webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

506

บทที่ 506 เปิดเผยเป็นครั้งแรก

เซิ่งจิ้งจือกำลังเข้าข้างเจียงเซ่ออย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่เจียงเซ่อยอมรับคำพูดของเขา ก็จะสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น

คำพูดของเฉินเจียว ทำให้เถาเฉินนึกถึงตอนที่นัดพบเชี่ยซ่าเหลยที่ฝรั่งเศสก่อนหน้านี้

หลังเทศกาลหนังฝรั่งเศส กว่าเธอจะหาข้ออ้างจนมีโอกาสร่วมทานมื้อเที่ยงกับเชี่ยซ่าเหลยได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนแรกคิดจะสร้างสัมพันธ์อันดีกับเขาให้มากขึ้นไปอีก หลังจากสืบจนรู้ว่าเขาชอบวงดนตรี ‘Times’ ของฟินแลนด์ เถาเฉินก็ทำทุกวิถีทางจนได้บัตรมาสองใบ ตั้งใจจะชวนเชี่ยซ่าเหลยไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน

แต่เชี่ยซ่าเหลยกลับปฏิเสธ และพูดตรงๆ ว่ามีนัดแล้ว

ตอนนี้เถาเฉินก็เคยเดาว่า คนที่นัดกับเชี่ยซ่าเหลยอาจจะเป็นเจียงเซ่อ

เชี่ยซ่าเหลยรู้สึกดีกับเจียงเซ่อเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่เคยไปดูหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เจียงเซ่อแสดง และยังชื่นชมหนังเรื่องนี้ ถึงขั้นที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า การที่เจียงเซ่อไม่ได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ เป็นการตัดสินที่ผิดพลาดของคณะกรรมการ

เขาเคยพูดตรงๆ ว่าอยากร่วมงานกับเจียงเซ่อ จากนั้นก็เคยพูดคุยกับเจียงเซ่อ เจียงเซ่ออาจจะไปแคสติ้งหนังของเขาจริงๆ ก็ได้

“คุณเถาคะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะติดต่อกับทางบริษัทฮว๋านเต่าเพื่อสืบเรื่องภาคสองของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ดีหรือเปล่าคะ”

เฉินเจียวนั่งลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ก่อนหน้านี้เธอเองก็เป็นผู้จัดการแนวหน้าของบริษัท แต่ไม่คิดว่าจะได้มาดูแลเถาเฉิน พอได้ตำแหน่งก็คิดแค่อยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด จึงไม่ปลื้มเจียงเซ่อมากนัก คิดว่าการที่เจียงเซ่อไปพบกับเชี่ยซ่าเหลย มีความเป็นไปได้ที่เจียงเซ่ออยากแย่งบทนักแสดงหัวเซี่ยในหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ภาคสองจากเถาเฉิน

ตอนที่เถาเฉินเซ็นสัญญา ‘The Lost City’ เป็นการเซ็นต์สัญญาเพียงแค่ภาคแรกเท่านั้น แต่ ‘The Lost City’ ต้องถ่ายทั้งหมดสามภาค และตัวละครของสองภาคหลังยังไม่ได้กำหนด

แต่ว่า ความคิดของเถาเฉินและผู้จัดการคนนี้ไม่เหมือนกัน เธอและเซี่ยเชาฉวินร่วมงานกันมาหลายปี รู้จักนิสัยของเซี่ยเชาฉวินเป็นอย่างดี คิดว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่เซี่ยเชาฉวินให้เจียงเซ่อเข้าหาเชี่ยซ่าเหลยเพื่อแย่งบทในหนัง ‘The Lost City’

นอกจากเพราะว่าภาคแรกของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ยังไม่เข้าฉาย บทของเถาเฉินในเรื่องนี้มีไม่มากนัก แต่สำหรับผู้ชมแล้ว หากใครได้แสดงก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ แม้เจียงเซ่อจะจับเชี่ยซ่าเหลยได้อยู่หมัดและได้แสดง ‘The Lost City’ นอกเสียจากว่าเชี่ยซ่าเหลยจะเป็นคนไปอ้อนวอนบริษัททุนฮว๋านเต่าและบอร์เจียให้เพิ่มบทและความสำคัญให้กับตัวละครตัวนี้ มิเช่นนั้น บทที่เจียงเซ่อจะได้รับก็คงไม่ต่างจากตนเองสักเท่าไหร่ แบบนี้ เธออาจโดนตำหนิได้และไม่คุ้มค่ากับที่ลงทุนไปอย่างแน่นอน

