webnovel

สวนทางสวรรค์ พลิกโลกา

สวนทางสวรรค์ พลิกโลกา จะกล่าวถึงโลกของมหาพิภพหวนตี๋ที่กว้างใหญ่ไพศาล ภายในโลกอันพิศดารนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า จอมยุทธ์ หรือ เทพเซียน มีแต่เพียงผู้วิเศษที่โลดแล่นอยู่ในโลกใบนี้มานานนับหมื่นนับแสนปี ท่ามกลางการคงอยู่ของเหล่าผู้วิเศษในตำนานที่สามารถเขย่าฟ้าสะเทือนแผ่นดินนั่น มีเด็กหนุ่มอัจฉริยะจากตระกูลมู่ ตระกูลเล็กๆที่แดนใต้ของทวีป เขามีนามว่า "มู่อิ่งเทียน"ผู้ไม่สนใจในการฝึกตนและกฏเกณฑ์ ทว่าเพราะการลอบสังหารน้องขายของเขา ก็ทำให้มู่อิ้งเทียนต้องเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางของการเป็นผู้วิเศษ เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเส้นทางนั่นเขาจะต้องกลายเป็น"มารร้าย" ก็ตาม

kintsrou_crusader · Eastern
Not enough ratings
14 Chs

ตอนที่ 11 เคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิด

"เคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิดงั้นรึ?"

มู่อิ้งเทียนทวนคำช้าๆเพราะตั้งแต่เกิดมามันก็ไม่เคยได้ยินเคล็ดวิชานี่มาก่อนในชีวิต

ดวงตาของชายชรายังคงสว่างวาบ กล่าวอธิบายอย่างชัดเจนว่า

"เคล็ดวิชานี่อาจจะเรียกได้ว่าวิชามารได้ไม่เต็มปาก ทว่าเพราะคนที่จะฝึกเคล็ดวิชานี่ได้ต้องมีโชคผูกกับธาตุน้ำอย่างแท้จริงเช่นเจ้าถึงจะฝึกได้อีกทั้งยังมีความเป็นมาที่ไม่ชัดเจน แต่ตามบันทึกที่ข้าได้ยินมากล่าวเอาไว้ว่านี่คือหนึ่งในสี่ยอดวิชาของเผ่ามารนับตั้งแต่โบราณ!"

ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึกกล่าวว่า

"ข้าบังเอิญได้มีโชควาสนาได้รับวิชานี้มาโดยบังเอิญ แต่จนแล้วจนรอดข้าก็ไม่สามารถหาตัวผู้สืบทอดเคล็ดวิชาอภินิหารนี่ขึ้นมาได้ ทว่าเจ้ากลับตรงตามเงื่อนไขของมันอย่างยิ่ง"

มู่อิ้งเทียนได้ฟังก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ดูจากที่ได้ยินเคล็ดวิชานี้คงจะต้องเป็นเคล็ดวิชาที่ยิ่งใหญ่แน่นอน

อีกอย่างหนึ่งคือตัวของมันไม่เคยฝึกเคล็ดวิชาสวรรค์มาก่อนในชีวิต การจะรับเอาเคล็ดวิชาอื่นถือว่าเป็นโชควาสนาตกหล่นจริงๆ

"เจ้าพร้อมหรือไม่"

ชายชราถามย้ำ มู่อิ้งเทียนยิ้มขมขืนเมื่อคิดว่าคงไม่มีทางออกอีกแล้วจึงพยักหน้าตกลง

ชายชราเห็นมันไม่แสดงทีท่าปฏิเวธอีกดูท่าคงจะสนใจเคล็ดวิชานี้ไม่มากก็น้อย จึงยิ้มเบาบางกล่าวเคล็ดวิชาที่ไร้ระดับนี่ออกมาอย่างช้าๆถัดถ้อยชัดคำ

เคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิดจะว่ายาวก็ไม่ยาวจะว่าสั้นก็ไม่สั้น แต่ทุกคำที่ถูกตีแผ่ลงในสมองของมู่อิ้งเทียนล้วนแต่เป็นความหมายที่ไม่ค่อยใจได้ในทีแรก

ชายชรากล่าวเคล็ดวิชานี้จบลงประมาณห้าพันคำก่อนจะถามไปที่มู่อิ่งเทียนว่า

"เจ้าจำได้หรือไม่"

มุ่อิ้งเทียนตกอยู่ในความคิดตนเอง แต่มันก็พยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ

"จำได้หมดแล้ว"

ชายชราอึ้งไปกล่าวว่า

"เจ้าถึงกลับจำมันทั้งหมดได้ในรอบเดียว"

เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบอีกครั้ง แต่ชายชราไม่เชื่อแววตาฉาบไปด้วยความเคลือบแครงคิดที่จะทดสอบมันจึงกล่าวว่า

