webnovel

บทที่ 33 ง้องอน

บทที่ 33 ง้องอน

คราวนี้ตระกูลกู้เจ็บไปถึงกระดูกสันหลังเลยก็ว่าได้ เงินตั้งสี่สิบตำลึง สมบัติถูกนำไปจ่ายค่าปรับหมดแล้ว ทั้งยังภาพลักษณ์ที่กู้ต้าซุ่นสร้างมาอย่างยากลำบากก็ถูกปนปี้จนสิ้นไปกับคราวนี้

หลังจากนั้นอีกนาน ตระกูลกู้ก็คงไม่มีหน้าออกไปหาเรื่องใครได้อีก

กู้เจียวอารมณ์ดี มื้อเย็นวันนี้จึงกินข้าวเยอะกว่าเดิมอีกครึ่งชาม

บ่ายวันนี้หิมะโปรยปรายลงมาอีกครั้ง แต่ไม่หนักมาก ตกได้ไม่นานก็หยุดลง ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการสัญจรไปมา เพียงแต่หนาวเล็กน้อย เมื่อเซียวลิ่วหลังมาถึงบ้านมือก็แข็งไปหมดแล้ว

กู้เจียวรีบยกน้ำขิงมาให้

แม้จะหนาวถึงเพียงนี้ แต่ท่วงทายามดื่มน้ำขิงก็ไม่ได้ช้าหรือเร็วเกินไปนัก แฝงไปด้วยความสูงส่งและความสง่างามแผ่ซ่านออกมาจากภายใน

กู้เจียวมองเขาตาไม่กะพริบ

“เป็นอะไรไปหรือ” เขาหันหน้ามาถาม

กู้เจียวที่ถูกจับได้ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา ก่อนจะยิ้มแก้เก้อ “ไม่เป็นอะไร เจ้าดื่มไปเถอะ

ข้าจะยกอาหารมา!”

กู้เจียวยกอาหารร้อนกรุ่นออกมา ก่อนจะเรียกหญิงชราออกมากินข้าว

พอกินไปครึ่งอิ่ม ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งมาถึงบ้าน

“ข้าไปเปิดประตูเอง” กู้เจียววางถ้วยและตะเกียบลง

“ข้าไปเอง” เซียวลิ่วหลังค้ำไม้เท้าลุกยืนขึ้นก่อนนาง

“เจ้ากินไปสิ” หญิงชราพูดกับกู้เจียว

แม้ในความเข้าใจของหญิงชรา เซียวลิ่วหลังจะเป็นหลานย่าของนาง ส่วนกู้เจียวเป็นหลานสะใภ้ แต่นางก็ไม่ได้เข้าข้างเซียวลิ่วหลัง

กู้เจียวกินข้าวต่อ เซียวลิ่วหลังสะเดาะกลอน แล้วเปิดประตูออก ก่อนจะพบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่คนในหมู่บ้าน แต่เป็นนายบ่าวอายุน้อยสองคน

ท่านชายผู้นี้สวมเสื้อผ้าราคาแพง ท่าทางสง่างาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเจ้านายจากตระกูลใหญ่โต

เซียวลิ่วหลังประหลาดใจไม่น้อย แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ประหลาดใจเช่นกัน พวกเขามาหาแม่นางตระกูลกู้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาเปิดประตูจะเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง

ชายหนุ่มสวมเครื่องแบบสีขาวของสำนักเทียนเซียง ทั้งร่างสะอาดสะอ้าน ดูโดดเด่นกว่าผู้ใด เครื่องหน้าชัดเจน ใบหน้างดงามดั่งภาพวาด

ในหมู่บ้านยากจนอันไกลโพ้นเช่นนี้ แต่กลับมีหนุ่มงามดุจหยกขนาดนี้ นายบ่าวทั้งสองตกตะลึงอย่างไม่ได้นัดหมาย

ท่านชายหนุ่มน้อยผู้นั้นเอ่ยปาก “ประทานโทษขอรับ...ที่นี่ใช่เรือนแม่นางกู้หรือไม่”

“ท่านเป็นใครหรือ มาตามคนในบ้านข้ามีเรื่องอันใดหรือ” เซียวลิ่วหลังถามเสียงเรียบ

คนในบ้านอย่างนั้นหรือ

ท่านชายหนุ่มน้อยชะงักไปอีกครั้ง “ข้าแซ่ฉิน...”