อีกอย่างหนังเรื่องนี้เป็นหนังเพื่อการลงทุน แม้เชี่ยซ่าเหลยจะมีสิทธิ์ตัดสินใจ แต่สิทธิ์ขาดยังคงอยู่ในการควบคุมของทีมผู้จัด

ท่ามกลางสถานการณ์ที่หนังเรื่องนี้ยังไม่เข้าฉาย ยากที่จะคาดการณ์ผลกำไร ในสถานการณ์แบบนี้ สำหรับฝ่ายลงทุนแล้ว แม้ตัวเธอจะยังไม่ได้ต่อสัญญา แต่ความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนคนกลางคันมีไม่มากนัก

อีกอย่าง เพราะความเย่อหยิ่งของเซี่ยเชาฉวิน หล่อนไม่มีทางยอมให้เจียงเซ่อกินของเหลือจากตนเอง เดินซ้ำบนเส้นทางที่เธอเดินมาแล้วครึ่งหนึ่ง หล่อนชอบการเป็นผู้ริเริ่มมากกว่า

เถาเฉินไม่สนใจเฉินเจียว หลังจากที่ผู้จัดการคนนี้เข้ามาทำหน้าที่ ก็ถูกเธอกดดันมาโดยตลอด แม้จะบอกว่าเป็นผู้จัดการ แต่ในด้านการทำงานจริงๆ เป็นเหมือนผู้ช่วยของเธอเสียมากกว่า

สายตาของเธอเคลื่อนไปที่นาฬิกาข้อมือของเจียงเซ่อ รุ่นนี้เป็นสีขาวดำ ดีไซน์เรียบง่าย ดูผ่านทีวีไม่ค่อยชัดนัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันกลับทำให้เถาเฉินนึกถึงเรื่องที่เธออยากร่วมงานกับแบรนด์นาฬิกา Federer ที่ฝรั่งเศสเมื่อครั้งก่อน แต่กลับถูก Federer ปฏิเสธ

และในขณะเดียวกัน ในแฟนเพจของเจียงเซ่อ ได้โพสต์รูปเธอและเซี่ยเชาฉวินที่ใส่นาฬิกาข้อมือของ Federer เป็นการประกาศอย่างอ้อมๆ ว่าเจียงเซ่อร่วมงานกับแบรนด์ Federer

ได้ข่าวว่าปีนี้ ทางแบรนด์ Federer และแบรนด์เปียโน Steinway ได้ร่วมกันสร้างนาฬิการุ่นหนึ่งที่มีจำนวนจำกัด ตอนนี้ยังไม่เปิดตัว นาฬิกาบนข้อมือของเจียงเซ่อเป็นสีขาวดำ ซึ่งก็คือสีของเปีโน หรือแบรนด์ Federer เลือกที่จะร่วมงานกับเธอจริงๆ

เธอกัดริมฝีปากทีหนึ่ง จับจ้องเจียงเซ่อในทีวีที่ค่อยๆ พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

“มีถ่ายงานโฆษณาค่ะ”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเจียงเซ่อ ชาวเน็ตก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา คนไม่จำนวนไม่น้อยคาดเดาว่าเธอพูดความจริงหรือไม่ และมีคนสงสัยว่าโฆษณาที่เจียงเซ่อพูดถึงมีความสำคัญมากแค่ไหน ถึงขั้นที่เธอไม่มาโปรโมทหนังเรื่อง ‘Evil’ แต่ถ่ายโฆษณาอยู่ที่ฝรั่งเศส

ในทีวี เซิ่งจิ้งจือหลังจากตกใจกับคำตอบก็เข้าใจและไม่ถามถึงเรื่องนี้อีก พลันเปลี่ยนประเด็นไปพูดถึงเรื่องของหนังแทน

เถาเฉินรู้สึกเพียงแค่ว่ากำลังหายใจติดขัด และกำหมัดแน่นทันที

“ถ่ายโฆษณาหรือ”

เธอพึมพำคำพูดของเจียงเซ่อหลายรอบ ถ้าสิ่งที่เธอคาดเดาเป็นความจริง เหตุผลที่เจียงเซ่ออยู่ที่ฝรั่งเศสต่อ เป็นเพราะต้องร่วมงานกับสินค้าใหม่ของแบรนด์ Federer แน่ ถ้าอย่างนั้นการมีโฆษณาต้องถ่าย แสดงว่าไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนความร่วมมือธรรมดา แต่มีค่าจ้างและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่มีสิทธิ์ได้รับสินค้าด้วย

