webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

640

บทที่ 640 ช่วงร้อน

หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ คว้ารางวัล ‘สุดยอดภาพยนตร์’ จากงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ไปได้อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงแห่งด้วยความดีใจ พิธีกรก็ได้เตรียมปิดงานแล้ว

ประตูของ Shrine Auditorium and Expo Hall ถูกเปิดออกแล้ว ทีมงานอำนวยความสะดวกให้แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในวันนี้ออกจากงาน จากนั้นผู้ชมและแฟนหนังที่ได้รับเชิญจึงออกจากงาน ส่วนนักข่าวถูกพาไปอยู่อีกห้อง หลังจากพักครึ่งชั่วโมง จะมีเวลาให้สัมภาษณ์อีกหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็เป็นงานเลี้ยงการกุศลในหัวข้อ ‘เท่าเทียมและอิสระ’ ที่ทางผู้จัดงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จัดขึ้น

คืนนี้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เป็นผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย เจียงเซ่อที่เป็นที่จับตามองตั้งแต่หนังยังไม่เริ่มฉาย คืนนี้หลังจากหนังเป็นผู้ชนะเลิศจึงกลายเป็นที่สนใจของทุกคนไปด้วย ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินได้รับคำเชิญงานเลี้ยงแทนเจียงเซ่อไปสิบกว่าที่แล้ว

ในบรรดางานเลี้ยงทั้งหลาย มีบางงานที่ขาดไม่ได้ ในขณะที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ กำลังได้รับความนิยมเพราะรางวัลสุดยอดภาพยนตร์จากงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เจียงเซ่ออาจจะได้รับงานมากขึ้น

ช่วงพัก หลังจากเจียงเซ่อกลับไปในห้องรับรองชั่วคราวห้องเล็กๆ ที่ทางผู้จัดงานไว้ให้ เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าทันที เวลากระชั้นชิดมาก แต่โชคดีที่หลังจากนี้เป็นเพียงการสัมภาษณ์และงานเลี้ยง เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องจัดเต็มเหมือนร่วมพิธีปิดก่อนหน้านี้ การแต่งกายจึงดูผ่อนคลายขึ้นมาก

เจียงเซ่อเปลี่ยนชุดแล้ว สไตล์ลิสต์ทำผมให้เธอ หลังจากทำผมเสร็จเซี่ยเชาฉวินจึงอธิบายงานหลังจากนี้กับเธอ

“หลังจากการเลี้ยงการกุศลของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ฉันรับการ์ดเชิญของงานอื่นมาอีกสองใบ อานฉีจะไปกับเธอ รายชื่อคนที่ไปร่วมสองงานเลี้ยงนี้ฉันเตรียมเอาไว้แล้ว รายละเอียดก็อยู่ที่อานฉี เดี๋ยวอานฉีจะเอามาให้เธอ”

ตอนที่เจียงเซ่อร่วมพิธีปิดของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เชี่ยซ่าเหลยเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ

นอกจากคอนเฟิร์มตารางงาน งานสัมภาษณ์และนิตยสารแล้ว ในขณะเดียวกันเขาก็สื่อให้รู้ว่าในบรรดางานเลี้ยงมีที่อิทธิพล ใครเป็นผู้จัดการและคนที่ไปร่วมงานมีใครบ้าง จึงทำให้ได้รายชื่อผู้เข้าร่วมงานตั้งแต่แรกแล้ว บุคคลที่มีความสำคัญถูกทำเครื่องหมายเอาไว้และจดรายละเอียดคร่าวๆ เอาไว้แล้ว

เพราะฉะนั้น หลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้รับรางวัล สำหรับคำเชิญทั้งงานใหญ่และงานเล็กต่างๆ เซี่ยเชาฉวินจังตัดสินใจในเวลาอันน้อยนิดแทนเจียงเซ่อว่าจะร่วมงานเลี้ยงแค่เพียงสองงาน

“พี่เชาฉวินจะออกจากอเมริกาเหรอ”

เจียงเซ่อเข้าใจความหมายของเซี่ยเชาฉวิน จึงถาม

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า อาจจะเพราะว่าเธอไว้ใจความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเจียงเซ่อ สิ่งที่เธอต้องทำคือปูทางให้เจียงเซ่อ นอกเหนือจากนั้นก็ปล่อยให้เจียงเซ่อไปรับมือเอง

“ข่าวที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้รับรางวัลถูกกระจายออกไปแล้ว ฉันก็เลยจองตั๋วไปปารีสเพื่อเซ็นต์สัญญากับทางแบรนด์ Melovin”

