับโต๊ะเบา ๆ

"ก็คงต้องรวมตัวกันทำตอนวันหยุดล่ะนะ เพราะมันต้องส่งสัปดาห์หน้า"

"งั้นเอาเป็นบ้านฉันไหม อยู่ระหว่างบ้านพวกนายสามคนพอดีเลยด้วย"

ข้อเสนอของฮารุอิได้รับการเห็นด้วยจากอีกสามคนอย่างไม่มีข้อคัดค้านใด ๆ ก่อนที่คิระชิมะจะเป็นคนสรุปเป็นครั้งสุดท้าย แล้วแยกย้ายกันกลับเข้าที่เพื่อเตรียมตัวสำหรับวิชาต่อไป

"งั้นเอาเป็นว่า เสาร์นี้พวกเราไปบ้านของฮารุกัน"

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"สวัสดี"

คำทักทายจากคนที่เพิ่งเคยได้คุยกันเป็นครั้งแรกทำให้ฮารุอิชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างกระพริบปริบ ขณะมองคนตรงหน้าสลับกับอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความแปลกใจ

"โทษทีนะที่ฉันต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย"

ประโยคที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คราวนี้ฮารุอิที่กำลังมึนงงได้สติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์สักที เจ้าตัวเลยรีบเปิดประตูบ้านให้กว้างขึ้นแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

"ไม่เป็นไร ๆ เข้ามากันได้เลย โทษทีที่เมื่อกี้ฉันเงียบใส่ ฉันแค่ตกใจเพราะเพิ่งเคยคุยกับนายเป็นครั้งแรกน่ะ"

อันที่จริงฮารุอิก็เคยเห็นอัลฟ่าอยู่บ่อย ๆ เวลาเจ้าตัวมารอแบล็กกับชิโนบุที่หน้าห้อง แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยด้วยก็เลยออกจะทำตัวไม่ถูกไปสักนิด เพราะที่ผ่านมาเราจะทำเพียงส่งยิ้มทักทายเวลาเห็นหน้ากันเฉย ๆ

"ไคมาถึงก่อนพวกนายสักพักแล้วล่ะ"

ถ้อยคำที่ได้ยินทำให้ทั้งสามพยักหน้ารับเบา ๆ อัลฟ่าที่ได้เข้ามาเป็นคนแรกหยุดรอชิโนบุและแบล็กเพื่อจะเดินไปพร้อมกัน โดยที่ระหว่างนั้นก็กวาดตามองภายในอาณาเขตบ้านของตระกูลฮารุอิ ที่ไม่ได้กว้างขวางเท่ากับบ้านของอาคาวะหรือคิระชิมะ แต่ก็ถือได้ว่าใหญ่โตพอสมควร

ทางด้านชิโนบุที่เดินพ้นประตูมาแล้วก็กำลังจะเดินตามฮารุอิเข้าไปข้างในเหมือนกัน แต่แล้วก็ต้องชะงักแล้วตวัดตาไปมองเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะกิดเบา ๆ จากแบล็กที่ตามมายืนอยู่ข้าง ๆ

แม้จะไม่มีคำพูดใด แต่เพียงแค่เห็นสายตาที่ส่งมาชิโนบุก็เข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าตัวคงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง หัวคิ้วเหนือดวงตาคู่สวยขมวดเข้าเล็กน้อย เพราะไม่คาดคิดว่าแค่การมาทำงานบ้านเพื่อน จะทำให้บังเอิญเจอกับเรื่องพวกนี้เข้าอย่างไม่ตั้งใจ

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปหาอัลฟ่าเพื่อส่งสัญญาณให้รู้กัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองขึ้นไปที่หน้าต่างบานหนึ่งด้วยสีหน้าแปลก ๆ

"อัลฟ่า?"

ชิโนบุอาศัยจังหวะที่ฮารุอิเดินนำไปโดยไม่หันมามองข้างหลัง สะกิดเรียกเจ้าตัวแล้วถามขึ้นเบา ๆ

"มีอะไรหรือเปล่า"

"ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับตรงนั้น"

พูดจบก็พยักเพยิดหน้าไปทางหน้าต่างบานนั้นพร้อมทั้งขมวดคิ้ว ในขณะที่ชิโนบุเองก็เลื่อนสายตาตามไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร แตกต่างจากแบล็กที่ขยับเข้ามาใกล้ทั้งคู่แล้วพูดขึ้นมาเบา ๆ ให้ได้ยินกันเพียงสามคน

"นั่นน่ะ ที่เดียวกับที่ฉันรู้สึกเลย"

คำพูดของแบล็กทำให้ชิโนบุยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ดวงตาเหลือบไปมองทางหน้าต่างบานนั้นอีกครั้งอย่างตั้งใจ ก่อนจะไหวตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของอะไรบางอย่างที่บางเบามากจนแทบจะไม่รู้สึก

"อะไรกันล่ะนั่น"

"ไม่รู้สิ"

"ว่าแต่นายไปรู้สึกเหมือนกันกับแบล็กได้ยังไงล่ะเนี่ย"

"อันนี้ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน"

"สัญชาตญาณเหมือนกันล่ะมั้ง"

คำตอบของแบล็กที่ดังแทรกบทสนทนาขึ้นมา ทำให้ชิโนบุเบะปากลงเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ตามฮารุอิไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทิ้งห่างไปพอสมควรแล้ว

โดยที่...