"เช่นนั้นลองท่องมันให้ข้าฟังอีกรอบ"

มู่อิ้งเทียนจึงกล่าวบทที่ชายชราเคยพูดออกมาเพียงใช้เวลาหนึ่งก้านธูปก็กล่าวจนจบ ถึงคำสุดท้ายเมื่อมู่อิ้งเทียนมองใบหน้าของชายชราตรงหน้าก็พบว่าใบหน้าของมันบัดนี้มีสีหน้าตกตะลึงชัดเจน จนมันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหรือว่าตนเองทำอะไรผิดไปอีกแล้ว

ชายชรายามนี้ต้องตกตะลึงอย่างแท้จริงเมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า

เคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิดคือเคล็ดวิชาจักรวาลที่ตกทอดมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังไร้ระดับเพราะไม่มีใครสามารถฝึกได้หากร่างกายไม่ได้อยู่ในขั้นบริสุทธิ์สูงสุด กระทั้งตัวมันเมื่อยามที่ท่องจำเคล็ดวิชานี้ ยังต้องใช้เวลายาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็มถึงจะท่องจำคำศัพท์โบราณได้อย่างขึ้นใจ

แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็สามารถจดจำเคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิดเอาไว้ได้

ยามนี้ชายชรามีสีหน้าตื่นเต้นอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดว่าตนเองจะจับอัฉริยะฟ้าประทานคนหึ่งมาได้อย่างบังเอิญ

ดูท่าสวรรค์จะมีตาแล้ว!

"เจ้าลองรีบขับเคลื่อนเคล็ดวิชาด้วยสิ่งที่ได้ฟังไปเมื่อครู่ ไม่ต้องห่วงการฝึกเคล็ดวิชาจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บในร่างของเจ้าไปด้วย"

มู้อิ้งเทียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าก่อนที่จะขยับมานั่งสมาธิอย่างช้าๆปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ในหัวตีอักษรนับพันคำเมื่อครู่ แยกออกมาเป็นส่วนๆ

ส่วนชายชราก็นั่งมองมันอย่างเงียบ รอดูผลของเคล็ดวิชานี้ แม้นว่าจะผิดพลาดแค่เปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชามารอย่างอื่น

แต่ตอนนี้ในใจของเฒ่ามารคนนี้ถึงกลับมีความหวังอยู่หลายส่วนอย่างไร้สาเหตุ!

ทักษะวารีต้นกำเนิด ทักษะที่ไม่รู้ระดับ ไม่มีใครรู้ว่ามันถือกำเนิดมาตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่ตัวมันเองเองก็ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงแต่ว่ามันคือสิ่งที่สามารถพลิกฟ้า ผนึกสวรรค์ได้หากฝึกฝนจนสามารถคุมซะตาฟ้าดิน

จะฝึกอภินิหารวิชานี้ได้ทั้งกายและใจต้องผสานเป็นหนึ่งเดียว ไม่เพียงแต่การคุมตบะ แต่รวมถึงจิตใจของผู้ฝึกเองต้องไร้ความคาดหวัง อีกทั้งกายยังต้องเปิดจุดแบบมารเดรัจฉาน โดยปกติคนทั่วไปจะมีจุดชีพจร108จุด แต่ถ้าเป็นแบบมารจะมี110จุด ทว่าลมปราณที่เข้าไปในร่างจะปนเปื้อนไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากต้องชักนำลมปราณธรรมชาติ เข้าจุดตันเทียนโดยตรง โดยไม่ผ่านการกักเก็บของจุดตันเทียน โดยเฉพาะ จุดเทียนทู จุดเทียนฝู่ จื่อกง

สามจุดสำคัญนี่ส่งผลต่อการดูดพลังปราณเข้ามามาก หากควบคุมไม่ดีพอก็อาจจะกลายเป็นมารได้อย่างรวดเร็ว

เช่นนั้นเองเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน คัมภีร์พลิกโลกา จึงถูกผู้คนทั้งโลกเรียกขานว่า เดรัจฉานวิชา เพราะความสามารถของมัน คือการ สวนทางสวรรค์ พลิกโลกา!

