webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

011

บทที่ 11 ลองแสดง

ในตอนที่โทนี่แต่งหน้าให้เธอเรียบร้อยแล้ว แซนดี้เองก็กำลังจะทำผมให้เธอเสร็จพอดี ในกระจกสะท้อนภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเย็นชา ริมฝีปากขาวซีด ถึงสภาพภายนอกจะดูแย่ แต่ก็ดูเป็นคนไม่ยอมใคร

"สื่ออารมณ์ได้ดีเลยนะ"

แซนดี้ที่กำลังทำผมให้เจียงเซ่ออยู่ยิ้มให้ผ่านกระจก

"แววตาของเธอก็สื่อความรู้สึกได้ดีเหมือนกัน"

คงเป็นเพราะกำลังคิดถึงเรื่องของ 'เฝิงหนาน' อยู่ เพราะมีเรื่องในใจแววตาของเธอถึงได้สื่ออารมณ์ออกมา บวกกับใบหน้าที่ถูกแต่ง มันก็คงให้ความรู้สึกอย่างที่แซนดี้บอกจริงๆ

กว่าเจียงเซ่อจะออกมาจากห้องแต่งตัวผู้ช่วยก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูหลายทีแล้ว พอเธอออกมาเขาก็ต้องตกตะลึงไปทันที เพราะเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าใหม่ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นอีกตัวละครหนึ่งทันที แต่เขาก็รีบดึงสติกลับมาแล้วออกปากเร่งเธอ

"เร็วเข้า ผู้กำกับจางรอนานแล้วนะ"

ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อเข้าไปในห้องแต่งตัวนี่มันก็ผ่านมาสิบกว่านาทีแล้ว

เวลาสิบนาทีมีค่ามากสำหรับผู้กำกับใหญ่คนนั้น ผู้ช่วยกลัวว่าจะโดนโกรธเข้าให้จริงๆ

ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อเดินออกไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว จางจิ้งอานและหลิวเย่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของบริษัทเจียงหัวอีก พวกเขาเปลี่ยนเรื่องไปคุยเกี่ยวกับบทหนังแทน

พวกเขาทั้งคู่คุยเรื่องฉากในบทกัน บรรยากาศดูดีขึ้นมาก

พอผู้ช่วยพาเธอมาถึง จางจิ้งอานก็มองเธอครู่หนึ่งแล้วสั่งออกไป

"พาเธอไปเข้าฉากดู"

ตอนแรกจางจิ้งอานคิดว่าเธออาจจะแค่เกิดมาสวย แต่พอได้เห็นเธอที่แปลงโฉมมาใหม่แล้ว ดูท่าคุณสมบัติทั่วไปก็คงไม่เลวเหมือนกัน

ช่างแต่งหน้าดึงจุดเด่นของเธอออกมาได้ดี แต่งออกมาแล้วดูเหมือนเป็นคนที่ดูดื้อรั้น ช่างเหมาะสมกับการที่จะเข้าฉากปะทะคารมกับเกาหรง

แต่ยังไงเจียงเซ่อก็ไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ ถึงเกาหรงจะไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงในวงการ แต่เขาก็ผ่านการเล่นหนังมามากมาย โดยเฉพาะบทบาทในหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ นี่ ก็คงไม่มีใครที่จะแสดงเป็นตัวร้ายได้ดีเท่าเขาอีกแล้ว

ตอนนี้จางจิ้งอานกำลังกังวลว่าเจียงเซ่อจะโดนแรงกดดันของเกาหรงจนแสดงไม่ออก เหมือนกับตัวประกอบหญิงคนนั้นที่เล่นอะไรออกมาก็ไม่รู้

เขากวักมือเรียกให้เจียงเซ่อขยับขึ้นมาหน่อยและบอกให้ผู้ช่วยเอาบทไปอธิบายให้เธอฟัง

บทพูดนี้ง่ายมาก มันก็คือบทพูดของผู้หญิงคนก่อนหน้านี้ที่เล่นกับเกาหรง แค่คำว่า ‘ถุย’ คำเดียว

แต่แน่นอนว่าสำหรับความต้องการของผู้กำกับจางจิ้งอานนั้นย่อมไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคนก่อนคงไม่โดนถ่ายใหม่ตั้งหลายรอบ และไม่ผ่านเสียที

