webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

481

บทที่ 481 โดดเด่น

ตอนที่เฝิงหนานได้ยินชื่อจ้าวจวินฮั่น ใบหน้าก็เผยความเหยียดหยามออกมา พอได้ยินเฝิงซือหย่งพูดถึงเฝิงจงเหลียงก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเย็น

“ไอ้...” หล่อนเกือบใช้สรรพนามไม่ให้เกียรติเรียกเฝิงจงเหลียงออกมาเหมือนยามปกติแล้ว แต่โชคดีที่หยุดไว้ได้ทัน เฝิงซือหย่งจึงไม่ได้ยิน

“นิสัยของคุณปู่เป็นยังไง ก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้นี่ ท่านดูถูกอาชีพของฉัน คิดว่าการที่ฉันเป็นดาราเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ท่านไม่มีทางสนใจหนังและไม่มีทางจะไปดูหรอก ขอร้องให้ช่วยไปก็เปล่าประโยชน์”

“คนที่คุณปู่รักและเอ็นดูมากที่สุดคือเธอนะ ถ้าเธอไปตื๊อหลายๆ รอบ ไม่แน่ว่าท่านอาจจะใจอ่อนก็ได้”

เฝิงซือหย่งสงสัย ทำไมคู่ปู่หลานที่เมื่อก่อนรักกันมากๆ ตอนนี้กลับเฉยชาต่อกันมากถึงเพียงนี้ และไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาคืนดีกันได้ด้วย

ในตระกูลเฝิงที่ฮ่องกง ตอนนี้เฝิงหนานกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว หลายครั้งเมื่อพ่อแม่ของเธอพูดถึงหล่อน ก็มักจะแสดงท่าทางเหลือทนออกมา

ครั้งนี้หล่อนมีเรื่องให้ช่วย พี่น้องมากมายล้วนไม่ให้ความช่วยเหลือ กลัวว่าจะถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหล่อนแล้วทำให้คุณปู่โกรธจะส่งผลกระทบต่อการแบ่งมรดกหลังจากที่เฝิงจงเหลียงเสียชีวิตไป

ที่เฝิงซือหย่งยอมมาก็เพราะเฝิงหนานและเธอรักษาความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอดและเห็นแก่มิตรภาพในอดีตก็เท่านั้น ในขณะเดียวกันเธอเองก็ไม่เชื่อว่าคุณปู่จะตัดขาดกับเฝิงหนานได้จริงๆ ทั้งสองคงกำลังมีทิฐิต่อกันก็เท่านั้น เธอเลยอยากมาเพื่อเกลี้ยกล่อม ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เฝิงจงเหลียงยอมเปิดใจก็ได้

เธอพูดด้วยความหวังดี แต่ใครจะรู้ว่าเฝิงหนานได้ยินคำนี้เข้ากลับแสดงสีหน้าไม่พอใจ

“ใจอ่อนหรือ ฉันว่าเขาแก่แล้ว สติสตังก็เลยมีปัญหามากกว่า! คนรอบตัวก็ไม่ปกติ”

คำพูดเกลี้ยกล่อมให้คืนดีกันของเฝิงซือหย่งไม่ได้ทำให้เฝิงหนานสบายใจขึ้นเลย กลับยิ่งทำให้ความแค้นทั้งเก่าและใหม่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้หล่อนแสร้งทำเป็นกตัญญูไม่ไหวจริงๆ การลงทุนในรอบต่อไปของต่งหมิงเซิง และยอดขายของหนังเรื่อง ‘Revenge’ รวมทั้งการเดินทางไปฝรั่งเศสที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยในครั้งนี้ ราวกับเป็นภูเขาใหญ่ที่ทับอกหล่อนอยู่ ตอนนี้เฝิงซือหย่งกลับพูดไม่ฟัง แล้วยังจะพูดถึงเฝิงจงเหลียงและจ้าวฉวินฮั่นให้เปลวเพลิงแห่งความโกรธของเฝิงหนานปะทุขึ้นมาอีก ทันทีที่หล่อนพูดออกไปด้วยความสะใจ ก็เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฝิงซือหย่ง

“ไม่ใช่หรอกน่า”

“ทำไมจะไม่ใช่”