กาลเวลาไหลไปข้างหน้าเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดมิดที่มีแสงไฟส่องสว่างดวงเล็ก ฉาบผ่านใบหน้าครึ่งหนึ่งของมู่อิ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิอย่างสงบ ทำให้มันมีทีท่าเหมือนพระพุทธรูปในวัดวาอาราม ที่นิ่งเงียบไม่ไหวติง

ในหัวของมู่อิ่งเทียนตีความเคล็ดวิชานี้ออกมาเป็นพันๆส่วน มันผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า นับหมื่นครั้ง ทุกครั้งต้องเจ็บปวดเกินทานทน คล้ายร่างจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ หนึ่งวันร่างของมันสั่นสะท้านนับร้อยครั้ง หากไม่มีพลังอันเย็นสบายสายหนึ่งที่ส่งผ่านมาจากร่างของเฒ่ามารช่วยคอยช่วยประคองชีวิต มู่อิ่งเทียนคงต้องตกตายไปแล้วนับพันครั้งเห็นจะได้

แลเห็นว่าเนื้อตัวของเด็กหนุ่ท บัดนี้ ผิวกลายเป็นหยาบโลนตะปุ่มตะป่ำ คล้ายคางคกน่ารังเกียจ ผมเผ้ากลายเป็นสีดำดุจหมึก ความผันผวนสีดำแผ่ออกมารอบตัวกลืนกลืนแสงสีครามสิ้นไปหลายครั้ง แม้แต่ใบหน้าของมันก็ยังเกิดรอยแตกสีแดงเหมืแนดินโคลนที่แห้งแล้ง หากมีใครมาเห็นก็ต้องบอกว่ามันคือภูติผีปีศาจไม่ใช่คน ทารกเห็นยังต้องร่ำให้

สภาพกายนี่เรียกว่า ร่างกึ่งมาร หากผิดพลาดไปซักนิดเดียวจะกลายเป็นมารเดรัจฉานเต็มตัว เคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิดจึงอันตรายยิ่งยวด หากพลาดเพียงนิดเดียวจะถูกไอมารคุมสติ กลายเป็นเดรัจฉานในร่างมนุษย์ไม่เหลือสติสัมปชัญญะ ถึงใจอยากจะตายก็ทำไม่ได้ อยากจะอยู่ก็ไม่ได้

ทว่า อภินิหารวิชาวารีต้นกำเนิด แม้จะชักไอมารเข้าสู่กายผู้ฝึก แต่เคล็ดวิชาก็สามารถชำระไอมารนั้นออกไปได้เช่นกัน อธิบายอย่างง่าย คนปกติเหมือนกับภาชนะ ปราณธรรมชาติเหมือนสายน้ำ แต่สายน้ำนั้นหากไม่ผ่านการกรองก็ไม่สามารถนำมาใช้สอยได้ เพราะสิ่งปนเปื้อน เช่นนั้นจุดตันเทียนของมนุษย์ก็คือเครื่องกรองสิ่งสกปรกเหล่านั้น ชักพาสายน้ำมากักเก็บ

กลับกัน หากมีมนุษย์คนใดไม่กรองสิ่งสกปรกเหล่านั้น ร่างก็จะแปดเปื้อนมลทิน กลายเป็นมารไป แต่ทว่ามารเองก็แบ่งออกเป็นสองจำพวก หนึ่งคือมารบริสุทธิ์ สองคือมารเดรัจฉาน

มารเดรัจฉานคือ ผู้ฝึกตนที่พยายามคิดค้นวิชาดูดซับพลังธรรมชาติเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งแบบสวนทางสวรรค์ จนแตกดับถูกกลืนกินจนสิ้นสติสัมปชัญญะ จิตกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไป พวกนี้จะแยกออกเป็นหลายจำพวก และกลายเป็นศัตรูต่อคนทั้งโลก

ส่วน มารบริสุทธิ์คือมนุษย์พวกหนึ่ง พวกมันมีร่างที่เสมือนสามารถทนทานสิ่งสกปรกจากปราณธรรมชาติปรับมาใช้สอยได้อย่างง่ายดาย อีกทั้ง พวกมันยังสามารถคุมสติความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ ร่างกายเองยังแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า เพราะสามารถดูดซับพลังธรรมชาติได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยจุดตันเทียนกักเก็บ พวกเหล่านักพรตมากมายต่างรังเกียจมารชนิดนี้ อาจจะเป็นเพราะพรสวรรค์กำเนิดพวกมัน หรือว่าจะเพราะหวาดกลัวพวกมันอย่างลึกล้ำก็ตามแต่ ทั้งสองเผ่าพันธุ์ มนุษย์และมาร ต่างเป็นศัตรูกันตั้งแต่โบราณกาล

มาตรว่า ผู้ใดก็ตามที่พบเห็นเหล่าหมู่มาร แม้จะเป็นมารกก็ต้องทำลายสิ้น ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้

เพราะเหตุนี้เคล็ดอภินิหารวิชา วารีต้นกำเนิด อย่างที่กล่าวไปตอนแรก จุดตันเทียนของมนุษย์คือสิ่งกรองไอมารรอบตัว ทำให้ปกติผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมมะไม่กลายเป็นมารไป

