webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

631

บทที่ 631 สายเรียกเข้า

อีกสิบนาที ทางผู้จัดงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จะประกาศรายชื่อหนังที่เข้ารอบ หลังจากอาหารค่ำซูเพ่ยเอินก็กลับโรงแรมไป ตอนแรกคิดว่าจะนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าระเบียงและจดบันทึก พอถึงเวลาก็จะดูผลทันที แต่เพราะได้รับผลกระทบจากบรรยากาศแบบนี้ เขาจึงตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ ตัดสินใจออกไปเดินเล่น และหาบาร์สักร้าน

ในช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่นี้ ในขณะที่บาร์จำนวนมากกำลังเตรียม party อันยิ่งใหญ่เพื่อฉลองให้กับหนังที่จะได้เดินในพรมแดงของงานหนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง เขาเองก็ไม่ควรนั่งอยู่ในโรงแรม ควรจะไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้

เขาให้ผู้ช่วยเอาเสื้อกันหนาวของตนเองมาให้และหามุมของบาร์ร้านหนึ่งแล้วนั่งลง อีกไม่ถึงหนึ่งนาทีจะประกาศผลแล้ว

เสียงเพลงในบาร์หยุดไปแล้ว ผู้คนมากมายที่ในมือถือแก้วเหล้าเอาไว้ต่างลุกขึ้น เตรียมฉลองให้กับผลงานที่ตนเองสนับสนุน

ซูเพ่ยเอินเองก็เปิดเหล้า ผู้ช่วยถือแก้วเหล้าเอาไว้ มีคนเริ่มนับถอยหลังแล้ว ผู้ช่วยเองก็ตะโกนตามจังหวะเป็นภาษาอังกฤษ “สิบ เก้า แปด...สาม สอง หนึ่ง!”

“ว้าว~”

ท่ามกลางเสียงดีใจ บนหน้าจอทีวีในบาร์ มีภาพงานหนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนังปรากฏขึ้นแล้ว จะประกาศชื่อหนังที่เข้ารอบแรกตอนเที่ยงคืนตรง

“ ‘Lie of winner’ ‘Infighter’…”

ตอนที่อ่านชื่อหนังทุกเรื่อง คนที่เดาถูกต่างส่งเสียงดีใจ

“อาจารย์ซู หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของเจียงเซ่อก็เข้ารอบนี้!”

ผู้ช่วยเผลอจับข้อมือของซูเพ่ยเอิน ตอนที่เห็นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ อยู่ในรายชื่อหนังที่เข้ารอบก็ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว

เสียงของเขาถูกเสียงตะโกนที่ขึ้นๆ ลงๆ กลบไป ซูเพ่ยพยักหน้า ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม

การที่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้ารอบ อยู่ในความคาดหมายของซูเพ่ยเอินตั้งแต่แรก แขกในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ไม่ได้อคติหรือดูถูกหนังเรื่องนี้เพราะมีนักแสดงของหัวเซี่ย แต่มาพร้อมความศรัทธา หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จึงเข้ารอบในวันนี้

บรรยากาศในงานครึกครื้นมาก ฟองไหลออกจากขวดเบียร์ที่ถูกเปิดออก เสียงหัวเราะของผู้คนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกคนไม่ว่าจะมากับเพื่อนหรือคนแปลกหน้าล้วนสามารถชนแก้วกันได้ในบรรยากาศแบบนี้ ประเด็นที่คุยกันคือหนังที่จะเข้ารอบในคืนนี้

ซูเพ่ยเอินอายุมากแล้ว จนตอนนี้เขายังไม่ได้นอน ก็เพราะอยากรู้ผลลัพธ์เท่านั้น หลังจากประกาศผลแล้ว เขาก็เตรียมกลับโรงแรม

ผู้ช่วยอายุยังน้อย เมื่อได้รับผลกระทบจากบรรยากาศพิเศษแบบนี้ก็อาลัยอาวรณ์ไม่น้อย

ซูเพ่ยเอินปล่อยให้เขาสนุกอยู่คนเดียว ที่นี่ห่างจากโรงแรมไม่มากนัก เขาเตรียมจะเดินกลับไป

