บทที่ 487 เรื่องราว
การบอกว่าเฉินหมิ่นซู ‘ไม่ค่อยมีสติ’ คือการพูดที่เบาที่สุดแล้ว ตอนนี้เธอได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ใบหน้าแดงก่ำผิดปกติ สามารถมองเห็นร่องรอยการลงมือของ ‘อีกา’ ได้ตามร่างกายเธอ
สิ่งที่หนักหนามากที่สุด ไม่ใช่บาดแผลบนร่างกายของเธอ แต่เป็นเพราะร่างกายของเธอได้รับยาเสพติดตัวใหม่จำนวนมากเข้าไป นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรอดชีวิตจากความเจ็บปวดและการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงแบบนี้มาได้
วินาทีที่เฉินจิ้งเห็นเธอ ก็แทบหมดหวัง
“หมิ่นซู”
เธอกำลังคลานอยู่ในคุกแคบๆ ที่คนกลุ่มนั้นใช้ลงโทษนักโทษ ตอนที่ถูกหมอเคลื่อนย้ายออกมา บาดแผลตรงข้อมือก็เริ่มเน่าจนมีหนอนแล้ว ต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
พยาบาลกำลังปฐมพยาบาลให้เธอ บางทีเธออาจจะรอดชีวิต แต่ท้ายที่สุดจะต้องถูกยาเสพติดเข้าครอบงำ
นักวิชาการที่เข้าร่วมภารกิจอธิบายว่า หลังจากได้รับสารเสพติดชนิดนี้จะเจ็บปวดและทรมานจนยากที่จะทานทน
เฉินจิ้งแทบจะควบคุมความเจ็บปวดในใจไม่ได้ เขาหันไปมองเผยอี้ เผยอี้แบกปืนไว้ สวมชุดทหาร บนร่างกายไม่เห็นบาดแผลเลยแม้แต่น้อย
“621!”
เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่เฉินหมิ่นซูต้องเจอ ทำให้เฉินจิ้งยากที่จะระงับอารมณ์เอาไว้ได้
โดยเฉพาะใบหน้าของเผยอี้ที่ไร้ซึ่งความเห็นใจและความสงสาร ยิ่งทำให้เฉินจิ้งยากที่จะทนไหว
“ทำไมบรรดาเพื่อนร่วมขบวนการในครั้งนี้ เธอสามารถหนีออกมาได้ แต่ที่เหลืออีกสี่กลับตายหนึ่ง บาดเจ็บสอง แถมหมิ่นซูยังตกอยู่ในมือของคนกลุ่มนี้อีก”
เขาตะโกนรหัสลับในการปฏิบัติภารกิจของเขาออกมา หากไม่ใช่เพราะคนหัวเซี่ยห้ามเขาเอาไว้ ตอนนี้ในโรงงาน เฉินจิ้งคงจะทนไม่ได้ที่จะมีเรื่องกับเผยอี้เสียที่นี่ด้วยซ้ำ
เฉินหมิ่นซูเป็นเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินมีลูกชายหลายคน ในรุ่นนี้ เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว คนในบ้านรักและเอ็นดูเธอราวกับเจ้าหญิง อยากจะขออะไรก็ได้สิ่งนั้น
คนที่ผู้ใหญ่ในบ้านเอ็นดูที่สุดก็คือเธอ ไม่อยากขัดใจเธอ จึงตอบตกลงให้เธอเข้าร่วมการจับคุมเอเย่นยาเสพติดในครั้งนี้ แม้รู้ว่าอันตรายมากเพียงใด แต่พวกผู้ใหญ่ก็ทนกับการออดอ้อนของเธอไม่ไหว จึงทำให้เธอได้ฉวยโอกาสในการเข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้
ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินหมิ่นซูจะมีจุดจบแบบนี้
