webnovel

ตอนที่ 28 วิกฤตที่ซ่อนเร้น

ตอนที่ 28 วิกฤตที่ซ่อนเร้น!

ชายหนุ่มนิ่งไป เห็นขอทานน้อยผู้นี้โน้มตัวลงมาด้วยใบหน้าที่พอกสีเขียวขุ่น ผ่านไปนานก็ไม่อาจดึงสติกลับมาได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงพูดเขาดังขึ้นมา

“ตอนที่เจ้าล้มหัวฟาดก้อนหิน เลือดที่คั่งด้านในไปกดทับเส้นประสาท ข้าเดาว่าน่าจะเป็นแค่การสูญเสียความทรงจำระยะสั้น พอเลือดที่คั่งหายไป เจ้าจะดีขึ้นเอง” หลังจากเธอปัดๆ มือแล้วจึงลุกยืนขึ้น “ดีละ เจ้าฟื้นแล้ว ข้าก็ควรไปเช่นกัน”

ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ร้อนรน เขาฝืนทนความเจ็บตรงแผลที่ท้องไว้พลางรีบลุกยืนขึ้นมา ก่อนตามไปข้างกายเฟิ่งจิ่วอย่างกังวลและไม่สบายใจเล็กน้อย อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดเช่นไร จึงทำได้เพียงมองอีกฝ่ายอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ

หลังจากชายหนุ่มยืนขึ้น เฟิ่งจิ่วนิ่งไป ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่ารูปร่างเขาสูงใหญ่มาก สูงเลยเธอไปเกินครึ่งศีรษะเต็มๆ หนำซ้ำผิวพรรณสีน้ำผึ้งก็ช่างล่ำสัน หากเทียบกับท่านอาผู้นั้นดูเหมือนยังต้องกำยำขึ้นอีกหน่อย ยามนี้เสื้อผ้าชุดที่สวมอยู่บนตัวเขาคับจนแน่นเล็กน้อย กล้ามเนื้อแขนแน่นขนัด ดูราวกับจะทำให้เสื้อปริขาดได้ทุกเมื่อ

เธอกวาดตามองชายหนุ่มที่เดินตามอยู่ข้างกาย ถามว่า “เจ้าจะทำอะไร?” เธอก็ช่วยคนไปตามสะดวก แต่ไม่นึกว่าจะมีปัญหาเช่นนี้ตามมาอีก

“ข้า ข้าตามเจ้าไปได้หรือไม่?” ชายหนุ่มมองเธออย่างกระวนกระวาย “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ซ้ำยังรู้จักแต่เจ้าด้วย”

เส้นแถบสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าผากเฟิ่งจิ่ว คำพูดนี้ฟังแล้วคุ้นหูนัก...ตอนที่เธอติดตามท่านอาก็เหมือนจะพูดเช่นนี้เหมือนกัน

“ข้า ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าแน่”

เฟิ่งจิ่วกลอกตา พูดไปอย่างไม่เกรงใจว่า “ตัวเจ้านั่นแหละคือปัญหา”

เมื่อคืนหากไม่ใช่เพราะเขา ไหนเลยจะต้องเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าตลอดทั้งคืน? ด้วยฝีมือและความเร็วของเธอ ต่อให้สู้ไม่ไหวก็ยังหนีได้พ้น

เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรอยู่นาน จึงชายตาขึ้นชำเลืองมอง ทว่าเมื่อเห็นกลับจังงังไปเล็กน้อย

“ผะ ผู้ชายร่างใหญ่เช่นเจ้าจะร้องไห้ไปทำไม?”

ชายหนุ่มร่างยักษ์กำลังยืนดวงตาแดงก่ำน้ำตาตกอยู่ตรงนั้นอย่างคาดไม่ถึง ช่างคล้ายกับลูกสะใภ้ตัวน้อยที่ถูกกลั่นแกล้ง แล้วจะไม่ให้เธอตะลึงได้อย่างไร?

“ก็เจ้าไม่ให้ข้าตามไปด้วย...”

เขามองมาอย่างน้อยใจ “ข้าไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน และก็ไม่รู้ว่าต้องกลับไปอย่างไร เจ้ายังไม่ให้ข้าตามไปด้วยอีก...”

เฟิ่งจิ่วเอามือก่ายหน้าผากพลางมองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด เป็นปัญหาที่พบแล้วไม่อาจสลัดได้อย่างที่คิดเลย...

นี่ถือว่ากรรมตามสนองสินะ? เธอตามติดคนอื่น คนอื่นจึงมาตามติดเธอ

เฟิ่งจิ่วเดินไปที่ลำธาร หยิบกระบอกไม้ไผ่มาเติมน้ำให้เต็ม พร้อมกับถอดเสื้อผ้าชุดนอกที่เปื้อนเลือดหมาป่าทิ้งไป

ขณะที่เธอเตรียมจะก้าวเท้าจากไป กลับพบว่าคนด้านหลังยังคงยืนนิ่งอยู่ เขามองเธอด้วยท่าทีอยากตามมาแต่ไม่กล้าตาม เธอจึงร้องไปว่า “ยังยืนทำอะไรอยู่? ตามมาสิ!”

“หา...โอ้!” ชายหนุ่มตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างปลื้มปริ่ม แล้วเดินมาด้วยย่างก้าวอันรวดเร็ว เพียงแต่มือข้างหนึ่งยังคงกุมแผลที่ท้องและทนความเจ็บไว้

ทั้งสองเดินขึ้นเนินเขาเข้าไปในป่า ตอนนี้ดวงตาเฟิ่งจิ่วที่เดินอยู่ช้าๆ เป็นประกายรางๆ เธอกวาดมองรอบด้านอย่างสงบเยือกเย็น แล้วจึงเดินต่อไป

“คือว่า ขะ ข้าควรเรียกเจ้าอย่างไรดี?” ชายหนุ่มถามขณะที่เดินตามอยู่ข้างเฟิ่งจิ่ว

“แล้วแต่เจ้าเถอะ” เธอตอบแบบส่งเดช ไม่ได้สนใจการพูดคุยนี้

พอได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มคิดแล้วคิดอีก จากนั้นค่อยหัวเราะร่าถามว่า “เจ้าเด็กกว่าข้า เช่นนั้นข้าเรียกเจ้าน้องชายดีหรือไม่?”

“อืม”

เฟิ่งจิ่วตอบรับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร และก็ไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไรอยู่กันแน่ แต่หันหน้าเล็กน้อยไปจ้องพุ่มไม้ทางด้านหลัง

เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของเฟิ่งจิ่ว สุดท้ายใบหน้าเขาก็เผยความยินดี ขณะเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กลับเห็นหนุ่มน้อยขอทานมองไปทางด้านซ้าย ชายหนุ่มมองตามสายตาเขาไป พอได้เห็นก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที

…………………………………………………….