ก่อนหน้านี้ได้โปรโมทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ในระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้มีการการันตีจากงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ แม้หนังจะยังไม่เข้าฉาย ยังไม่รู้รายได้ที่แน่ชัด แต่ตอนนี้มีแววว่าในอนาคตจะทำรายได้อย่างมหาศาลแน่

ตอนนี้สัญญาของเจียงเซ่อกับทางแบรนด์ Melovin คงจะมั่นคงแล้ว ตอนนั้นเซี่ยเชาฉวินได้คุยรายละเอียดการร่วมงานกับ Melovin มาบ้างแล้ว แค่ยังไม่ได้เซ็นต์สัญญากับชุดระดับสูงของ Melovin ก็เท่านั้น แต่เพราะเจียงเซ่อใส่ชุดของ Melovin ปรากฏตัวในงาน ไม่เพียงแค่เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์มากมายในประเทศ แม้ในต่างประเทศก็มีคนพูดถึงมากมายเช่นกัน จากความนิยม การวิจารณ์ต่างๆ ก็เพียงพอกับภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Melovin แล้ว

“เพราะรางวัลที่เธอได้รับในวันนี้ ครั้งนี้ไม่เพียงแค่จะรับงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Melovin ในหัวเซี่ยก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในระดับโลก”

การไปในครั้งนี้ของเธอ จะไม่ได้กลับมาเร็วๆ นี้แน่

เจียงเซ่อรับคำ “พี่วางใจได้” เธอสบตากับเซี่ยเชาฉวินครู่หนึ่ง ในสายตาของทั้งสองต่างแฝงความเชื่อใจที่มีต่อกัน

เซี่ยเชาฉวินเชื่อว่าเธอสามารถทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้ได้ จะไม่เกิดปัญหาแน่และเจียงเซ่อก็เชื่อว่า การไปฝรั่งเศสของเธอในครั้งนี้จะเจรจาเรื่องสัญญากับ Melovin ได้สำเร็จ

“บินกี่โมง” ทั้งสองต่างยิ้มอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน เจียงเซ่อถามต่อว่า “ให้เฉินซั่นไปส่งพี่ไหม”

เซี่ยเชาฉวินส่ายหน้า มองคนของแบรนด์ไข่มุกกังหัวที่เข้ามาเปลี่ยนตุ้มหูเพชรรูปสามเหลี่ยมคู่ใหม่ให้เจียงเซ่อ เมื่ออยู่กับผมที่ลอนเป็นตัว ‘S’ แล้ว ช่างดูงดงามมาก

“ไม่ต้อง ให้เฉินซั่นอยู่กับเธอเถอะ” เธอพูดถึงตรงนี้ ได้หยุดไปครู่หนึ่ง

“เซ่อเซ่อ ยินดีด้วย” คำแสดงความยินดีย้อนหลังนี้ ไม่มีท่าทางที่ตื่นเต้นดีใจ ไม่มีคำพูดที่สวยหรู แต่ดูจริงใจมาก

เจียงเซ่อส่งสัญญาณให้หลิวลี่จื้อที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอหยุดมือก่อน เธอเคลื่อนเก้าอี้เล็กน้อย และกอดเอวของเซี่ยเชาฉวินที่อยู่ข้างหลังเอาไว้ทันที “ขอบคุณมากค่ะ”

การที่เธอเข้ามาใกล้ชิดเซี่ยเชาฉวินแบบนี้ ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เธอทำอะไรไม่ถูก ครั้งนี้ร่างกายของเซี่ยเชาฉวินเพียงแค่เกร็งไปขณะหนึ่ง จากนั้นเธอจึงตบไหล่ของเธอหลายที ทั้งสองร่วมงานกันมาหลายปี รู้จักนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี บางคำพูดไม่ต้องพูดก็เข้าใจกัน

เมื่อก่อนเซี่ยเชาฉวินรักษาระยะกับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างมาก ไม่เคยสนิทสนมเกินเลย

ร่วมงานกับเถาเฉินมาหลายปี ต่างก็ทำตามหน้าที่ของตัวเองมาโดยตลอด ตรงกลางมีเส้นที่แบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน นอกจากเรื่องงานก็ไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกันเลย

เพราะฉะนั้น หลังจากคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะร่วมงานกับเถาเฉิน เธอจึงถอยออกมาอย่างไม่ลังเล ไม่มีอะไรติดค้าง ไม่มีความรู้สึกส่วนตัวและไม่ถึงขั้นเสียใจหรือเสียดาย