ก่อนไปก็ไม่ลืมทิ้งท้ายไว้ให้อีกสองหนุ่มพากันหลุดขำออกมาเบา ๆ

"เกลียดสัญชาตญาณของพวกนายจริง ๆ"

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"โอ้ยยยยย...ฉันไม่ไหวแล้ว"

เสียงร้องโหยหวนของคิระชิมะทำให้อีกสามคนที่เหลือเองก็พากันปล่อยมือออกจากงานที่กำลังทำเหมือนกัน เด็กหนุ่มสี่คนทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากับพื้นอย่างหมดสภาพ โดยที่รอบตัวของแต่ละคนก็มีกองกระดาษและอุปกรณ์ต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด

ตั้งแต่มาถึงบ้านของฮารุอิ ทั้งสี่คนก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอย่างจริงจัง จนนี่ผ่านมาครึ่งค่อนวันแล้วถึงเพิ่งจะหยุดพัก ก็เลยทำให้ล้ากันไปหมดแบบนี้

ซึ่งระหว่างนั้น ก็จะมีอัลฟ่าค่อยเข้ามาช่วยบ้างเป็นบางครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันก็จะไม่ได้ทำให้งานมากมายมหาศาลนี่ลดลงไปสักเท่าไร

"มีอะไรให้ฉันช่วยอีกไหม"

เห็นแต่ละคนนอนแผ่จนหมดสภาพไม่เว้นแม้แต่แบล็กและชิโนบุ อัลฟ่าก็วางหนังสือการ์ตูนที่ยืมของฮารุอิมาอ่านฆ่าเวลาลง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ชิโนบุแล้วใช้นิ้วจิ้มแก้มเจ้าตัวเบา ๆ ซึ่งคนโดนจิ้มแก้มก็ทำเพียงถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรงเท่านั้น ทั้งที่ถ้าเป็นเวลาปกติคงมองตาขวางกลับมาแล้ว

"ไม่เป็นไร นายช่วยพวกเรามาเยอะแล้ว"

ตอบไปฮารุอิก็ยืดแขน ยืดขาเพราะความปวดเมื่อยไป ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นมานั่งบิดตัวอีกทีแล้วลุกขึ้นยืน

"เดี๋ยวฉันไปหาเสบียงมาเพิ่มพลังให้นะ"

"งั้นฉันไปเป็นเพื่อนแล้วกัน"

คำอาสาของอัลฟ่าได้รับการพยักหน้าตอบกลับมาจากฮารุอิ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องเพื่อลงไปหาเสบียงในครัวที่ชั้นล่างด้วยกัน

ใช้เวลาไม่นานในอ้อมแขนของทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยขนมที่คุณนายฮารุอิผู้ใจดีให้มา ซึ่งตอนแรกมันจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ด้วยซ้ำ จนเด็กสองคนต้องช่วยกันบอกให้พอก่อนแล้วรีบขอตัวออกมาจากในครัวทันที

ระหว่างที่กำลังจะเดินกลับห้องกันนั้น จู่ ๆ ก็มีใครบางคนเดินสวนมาให้ทั้งคู่ต้องหยุดฝีเท้าของตัวเองไว้

"อ้าวปู่ จะไปไหนล่ะครับ"

ฮารุอิเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าปู่ของตัวเองกำลังจะเดินสวนไป ในขณะที่อัลฟ่าเองก็ส่งยิ้มไปให้พร้อมกับ...ความสงสัยที่ผุดขึ้นมา

เขาจำได้ว่าตอนมาถึงก็ได้เจอกับคุณปู่ของฮารุอิไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งความรู้สึกตอนนั้นมันไม่เหมือนกันกับตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่แปลกไป แต่ว่า...

แปลก...แปลกไปจริง ๆ

ยิ่งคิดได้แบบนั้นหัวคิ้วของอัลฟ่าก็ยิ่งขมวดเข้า ซึ่งท่าทางนั้นคงไปเข้าตาคุณปู่ของฮารุอิพอดี ท่านจึงหันมาส่งยิ้มให้...

เป็นยิ้มที่ทำให้อัลฟ่ายิ่งมั่นใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ

"ปู่ว่าจะไปเดินเล่นในสวนสักหน่อย"

"งั้นเดินดี ๆ นะปู่"

เสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมาทำให้อัลฟ่ายิ่งมั่นใจว่านั่นไม่ใช่คุณปู่ของฮารุอิ...ไม่ใช่อย่างแน่นอน

"งั้นเราเองก็รีบกลับห้องกันเถอะ"

คำชวนนั้นทำให้อัลฟ่าพยักหน้ารับแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้เขาเองก็อยากเอาเรื่องนี้ไปคุยกับแบล็กและชิโนบุมาก ๆ เหมือนกัน

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

"อ๋อ ฉันรู้แล้วล่ะ"

"รู้แล้ว?"

"อืม เห็นตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้ว"

คำตอบของแบล็กทำให้อัลฟ่าได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

อาการตื่นตระหนกก่อนหน้านี้มลายหายไปจนหมด เหลือไว้แต่ความเฟลเล็ก ๆ ให้ได้แต่แอบถอนหายใจ แล้วกระซิบถามกลับไปเสียงเบา เมื่อเห็นว่าฮารุอิ คิระชิมะ และชิโนบุก็กำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ แม้สามคนนั้นจะไม่ได้หันมาสนใจพวกเขาแต่ระวังตัวไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะพื้นที่ภายในห้องมีจำกัด พวกเขาทั้งสองกลุ่มจึงนั่งอยู่ไม่ไกลกันมาก

"งั้นพวกเราก็ไม่ต้องทำอะไรใช่ไหม"

"อืม ไม่ต้องทำอะไรหรอก พวกนูราริเฮียงน่ะ เดี๋ยวเบื่อเมื่อไรก็ออกไปเอง"

สีหน้างง ๆ ของอัลฟ่าเพราะได้ยินชื่อที่ไม่รู้จักทำให้แบล็กหลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะตักขนมในมือเข้าปากแล้วพูดขึ้นพร้อมกับใช้ช้อนชี้ไปทางอัลฟ่าด้วย

"หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เทพอาคันตุกะ"

"เทพอาคันตุกะ?"

"ใช่ เขามักจะแวะไปตามบ้านของผู้คน อาจจะมีแอบขโมยของกินบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่เป็นอันตรายหรอก"

พอได้ยินแบบนั้นอัลฟ่าก็พยักหน้ารับเบา ๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะไพล่ถามต่อไปถึงเรื่องที่ตัวเองได้เจอมาด้วยความสงสัย

"แล้วที่ฉันเห็นเขาเป็นคุณปู่นั่นล่ะ"

"นั่นคือภาพมายาไว้แปลงเป็นคนในบ้าน เพื่อที่เวลาแอบหยิบอะไรแล้วใครมาเจอเข้าจะได้ไม่สงสัยไง"

"อ๋อ"

"ก็อย่างที่ฉันบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง นูราริเฮียงอาจขโมยของกินบ้างแต่ไม่ทำร้ายมนุษย์"

อัลฟ่าพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะงับเอาขนมที่แบล็กตักมาป้อนให้เข้าปากไป เจ้าตัวเคี้ยว ๆ อยู่อีก 2-3 ทีก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายลง

"งั้นสรุปว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับบ้านหลังนี้ก็คือนูราริเฮียงเองสินะ"

"สัญชาตญาณดีนะ แต่คงต้องลับให้คมอีกหน่อยแหะ"

ถ้อยคำที่สวนกลับมาเหมือนไม่ได้กำลังคุยเรื่องเดียวกัน ทำให้อัลฟ่าได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างงง ๆ ซึ่งแบล็กเองก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากตักขนมอีกคำเข้าปาก แล้วพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม

ที่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามันแฝงไว้ด้วยความภูมิใจนิด ๆ

"สัญชาตญาณนายถือว่าใช้ได้แล้ว ที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติในบ้านนี้ แต่ว่ามันยังแยกแยะได้ไม่ดีพอเท่านั้นเอง"

"หมายถึงอะไร"

"ลองนึกดูดี ๆ สิว่าคุณปู่นูราริเฮียงที่นายเจอกับสิ่งที่ทำให้นายรู้สึกแปลก ๆ มันเป็นกลิ่นอายเดียวกันไหม"

คำถามนั้นทำให้อัลฟ่าเริ่มมุ่นหัวคิ้วเข้านิด ๆ เมื่อลองนึกย้อนไปแล้วรู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรกลับไปก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ความเย็นแล่นพล่านไปตามไขสันหลังจนขนคอลุกชัน ในขณะที่แบล็กก็สะบัดหน้าฉับไปยังทิศทางหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

"สิ่งที่ทำให้นายรู้สึกแปลก ๆ พร้อมฉันเมื่อเช้าน่ะ...เจ้านั่นต่างหาก"

สิ้นคำนั้นแบล็กก็ลุกพรวดขึ้นจนอีกสามคนที่คุยกันอยู่หันมามองเป็นตาเดียว อัลฟ่าเห็นว่าคิระชิมะและฮารุอิมองมาด้วยความแปลกใจ ในขณะที่ชิโนบุกลับมีท่าทีสงบนิ่งเหมือนกับรู้อยู่แล้ว

ซึ่งพอสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นว่าในมือของเจ้าตัวที่เท้าพื้นอยู่ มีชิคิงามิเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงชิโนบุยกปลายนิ้วขึ้นเล็กน้อย มันก็หลุดออกจากมือของเจ้าตัว แล้วค่อย ๆ ขยับตัวคืบคลานเข้าปกคลุมไปตามส่วนต่าง ๆ ของห้องโดยที่คิระชิมะและฮารุอิไม่รู้ตัว

และก่อนที่มันจะขยายตัวมาถึงประตู แบล็กก็หันไปพูดกับทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มทะเล้นเหมือนเดิม

"เดี๋ยวฉันกลับอัลฟ่าขอไปโทรศัพท์แป๊บนะ"

พูดจบเจ้าตัวก็หันมาพยักหน้าให้อัลฟ่าเบา ๆ เป็นเชิงเรียก ซึ่งคนโดนเรียกก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินตามออกไปทันทีแม้ยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม

ครืด!

ทันทีที่ประตูปิดลง อัลฟ่าก็เห็นว่าชิคิงามิของชิโนบุขยายตัวมาถึงประตู แล้วครอบคลุมทั้งห้องนั้นไว้จนหมดพอดี

"ดีนะที่พานายออกมาทัน"

"หา?"

"ก็ตอนเปิดปิดประตู ขืนเผลอไปทำชิคิงามิของโนบุจังขาดจนต้องเริ่มใหม่ มีหวังกลับไปได้โดนบ่นจนหูชากันแน่ ๆ"

แม้คำพูดนั้นจะเคล้ามาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเหมือนอย่างปกติ หากแต่บรรยากาศที่แผ่ออกมากลับทำให้อัลฟ่ารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไป...นี่ไม่ใช่แบล็กคนเดิม

"ไปกันเถอะ"

"แล้วชิโนบุล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ"

แม้จะรู้สึกได้ถึงความแปลกไปของแบล็ก แต่อัลฟ่าก็อดถามถึงใครอีกคนที่ยังอยู่ในห้องกับคิระชิมะและฮารุอิไม่ได้

"ไม่มาหรอก โนบุจังต้องอยู่ดูความเรียบร้อยที่นี่ไม่ให้มีอะไรมายุ่งกับคนในบ้าน"

ได้ยินแบบนั้นอัลฟ่าก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าแบล็กหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับกลิ่นอายแปลกประหลาดรอบตัวที่ดูจะเบาบางลงทุกครั้งเมื่อพูดถึงชิโนบุ

"ที่สำคัญเจ้านี่เป็นพวกยุ่งยากทำให้จัดการค่อนข้างลำบาก โนบุจังก็เลยต้องยอมให้ใช้วิธีของฉัน"

"วิธีของนาย?"

"ใช่"

สิ้นคำยืนยันนั้น อัลฟ่าไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า แต่เขาสังเกตเห็นไอดำจาง ๆ แผ่กระจายออกมาจากทั่วทั้งตัวของแบล็ก และมันก็ทำให้กลิ่นอายแปลก ๆ ของเจ้าตัวกลับมาเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง

"โนบุจังไม่ค่อยชอบวิธีของฉันเท่าไร นี่เลยเป็นเหตุผลหลักที่เจ้าตัวไม่ตามมาด้วย เพราะว่า..."

พูดไปแบล็กก็อมยิ้มขำไป หากแต่ประกายในดวงตาคู่นั้นกลับดุดันจนอัลฟ่ายังเผลอผงะตัวถอยหลังไปอย่างตกใจ แบล็กในตอนนี้ไม่เหมือนเวลาปกติที่อยู่กับชิโนบุเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์ราวกับจะเรืองแสงได้ ดูน่ากลัว...

ราวกับไม่ใช่คน

อัลฟ่าเพิ่งเคยสัมผัสกับคำว่าจิตสังหารตรง ๆ เป็นครั้งแรก มันอึดอัดและกดดันจนรู้สึกได้เลยว่าเลือดในกายกำลังร้อนระอุไปหมด เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาตามข้างขมับ ก่อนที่มันจะไหลลงถึงปลายคางเมื่อเห็นว่ามุมปากของคนตรงหน้ากำลังยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม...แสยะ

"...มันค่อนข้างจะ 'เลอะ' น่ะ"

tbc...