แม้ว่าผู้ร่วมภารกิจที่มาด้วยกัน จะตายหนึ่งบาดเจ็บสอง เฉินหมิ่นซูหายตัวไป ตระกูลเฉินก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่ตอนเจอตัวเฉินหมิ่นซู เฉินจิ้งอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา
สาวน้อยที่ครอบครัวรักและเอ็นดูมากที่สุด ตอนนี้กลับต้องมาทรมานมากเพียงนี้ และเผยอี้ก็ไม่ได้ทำตามหน้าที่ในการปกป้องเธอ และยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ราวกับว่าการที่เฉินหมิ่นซูได้รับบาดเจ็บไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย
เฉินจิ้งอดทนต่อความโกรธแค้นในใจ ใบหน้าอันเหี้ยมโหดมองเฉินหมิ่นซูที่ถูกยกขึ้นรถพยาบาลไป
ตอนนี้ครอบครัวตระกูลเฉินมาถึงดอนลอนแล้ว หลังจากเสร็จจากภารกิจ เผยอี้ก็ร่วมมือเพื่อจับกุมเอเย่นค้ายาที่หนีไปได้
ตอนเผยจิ้นฮว๋ายโทรหาเขาก็ดึกแล้ว เขากำลังจะกลับไปพักที่เรือนรับรองที่ทางตำรวจจัดให้เขา แล้วเตรียมอาบน้ำเข้านอน
ตั้งแต่เข้าร่วมภารกิจ เผยอี้ก็ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางสายตาของพวกค้ายาอำมหิตเหล่านั้น ไม่มีคืนไหนที่เขาสามารถหลับสนิทลงได้ ตอนนี้ภารกิจได้เสร็จสิ้นแล้ว เขาเตรียมจะพักผ่อน และตามล่าคนร้ายต่อในวันพรุ่งนี้ จะต้องถอดรากถอนโคนคนพวกนี้ให้หมดอย่าให้เหลือ
แต่เมื่อเผยจิ้นฮว๋ายโทรมา แน่นอนว่าเขาก็ไม่สามารถพักผ่อนได้ รถยนต์เคลื่อนไปจอดหน้าที่พักชั่วคราวของเผยจิ้นฮว๋าย ทันทีที่เผยอี้ไปถึง ผลักประตูออกก็เห็นครอบครัวตระกูลเฉินหลายคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก
ที่พักของเผยจิ้นฮว๋ายในสหราชอาณาจักร เป็นบ้านของญาติฝั่งแม่ของเผยอี้ ห้องรับแขกถูกตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป ไฟด้านในสว่างสไสว ตอนที่เขาเดินเข้าไปบรรยากาศก็ค่อนข้างเงียบ
สีหน้าของตระกูลเฉินดูแย่มาก สายตาที่มองเขาแฝงความโกรธแค้น
“เผยอี้ สามีฉันและพ่อของเธอเป็นเพื่อนร่วมรบ เป็นแสมือนพี่น้องกัน หลังจากที่เธอเข้ามาในโรงเรียน ตระกูลเฉินของเราก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อเธอมาก่อน”
ผู้หญิงที่อยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินกำมือแน่น คนอื่นๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไร หล่อนก็เปิดปากเป็นคนแรก
“เธอกับหมิ่นซูของฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน และเป็นเพื่อนร่วมภารกิจในครั้งนี้ที่ควรจะช่วยเหลือกัน” ผู้หญิงคนนี้พยายามควบคุมความโกรธ พลันหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง
“แต่ว่า ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรเลย หมิ่นซูของฉันกลับอยู่ในห้องฉุกเฉิน และต้องสูญเสียมือซ้ายไป...”