เธอหลับตาลง ในใจคิดถึงเรื่องของ ‘เฝิงหนาน’ แล้วนึกถึงสายตาตอนที่เธอส่องกระจก เมื่อลืมตาขึ้นมา แววตาของเธอก็ไม่ได้ปิดบังไฟโทสะที่ลุกโหมอยู่ในใจอีกต่อไป

เธอไม่ใช่มืออาชีพ และก็ไม่เคยแสดงหนังมาก่อน แต่ทว่าดูจากตอนนี้แล้วเหมือนมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการแสดงของเธอเลย

จางจิ้งอานมองเธอที่มีท่าทีกำลังโกรธ ทั้งที่เป็นต่อหน้าเขา ต่อหน้าหลิงเย่และทุกๆ คนในกองถ่าย เธอก็ไม่มีอาการประหม่าออกมาให้เห็นเลยสักนิด แถมดูบทแค่ครู่เดียวก็สามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้โดดเด่นขนาดนี้แล้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินเธอต่ำไปหน่อย ดูแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่จะไม่สามารถฝึกได้

เขาคิดไปถึงสิ่งที่หลิวเย่เสนอไว้ก่อนหน้านี้ เพราะตอนแรกเขากังวลจริงๆ ว่าเจียงเซ่อจะแสดงได้ไม่ดี หากเอาไปเล่นแล้วไม่โอเค หนังที่เขาทุ่มเทกายใจในการสร้างก็คงจะพังแน่ๆ เขาถึงไม่ได้รับคำของหลิวเย่

แต่พอได้เห็นการแสดงของเจียงเซ่อแล้ว ในใจของก็เริ่มที่จะลังเล เขาเหมือนจะพูดอะไรออกไปแต่ก็กลั้นเอาไว้ก่อน

ยังไงก็ขอดูตอนที่เธอแสดงกับเกาหรงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย

ทุกคนที่กองถ่ายกลับไปประจำที่ตัวเองอีกครั้ง ตัวประกอบบางคนมองเจียงเซ่อด้วยความอิจฉา หลูเป๋าเป่าและคนอื่นๆที่ถูกมัดไว้กับเสาไม้ต่างตัวแห้งไปหมดเพราะยืนตากแดดมานาน พอได้ยินผู้ช่วยบอกว่ากำลังจะเริ่มถ่ายใหม่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เกาหรงที่แสดงเป็นตัวร้ายนั้น เขาเป็นดาราอาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ในวงการบันเทิงมานาน ตัวประกอบตรงหน้าเขาถูกเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว จากใบหน้าเฉยเมยของเขาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าแสนดุร้าย คิ้วขมวดแน่นดูถมึงทึง

“หากว่า…” เขาพูดถึงตรงนี้แล้วเว้นไว้ครู่หนึ่ง ฟังแล้วรู้สึกกดดันไม่น้อย

“โจวหมิงฉงไม่ส่งของสิ่งนั้นมาแล้วล่ะก็ พวกแกทั้งหมดจะต้องตาย!” ไม่รู้หรอกว่าตัวประกอบสาวคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ได้แสดงกับเกาหรง แต่เจียงเซ่อที่ได้เล่นบทนี้กับเขาแล้วเธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้ยืนอยู่ตรงหน้าผู้รุกรานที่แสนน่ากลัวและกำลังจ้องเอาชีวิตเธอจริงๆ เธอจ้องเกาหรงอย่างเอาเป็นเอาตาย ขอบตาของเธอเริ่มแดงขึ้น

กล้องถูกเลื่อนให้เข้าไปใกล้เธออีกขึ้นอีกนิด ท่าทางและอารมณ์ของเธอถูกถ่ายทอดผ่านกล้องมาเรื่อยๆ

เธอดุนแก้มตัวเอง สายตาที่สื่อออกมาเป็นคนที่ดูหัวแข็งและกำลังโกรธเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ แต่เธอกลับแสดงอารมณ์และความรู้สึกออกมาได้ว่าเธอจะไม่ยอมศิโรราบต่อพวกกบฏเด็ดขาด และจะไม่ยอมให้พวกมันดูถูก

“ถุย!” ตอนที่เธอเป็นเผิงหนาน เธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีและไม่เคยสักครั้งที่จะพูดคําแบบนี้ออกมา