เฝิงหนานกัดฟัน พยายามเก็บความโกรธในใจ เตือนตนเองอยู่เสมอว่าคนที่นั่งข้างตนเองเป็นคนในตระกูลเฝิง จึงพยายามเก็บคำก่นด่าเฝิงจงเหลียงที่กำลังจะออกจากปากกลับเข้าไปอีกครั้ง แต่ว่า แม้เธอจะสามารถเก็บคำพูดกลับไปได้ แต่เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่จริงๆ

หล่อนจึงหันไประบายความอารมณ์ใส่คนอื่น โดยพูดเบาๆ ว่า

“เธอรู้จัก คนแซ่หลิวที่อยู่กับตาแก่ไหม”

หล่อนเผยสีหน้าดูถูกออกมา เฝิงซือหย่งพยักหน้า

“รู้สิ คุณอาหลิวรับใช้คุณปู่มานานหลายปี คุณปู่เชื่อใจเขามาก” สำหรับเฝิงจงเหลียงแล้ว บางทีเสี่ยวหลิวที่คอยอยู่ข้างๆ ดูจะสนิทสนมและน่าไว้ใจกว่าหลานสาวที่ไม่ได้อยู่ข้างกายเขาอย่างพวกเธอเสียอีก

เฝิงซือหย่งสัมผัสถึงความไม่แยแสเฝิงจงเหลียงได้จากคำพูดของหล่อน จึงอดขมวดคิ้วและเกลี้ยกล่อมไม่ได้

“อีกอย่าง เธอไม่ควรทำตัวไม่เคารพคุณปู่แบบนี้นะ ถ้าให้คุณลุงใหญ่ได้ยิน อาจจะลงโทษเธอได้”

“ฉันก็ไม่ได้พูดเหลวไหลซะหน่อย” เฝิงหนานได้ยินคำพูดของเฝิงซือหย่งก็พูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “จอมปลอม แค่อ้าปากก็ชวนให้คนรังเกียจแล้ว”

หล่อนกระตุกมุมปาก ไฟในโรงหนังถูกหรี่ลง หล่อนไม่คิดจะเก็บความโกรธที่แสดงออกมาทางสายตาเลยสักนิด

“เธอรู้ไหม ครั้งที่แล้วเพื่อจะหลอกให้ฉันกลับบ้านและเลิกทำอาชีพนี้ ถึงขั้นบอกว่าฉันกำลังจะมีอันตรายเลยนะ” หล่อนนึกถึงเมื่อครั้งที่เสี่ยวหลิวโทรมา และพูดจาแปลกๆ กับหล่อน

“บอกว่าถ้าเจอปัญหาอะไร ให้ฉันกลับบ้านทันที ตาแก่นั่นจะปกป้องฉัน” พอนึกถึงเรื่องนี้ หล่อนก็โกรธขึ้นมา

“ถ้าอยากปกป้องฉันจริงๆ คงไม่ใช้วิธีต่ำๆ แบบนี้อายัติทรัพย์สินของฉัน บังคับให้ฉันเซ็นสัญญาไม่รับเงินปันผลหรอก”

เธอพูดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกำชับเฝิงซือหย่งว่า

“จริงด้วย ในบรรดาพี่น้องฉันสนิทกับเธอมากที่สุดเลยพูดเรื่องพวกนี้กับเธอ เธอก็อย่าไปฟ้องที่บ้านล่ะ”

เฝิงซือหย่งแปลกใจมาก

“อาหลิวเตือนเธอแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

“ใช่” เฝิงหนานยิ้มเยาะ

“เธอว่าเขาประสาทไหมล่ะ ฉันจะมีอันตรายอะไรได้”

หนังเริ่มขึ้นแล้ว สายตาของเฝิงหนานจับจ้องบนหน้าจอ รอบข้างมีคนนั่งอยู่ประปราย หนังเรื่อง ‘Revenge’ จะเพิ่งเข้าฉายได้ไม่นาน แต่ที่นั่งก็ยังคงไม่เต็ม

ในใจที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว หลังจากที่นินทาเสี่ยวหลิวและเฝิงจงเหลียงเสร็จแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาก และไม่คิดว่าเฝิงซือหย่งจะตอบตนเอง แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาหล่อนกลับได้ยินเฝิงซือหย่งพูดว่า

“ก็ไม่แน่นะ...”