หลังจากออกจากบาร์ บนถนนยังคงเต็มไปด้วยผู้คน ตรงกลางสนามมีการแสดงเปิดหมวก เด็กสาวที่ใส่ที่คาดผมที่ส่องแสงระยิบระยับยื่นที่คาดผมแบบเดียวกันให้เขา พูดกับเขาด้วยภาษาอังกฤษพร้อมรอยยิ้มว่า

“คุณผู้ชาย โปรดสนับสนุนหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ด้วยนะคะ”

ซูเพ่ยเอินอึ้ง หญิงสาวคิดว่าเขาฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ ชี้ที่คาดผมของตนเอง แล้วยื่นที่คาดผมที่ส่องแสงระยิบระยับในมือให้ซูเพ่ยเอิน

เขาได้สติและพบว่าตนเองน่าจะเจอแฟนคลับเข้าแล้ว จึงรับที่คาดผมมาแล้วกล่าวขอบคุณ

หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วหันกลับไปแจกที่คาดผมและของที่ระลึกอื่นๆ เกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ต่อ

เขาเดินไปหลายก้าว แล้วหันกลับไปมองหญิงสาวที่กำลังทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ก่อนจะใส่ที่คาดผมที่ส่องแสงระยิบระยับบนหัว แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาว

นักข่าวในประเทศต่างก็กำลังรอคอยวินาทีนี้ ตอนที่งาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ประกาศรายชื่อหนังที่เข้ารอบแรก และมั่นใจแล้วว่ามีหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ สื่อต่างๆ ก็ใช้ตัวอักษรที่ใหญ่ที่สุด เพื่อเผยแพร่ข่าวนี้!

หัวเซี่ยจือซวิ่น ‘ในที่สุดเจียงเซ่อก็เดินเข้าสู่วงการต่างประเทศ กลายเป็นคนแรกที่ได้ก้าวเข้าสู่งาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’!’

รู้ทันโลก ‘ตั้งแต่ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จัดตั้งขึ้นก็ใกล้จะครบร้อยปีแล้ว ในที่สุดการปรากฏตัวของเจียงเซ่อก็ได้ทำลายความผิดหวังที่ว่าคนหัวเซี่ยไม่เคยเดินบทพรมแดงที่เป็นของนักแสดงมืออาชีพและผู้กำกับระดับเทพได้สำเร็จ ยินดีกับเจียงเซ่อด้วย!’

บันเทิงรอบวัน ‘หลังจากถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเทศกาลหนังฝรั่งเศสสองปีซ้อน เจียงเซ่อยังคงเดินหน้า พาหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้ารอบไปได้!’

บันเทิงหัวเซี่ย ‘ปีนี้งาน ‘The second coming of Jesus Christ’ ไม่ได้เป็นแค่ของยุโรปและอเมริกาอีกต่อไป แต่ยังเป็นของหัวเซี่ยอีกด้วย!’

หลงสิงมีเดีย ‘เจียงเซ่อไม่เพียงแค่ใช้ผลงานการันตีความสามารถของตนเอง แต่ยังเป็นการยืนยันความสามารถของหัวเซี่ย!’

……

หัวข่าวของสื่อต่างๆ ล้วนกำลังเผยแพร่เรื่องนี้ ประชาชนทั่วทั้งประเทศต่างก็กำลังภาคภูมิใจในตัวของเจียงเซ่อและดีใจแทนเธอ

เถาเถากัดฟัน ก่อนจะเปิดเว็บไซต์ หลังจากเห็นว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ อยู่ในเพจของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ก็แทบจะร้องไห้ออกมา

อย่างที่นักข่าวของรู้ทันโลกบอก หนังที่เจียงเซ่อเป็นนางเอก ทำลายความผิดหวังของคนหัวเซี่ยที่ไม่เคยเดินบนพรมแดงของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนในประเทศดีใจมาก

ความพยายามของเจียงเซ่อได้รับผลตอบแทนแล้ว วินาทีนี้เถาเถาตื่นเต้นจนแทบจะไม่เชื่อตัวเอง เธอหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายรอบ แต่ก็ยังคงไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ ขณะเดียวกันกับที่เจ้านายเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยความตื่นเต้น

“หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เข้ารอบหนังคุณภาพ เจียงเซ่อจะได้เดินพรมแดงในพิธีปิดของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’”

เรื่องใหญ่แบบนี้ สำหรับผู้ชมในประเทศและแฟนหนังแล้วเป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ วันงานปิดพิธีของ ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ จะเปิดให้สื่อจากทั่วโลกได้เข้าไป และจะเชิญสื่อไปชมขั้นตอนทั้งหมดในพิธี

หลายปีมานี้สำนักข่าวหลงสิงพัฒนาไปได้ดีมาก ขยับขยายมากขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นผู้นำในวงการนี้ เจ้านายเขียนอีเมลไปขอสิทธิ์เข้าร่วมงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงครึ่งเดือนที่แล้ว มีสื่อบางส่วนที่ไม่สามารถไปได้เพราะปัญหาวีซ่าสำนักข่าวหลงสิงที่เป็นตัวสำรองจึงมีโอกาส

“เสี่ยวเถา วีซ่าของเธอเสร็จแล้ว ออกเดินทางคืนนี้เลย”

ตั้งแต่ครึ่งเดือนที่แล้ว เจ้านายก็เริ่มจัดการวิซ่าของลูกน้อง หลังจากมีข่าวลือว่าเจียงเซ่ออาจจะเป็นนางเอกในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เขาก็เลือกให้เถาเถาเป็นหนึ่งในนักข่าวที่ไปสัมภาษณ์

การที่หนังของเจียงเซ่อได้เข้ารอบในครั้งนี้ สำหรับเจ้านายเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ถ้าเถาเถาไปครั้งนี้ แล้วได้โอกาสสัมภาษณ์เจียงเซ่อเป็นการส่วนตัว ถือว่าเป็นผลดีต่อการพัฒนาของสำนักข่าวเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย

แม้ว่าเจียงเซ่อาจจะงานยุ่ง จนไม่ได้รับบทสัมภาษณ์มา แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ผู้ชมในประเทศอยากเห็นในตอนนี้ น่าจะเป็นเจียงเซ่อในพรมแดงของงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ ก็เท่านั้น

สายตาที่แฝงความอิจฉาของเพื่อนร่วมงาน เถาเถายังมองเห็นไม่ทัน ดวงตาของเธอแดงก่ำ เอากระดาษขึ้นมาบังริมฝีปากเอาไว้ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ

ใน ‘สือได้ผิงซัว’ ท่ามกลางเพจของซูเพ่ยเอิน ชาวเน็ตที่รู้ข่าวต่างก็รีบมาแสดงความคิดเห็น ชื่นชมว่าซูเพ่ยเอินมีญาณทิพย์หยั่งรู้อนาคต

หลังจากมั่นใจแล้วว่าเจียงเซ่อจะได้เดินพรมแดง การแต่งตัวที่เตรียมเอาไว้ก็ได้ใช้

เซี่ยเชาฉวินเตรียมชุดเดินพรมแดงมาให้เจียงเซ่อ เป็นของแบรนด์ Melovin ที่เตรียมเอาไว้ให้เจียงเซ่อตอนไปปารีส มีทั้งหมดสามชุด ตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกชุดไหน ทีมหน้าผมก็กำลังคุยรายละเอียดหน้าผมวันที่เจียงเซ่อจะเดินพรมแดง

ในงานที่ผู้คนทั่วโลกต่างติดตาม ทุกความเคลื่อนไหวของเจียงเซ่อล้วนเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนต่างจับตา จะผิดพลาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ทางบริษัทเป็นห่วงว่าทีมงานของทางเจียงเซ่อจะไม่พอ จึงสั่งคนไปช่วยเธอจัดการหลายเรื่อง หลายวันมานี้ เจียงเซ่อได้รับสายจากทางบริษัททั้งของลัวหยิ่น ฉางยวี่หูและเหลียงชุนปอ และยังได้รับสายจากเผยอี้ เนี่ยต้านและคนอื่นๆ ในโทรศัพท์มือถือของเธอยังได้รับข้อความจากไต้เจีย ที่มาแสดงความยินดีที่หนังที่เธอเป็นนางเอกเข้ารอบงานคุณภาพในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’