แต่กับเจียงเซ่อ ร่วมงานกันมาหลายปี กลับรู้สึกลางๆ ว่า นอกจากเรื่องงานแล้ว ยังมีมิตรภาพเกิดขึ้น ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ เซี่ยเชาฉวินไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตอนนี้พอมาคิดทบทวนดูแล้ว กลับไม่สามารถปฏิเสธได้

นอกจากเรื่องงานยังมีความเชื่อใจระหว่างเพื่อนเกิดขึ้น มีความสนิทสนม แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ไม่ได้กระทบต่องานอย่างที่เซี่ยเชาฉวินคิดเอาไว้ เธอก็รับกอดนั้นเอาไว้และกลายเป็นฉากจบที่งดงามมากที่สุดของทริปอเมริกาในครั้งนี้

เวลาของทั้งสองกระชั้นชิดมาก พอเจียงเซ่อเตรียมตัวเสร็จพร้อมให้นักข่าวสัมภาษณ์ เซี่ยเชาฉวินก็ขึ้นรถที่กำลังจะมุ่งหน้าไปสู่สนามบินแล้ว

สถานที่สัมภาษณ์อยู่ห้องข้างๆ Shrine Auditorium and Expo Hall ตอนนี้หนังทั้งสามเรื่องที่เข้ารอบแรกใน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ต่างก็ต้องรับการสัมภาษณ์ แต่เพราะชื่อเสียงของผู้กำกับ นักแสดงที่ไม่เท่ากัน เวลาสัมภาษณ์จึงไม่เหมือนกัน

ในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ เมื่อเทียบกับแล้วหนังที่เข้ารอบและได้รับรางวัล ล้วนมีจุดเด่นมากกว่าหนังที่ตกรอบ เพราะได้รับรางวัลที่เป็นเกียรติและยิ่งใหญ่มากที่สุด หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จึงถูกสัมภาษณ์เป็นอันดับสุดท้ายและช่วงเวลาสัมภาษณ์ก็มากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ เป็นเท่าตัว

ประเด็นสำคัญที่ถูกถามคือเชี่ยซ่าเหลยและเจียงเซ่อ เชี่ยซ่าเหลยเพิ่งจะอายุสี่สิบกว่า เป็นช่วงอายุที่ผู้ชายมีเสน่ห์มากที่สุด เพราะหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จึงทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับระดับเทพไปแล้ว หลังจากนี้หน้าที่การงานของเขาก็ได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว

สำหรับเจียงเซ่อในสายตาของนักข่าว เธอเป็นเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อเสียงของเธอควรค่าแก่การให้เชี่ยซ่าเหลยขุดขึ้นมา

หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่บริษัทบอร์เจียและฮว๋านเต่าลงทุนไปสองร้อยล้านดอลล่าร์ แบกรับความกดดันที่ใช้นักแสดงหัวเซี่ยที่ไม่มีอิทธิพลเลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดก็สร้างปฎิหาริย์แบบนี้ได้ ทำให้เจียงเซ่อกลายเป็นนักแสดงหญิงจากหัวเซี่ยคนแรกที่ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ และชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

“คุณเจียง มีเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณมาร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลยคะ”

“คุณเจียง คุณคิดอย่างไรกับการที่แฟนหนังทั่วประเทศต่อต้านหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของคุณครับ”

“หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้รับรางวัลสุดยอดภาพยนตร์ ต่อไปผู้ชมคงจะคาดหวังกับหนังของคุณมากขึ้น คุณกดดันกับการรับหนังและการแสดงในอนาคตหรือเปล่าคะ”

“……”

คำถามทำนองนี้เกิดขึ้นมากมายและถามโยงไปถึงปัญหาที่พบเจอตอนถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เช่น ความแค้นที่เกิดขึ้นกับลาร่าและการร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลยและโดนัลด์ เจียงเซ่อจึงตอบคำถามทั้งหมดพร้อมรอยยิ้ม

ภาษาอังกฤษของเธอไม่เลวเลย เรื่องนี้จากคำกล่าวปิดงาน ทุกคนก็พอรู้มาบ้างแล้ว

แต่หลังจากสัมภาษณ์เธออย่างเป็นทางการ จึงทำให้ทุกคนรู้ความสามารถด้านภาษาของเธอจริงๆ

สำหรับคำถามหลากหลายรูปแบบเกี่ยวกับหนังจากนักข่าว บางคำถามใช้ศัพท์เฉพาะของหนัง เธอก็ล้วนผ่านไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ล่าม

ในขณะที่เจอนักข่าวจากประเทศต่างๆ ยังสามารถใช้ภาษาของประเทศนั้นๆ ทักทายได้บ้าง คำถามรุนแรงบางคำถามก็ถูกเธอหลีกเลี่ยงอย่างง่ายดาย

อาจจะเป็นเพราะว่าทุกคนไม่ได้ตั้งความหวังกับเธอสูงมากนัก เพราะฉะนั้นกริยาอันโดดเด่นของเจียงเซ่อจึงทำให้นักข่าวจำนวนมากรู้สึกดีกับเธอ ในฐานะที่เธอเป็นนักแสดงที่ให้สัมภาษณ์ในคืนนี้ ในกล้องของนักข่าวจำนวนมากได้เก็บภาพรอยยิ้มของเธอเอาไว้

การสัมภาษณ์ยี่สิบนาทีสั้นๆ ได้จบลง อีกสักครู่นักข่าวยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงขอบคุณของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่ทางผู้สนับสนุนจัดขึ้น การแสดงออกในคืนนี้ ของเจียงเซ่อและต้นทุนจำนวนมหาศาลที่ทางผู้จัดหนังทุ่มลงไป เพียงพอที่จะเป็นเครื่องการันตีว่าหลังจากหนังเรื่องนี้เข้าฉายแล้ว หน้าที่การงานของเจียงเซ่อจะก้าวสู่ศักราชใหม่

งานเลี้ยงการกุศลของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ อยู่ที่ห้องโถงห้องข้างๆ เจียงเซ่อเดินอยู่ข้างหลัง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสงไฟและเสียงปรบมือที่ล้อมรอบเธอในค่ำคืนนี้ ทำให้เธอพลันรู้สึกราวกับฝันไป

เธอจงใจเดินอยู่ข้างหลังคนอื่นๆ พอคนข้างหน้าเดินไปไกลแล้ว เหลือคนอยู่เพียงไม่กี่คน บรรยากาศก็ค่อยๆ เงียบลง

ด้านหนึ่งของทางเดินนี้เป็นกระจก มองออกไปจากตรงนี้ สามารถเห็นภาพบรรยากาศยามค่ำคืนนอก Shrine Auditorium and Expo Hall ได้

จากมุมของเจียงเซ่อ จะเห็นสนามใหญ่สนามหนึ่ง หน้าสนามมีต้นคริสต์มาสอันโดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ต้นหนึ่ง นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาต่างต้องหยุดตรงหน้าต้นคริสต์มาสต้นนี้ บางคนถึงขั้นยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับมัน

แม้ว่าจะมีกระจกกั้นและไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอก แต่เจียงเซ่อก็ราวกับได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศแบบนั้น

คืนนี้แฟนหนังจำนวนมากไปแจกของที่ระลึกให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่ข้างนอก บางคนชูป้ายไฟชื่อผู้กำกับและนักแสดงที่ตนเองสนับสนุน

แสงไฟมากมายเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน ทำให้ดูสงบและอบอุ่น พอเริ่มดึกข้างนอกก็มีหิมะตกเบาๆ แต่ภายในฮอลล์กลับอบอุ่นเป็นอย่างมาก

เจียงเซ่อยืนอยู่หน้ากระจก โม่อานฉีและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เร่งเธอ ปล่อยให้เธอมีเวลาอยู่เงียบๆ บ้าง

“ใกล้จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว”

เสียงของโดนัลด์ทำให้เจียงเซ่อที่กำลังเหม่อได้สติ เธอหันกลับไปเห็นว่าสุภาพบุรุษผู้สงบเสงี่ยมก็กำลังมองภาพบรรยากาศนอกหน้าต่างเช่นกัน เจียงเซ่อจึงแปลกใจไม่น้อย

“ใช่แล้ว”

ไม่รู้ว่าโดนัลด์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มือทั้งคู่ของเขาล้วงกระเป๋า ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม ท่าทางของเขาในตอนนี้ดูจริงใจกว่าตอนสัมภาษณ์ไม่น้อย เหมือนได้ถอดหน้ากากออกชั้นหนึ่ง

“ครอบครัวของฉันนัดกันไปพักผ่อนที่ฝรั่งเศส แต่เสียดายที่ฉันไปด้วยไม่ได้เพราะติดงาน”

เขายกมือขึ้นโบกท่าทางดูเสียใจไม่น้อย เจียงเซ่อเพิ่งจะหัวเราะเพราะคำพูดของเขาได้ไม่นานก็ยิ้มไม่ออกเสียแล้ว

เธอคิดถึงตัวเองที่ยุ่งอยู่กับงานจนละเลยเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัวโดยเฉพาะช่วงเวลาในเทศกาล จึงไม่แปลกที่เธอจะเสียใจอยู่บ้าง