ทว่า เคล็ดวิชาวารีต้นกำเนิดนี้กลับเป็นวิชาที่ดูดปราณธรรมชาติโดยตรงเช่นเดียวกับวิชามาร หากแต่ วิชานี้สามารถสร้างวังวนอีกขั้นหนึ่งกรองสิ่งสกปรกจากภายใน หรือก็คือเป็นการนำเอาปราณร้ายเข้าร่างโดยตรงก่อนจะชำระล้างอวัยวะทั้งห้าภายในร่าง ก่อเกิดเป็นวังวนแปลกแยกและสวนทางสวรรค์ หากผิดพลาดไปซักเสี้ยว จิตจะถูกกลืนกินจนกลายเป็นมาร

จึงเรียกได้ว่านี่คือวิชากึ่งมารที่แท้จริง แต่หากฝึกสำเร็จ จะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงานธรรมชาติมากกว่าผู้ใดและยังสามารถดูดซับพลังตบะรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะเหตุผลนี้เมื่อหมื่นปีก่อน แม้จะเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์ภายใต้ชื่อคัมภีร์ล้างโลกา ก็ต้องปลุกเอาความละโมบต่อคนทั้งโลก

แต่มีสิ่งหนึ่งที่จำเป็นคือคนที่ฝึกฝนวิชาแขนงนี้ต้องทำลายเส้นลมปราณฝึกใหม่แต่ต้น ไม่อย่างนั้นปราณที่เข้าไปจะผสมปนเปแปดเปื้อน ถึงขั้นทำลายเส้นลมปราณเก่าได้ อีกทั้งร่างต้องมีธาตุหลักคือวารี เพราะส่วนสำคัญคือการชำระล้าง หากเป็นเพลิง วายุ จะไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ ไม่อาจจะฝึกฝนได้ แสนปีก่อนผู้มากพรสวรรค์มากมายไม่รู้กฏของวิชาอันนี้ ต่างต้องตายเปล่า

ทว่าหากเป็นมู่อิ่งเทียนที่มีร่างบริสุทธิ์ของธาตุน้ำอย่างยิ่งนี้ กลับเป็นข้อยกเว้น!

มองลึกลงไป เส้นเลือดของมันบัดนี้ฉูบฉีดราวกระแสของสายน้ำ ภายในร่างพบว่าจุดตันเทียนที่หากเป็นของคนปกติจะมีรูปร่างเป็นวงกลมคล้ายห่อเลือดธรรมดา ทว่าจุดตันเทียนของมู่อิ่งเทียนกลับแตกต่างออกไปรูปร่างของมันคล้ายกับมัจฉาตัวหนึ่ง บัดนี้เริ่มส่องสว่างสีคราม มองเห็นว่าคล้ายกับมีสิ่งมีชีวิตสองตัวกำลังก่อเกิดออกมา เป็นหัวสองหัวแย่งกันกินปราณธรรมชาติเข้าไป แม้แต่ไอมารก็ไม่เว้น ปากกู่ก้องคำราม มันคือรูปร่างของเต่าและมังกร! ขนาดยาวเพียงไส้เดือนแต่กลับงดงามดุร้ายอย่างยิ่ง

กึก กึก กึก

เสียงกระดูกลั่นออกมาจากร่างของมู่อิ่งเทียน คล้ายกับร่างของมันจะระเบิดออกมาทันใดนั่น ดวงตาที่ปิดอยู่ของมู่อิ่งเทียนก็เปิดออก แววตาที่เคยดำสนิทมืดมิดยามนี้กลับเปล่งประกายเป็นสีความทมิฬราวห้วงมหาสมุทรลึกล้ำ

นี่คือเครื่องหมายที่ว่าเด็กตรงหน้าสามารถกำเคล็ดวิชานี้ได้จนสำเร็จแล้ว!

ชายชราก็พลันสั่นสะท้านออกมาจากใจจริง

เด็กคนนี้ถึงขั้นที่สามารถฝึกวิชานี้ได้สำเร็จโดยง่าย

นี่ไม่เรียกว่าอัจฉริยะ แต่นี่คือสัตว์ประหลาดโดยแท้

เด็กคนนี้ถึงกลับสามารถฝึกวิชาในตำนานนี่ได้เพียงไม่ถึงสามชั่วยาม!

ซ่าาาาา!

มู่อิ้งเทียนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ สีหน้าของมันในตอนนี้เปล่งประกายอย่างน่าเหลือเชื่อดูไม่เหมือนร่างของคนที่พึ่งบาดเจ็บสาหัสมาไม่นานอย่างไรอย่างนั่น

สมกับเป็นเคล็ดวิชาโบราณ ถึงขั้นสามารถดึงพลังธรรมชาติมาใช้ได้โดยตรง พลังสายน้ำที่บริสุทธิ์ในร่างของมันตอนนี้มีพลังรักษาตัวเองอย่างน่าเหลือเชื่อ

มู่อิ่งเทียนยิ้มอย่างยินดียิ่ง นี่นับได้ว่าเป็นสุดยอดวิชาอย่างแท้จริง!