วันที่สิบเก้าตามเวลาท้องถิ่นของอเมริกา อีกไม่ถึงยี่สิบชั่วโมงจะถึงเวลาเดินพรมแดง โม่อานฉีและคนอื่นตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับและเจียงเซ่อก็ได้รับโทรศัพท์จากเฝิงจงเหลียง

“คุณปู่”

เธอกดเสียงต่ำ ในอีกห้องของห้องสูท เซี่ยซ่าเหลยยังคงประชุมกับทีม เธออาบน้ำและขึ้นเตียงเตรียมจะนอนแล้ว

“จะนอนแล้วใช่ไหม”

เขาได้ยินเสียงที่ค่อนข้างต่ำของเจียงเซ่อ คิดว่าเธอง่วงแล้ว เลยจะวางสาย

“เดี๋ยวปู่ค่อยโทรไปใหม่”

“เดี๋ยวค่ะคุณปู่” เจียงเซ่อรีบพูด “หนูก็มีเรื่องอยากคุยกับปู่เหมือนกัน”

เธอได้ยินเสียงเฝิงจงเหลียงแล้วอยากร้องไห้ ออกนอกประเทศมานาน ออกจากบ้านมาก็สักพักแล้ว ช่วงนี้เพราะงานยุ่ง เพราะต้องโปรโมทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ งานของเธอเลยเหมือนไม่จบไม่สิ้น เหมือนลูกข่างที่หมุนไม่รู้หยุด ไม่มีเวลาโทรหาคนที่บ้านเลยจริงๆ

บวกกับเวลาที่ต่างกัน เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับเฝิงจงเหลียงนานแล้ว

ตอนนี้ที่เฝิงจงเหลียงโทรมา เหตุผลที่หนึ่ง อาจจะเพราะคิดถึงเธอ เหตุผลที่สอง คือโทรมาให้กำลังใจเธอ เจียงเซ่อเริ่มโทษตัวเอง

“ขอโทษด้วยนะคะคุณปู่ ช่วงนี้หนูยุ่งมาก ไม่ได้โทรหาปู่เลยทำให้ปู่ต้องเป็นห่วง”

ทันทีที่เธอพูดจบ อีกฝั่งก็เงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเฝิงจงเหลียงเคร่งขรึม จากคำพูดของเขา ราวกับสามารถเห็นท่าทางเข้มงวด และเห็นใบหน้าเรียบนิ่งและคิ้วที่ขมวดอยู่ของเขาได้

“ตื่นเต้นเหรอ”

“ค่ะ” เธอตอบ เจียงเซ่อเคยเดินพรมแดงและเคยเป็นที่จับตามอง แต่ความหมายของการเดินพรมแดงครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ และจำนวนผู้ติดตามก็ต่างกันด้วย

ความเคร่งเครียดของเซี่ยเชาฉวินและคนอื่นๆ ทำให้เธอกดดัน ราวกับว่าเส้นไหมทุกเส้นบนกระโปรง ทางทีมก็ยังคงเช็กแล้วเช็กอีก

ในอินเทอร์เน็ต ประชาชนคาดหวังกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ สูงมาก ทำให้เจียงเซ่อเครียดไปด้วย คำอวยพรจากญาติและเพื่อนทุกคนก็ล้วนทำให้เธอกดดัน ครั้งนี้หนังที่โดดเด่นเยอะมาก แม้ว่าเธอจะมั่นใจในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ แต่ก็อดคิดถึงงานเทศกาลหนังฝรั่งเศสปีอื่นๆ ที่สุดท้ายต้องพลาดจากรางวัล ‘นักแสดงนำยอดเยี่ยม’ นั่นขึ้นมาไม่ได้

“หลานทำดีมากแล้ว”

เฝิงจงเหลียงได้ยินเธอยอมรับ น้ำเสียงจึงแฝงความห่วงใยอย่างอดไม่ได้

“เมื่อวานตอนเย็น ปู่ไปบ้านตระกูลเผยมา และดูหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ พร้อมคุณเผย ท่านชมว่าหลานแสดงดี เป็นหน้าเป็นตาให้เรา”

แม้ว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ยังไม่เข้าฉาย แต่ถ้าคุณปู่เผยอยากดูก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหา

ทันทีที่หนังเข้าสู่หัวเซี่ย ตระกูลเผยก็ได้รับก่อนทันที เมื่อวานเฝิงจงเหลียงไปบ้านตระกูลเผย ได้ยินคุณปู่เผยชมเจียงเซ่อแล้วรู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งใจมาก “และยังบอกอีกว่าน้าหนิงของหลานโทรหา บอกให้หลานทำให้เต็มที่”

เฝิงจงเหลียงใช้วิธีแบบนี้ปลอบใจเจียงเซ่อ เขาไม่ถนัดใช้คำพูดอ่อนหวาน เมื่อก่อนตอนที่คุยกับหลานสาว ส่วนใหญ่จะวางท่าเป็นผู้ใหญ่เสียมากกว่า

ตอนนี้ คำชื่นชมนี้ พูดออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ ไม่ราบรื่นมากนัก แต่กลับทำให้เจียงเซ่อสบายใจมากขึ้น

“แล้วน้าหนิงโทรหาหลานหรือยัง”

“โทรมาแล้วค่ะ”

ทันทีที่เธอตอบ เฝิงจงเหลียงก็ถามต่อว่า

“โทรไปก็ดีแล้ว หลานดูสิ ทุกคนในบ้านต่างก็เป็นกำลังใจให้หลาน ได้รางวัลจากเมืองนอกก็ดี ไม่ได้ก็ช่างมัน ไม่ว่าจะได้รางวัลหรือไม่ ในใจปู่ หลานก็ยังคงเก่งที่สุด”

เสียงของเขาสูงขึ้น

“ตอนนั้นเพราะต้องรับตำแหน่ง ปู่นอนไม่หลับหลายวัน กินข้าวไม่ลง เหมือนไม่มีสติสตางค์ ย่าของหลานบอกว่า มีอะไรน่าตื่นเต้น ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน อีกหน่อยเกียรติยศแบบนี้ยังมีอีกเยอะ ปู่เลยลองคิดดู มันก็เป็นแบบนั้นจริง หลังจากนั้นก็เลยไม่ตื่นเต้นแล้ว” เขาพูดแบบนี้ เพราะต้องการให้หลานสาวยิ้มออก

“ปู่ก็ไม่คิดว่าย่าของหลานจะเดาถูกหรอกนะ เพราะหลังจากนั้นปู่ก็ไม่เดินทางสายนั้นอีกและเสียโอกาสที่จะได้รับความภาคภูมิใจแบบนั้นไปเลย”

เขาหมายถึงในตอนที่พาทุกคนออกจากปักกิ่งไปอยู่ที่ฮ่องกง เพราะธุรกิจครอบครัว เจียงเซ่อหัวเราะออกมาเพราะคำพูดของเขา พอได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกขึ้น

“ต้องแบบนี้สิ”

คุยกันได้สักพัก ทางฝั่งเฝิงจงเหลียงเหมือนมีคนเปิดประตูห้องอ่านหนังสือออก ฟังเสียงแล้วน่าจะเป็นเสี่ยวหลิว เธอยังไม่ทันได้ถาม เฝิงจงเหลียงก็พูดว่า

“หลานรีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ปู่จะรอดูหลานหน้าทีวี”

เธอตอบ หลังจากนั้นก็วางสาย ภายในห้องอ่านหนังสือของเฝิงจงเหลียง เสี่ยวหลิวพูดเบาๆ ว่า

“คุณท่าน คุณหนูเฝิงถูก ‘ส่งกลับ’ ฮ่องกงไปแล้วครับ ผมโทรหาคุณชายใหญ่แล้ว บอกว่าท่านอยากให้จับตาดูเฝิงหนานเอาไว้ให้ดี”

เฝิงจงเหลียงพยักหน้า ใบหน้าที่ตอนแรกยังมีรอยยิ้มเพราะได้คุยกับเจียงเซ่อ พอพูดถึงเฝิงหนานรอยยิ้มก็หายไปจนหมดสิ้น

“จับตาเธอเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา”

เขาขมวดคิ้ว ความจริงคำสั่งเดิมที่เขาให้เสี่ยวหลิวทำคือ ให้เขาหาคนส่งตัวเฝิงหนานกลับฮ่องกงและกักบริเวณเธอ