ตอนนี้เธอได้รับรางวัลใหญ่ ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจ ได้รับเสียงปรบมือและคำอวยพรจากคนอื่นๆ แต่กลับไม่มีเผยอี้อยู่เคียงข้าง ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวไม่น้อย แม้กระทั่งความดีใจจากการได้รับรางวัลใหญ่ก็ยังมีความเศร้าปะปนอยู่มาก

โดนัลด์คงจะเข้าใจความรู้สึกของเธอก็เลยอุตส่าห์เข้ามาคุยกับเธอ

เขาเผยรอยยิ้มปลอบใจ รู้สึกดีกับเพื่อนที่อายุยังน้อยคนนี้มากกว่าเดิม

“เจียง เธอเหมือนปริศนา” เขาเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ยกมืออีกข้างหนึ่งทำสัญลักษณ์

ตอนแสดงหนังเธอทำสุดความสามารถและเพื่อคว้าโอกาส เธอได้แสดงความทะเยอทะยานของตนเองออกมา

ถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าก็ไม่มีคำว่าถอยหลัง แต่พอรู้ว่าที่เธอมีโอกาสได้แสดงเป็นบริตนีย์ในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ อาจจะไม่ได้เป็นเพราะมิตรภาพและความพยายาม แต่มีอย่างอื่นแอบแฝง เธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหลังจากรู้ความจริง ในทางกลับกัน ยังสามารถพูดคุยกับเชี่ยซ่าเหลยอย่างสนิทสนมเหมือนเดิม ราวกับปัจจัยภายนอกอื่นๆ ไม่เคยส่งผลกระทบต่อมิตรภาพนั้น

ทั้งหมดนี้ทำให้โดนัลด์แปลกใจมาก

เขามีแฟนสาวที่อายุราวเจียงเซ่อ ทั้งสวยโดดเด่นและมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก

บางทีถ้าผู้หญิงของเขาเจอกับเรื่องแบบนี้ อาจจะคิดว่ามิตรภาพแบบนี้ไม่บริสุทธิ์และคิดว่าการตัดสินใจแบบนี้เป็นการดูถูกความสามารถอย่างหนึ่ง

ความจริงโดนัลด์ไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้กับเจียงเซ่อ แต่หลังจากการสัมภาษณ์ในคืนนี้ การแสดงอันโดดเด่นของเธอได้รับรอยยิ้มและคำชื่นชมจากคนทั้งงาน แต่หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เธอกลับมาดื่มด่ำกับความงียบ ทำให้เขานึกถึงคนในครอบครัวของตนเอง จึงอดถามคำถามนี้ด้วยความสงสัยไม่ได้

ตอนแรกเขาคิดว่าเจียงเซ่อจะไม่ตอบ แต่หลังจากได้ยินคำถามของเขา เจียงเซ่อก็คิดทบทวนอย่างรอบคอบ ก่อนจะตอบอย่างจริงจังว่า

“เพราะมิตรภาพของผู้ใหญ่ไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่ไม่ต้องการผลประโยชน์ต่อกัน ฉันเชื่อว่าจะมีมิตรภาพที่บริสุทธิ์และไม่หวังผล แต่เรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าทั้งสองอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกันและรู้จักกันมานาน จึงจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันได้”

เธอกับเชี่ยซ่าเหลยรู้จักกันยังไม่นานมากพอ ก่อนที่ร่วมงานกันในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ฐานะของทั้งสองไม่เท่ากัน ความชอบที่เหมือนกันเพียงชั่วคราว ไม่ได้หมายความถึงมิตรภาพที่สามารถพัฒนาไปได้ นั่นเป็นเพียงแค่รากฐานของมิตรภาพเท่านั้น

ถ้าอยากจะเป็นเพื่อนเก่าที่สนิทสนมกันยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน ยังต้องใช้เวลาหลังจากนี้เป็นเครื่องพิสูจน์

เชี่ยซ่าเหลยไม่ใช่คนที่จะผูกมิตรได้ง่ายๆ ความจริงเจียงเซ่อเองก็เช่นกัน

ไม่นานก็มีคนเดินมาทางนี้ ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสอง หลังจากงานเลี้ยงการกุศล เจียงเซ่อก็ไปร่วมที่เหลืออีกสองงานตามที่เซี่ยเชาฉวินบอก ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่สังคมหนังของอเมริกาเหนืออย่างเป็นทางการ

หลังจากกลับโรงแรมก็เกือบจะตีสามแล้ว เจียงเซ่อรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าจนแทบจะไร้ความรู้สึก

เธอใส่รองเท้าส้นสูงมาเกือบสิบห้าชั่วโมงแล้ว