เธอโยกตัวไปข้างหน้าตอนที่พูดบทขึ้น เธออยากจะใช้ภาษากายในการสื่ออารมณ์ให้ดูสมจริงมากขึ้น และนั่นก็ทำให้คนที่ได้เห็นเกิดความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

แรงบันดาลใจของเธอได้มาจากตอนที่เธอได้ไปทานข้าวกับทายาทบริษัทเจียงหัว ทายาทคนนั้นเห็นครั้งแรกก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่ชอบบงการคนอื่น ทุกครั้งที่เขาคุยกับเธอก็มักจะเผลอแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา และนั่นทำให้เธอรู้สึกกดดันจริงๆ

การที่เธอทำท่าทางแบบนั้นมันทำให้ได้ใจจางจิ้งอานไปไม่น้อย

หลังจอมอนิเตอร์นั่น การแสดงของเจียงเซ่ออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา เขาพยักหน้ายิ้ม ดูก็รู้ว่าเขาพอใจมากแค่ไหน

เกาหรงลูบหน้าอย่างเหลืออด เขาลดมีดลงแล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะหันไปสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงเลือดเย็น

“ฆ่าพวกมันให้หมด!”

พอเขาพูดประโยคนั้นจบ จางจิ้งอานที่นั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์ก็ยกนิ้วขึ้นให้สัญญาณว่า โอเค แสดงว่าฉากนี้ผ่านไปได้ภายในเทคเดียวเท่านั้น

ช่างแต่งหน้ารีบลงสนามและเข้าไปเติมหน้าให้เจียงเซ่อที่โดนมัดอยู่ ทันที่ใส่ห่อเอฟเฟคและรอผู้ดูแลเช็คอาวุธปืนเรียบร้อยแล้ว การถ่ายทำก็ดำเนินต่อ เสียงปืนดังขึ้น เจียงเซ่อหลุดเสียงร้องออกมาทีหนึ่งก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงกับพื้น

แต่ซีนของเธอไม่ต้องการอารมณ์โกรธอีกจึงโดนถ่ายใหม่

ผู้ช่วยเข้าไปอธิบายให้เธอฟังอีกครั้ง

“พอถุงเอฟเฟคระเบิดออก นอกจากสีหน้าเจ็บปวดแล้วเธอต้องทำท่าล้มตัวลงด้วยนะ” เขาถือม้วนกระดาษที่เป็นบทหนังมาให้เธอดู

“ในเรื่องนี้เธอแสดงเป็นสาวใช้ที่เคยได้รับความเมตตาจากตระกูลโจวเป็นอย่างมาก เธอจะต้องยอมตายและไม่ยอมที่จะทรยศหักหลังต่อโจวหมิงฉงเด็ดขาด”

เวลามีไม่มากนัก เขารีบอธิบายตัวละครที่เธอกำลังแสดงอย่างเร่งรีบก่อนจะชี้ไปที่เธอแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

“แสดงดีๆ ล่ะเ อาใหม่อีกรอบนะ”

เธอหลับตาและพยักหน้ารับ เธอเริ่มจินตนาการว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในหนังที่แม้แต่ชื่อเรียกของตัวละครก็ไม่มีด้วยซ้ำจินตนาการว่าตัวเองนั้นได้รับความเมตตาจากตระกูลโจวมานาน ในครั้งที่โจวหมิงฉงโดนพวกรุกรานล้อมเอาไว้และบีบบังคับให้คนใช้ของตระกูลโจวบอกออกมาว่าโจวหมิงฉงอยู่ที่ไหน เธอจะต้องแสดงบทสาวใช้ที่ต้องดิ้นรนและทุ่มเททุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณ เธอเด็ดเดี่ยวไม่แพ้บุรุษเพศเลย

พอเธอจับอารมณ์ของตัวละครได้แล้วก็พยักหน้าให้ผู้ช่วย เริ่มถ่ายใหม่ หลังจากที่เจียงเซ่อ ‘ถูกยิง’ เธอก็กระตุกขึ้นทีหนึ่ง แสดงท่าทางว่ากำลังก้มมองหน้าอกตัวเองอย่างลำบาก เลือดพุ่งกระเซ็นไปโดนแก้มและคางของเธอ ดูงดงามสะดุดตาเป็นพิเศษ