เสียงของเธอเริ่มสั่น ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาแดงก่ำ พลันลุกขึ้นยืน
“ถึงขั้นโดนฉีดยาเสพติด หมอบอกว่า ชีวิตนี้เธอยากที่จะหลุดพ้นจากยาพวกนี้ได้แล้ว” เธอพูดถึงตรงนี้ ร่างกายพลันกระตุกทีหนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ฉันอยากถามเธอว่า วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กลุ่มของพวกเธอมีกันห้าคน แล้วทำไมถึงมีแค่เธอที่ไม่เป็นอะไรเลย คนอื่นๆ ล้วนเจ็บปางตาย หมิ่นซูของฉันยังไปอยู่ในมือคนร้ายอีก”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการกล่าวหาและตั้งข้อสงสัยในตัวเผยอี้ เผยจิ้นฮว๋ายขมวดคิ้ว สายตาหันมองภรรยาของตนเอง
ครั้งนี้เผยจิ้นฮว๋ายพาภรรยามาด้วย กลุ่ม ‘อีกา’ ได้ถูกกวาดล้างโดยมีเผยอี้เป็นผู้นำภารกิจ แม้เผยจิ้นฮว๋ายจะได้ข่าวว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด แต่คุณนายเผยก็ยังคงเป็นห่วงลูกชาย รวมทั้งผู้หญิงทั้งตระกูลเฉินที่มาลอนดอนเพราะเรื่องของเฉินหมิ่นซู เธอกลัวว่าครอบครัวตระกูลเฉินจะกล่าวหาลูกชายเพราะเรื่องของเฉินหมิ่นซู ส่วนสามีของเธอก็ไม่สะดวกที่จะจัดการเรื่องนี้นัก จึงต้องตามมาด้วย
ตอนนี้พอได้ยินคำพูดจากแม่ของเฉินหมิ่นซู ไม่เพียงแค่เผยจิ้นฮว๋ายที่ไม่ชอบใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณนายเผยก็หายไปจนหมดสิ้น
“คุณนายเฉิน ที่คุณพูดแบบนี้ เพราะคิดว่าหากลูกสาวคุณเป็นอะไรขึ้นมา ลูกชายฉันก็ต้องบาดเจ็บ ต้องสูญเสียจึงจะพอใจใช่ไหม”
เธอมีลูกชายเพียงแค่คนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ได้มีแค่ลูกสาวตระกูลเฉินนะที่มีค่า
พอแม่ของเฉินหมิ่นซูถูกเธอตอกกลับแบบนี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ความโกรธพลันมากขึ้นเป็นทวีคูณ
สถานการณ์ตอนนี้คือเฉินหมิ่นซูบาดเจ็บสาหัส และยังไม่พ้นขีดอันตราย แม้จะรอด แน่นอนว่าต้องมีผลข้างเคียงอันรุนแรงตามมา
เด็กสาวที่ร่าเริงและน่ารักสดใสในตอนนั้น ต้องหนีไม่พ้นจากการครอบงำของยาเสพติดไปชั่วชีวิต สูญเสียอนาคต คุณนายเผยกลับพูดเหมือนไม่มีอะไร ทำให้ครอบครัวตระกูลเฉินโกรธมาก บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ”
นางเฉินโกรธจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร รู้สึกว่าเผยอี้จองหองมากเกินไป จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกผิด ยังทำเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเองอีก
“ตอนนี้ลูกสาวฉันเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ฉันแค่ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้หรือ”
คุณนายเผยไม่สนใจคำพูดของเธอ แต่กลับลุกขึ้นและเดินไปหาลูกชาย หลังจากที่ดึงเขาเข้ามาตรวจดูเพื่อให้มั่นใจว่าเผยอี้ไม่ได้เป็นอะไร และไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ก็หันกลับไปมองนางเฉิน
“ฉันเข้าใจหัวอกของคุณดี แต่ลูกชายฉันไม่ใช่คนร้าย ถ้าคุณมีคำถาม ก็โปรดรักษามารยาทซะบ้าง!”
“คุณ...” นางเฉินทนไม่ไหว ใบหน้าเผยความโกรธออกมา
“ก็ได้” แล้วหันไปถามเผยอี้
“สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”