มีเพียงแค่แบรนด์แอมบาสเดอร์เท่านั้น ที่ต้องถ่ายภาพและโฆษณา จึงจะใช้เวลาเป็นสิบวันหรือครึ่งเดือนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่มันเป็นไปได้หรือ

นาฬิกาข้อมือของแบรนด์ Federer ตั้งแต่ก่อตั้งมา ยังไม่เคยเซ็นสัญญาให้ชาวหัวเซี่ยคนไหนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาก่อน ที่ผ่านมาแม้โอกาสที่จะร่วมมือกับดาราหัวเซี่ยยังน้อยครั้งมาก

คนในวงการล้วนมีเกียรติขึ้นได้เพราะแบรนด์นาฬิกาของเขา แบรนด์ชั้นนำของประเทศสวิตเซอร์แลนด์แบบนี้ แค่เจียงเซ่อได้เป็นตัวแทนที่ไม่ได้รับค่าตัวก็เป็นเกียรติมากพอแล้ว Federer กลับให้เธอเซนต์สัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์จริงๆ และได้ถ่ายโฆษณาเหมือนดาราดังระดับโลก

“ไม่น่าจะเป็นไปได้...”

เถาเฉินอยากจะควบคุมสติอารมณ์ของตนเองมากขนาดไหน ตอนนี้ก็ไม่สามารถสงบลงได้เลย

ตอนที่เธอรู้ว่าแบรนด์ Federer จะเปิดตัวสินค้าใหม่ ก็เคยคิดอยากเป็นตัวแทนของแบรนด์นี้ อยากร่วมงานกัน Federer เพื่อยกระดับฐานะตนเองในระดับโลก เจียงเซ่อกลับได้เป็นถึงแบรนด์แอมบาสเดอร์ได้อย่างไร

ได้รับการให้ความสำคัญจากแบรนด์ Federer จนเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไม่เพียงแค่ต้องมีรูปลักษณ์ภายนอกอันงดงาม แต่ทั้งคุณสมบัติและฐานะล้วนขาดไม่ได้

โดยปกติแล้ว ผู้ที่เซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์นาฬิกา Federer มีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งยังต้องเป็นดาราชั้นนำที่พูดถึงและค่าตัวแพงระดับโลก เมื่อเอาเจียงเซ่อมาเทียบกับคนเหล่านี้ ก็ยังถือว่าห่างไกลมากเหลือเกิน

“คุณเถา คุณเถาคะ...” เถาเฉินยังคงพึมพำ เฉินเจียวเรียกเธอหลายครั้งอย่างอดไม่ได้ แต่ราวกับเธอได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ จนเสียกริยาไปจนหมด

หลังจากเธอได้สติกลับมาเพราะเสียงของเฉินเจียว เฉินเจียวก็ถามเธออีกครั้ง

“อะไรที่เป็นไปไม่ได้เหรอคะ”

เถาเฉินไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายกับหล่อน เธอสั่งด้วยท่าทางเรียบนิ่ง

“โทรไปสืบจากลัวอ้าว ว่าการร่วมงานกันระหว่างเจียงเซ่อและ Federer เป็นการเซนต์สัญญาในฐานะตัวแทนหรือ…” เถาเฉินพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า

“หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ และสืบค่าตัวที่ได้จากงานนี้ด้วย”

เรื่องนี้เป็นความลับ หากไม่ใช่เพราะเถาเฉินถามด้วยตนเอง ลัวอ้าวไม่มีทางพูดแน่

เฉินเจียวยังคงไม่ได้สติ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าแบรนด์ Federer หมายความถึงอะไร ได้ยินเถาเฉินพูดถึงตรงนี้ เธอก็ตกตะลึง รีบส่ายหน้าทันที

“แบรนด์แอมบาสเดอร์เหรอคะ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ หล่อนอาศัยอะไรกัน” ทั้งชื่อเสียงและความเป็นผู้มีอิทธิพลในหัวเซี่ยของเถาเฉิน ล้วนมีมากกว่าเจียงเซ่อมาก เฉินเจียวไม่เชื่อ เธอหัวเราะครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่มีทาง!”