“หืม?” หล่อนหันกลับมา เฝิงซือหย่งพูดทันทีว่า

“เมื่อก่อนเธอเคยถูกลักพาตัว เธอจำไม่ได้แล้วหรือ”

ตอนแรก เฝิงซือหย่งพูดเหมือนล้อเล่น แต่เฝิงหนานกลับเบิกตาโตและอ้าปากค้าง ท่าทางดูตกตะลึงเป็นอย่างมาก ราวกับคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกมา เฝิงซือหย่งหุบยิ้มและอุทานด้วยความอึ้งทันที

“จริงเหรอนี่ เธอจำไม่ได้จริงๆ เหรอ”

เธอไม่มีความทรงจำในอดีตให้พูดถึงเลยแม้แต่น้อย แล้วจะจำเรื่องนี้ได้ยังไงกันเล่า

เฝิงหนานคิดไม่ถึงว่า ในวัยเด็ก เจ้าของร่าง ‘เฝิงหนาน’ คนเดิมเคยโดนลักพาตัวมาก่อน

ความจริงแล้ว ที่ชวนเฝิงซือหย่งมาตี้ตูในครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยหล่อนโปรโมทหนังเรื่อง ‘Revenge’ แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ข้อมูลเช่นนี้จากปากเฝิงซือหย่ง

“ฉันจะจำไม่ได้ได้ยังไงเล่า”

หล่อนฝืนยิ้มทีหนึ่ง “แค่พูดเล่นน่ะ เพราะอยู่ดีๆ เธอก็โพล่งขึ้นมานี่ แล้วแต่ก่อนเธอก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วย”

“นั่นเป็นเพราะว่า คุณปู่ห้ามให้คนที่บ้านพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเธอ” เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องดี ตอนนั้นเรื่องราวรุนแรงมาก แต่หลังจากนั้นก็โดนเฝิงจงเหลียงปิดข่าวไป “ฉันกำลังคิดว่า ที่อาหลิวเตือนเธอ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ เธอเองระวังไว้หน่อยก็ดีนะ”

เฝิงซือหย่งไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนี้ แต่เฝิงหนานที่เป็นคนฟังกลับคิดมาก

เมื่อรู้ข่าวนี้ เฝิงหนานเองก็กระวนกระวายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าเสี่ยวหลิวพูดจามั่วซั่ว จงใจทำให้ตนเองกลัวเฉยๆ แต่ใครจะรู้ว่าเฝิงหนานเคยถูกลักพาตัวมาก่อน

สำหรับหนัง เฝิงหนานดูไปใจลอยไป คิดหาวิธีที่จะสืบเรื่องนี้จากเฝิงซือหย่ง

ตอนนี้หล่อนเพิ่งจะรู้ว่าตนเองยังรู้จักเฝิงหนานไม่มากพอ ทำให้ตนเองพลาดโอกาสหลายต่อหลายครั้ง เผยอี้ตอนนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้ก็มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

หล่อนเริ่มเสียใจกับสิ่งที่ตนเองพูดและท่าทีที่แสดงออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าเฝิงซือหย่งพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเฝิงจงเหลียงจะทำให้ความลับของตนถูกเปิดเผยหรือไม่

ในขณะเดียวกัน เพราะคำเตือนของเฝิงซือหย่ง อยู่ๆ หล่อนก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา ราวกับรอบตัวยังมีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องตัวหล่อนอยู่อย่างนั้น

ชานเมืองในกรุงลอนดอน เสียงปืนทำลายความเงียบสงบในยามค่ำคืน จากนั้นเสียงทะเลาะวิวาทก็ดังขึ้น ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ ชินชากับสถานการณ์แบบนี้เสียแล้ว ประตูหน้าต่างจึงถูกปิดสนิท ไม่มีใครกล้าออกมาดู

บริเวณนี้เป็นเขตที่ทางรัฐบาลกำหนดให้เป็นที่พักเพื่อสังคม ผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นคนยากไร้ที่มาจากตัวเมือง ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่มีมากมายหลายประเภท

เผยอี้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้มาเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว