webnovel

ตอนที่ 91 ขอความช่วยเหลือกลางดึก

ตอนที่ 91 ขอความช่วยเหลือกลางดึก!

ยามที่ท้องฟ้าใกล้สว่าง ผืนฟ้ายังมีสีเทาหม่นๆ องครักษ์ตลาดมืดที่เฝ้าป่าต่างลาดตระเวนภูเขาพลางพูดคุยกัน เมื่อมาถึงด้านหน้า ขณะที่เห็นเงาร่างหนึ่งล้มลุกคลุกคลานมาทางด้านนี้ พวกเขาต่างมองกันเป็นตาเดียว แล้วรีบก้าวเดินไปด้านหน้า ตะโกนเสียงดัง

“ใครน่ะ!”

เหลิ่งหวาฝืนหยัดร่างอันหนักอึ้งเดินไปด้านหน้าทีละก้าวๆ ร่างกายเซล้มลงเล็กน้อย ก่อนจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นมาอีก แผลที่หลังเหมือนเลือดถูกแช่แข็งไว้ ไร้ซึ่งความรู้สึก เท้าก็หนักมาก ทุกก้าวที่เดินล้วนยากลำบากนัก ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆ พร่ามัว

เมื่อเห็นคนที่คอยลาดตระเวนยามดึก ขาก็สั่นล้มลงไปอีกครั้ง เขายื่นมือปริปากด้วยคอแห้งผาก “พาข้า พาข้าไปพบเหลิ่ง เหลิ่งซวง นาง นางเป็นพี่สาวข้า”

น้ำเสียงเขาช่างอ่อนรวยริน แต่องครักษ์ตลาดมืดยังคงได้ยินชัดเจน

น้องชายเหลิ่งซวงรึ?

ในดวงตาพวกเขาฉายแววแปลกใจ คนหนึ่งออกหน้าตรวจดูบาดแผล อีกคนก็พรวดพราดไปด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ก็ต้องรายงานเหลิ่งซวงก่อนค่อยว่ากัน

“เจ้าว่าใครนะ? น้องชายข้ารึ?”

เหลิ่งหวาที่ได้ยินเสียงสั่นกระดิ่งจึงออกจากค่ายกลกระบี่มาตรวจดู หลังจากฟังคำพูดของหัวหน้ากององครักษ์ตลาดมืด หัวใจก็เต้นแรง “ตอนนี้คนเล่า? อยู่ที่ไหน? พาข้าไปดูเร็ว!”

อาหวาควรจะอยู่ในเรือนกับคุณชาย จะมาที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ขณะที่เหลิ่งซวงรีบร้อนมา เมื่อเห็นเหลิ่งหวาที่ทั่วตัวเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ เสื้อผ้าสีฟ้าอ่อนบนตัวถูกย้อมเป็นชุดสีเลือด เห็นแล้วใจสั่นสะท้านไปชั่วขณะ

“อาหวา!”

นางเรียกเสียงสั่น อยากเข้าไปพยุงเขาไว้ แต่กลับไม่รู้ต้องเริ่มยังไงดี จึงทำได้เพียงตะโกนเสียงร้อนรน “เร็วเข้า! รีบพาเขาเข้ามา!”

หัวหน้าองครักษ์กับองครักษ์อีกคนที่ประคองเหลิ่งหวาไว้เดินตามอยู่ด้านหลังเหลิ่งซวง เมื่อมาถึงหน้าต้นท้อค่ายอาคม ทั้งสองก็คิดว่ารอบนี้อาจจะได้ลองเข้าไปดูด้านใน ใครก็คาดไม่ถึง ว่าเหลิ่งซวงด้านหน้ากลับหยุดฝีเท้าลง

“ส่งเขามาให้ข้า”

นางเดินหน้าเข้าไปพยุงรับเหลิ่งหวาจากในมือขององครักษ์ทั้งสองนายอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้าต้นท้อค่ายอาคมไปทีละก้าวๆ ไม่นานนัก เงาร่างทั้งสองก็หายลับไปในค่ายอาคม

“ด้านในนั้นมีความลับอะไรกันแน่? พวกเราเฝ้าอยู่ตรงนี้ใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว แม้แต่ด้านในกลับไม่เคยเข้าไป พอลองทบทวนดู ก็ไม่ชอบใจเลยจริงๆ”

องครักษ์ตลาดมืดพึมพำเสียงเบา ในใจแสนจะอยากรู้เรื่องด้านในนั้น โดยเฉพาะคนที่พำนักอยู่

หัวหน้ากององครักษ์ตลาดมืดมองไปด้านในอย่างมีความนัย แล้วดึงสายตากลับมามององครักษ์ผู้นั้น เอ่ยเสียงเข้มว่า “เจ้าเป็นองครักษ์ตลาดมืดมาก็ไม่ใช่แค่วันสองวัน ต้องรู้กฎระเบียบของพวกเราอยู่ ที่ไม่ควรรู้ก็ไม่ต้องถามให้มากความ อย่าได้อยากรู้อยากเห็น มิเช่นนั้น มันไม่เป็นผลดีกับเจ้าแน่”

“ขอรับ” ถูกหัวหน้าสั่งสองซึ่งๆ หน้า องครักษ์ผู้นั้นจึงรีบร้อนก้มหัวขานรับ

ส่วนด้านใน เหลิ่งซวงพาเหลิ่งหวาที่หมดสติเข้าไปในห้อง ตรวจดูบาดแผลเสียก่อน ค่อยพันแผลไปอย่างง่ายๆ ถึงจะรีบปรี่มายังหน้าห้องเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะเคาะที่ประตู

“นายท่าน นายท่านเจ้าคะ” น้ำเสียงนางทั้งร้อนรนและตื่นตระหนกอยู่นิดหน่อย

หลังจากได้ยินเสียง เฟิ่งจิ่วที่หลับสนิทอยู่ในห้องก็ลืมตาขึ้น สวมเสื้อคลุมแล้วเปิดประตู “อะไรรึ?”

น้ำเสียงเธอมีความงัวเงียอยู่บางส่วน แต่แววตากลับไม่ง่วงเลยสักนิด เพราะเธอรู้ ถ้าไม่เกิดเรื่องด่วนอะไรขึ้น เหลิ่งซวงคงไม่มาเคาะประตูตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

“นายท่านเจ้าคะ อาหวามา บนตัวมีเลือดเต็มไปหมด คนก็หมดสติไปแล้ว เกรงว่าทางคุณชายด้านนั้นจะเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินคำพูดนี้ หัวใจเฟิ่งจิ่วก็แทบร่วง “เขาอยู่ไหน? พาข้าไปดูสิ”

…………………………………………………….