อย่างน้อย ก็ช่วงที่เจียงเซ่อกำลังโปรโมทหนังเรื่องใหม่จะต้องไม่ให้เธอออกมาก่อความวุ่นวายได้

ตอนนั้นเพราะความโกรธ เฝิงหนานจึงโพสต์ลงในโลกโซเชียล คนรอบข้างอาจจะไม่เห็น แต่ไม่นานคนของเผยอี้ที่ตามเธออยู่ก็เห็นและไปบอกเฝิงจงเหลียง

‘เรื่องในครอบครัว’ บางเรื่อง เขายังต้องจัดการด้วยตนเอง เขาขมวดคิ้ว ความสุขที่ได้คุยกับหลานสาวตอนนี้ได้หายไปเพราะเฝิงหนาน เสี่ยวหลิวพูดว่า

“คุณชายใหญ่รับปากแล้วว่าจะไม่ให้เธอทำให้ท่านโกรธอีกครับ”

เฝิงชินหลุนรู้แล้วว่าเพราะเรื่องลักพาตัว ‘เฝิงหนาน’ ทำให้คุณท่านไม่พอใจในตัวเขามาก และกังวลว่าจะลำเอียงตอนแบ่งทรัพย์สมบัติหลังจากคุณท่านเสียชีวิต ดังนั้นตอนนี้แม้คำพูดของคุณท่านจะเป็นคำสั่ง แต่เขาก็ไม่กล้าไม่ทำตาม

เฝิงจงเหลียงพยักหน้าและโล่งอก

ในปักกิ่งถนนเก่าสายหนึ่งที่ติดป้ายว่า ‘รื้อ’ ตึกเก่าๆ ที่เรียงตัวเป็นแถวและตึกใหม่ที่อยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปถูกเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน

ที่นี่เหมือนเป็นของเก่าที่ถูกทอดทิ้ง มีกลิ่นเหม็นลอยออกมา เพราะรื้อไม่ทัน เจ้าของเดิมของบ้านหลังนี้จึงให้คนงานจากข้างนอกมาเช่า

ตอนกลางวัน ที่นี่ดูเงียบเป็นพิเศษ ที่นี่เป็น ‘ที่อยู่ใหม่’ ของเจียงจื้อหยวน ทันทีที่ได้รับสายจากไต้เจีย เขาก็ลาออกจากงานทันที ย้ายออกจากที่อยู่เดิม หลุดออกจากการควบคุมของตระกูลเฝิง มาอยู่ในสลัม คอยหลบจากสายตาของผู้คน กลางวันไม่สามารถออกไปไหนได้ จำเป็นต้องใช้ชีวิตกลางคืนแทน

ตึกเก่าหลังนี้มีอายุมากกว่าสี่สิบปี ดูจากภายนอกก็เก่ามากแล้ว ผนังด้านนอกเริ่มลอก ให้ความรู้สึกเหมือนจะถล่มลงมาตลอดเวลา

ภายในก็เรียบง่ายมาก สัมภาระของเจียงจื้อหยวนถูกเขาทิ้งไว้ตรงมุมอย่างไม่ใส่ใจ

เขานั่งอยู่บนขอบเตียง ในปากคาบบุหรี่ มือหนึ่งถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ อีกมือถือโทรศัพท์มือถือ

บนกระดาษแผ่นนั้นมีตัวเลขอยู่หนึ่งบรรทัด เพราะเขาเอาออกมาและถูกับนิ้วมือ มุมของกระดาษแผ่นนั้นจึงเริ่มเป็นขุย แต่เขากลับถืออย่างระมัดระหว่างเป็นอย่างมาก

ตัวเลขที่อยู่ด้านบน เจียงจื้อหยวนท่องกลับหน้ากลับหลังได้ขึ้นใจ แต่หลายวันมานี้ เขาก็ยังเอาออกมาดูอยู่ตลอดเวลา เก็บไว้ติดตัว กลัวเป็นอย่างมากว่าจะหาย

หลังจากไต้เจียนัดเจอกับเขา สิ่งที่ให้เขาก็คือเบอร์โทรศัพท์ของเจียงเซ่อ ไต้เจียเน้นย้ำว่า นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวของเจียงเซ่อ