“ท่านชายเสี่ยวฉินหรือ” ไม่รู้ว่ากู้เจียวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พลางมองท่านชายที่อยู่ด้านนอกด้ายสายตาแปลกประหลาด “เหตุใดถึงเจ้าถึงได้อยู่ที่นี่”

ท่านชายเสี่ยวฉินได้เห็นเขาก็ตกใจจนแทบหันหลังวิ่งหนี “ข้าต่างหากที่ต้องเป็นคนพูดนั้น!

เหตุใดเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่!”

กู้เจียวตอบ “ก็นี่บ้านข้า ไม่ให้ข้าอยู่ที่นี่แล้วจะให้ข้าไปอยู่ที่ไหน”

“เหตุใจเจ้าถึงได้อยู่เรือนตะกูลกู้....” พูดยังไม่ทันจบ ท่านชายเสี่ยวฉินก็นึกบางอย่างออก ก่อนจะเอ่ยเสียงอึกอัก “เจ้า...เจ้าคือ...กู้เจียวเหนียวอย่างนั้นหรือ”

กู้เจียวเลิกคิ้วพลางลูบคาง “ที่แท้เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ”

น่าเสียดายที่เจ้าของร่างเดิมตามตื้อเขามาตั้งนาน แต่เขากลับไม่เคยรู้จักตัวตนของเจ้าของร่างเดิมด้วยซ้ำ!

กู้เจียว “เหอะ”

จู่ๆ ก็โมโหท่านชายขึ้นมาเสียอย่างนั้นเหรอ!

ท่านชายเสี่ยวฉินเพิ่งจะเห็นว่าเซียวลิ่วหลังขาพิการ เขายังคิดอยู่เลยว่าเด็กหนุ่มรูปงามเช่นนี้ เหตุใดถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงบ้า ที่แท้ก็เพราะขาเป๋นี่เอง

“เจ้ามีธุระอะไรถึงได้มาหาข้าถึงบ้าน” กู้เจียวถามน้ำเสียงเย็นชา

และท่านชายเสี่ยวฉินก็ได้ค้นพบอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือในแววตาของนางคนบ้านั้นไม่ได้ความปรารถนาร้อนแรงเหมือนแต่ก่อน แถมยังดูไม่เหมือนคนบ้าเลยสักนิด

“มีธุระอะไรก็พูด หากไม่มีก็ไป ข้าไม่ส่ง” กู้เจียวเอ่ยพลางงับประตูลง

ท่านชายเสี่ยวฉินเพิ่งได้สติกลับมา ก่อนจะง้างประตูไว้ “ข้ามาถามเจ้าว่าเจ้าเก็บจดหมายได้ใช่หรือไม่”

เงินในห่อผ้าของเขาถูกแม่นางโจวและแม่นางหลิวเก็บได้ แต่ซองจดหมายกลับไม่มีใครเก็บ ทอดทิ้งในนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เหล่าตำรวจเองก็พาไม่เจอ จึงนึกขึ้นได้ว่าแม่นางกู้ที่กลับมายังที่เกิดเหตุ อาจจะเก็บได้ก็เป็นได้

เหล่าตำรวจไม่ได้บอกว่าแม่นางกู้คือคนบ้านในหมู่บ้านชิงเฉวียน ไม่อย่างนั้นบัณฑิตเสี่ยวฉินคงไม่มาเองถึงบ้านแบบนี้

หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฉวียน กู้เจียวก็ตกใจ

บอกตามตรง เธอเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าของของที่หายไปจะเป็นเขา ในฝันเธอมัวแต่จับตาดูเซียวลิ่วหลัง มีเวลาจำหน้าเจ้าของทรัพย์สินเสียที่ไหน

เพียงแต่นางเป็นคนเก็บจดหมายฉบับนั้นได้จริงๆ

กู้เจียวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะค้นจดหมายออกมาแล้วเดินมายังหน้าประตูเพื่อถามเขา “เจ้าหมายถึงสิ่งนี้หรือ”

แววตาของท่านชายเสี่ยวฉินเป็นประกายขึ้นมา “เจ้าเก็บได้จริงๆ ด้วย! ว่าแต่เหตุใจเจ้าถึงไม่บอกกับตำรวจ”

กู้เจียวถูมือไปมา “ก็ตำรวจไม่ได้ถามนี่”

ก็ถูก...ของนาง

ตำรวจคงลืมไปแล้ว

“เอาไปสิ” กู้เจียวยื่นจดหมายให้เขาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

ท่านชายเสี่ยวฉินรีบรับจดหมายมา ขี้ผึ้งปิดผนึกบนซองไม่มีร่องรอยการถูดงัดแงะ

ความปลื้มปริ่มดีใจที่มาจากของหายได้คืน ทำให้เขามองกู้เจียวเปลี่ยนไปในทันที บางทีที่นางทำเรื่องบ้าบอในสมัยก่อน คงเป็นเพราะสติสตังไม่ดี แต่โดยเนื้อแท้แล้วนางไม่ได้เป็นคนชั่ว เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง

กู้เจียวมองเขาด้วยหางตา พลางเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก “ขอบคุณสักทำก็ไม่มีเชียวหรือ”

ท่านชายฉินชะงักไป

กู้เจียวเอ่ยพลางยิ้มบาง “ไม่เช่นนั้นก็แสดงความจริงใจหน่อย อย่างเช่นเงินอะไรพวกนั้น”

ท่านชายเสี่ยวฉินแข็งทื่อไปทั้งตัว

ผ้าขี้ริ้วห่อทองที่พูดถึงเมื่อครู่ไปไหนเสียแล้ว

หนึ่งเค่อผ่านไป กู้เจียวหอบเงินร้อยตำลึงเดินเข้ามาในบ้าน เป็นจำนวนเงินสามเท่าของเงินที่แม่นางโจวและแม่นางหลิวเก็บได้ เพียงแต่เงินนี้เป็นวิ่งที่ท่านชายเสี่ยวฉินตั้งใจมอบให้ ทั้งสมเหตุสมผล และถูกกฎหมาย!

“เอ๊ะ สามีข้าไปไหนแล้วล่ะ” กู้เจียวถามหญิงชรา

หญิงชรายู่ปากชี้ไปทางห้องของเซียวลิ่วหลัง

กู้เจียวผลักประตูเปิดเข้าไป

เซียวลิ่วหลังกำลังคัดหนังสือ ใบหน้าของเขาแสนเย็นชา

กู้เจียวมาเพื่อบอกว่าตนเรียกเงินมาได้... เอ่อ แต่ไม่ดีกว่า นางหอบเงินในมือเดินเข้ามาก่อนจะวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเซียวลิ่วหลังเบาๆ

เซียวลิ่วหลังไม่ปรายตามองแม้แต่นิด

กู้เจียวเอ่ยเสียงกระซิบ “โกรธหรือ”

เซียวลิ่วหลังหันหลังให้ไม่พูดไม่จา ไม่สนใจกู้เจียว

ท่าทางแง่งอนนี้ ชวนให้กู้เจียวรู้ว่าเขาน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน

กู้เจียวขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเขา “เจ้าว่าข้ายังเป็นสาวเป็นแส้แท้ๆ เหตุใดถึงได้หูตาฝ้าฟาง เขาขี้เหร่เสียขนาดนั้น...”

ขนตางอนของเซียวลิ่วหลังขยับไหว

เพราะระยะที่ประชิดมาก จนนางแทบจะหายใจรดใบหูเขาอยู่แล้ว

กู้เจียวเอ่ยเสียงหวานหยดย้อย “ข้าไม่รู้ว่าเป็นจดหมายของเขา เลยเก็บมาด้วย พอเก็บมาแล้วตัวเองก็ลืม เมื่อครู่เขามาตามหาจดหมายจากข้า ข้าเรียกเงินจากเขามาได้หนึ่งร้อยตำลึง”

ความขุ่นมัวในก้นบึ้งของหัวใจของเซียวลิ่วหลังหายไปพร้อมกับประโยคหลัง

ถึงกับเรียกเงินจากท่านชายเสี่ยวฉินได้ ดูท่าแล้วคนตัดใจได้จริงๆ

ความจริงเขาไม่ควรโกรธ แต่พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง สักวันหนึ่งเขาก็ต้องจากนางจากที่นี่ไป นางกับท่านชานเสี่ยวฉินจะเป็นอย่างไร เขาไม่เคยสนใจ และวันนี้ก็ไม่ควรสนใจเช่นกัน

เพียงแต่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าความเดือดดาลเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่

กู้เจียวเอ่ยปลอบเสียงหวาน “อย่าโกรธไปเลย วันหน้าข้าจะไม่พบกับเขาอีกแล้ว”

“เจ้าอยากพบก็ตามใจ” เซียวลิ่วหลังเอ่ยเสียงเย็นชา

กู้เจียวยิ้ม ก่อนจะกระซิบข้างกูเซียวลิ่วหลัง “เขาหล่อสู้เจ้าไม่ได้หรอก”

เซียวลิ่วหลัง “...”